ทันทีที่ได้ยินชื่อ เกาะพระทอง ผมรีบออกปากขอร่วมทาง

เกือบชั่วโมงบนเรือหางยาวจากคุระบุรีไปสู่จุดหมาย เกาะที่หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ แต่ถ้าถามว่าเคยไปไหม หลายๆ คนคงตอบว่าไม่ รวมทั้งผมที่ผ่านไปผ่านมาเกาะนี้อยู่หลายปี แต่ไม่เคยได้เหยียบย่ำผืนทรายบนเกาะ

เรือค่อยๆ ผ่านเกาะระ ที่มองผ่านก็รู้สึกได้ถึงความดิบ แปบเดียวเราก็ผ่านร่องน้ำที่แยกสองเกาะจากกัน มองจากนอกทะเล พระทองคือเกาะราบๆ ยาวๆ เรือจอดเทียบท่า รถกระบะโกแดงมารับช่วงต่อ ทางคอนกรีตแคบๆ สองข้างเต็มไปด้วยดงต้นมะม่วงหิมพานต์

ไปได้สักแปบ รถเราเปลี่ยนเป็นอีแต๊กเข้าป่า ดูไฮไลท์ของเกาะพระทอง

จากป่าชายหาด ค่อยๆ เปลี่ยนทุ่งหญ้ากว้างๆ แซมด้วยต้นเสม็ดเปลือกขาว ที่มีลำต้นรูปทรงแปลกๆ แตกต่างกัน ดูเหมือนไม้ดัดโดนทิ้ง ปล่อยให้มีทรงอิสระตามธรรมชาติบนพื้นหลังสีน้ำตาลของทุ่งหญ้า รอยรถวิ่งสีขาวบนพื้นทรายลากยาวเป็นเส้นนำสายตาสู่ทุ่งหญ้าสะวันนาสุดลูกตา

ตาม คนขับอีแต๊ก บอกพวกเราว่า เกาะพระทองมีขนาดใหญ่อันดับ 5 ของไทย ที่ที่เราจอดครั้งแรกคือจุดกึ่งกลางของเกาะ ช่วงหน้าฝนบริเวณนี้มีน้ำท่วมขัง เหมาะสำหรับการพายแคนูชมป่า

แม้ช่วงนี้อากาศจะร้อนจัด บึงน้ำจีดกลางเกาะแห้งขอด ผมยังเห็นความหลากหลายของพืชพันธ์ุ กลางผืนทรายละเอียดมีต้นหยาดน้ำค้างๆ เล็กๆ ทั่วไป สูงมาหน่อยเจอต้นหญ้า ดอกไม้ดินบ้าง บนคาคบเต็มไปด้วยกล้วยไม้ เสียงร้องของนกพอให้ฟังออกว่ามีหลายชนิดอาศัย

แค่ครึ่งวันในทุ่งสะวันนา เพราะความเงียบและสวยงามตรงนี้ยิ่งทำให้ผมอยากอยู่ต่อ และอยากกลับมาในฤดูที่แตกต่าง ทุกคนก็เห็นตรงกันแบบนี้

ตามพาเราออกจากป่า โกแดงพาเราแวะทักทายลุงฉุย และทำความรู้จักกับกวางลุงฉุย กวางป่าที่เชื่องยังกับหมา ลุงบอกว่าแกช่วยมันมาตั้งแต่เล็กๆ ให้รอดตายจากปากหมา

เย็นนี้เราไปลาพระอาทิตย์ดวงโตที่หน้าสุดขอบฟ้ารีสอร์ท ท่ามกลางเสียงคลื่น เสียงพูดคุยของพวกเรา ผมรู้สึกว่าหลายอย่างในธรรมชาติกำลังสื่อสารกันด้วยความเงียบ

-2-

เจ็ดโมงเช้าผมโบกมือลาเพื่อนร่วมทางที่ต้องไปต่อ หลังจากพยายามเปลี่ยนจุดหมายจากเกาะสุรินทร์ให้เป็นเกาะพระทอง แต่ไม่สำเร็จ

ผมยืนมองเรือหางยาวที่ค่อยๆ ไกลออกไป เหลือไว้แค่น้ำทะเลราบเรียบราวกระดาษ

มือกระชับกล้องติดเลนส์เทเลพาตัวเองเดินเลียบโค้งเว้าชายหาดรูปเลขสาม ที่มีแนวสนต้นโย่งขึ้นตามแนวยาวของหาด ทรายไม่ถึงกับละเอียดมาก ยังมีสีโคลนปะปนอยู่บ้าง ความเงียบสงบคือเสน่ห์ของที่นี่ที่มัดใจผมให้อยู่ต่อ

