ทำไมต้องหมื่อกาโด่ ทำไมต้องแม่ฮ่องสอน
ความตั้งใจของทริปนี้คือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ทำไมต้องแม่ฮ่องสอน ความรู้สึกค่ะ ความรู้สึกมันมา มันบอกว่า เห้ย! ไปแม่ฮ่องสอนกัน ฮ่าๆ งานเพ้อเจ้อมาตั้งแต่เริ่มแรกเลยค่ะ จริงๆก็คืออยากไปจังหวัดแม่ฮ่องสอนจากนั้นก็ Search หาข้อมูลของจังหวัดแม่ฮ่องสอน พอพูดถึงแม่ฮ่องสอนก็ต้องปางอุ๋ง หมู่บ้านรักไทย ปาย แต่เรามันจะไปธรรมดาๆ ไม่ได้ และแล้วก็เจออยู่สามที่หน้าสนใจ แต่สุดท้ายมาลงเอยที่ดอยพะติ่โด่-หมื่อกาโด่ ต้องขอบคุณพี่ "นายสองสามก้าว" ที่รีวิวสถานที่สวยงามแบบนี้เอาไว้ให้ ข้อมูลอันมีสาระอยู่ในรีวิวของพี่เขานะคะ https://www.thetrippacker.com/th/review/location/11688
ทักพี่เขาในเพจ facebook ก็ได้ค่ะ ตอบไวตอบเร็ว ตอบตรงประเด็น และใจดีด้วย (ที่อวยขนาดนี้ไม่ได้มีอะไรข้องเกี่ยวกันนะคะ คือดูรีวิวของพี่เขาบ่อยและถามข้อมูลของพี่เขาบ่อยด้วยเหมือนกัน)
อ่าวดอยพะติ่โดมาจากไหน แล้วทำไมไม่เขียนในหัวข้อใหญ่ล่ะ เดี๋ยวจะเล่าต่อนะคะ ทริปนี้ไป 3 วัน 2 คืน กับสมาชิก 3 คนรวมเราแล้ว มีเรื่องเล่าได้ยาวเป็นเดือนๆเลย
แนะนำให้ไปให้ได้นะคะ สวยมาก สวยเหมือนในรูปที่เราถ่ายมาเลย และปีหน้าเราจะไปอีกครั้งไปดอยพะติ่โด่ด้วย ใครอยากไปด้วยก็ติดต่อมาได้เลยนะคะ เราจะพาไปลำบาก(มาก) โพสมาในรีวิวนี้ได้เลยนะคะ หรือจะทักมาทาง facebook ก็ได้ เป็นเฟสส่วนตัว ยังไม่มีเพจค่ะ เพราะยังคิดชื่อเพจไม่ออก ฮ่าๆๆ
https://www.facebook.com/natthikan.nui
ทริปนี้ให้อะไรหลายๆอย่างค่ะ นอกจากการพิชิตยอดดอยแล้ว ยังได้สัมผัสชีวิตชาวกะเหรี่ยง ได้รู้ถึงความลำบากของเขา ได้รู้ว่าโลกที่เราอยู่มันแคบเกินไป ได้รู้ว่าอย่าเชื่อสิ่งที่คนอื่นเล่าให้ฟัง 100% เพราะมันเป็นแค่แนวทาง สิ่งที่จะทำให้เราได้รู้ทั้งหมด 100% คือการไปที่หน้างานจริง พื้นที่จริง และได้ก้าวออกมาจาก Safe zone ของตัวเอง อีกก้าว สนุกมากค่ะทริปนี้ และคิดว่าต้องไปอีก จังหวัดนี้มีที่ที่น่าไปอีกเยอะมากๆค่ะ
ติดตามการเดินทางของพวกเราได้ที่
ไปยังไงอ่ะ
จุดนัดพบกับทีมงานติดต่อ คนนำทาง และ ลูกหาบอยู่ที่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปางอุ๋ง ซึ่งอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ใกล้ๆกับจังหวัดแม่ฮ่องสอน หลังดอยอินทนนท์ คนละที่กับบ้านรักษ์ไทยปางอุ๋งแม่ฮ่องสอน งงอ่ะดิ ให้รูปอธิบายละกัน
