รีวิวนี้เป็นรีวิวที่ผมเสียเงินเองทั้งหมด ไม่มีสปอนเซอร์ใดๆทั้งสิ้น และเขียนออกมาด้วยความรู้สึกของตัวผมเองล้วนๆ ข้อมูลผิดพลาดประการใด ขออภัยล่วงหน้าก่อนเลยนะครับ หากท่านใดอยากดูรูปเต็มๆชนิดแบบว่าทุก shot ให้ท่านเข้าไปดูได้ที่ https://www.facebook.com/littleduckinthefog

หายห่าง ห่างหายกันไปนานสำหรับรีวิวของตัวผมเอง เอาละ !!! ได้เวลาเปิดคอมมารีวิวอวดรูปเอาแล้วล่ะ มาทริปนี้ผมจะพาทุกท่านไปเที่ยวไหนกันดี เอาแบบสั้นๆง่ายๆ กะทัดรัด ไม่ต้องอ่านกันเยอะ

ผมเดินทางโดยสารการบิน Japan Airline ไปลงที่ท่าอากาศยาน Chubu ที่เมือง Nagoya ซึ่งครั้งนี้เป็นการมาเยือนครั้งที่ 2 สำหรับตัวผมเอง(รูปนี้ถ่ายที่ Sky deck ที่ Chubu International Airport) เมื่อทุกคนไปถึงแล้วอยากให้ทุกคนขึ้นไปชมทัศนียภาพบน Run way ของสนามบิน มีเครื่องบินขึ้น-ลง เรื่อยๆใช้เวลาชื่นชมซัก 15 – 20 นาทีก็พอครับ

Japan Airline แจกใบเพื่อกรอกข้อมูลยื่นให้ ตม. เค้ามีกระดาษน่ารักๆ รูปเครื่องบินเล็กของ Japan Airline ให้ด้วย น่ารักดีครับ

วิธีการเดินทางเข้าเมืองจากสนามบิน Chubu มีได้หลายวิธีครับทั้ง รถไฟ รถบัส และ แท็กซี่ แต่เนื่องจากว่าครั้งที่แล้วที่ผมมาเยือน ได้ใช้บริการรถไฟ ปรากฏว่าเป้พะลุงพะลัง เกะกะ และมาถึง Flight เช้า คนก็เยอะเต็มรถไฟ ครั้งนี้ผมเลยใช้บริการรถบัสเข้าเมืองแทนครับ

ผมเดินไปตามป้าย Bus Airport ซื้อตั๋วที่ตู้ใกล้ๆกับชานชาลา 6 นั่นแหละครับ

หรือถ้าไม่มีเวลาก็ขึ้นไปเลยแล้วค่อยจ่ายตอนลงก็ได้ครับ ค่ารถ 1200 Y ครับ

เที่ยวที่ผมไปก็ไม่ค่อยมีคนครับ สะดวกดีไม่ต้องยกของขึ้นลงที่สถานีรถไฟ

เนื่องจากผมจองที่พักแถว Sakae ไว้ครับ รถมาจอดใกล้ๆกับโรงแรมที่พักเลย ใกล้มากๆ เห็นหอคอย Nagoya TV tower ด้วยครับ ประกอบด้วยขากลับ ก็ไม่ต้องแบกของพะลุงพะลังไปขึ้นรถไฟ ขากลับรถบัสก็จะมาที่ ท่าจอดรถบัสที่อยู่ใน Oasis 21 ใกล้ๆนี่เองครับ สะดวกมากๆ

ถึงที่พักแล้ว เนื่องจากโรงแรมในญี่ปุ่นเค้าให้ Check In ได้ 15:00 ครับ ก็จัดแจงเอาของใช้ที่จำเป็นเอามาใส่เป้ใบเล็ก และฝากเป้ใบใหญ่ไว้กับโรงแรมก่อน ล้างหน้าล้างตาเสร็จปุ๊บ เรามาออกเที่ยวกันเลยครับ สถานที่แรกที่ผมจะพาไปคือ ปราสาท นาโงย่า ครับ

วิธีการเดินทางไปปราสาท นาโงย่า ง่ายมากๆครับให้ท่านนั่ง Subway ไปลงที่สถานี Shiyakusho

แล้วเดินออกทางออก 7 เท่านั้นคุณก็จะออกมาหน้าปราสาทเลยครับ ด้านหน้าปราสาทก่อนเข้า จะมีร้านอาหาร ร้านขนมประมาณ 7 - 10 ร้าน มาฝากท้องที่นี่ได้ครับ