ผมเลือกที่จะอยู่กับความเงียบ ฟังเสียงคลื่น นานๆ จะมีเสียงเรือบ้าง เสียงนกหลายชนิดแว่วผ่านกิ่งสนเหนือหัว ที่เด็ดกว่านั้นแย้สองสามตัวมาวิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ แค่แถวๆ บันไดห้องพัก หลังเที่ยงนิดหน่อยผมได้ยินเสียงกระพือปีก พั่บ พั่บ พร้อมกับการเผยตัวของเจ้าของเสียง นกแก๊กร่อนลงอกาะกิ่งสนหน้าบ้าน ผมทักทายมันด้วยเสียงชัตเตอร์ แต่เรายังห่างไกลกันเกิน

บ่ายสามกว่าๆ ผมแบกเป้กล้องเดินออกไปตามทางรถ รู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้อง อยู่ แกล้งชำเลียงมองแต่ไม่เจอ เดินต่อ ขณะที่ใจกำลังจดจ่ออยู่ที่สองข้างทาง บนกิ่งสนด้านซ้าย นกขนาดไม่เล็กโผบินแวบๆ จากต้นนี้ไปอีกต้นเหมือนจงใจตาม ผมดีใจที่เห็นนกแก๊กอีกครั้ง ไม่แน่ใจว่าเป็นตัวเดิมที่เราเจอกันเมื่อเที่ยงหรือเปล่า แต่เหมือนผมกลายเป็นคำถามให้มันอยากรู้ ผมเดิน มันบิน เว้นระยะประมาณใกล้ๆ ผมพยายามเข้าประชิดในขณะที่มันเกาะ เอียงคอมอง เหมือนกำลังอยากทำความรู้จัก แต่ยังระแวงในคราวเดียวกัน ผมพยายามใกล้ในขณะที่มันคงระยะห่างเท่าเดิม

หลังจากนั้นเราก็แยกกัน ผมเป็นฝ่ายไปต่อ แวะทักทายกวางลุงฉุย วันนี้แกไม่ล่าม มันเดินตามผมไปจนถึงหาด ผมเตร่ๆ รอพระอาทิตย์ตก เสียดายท้องฟ้าไม่ใสเหมือนเมื่อวาน พระอาทิตย์เลยจากไปอย่างอายๆ

“ไปขึ้นรถ พาเที่ยวฝั่งโน้น” ผมขึ้นกะบะหลังรถตามคำบอกของโกแดง แปบเดียวไปโผล่ตรงสุดหาดหัวเกาะพระทอง เกาะระตรงหน้าเหมือนจะว่ายน้ำข้ามได้ โกแดงบอกว่า ตรงนี้จะมีทะเลแหวกยาวๆ ช่วงน้ำลง ถ้าได้ดูพระอาทิตย์ตกที่นี่ สวยงามอย่าบอกใคร

วันนี้ผมอยู่กับเสน่ห์ของพระทองได้อย่างไม่เหงาและโดดเดี่ยว

-3-

ลุงเทพดับเครื่องเรือเมล์ ทิ้งให้ผู้โดยสาร 7 คน คุยกันตามอัธยาศัย ผมนั่งฟังเงียบๆ ได้ความว่า น้ำตื้นเกินจะเอาเรือไปจอดที่ท่าได้ ต้องรอน้ำขึ้น 20-30 นาที เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ลุงเทพสตาร์ทเครื่องเรือพยายามไปต่อ แต่เหมือนเดิม จนพี่ผู้หญิงและผู้ชายบนเรือตัดสินใจเก็บกระเป๋า กระโดดลงจากขอบเรือ

“เดินไปดีกว่านิดเดียวเอง” ผมทำตาม พื้นคลองไม่ได้มีโคลนอย่างที่คิด เดินออกมาเรื่อยๆ น้ำค่อยๆ ตื้นขึ้น ไม่กี่นาทีถึงท่าเรือ

ผมเคยได้ยินแต่รถทิ้งผู้โดยสารก่อนถึงปลายทาง วันนี้พวกเราทิ้งเรือก่อนถึงท่า ชีวิตของคนที่นี่ยังเป็นไปตามธรรมชาติ เรียบง่าย ความสุขคนเราก็อยู่แค่นี้แหละ

ในธรรมชาติ

The way : ถ้าขาเที่ยวงบน้อย ไปกลับด้วยเรือเมล์ คนละ 60 บาท ท่าเรือบ้านบางแดด เรือวันละเที่ยว ออกจากเกาะ 8.00 น. และออกจากฝั่ง 11.00 น. แต่ต้องเผื่อเวลาไว้หน่อย บางครั้งการเข้าเทียบเรือที่บ้านบางแดดต้องอาศัยระดับน้ำ

ถ้าเรือเหมาลำละ 1500 บาท เวลาไปกลับแล้วแต่สะดวก

ดำน้ำเกาะระ เกาะปลิง 9-11 ค่ำ

traveltrap

 วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 11.55 น.

ความคิดเห็น