![54hhoglvypwi](/img/placeholder.png)
วิธีการไป
1 ขับรถส่วนตัวไป สะดวกที่สุด เปิด GPS search ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปางอุ๋ง ไปตามนั้นเลยค่ะ แนะนำว่าให้ขับอย่างระมัดระวัง เพราะภูมิศาสตร์ของพื้นที่แถวนั้นเป็นภูเขา และแน่นนอนเราต้องไปตามไหล่เขาบ้าง สันเขาบ้าง ด้านนึงเป็นเขาและอีกด้านนึงเป็นเหว แถมยังไม่พอค่ะ ทางคดเคี้ยวเลี้ยวลด ขึ้นแล้วก็ลง ใครที่ชอบขับรถก็เชิญมาที่นี่ได้เลย มันส์มาก
2 นั่งรถทัวร์มาลงที่สถานีขนส่งขุนยวม จังหวัดแม่ฮ๋องสอน มีรถของสมบัติทัวร์จากกรุงเทพฯ ไปแม่ฮ่องสอนผ่านที่สถานีนี้ค่ะ จากนั้นก็โทรให้ชาวบ้านมารับค่ะ
3 วิธีนี้ไม่ขอแนะนำ เพราะเสียเวลาสุดๆ เป็นเหตุผลที่ทำให้เราได้ขึ้นแค่ดอยหมื่อกาโด่ เพราะไปถึงก็ค่ำแล้ว เดินขึ้นไม่ได้แล้ว คิดแล้วก็ยังเสียดาย แต่ไม่เสียใจ เพราะมันสนุกมากๆค่ะ
วิธีการนี้คือ การนั่งรถทัวร์ไปลงเชียงใหม่อาเขต แล้วต่อรถจากประตูเชียงใหม่ไปอ.จอมทอง ลงหน้าวัดพระธาตุศรีจอมทอง จากนั้นเช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับต่อไปที่โครงการหลวงปางอุ๋ง เป็นวิธีที่บ้าบอมาก
เห็นใน Google map บอกว่า 4 ชม.นิดๆ กับระยะทาง 193 Km. แต่ในความจริงแล้วนั้น พวกเราขับรถจากวัดพระธาตุฯ ไปที่โครงการหลวงก็ปาเข้าไป 5 ชม. แล้ว บ้าบอเข้าไปอีก
เหตุผลที่เลือกวิธีนี้คือ จะกลับมาขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ บ้าบอx3 เพราะทริปนี้ไปกัน 3 คน
![bj86y5upj57j](/img/placeholder.png)
ไหนๆก็ไหนๆล่ะ เอาเป็นว่าขอเล่าประสบการณ์การเดินทางในครั้งนี้ไว้เป็นบทเรียนให้กับ Backpacker ท่านอื่นก็แล้วกันนะคะ
วงเล็บเล็ก มันบ้าบอแต่สนุกมาก ใครมีเวลาเยอะๆ สัก 4วัน 3 คืน ก็เอาวิธีนี้ก็ได้นะคะ สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต
ติดต่อใคร อะไร ยังไง
เนื่องจากเขาลูกนี้ไม่ได้อยู่ในพื้นที่อุทยานฯ เป็นป่าที่อยู่ในความดูแลของชาวบ้าน ดังนั้นก็ติดต่อชาวบ้านค่ะ
เราติดต่อผ่านเจ้าหน้าที่ศูนย์โครงการหลวงค่ะ
เบอร์โทรโครงการหลวง 053 318 326 ติดต่อพี่สุพจนะคะ
หากติดต่อไม่ได้ ก็ Inbox มาหาเราก็ได้ค่ะ เนื่องจากไม่อยากแชร์เบอร์พี่ๆชาวบ้านไว้ เพราะเป็นเบอร์ส่วนตัวอ่ะค่ะ
ออกเดินทางกันเลย!!!