ด้านในปราสาทมีทั้งใบเมเปิ้ล ใบแปะก๊วย และต้นไม้นานาชนิด ต้องบอกก่อนว่าทริปนี้มาเพื่อ ใบไม้เปลี่ยนสีโดยเฉพาะ ไม่ได้สนใจตัวปราสาทเลย เพราะครั้งที่แล้วก็มาครับ ค่าเข้าปราสาท 500 Y ครับ แต่เหมือนกับว่าถ้าเราซื้อตั๋ว One day Pass ของ Subway จะมีส่วนลดให้อีก ไม่แน่ใจ แต่ผมไม่ได้ใช้ครับ ลืม ฮ่าๆๆ เดินไปเรื่อยๆชมใบไม้เปลี่ยนสี ก็โค-ตร จะฟินกันสุดๆเลยล่ะ เพราะโดยส่วนตัวผมเอง ผมก็เพิ่งเที่ยวฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเป็นครั้งแรกนี่แหละ ออกจะตื่นเต้นอยู่พอสมควรครับ มองตรงไหนก็สวยไปหมด ดูรวมๆแล้ว โค-ตร มีเสน่ห์เหลือเกิน

ต้นแปะก๊วยเหลืองอร่ามฉ่าม

อากาศไม่หนาวไม่ร้อน เย็นสบายเดินเล่นไม่เหนื่อยครับ

แหงนมองฟ้าดูซักรอบ แดงเดือดทั้งท้องฟ้า

อีกมุมนึงก็เป็นสนามโล่งๆ แต่ทิศทัศน์ตรงนี้ก็สวยงามไม่แพ้สีแดง สีส้มเรียงรายกันเป็นแถวยาวสุดสวย

มุมนี้เห็นนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเค้าถ่ายกัน ช่วงที่ผมไปตัวปราสาทกำลังอยู่ในการบูรณะ เลยไม่ได้เข้าไปครับ แต่ก็อย่างที่บอก ไม่ได้สนใจตรงนี้อยู่แล้ว เลยไม่ซีเรียสอะไรครับ



เต็มอิ่มกันกับใบไม้เปลี่ยนสีที่ปราสาทนาโงย่ากันแล้ว ใกล้ๆกันไม่กี่สถานีครับ ผมจะพาไปเดินเล่นที่ Osu kannon ครับ



วัด Osu เป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่เมืองนาโงย่านี้เป็นอย่างมากครับ และในบริเวณโดยรอบยังมีแหล่งช็อปปิ้งทั้ง เสื้อผ้า รองเท้าแฟชั่น ของกิน รวมไปถึง Cartoon Figure กันด้วยนะครับ

วิธีการเดินทาง: ให้ท่านนั่ง Subway ไปลงสถานี Osu-kannon Exit 2 หรือ สถานี Kamimaezu Exit 9 ได้ทั้ง 2 สถานีครับ


ปิดท้ายของวันนี้ด้วยรูปตึกดองกี้บนถนน Sakae ที่ใกล้โรงแรมผมมากๆ และเปิดตลอด 24 ชม.



เช้านี้เป็นเช้าวันที่ 2 สำหรับทริปของผมในครั้งนี้ครับ และจัดเป็นทีเด็ดของทริปเลยก็ว่าได้ ผมจะพาทุกท่านไปที่เมือง Obara ซึ่งกล่าวกันมาว่าที่นั่นมี Sakura 2 ฤดู ซึ่งทีเด็ดของมันคือช่วงปลายเดือน พฤศจิกายน คุณจะเห็นซากุระพันธุ์ Shiki สีขาวสวยอร่าม แต่ทีเด็ดของที่นี่คือ มันจะมีใบไม้แดงแทรกอยู่ในดงซากุระ บอกเลยโค-ตรสวย สวยจริงๆ

วิธีการเดินทาง: ให้ท่านนั่ง Subway ไปลงสถานีสุดท้าย Toyata-shi ออกจากสถานีจะมีป้ายบอกเลยว่า ไป OBARA

ให้ไปรอรถที่ป้ายรถเมล์หมายเลข 1

ซึ่งในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะมีเจ้าหน้าที่มาคอยแนะนำที่ป้ายรถเมล์ แถวเข้าคิวจะถูกแบ่งเป็น 2 แถว แถวแรกคือรอรถไป Karankei (แถวจะ ย๊าว ยาว) แถวที่ 2 ไป Obara ไม่ค่อยมีคน แต่พอถึงเวลารถมา คนมาจากไหนก็ไม่รู้ เต็มรถเมล์เลย แต่ก็ยังไม่ถึงกับยืนนะครับ ค่ารถเมล์ไปลงสุดสายเลยครับที่ป้าย Kaminigi ค่ารถจ่ายตอนลงคนละ 600 Y