จุดเริ่มต้นของทริปนี้ก็ต้อง สถานีขนส่งหมอชิต 2 ค่ะ ไม่ว่าจะทริปไหนๆ เราก็มาเริ่มที่นี่เสมอๆ (หากบริษัทขนส่งไหนอยากให้การสนับสนุนการท่องเที่ยวของเราก็ยินดีนะคะ ^^)
อย่างที่บอกไว้ตอนต้นเราจะนั่งรถจากหมอชิตไปที่ขนส่งอาเขตจังหวัดเชียงใหม่ ครั้งนี้ใช้บริการของ นครชัยแอร์ เป็นรถ First class ค่ะ บริการดี พูดจาดี เก้าอี้ปรับได้นั่งสบายมากๆ นวดหลังได้ด้วยนะคะ เราก็กดเปิดบ่อยเลยมีหนังให้ดู มีเพลงให้ฟัง เหมือนนั่งเครื่องบิน TG เลยค่ะ ถึงปลายทางตรงเวลา และปลอดภัยถือว่าดีเริ่ดค่ะ
![tk94wt26f3ym](/img/placeholder.png)
![rl1xcs9qyypy](/img/placeholder.png)
![1ntlg6v8ozy9](/img/placeholder.png)
เราถึงขนส่งอาเขตประมาณ 7.30 จากนั้นเราก็ล้างหน้าแปรงฟัน และเติมพลังลงท้อง ซึ่งร้านอาหารตามสั่งมีอยู่รอบๆ ขนส่งเลยค่ะ ส่วนรสชาติไม่ต้องพูดถึง 5555 ข้ามไปเลยละกัน
วันที่ 1 การเดินทางจากเชียงใหม่ไปศูนย์โครงการหลวงปางอุ๋ง
ระหว่างกินข้าวอยู่ก็ปรึกษากันว่าจะไปประตูเชียงใหม่ยังไงดี มีพี่ๆรถแดงมาทาบทามหลายรอบแล้ว พี่แกให้ราคาคนละ 40บาท สุดท้ายเราก็ไปกับพี่ชายที่เรียกมารับค่ะ งงอีกแล้วอ่ะดิ ตอนนี้ดูเหมือนพี่ๆรถแดงกับนักขับฟรีแลนส์ อย่างเช่นพี่ชายของเราที่กำลังพูดถึงกำลังมีปัญหากันอยู่ ซึ่งมีการติดป้ายประกาศรอบเมืองเชียงใหม่เลยค่ะ ยังไงผู้ใช้บริการอย่างเราก็ขอเลือกอันที่สะดวกและประหยัดนะคะ สรุปเราหารไปคนละยี่สิบกว่าบาท ^^
เราเดินทางออกจากขนส่งอาเขตประมาณ 9.00 ระหว่างขับมาส่งพี่ชายของเราเขาก็ชวนคุยโด่นนี่ และให้คำแนะนำด้วยว่าจะไปอ.จอมทองยังไง เขาบอกให้เรานั่งรถบัสสีฟ้าไป หวานเย็นนิดหน่อย แต่ถึงแน่นอน พอใกล้จะถึงประตูเชียงใหม่ พี่เขาก็บอกว่า"โน่นไงรถบัส กำลังจะออกแล้ว " ภาพของรถบัสสีฟ้ากำลังเคลื่อนตัวออกไปจากท่ารถ มันเป็นภาพเคลื่อนไหวที่ให้ความรู้สึกหน้าเสียดายมากๆ เลยค่ะ ทันใดนั้น "เดี๋ยวพี่ไปส่ง" พี่ชายของเราพูดออกมาอย่างนั้น แล้วพี่แกก็ขับรถตามติดๆและบีบแตร และ ไปจอดที่หน้ารถบัส เรากับน้องเปรี้ยวรีบลงจากรถแล้วไปหยิบของ ส่วนทราย(เพื่อนที่ไปด้วยกัน)ก็จ่ายค่ารถให้พี่ชายของเรา เราขอบคุณเขายกใหญ่ แล้วก็รีบวิ่งขึ้นรถ และขอบคุณคนขับรถบัสอีกยกใหญ่ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมาก แต่ทุกคนไม่ได้มีอารมณ์ฉุนเฉียว หรือโกรธ หรือโมโห แต่อย่างใด คือทุกคนยินดีช่วย ซึ่งถ้าเป็นกรุงเทพฯ เราคงต้องรอรถรอบถัดไปซึ่งจะมาอีกคันหลังจากนี้ 1 ชม. นี่แค่ตอนต้นของการเดินทาง ยังต้องใช้พลังงานเยอะขนาดนี้ ทริปบ้าบอจริงๆ
บรรยากาศในรถก็จะแบบ Local นะคะ นี่แหละค่ะความสนุกอย่างหนึ่ีงของการเดินทางก็คือการใช้ระบบชนส่งสาธารณะ ถึงจะหวานเย็นแต่ก็ถึงอย่างปลอดภัย ถึงที่หน้าวัดพระธาตุจอมทองฯ เวลา 10.30
![ygb912tc8qoc](/img/placeholder.png)
พวกเราข้ามถนนไปเช่ามอเตอร์ไซต์ร้านลุงตี๋ ซึ่งก่อนจะมาถึงได้โทรมาทาบทามลุงแกไว้แล้ว นี่คือหน้าตาร้านแกนะคะ เราเช่าในราคาคันละ 300 บาท มัดจำคันละ 1000 บาท และเอาบัตรแลกไว้นะคะ
พวกเราได้รถ Wave 125 มา 2 คัน พร้อมหมวกกันน็อกให้ยืมฟรีๆ พร้อมรับประกันว่ารถลุงขึ้นดอยได้สบายๆ
![pb7tfnggo26v](/img/placeholder.png)
หลังจากนั้นพวกเราก็ฝากของไว้ที่ลุงก่อน เพื่อไปตลาดไปซื้ออาหารสดเพื่อที่จะใช้ในการทำอาหารในคืนนี้และอีก 4 มื้อบนยอดดอย (ขนะนั้น 11.00 ยังมีหน้าจะมีความหวังในการขึ้นดอยอีกหรอ ไม่เข้าใจตัวเอง) ลุงตี๋แนะนำให้ไปตลาดด้านในซอย ซึ่งเราจำชื่อตลาดไม่ได้ และที่นั่นไม่มีป้ายบอก 555
ตั้งใจจะไปซื้อไก่ เดินไปถึงร้านแล้วสั่งเอาอก 2 ชิ้น บอกแม่ค้าว่าหั่นให้ด้วยได้มั้ยคะ นางยกนิ้วขึ้นมาให้ดูแล้วบอกว่า นิ้วพี่เจ็บอ่า จากนั้นเราก็ส่งน้องเปรี้ยวคนเก่งของเราไปหั่นไก่ ฮ่าๆๆๆๆ สนุกค่ะที่ได้ลงไม้ลงมือกันเองเลย
![uqzpgbor05q0](https://f.tpkcdn.com/review-source/5259f84a-063e-16ef-4012-5bc5f964ac87.jpg)
![1e5tb5q1b9ju](/img/placeholder.png)
หลังจากที่ได้ของครบแล้ว เราก็กลับไปเอาของที่ร้านลุงตี๋อีกครั้ง แล้วก็แพ็คสิ่งของต่างๆลงในกระเป๋า กระเป๋าส่วนตัวคนละใบ และมีกระเป๋ากองกลางอีก 1 ใบ น้องเปรี้ยวผู้ซึ่งขับรถไม่เป็นวันนี้ทำหน้าที่เป็นคนบอกทางและเก็บบรรยากาศระหว่างทาง ส่วนเราเป็นคนขับตามที่ต้องบอก น้องบอกเลี้ยวซ้ายก็ต้องเลี้ยวซ้าย ฮ่าๆๆๆ น้องเปรี้ยวนั่งไปกับเรา ส่วนทรายผู้ซึ่งบอกว่าขับเป็นนะแต่เคยขับไปแค่ซื้อของที่ตลาดแถวบ้าน นางขับตามเราอีกที และทำหน้าที่ขนเสบียงกองกลางด้วย
และด้วยความที่กลัวแดดกันมากๆ ทั้ง 3 คน หน้าตาคน และหน้าตารถที่เต็มไปด้วยของก็ออกมาหน้าตาแบบนี้ค่ะ แหม่บ้าบอกันจริงๆค่ะ พวกเราสามคนเนี่ย
![ayvyfh3d7y5i](https://f.tpkcdn.com/review-source/7c140131-8317-b1b7-1d61-5bc5f9094d6e.jpg)
เส้นทางที่เราไปต้องตัดผ่านดอยอินทนนท์นะคะ ผ่านด่านของอุทยานฯเข้าไป 2 ด้านเลย แต่ก่อนจะผ่านด่าน จอดรถและลงไปบอกเข้าหน้าที่หน่อยนะคะว่าเราจะไปไหน ขอผ่านด่านหน่อย เจ้าหน้าที่ไม่ได้ตรวจอะไรนะคะ เขาให้ผ่านด่านได้เลย คงเห็นว่าเป็นนักท่องเที่ยว
พอเข้าไปที่ด่านแรกของเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์แล้วระหว่างทางบรรยากาศดีมากๆ อากาศดีมาก หายใจได้อย่างสบายใจ คนละเรื่องกับกรุงเทพฯเลย แล้วเราก็เจอนาขั่นบันได ซึ่งเคยเห็นหลายรอบแล้วแต่ไม่มีโอกาศหยุดรถแล้วไปถ่ายรูปจัดไปค่ะ จอดรถแล้วไปถ่ายรูปกัน (ยังไม่รู้ตัวอีกว่าเอ็งสามคนขึ้นดอยพะติ่โด่ไม่ทันแล้ว ยังมาหยุดรถถ่ายรูปอีก)