นี่คือตารางเวลารถออกที่เจ้าหน้าที่ยืนแจกให้ Manage เวลากันดีๆนะครับ จากตัวเมืองนาโงย่าไปสถานี Toyotashi ก็เกือบชม. แล้วล่ะ นั่งรถเมล์ไป OBARA อีกก็เกือบชม. เช่นกันแอบรถติดนิดหน่อยตอนก่อนจะถึง Obara

ระหว่างทางที่เข้าเขต Obara ก็เริ่มจะมองเห็นเจ้าดอกซากุระชิกิ รายทางแล้วล่ะ ทุกคนในรถก็ดูตื่นเต้นถึงกับต้องหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายกันเช่นเดียวกับผม

และแล้วรถเมล์ก็มาจอดป้ายสุดท้ายที่ป้าย Kaminigi ตามรูปด้านล่าง

พอลงจากรถมา ให้เดินตรงไปตามทาง จะเจอแนวลำธาร และป้ายให้ไปชมดอกซากุระพร้อมกับใบไม้เปลี่ยนสี ในใจก็คิดเฮ้ย!! นี่ตรูอยู่ที่ไหนกันเนี่ย สวยซิบหาย สวยมากๆ

รายทางแนวลำธารก็จะมีครอบครัวนำเด็กๆมาปิกนิคกัน น่ารักไปอีกแบบ เราใช้เวลาถ่ายรูปและดื่มด่ำกับธรรมชาติที่แนวลำธารนี้อยู่พอสมควรเลยล่ะ

แสงแดดส่องกระทบกับซากุระ สะท้อนแสงสวยงามมากๆ

ขาวแดง แรงฤทธิ์สะกดใจเราได้อย่างดีเยี่ยม

พอเดินไปถึงจุดพีค โห……พีคสุดๆ ไม่มีที่ติเลย นี่ขนาดเรามาตอนมันตกไปเยอะแล้วนะเนี่ย (ปีนี้พายุเข้าญี่ปุ่นเยอะ ทำให้ sakura ตกไวกว่าปรกติ โดยปรกติช่วงที่พีคที่สุดคือ 2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือน พฤศจิกายน)

มุมนี้ชอบอ่ะ ไม่รู้จะสรรหาคำบรรยายใดๆ แดดเยอะมั้ย มันก็แอบแรงนิดหน่อยนะ ถึงกะต้องถอดเสื้อหนาวกันเลยทีเดียว แต่มันก็เย็นแบบชิลๆ จะบอกยังไงดี ดูรูปไปแล้วจินตนาการเอาเองเลยละกันนะครับ

เราเดินขึ้นเขาเล็กๆ ซึ่งก็แอบชันอยู่พอสมควร มองจากด้านบนซากุระก็ไม่ค่อยจะเหลือแล้วแหละ แต่ก็ดีนะที่ด้านล่างมองมายังเห็น Sakura แบบเต็มๆ

ใช้เวลาถึงบ่ายแก่ๆ ดื่มด่ำความสำราญกันเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็เดินมาขึ้นรถที่ป้าย Kaminigi เหมือนเดิมแหละครับ กลับมาถึงก็เย็นแล้วล่ะ เลยได้เห็นวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่ Nagoya Tv Tower

ผมเก็บตกในเมือง Nagoya น่าจะเป็นวันที่ 3 ของทริปนี้ มาญี่ปุ่นก็ต้องไปขอพรเอาฤกษ์เอาชัยซะหน่อย ที่ศาลเจ้า Atsuta ครับ ศาลเจ้า Atsusa เป็นศาลเจ้าที่เหมาะสำหรับการขอพรเพื่อให้ได้ชัยชนะกลับมา ในทุกๆเรื่อง อุปสรรค การงาน อะไรก็ตามที่เป็นการแข่งขัน ลองมาขอพรที่นี่ดูครับ

เข้ามาด้านในร่มรื่นมากๆครับ

ภายในบริเวณศาลกว้างใหญ่มากๆ

ภายในศาลเจ้า ยังมีบริเวณที่เดินชิลถ่ายรูปบนกองใบไม้เหลือง ปลิวไสว ตกลงร่วงบนพื้น สวยมากๆครับ

การเดินทางมาที่ศาลเจ้า Atsuta : นั่ง Subway มาลงสถานี Jinhunishi ถึงเลยจ้า แต่เดินไปปากทางศาลเจ้าไกลนิดหน่อย 300 เมตรน่าจะได้

สุดท้ายนี้ รีวิวข้อมูลผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ หากต้องการ สอบถามหรือพูดคุยเข้ามาทักได้เลยครับที่ https://www.facebook.com/littleduckinthefog

Nagoya Castle & OSU kannon

OBARA

NABANA NO SATO & INUYAMA




























I am a Runner

 วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 23.34 น.

ความคิดเห็น