![bgp8vbhje31g](https://f.tpkcdn.com/review-source/9e9c7111-2c47-652f-7b20-5bc3644a54b1.jpg)
![5j9cm42oapr8](/img/placeholder.png)
ขับไปเรื่อยๆจะเจอด่านตรวจที่ 2 พอผ่านด้านมาได้นิดเดียวไม่ถึง 50เมตร ให้เราเลี้ยวซ้ายเลยนะคะ พอเค้าไปปุ๊ปไอเย็นของต้นไม้ปะทะหน้าเราเลยค่ะ สดชื่นมากๆ เห็นป้ายแม่ฮ่องสอนแล้วก็แบบตกใจนิดนึง แหม่ ยังอีกไกลเลยอ่ะค่ะ แต่เราไม่ได้จะไปแม่ฮ่องสอนนะคะ ไม่ต้องขับถึง 182 Km. แต่ปลายทางเราหางจากจุดนี้แค่ 130Km. ได้รู้อย่างนี้แล้วก็สบายใจ (ประชดนะ) ไปต่อค่ะ นี่ยังไม่ได้ออกจากเขตของอุทยานฯนะคะ
เส้นทางหลังจากนี้โหดกว่าจากด่าน 1 มาด่าน 2 เยอะมากนะคะ เลี้ยวแบบหัก 180 องศาเลย แล้วก็ถนนแคบกว่าด้วย ต้องใช้ความระมัดระวังนิดนึง แต่ยังดีค่ะ ที่ถนนฝั่งขาไปอยู่ติดกับฝั่งเขา ถนนจะแบนๆ หน่อยค่ะ ส่วนถนนฝั่งขากลับบางจุดถนนมันยุบตัวลงไป รถมอเตอร์ไซต์อย่างเราๆ ต้องชะลอและใช้ความระมัดระวังด้วย
![cddlvfrdl8kd](/img/placeholder.png)
พอพ้นเขตอุทยานฯมาได้อีกนิดนึงพวกเราก็จอดถ่ายรูปอีกค่ะ (นั่นไง เอาอีกแล้วไง ไม่ได้ขึ้นดอยพะติ่โด่ก็เพราะมัวแต่โอ้เอ้อยู่เนี่ยแหละ) ก็วิวมันสวยให้ทำไงได้ 5555
![1akguvc2e9z5](https://f.tpkcdn.com/review-source/267b91d2-2c4b-7cbb-b984-5bc36babfc67.jpg)
ออกเดินทางกันต่อค่ะ ระหว่างทางต่อจากนี้ส่วนใหญ่เป็นไร่ข้าวโพด แล้วก็นาข้าว แล้วก็ป่าเขาค่ะ พอถึงแม่แจ่มความหิวก็เค้าครอบงำค่ะ เลยต้องจอดพักรถและกินข้าวเที่ยงค่ะ ซึ่งเป็นเวลาบ่าย 3 โมงแล้ว เราจอดกินข้าวกันที่ร้านอาหารตรงข้ามสำนักงานเทศบาลแม่แจ่มจำชื่อร้านไม่ได้ใครแวะเวียนไปแถวนั้นอ่านป้ายร้านมาบอกหน่อยนะคะ
อาหารที่ร้านนี้ิ บอกเลยว่าอร่อยมาก เราสั่งผัดพริกแกงไก่มา เผ็ด เค็ม หวาน กำลังดี ค่ะ เสริฟพร้อมกับน้ำซุป ซึ่งน้ำซุปก็อร่อยมากเหมือนกันค่ะ
และนอกจากพวกเราจะกินข้าวแล้ว เราได้พูดคุยกับพี่ๆ น้าๆ ในร้าน เขาก็ถามว่ามาจากไหน จะไปไหน เราก็บอกเขาไป เขาก็ตกใจเลย ว่าขับมอเตอร์ไซต์กันมาได้ไง แล้วก็แนะนำใหญ่เลยว่าจากนี่ไปถึงที่โครงการหลวงยังอีกประมาณ 70 กว่ากิโลถึงจะถึง เส้นทางก็คดเคี้ยวมากๆ เหมือนกับทางลงดอยอินทนนท์เลย และนอกจากจะได้คุยพี่ๆน้าๆในร้านแล้ว ก็ยังได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้สมัคร สส.ของเขตนี้ด้วย ไอเราก็เห็นว่าเป็นโอกาศที่ดี หากเขาได้เป็นสส. ก็อยากให้ท่านสส.สนับสนุนการท่องเที่ยวด้วย (สบายใจได้เลยนะคะ เราได้เปิดทางให้กับ Backpacker ทุกท่านแล้ว) ช่วงนี้เป็นช่วงที่การเมืองกำลังจะกลับมาคึกคักนะคะ หลังจากที่ลุงตู่แกขอเวลาพัฒนาประเทศมาเกือบๆ 4 ปี เอาเป็นว่าเรื่องการเมืองเราจะไม่เอามาปนกันกับเรื่องเที่ยวละกันเนาะ
![bj5bfuqlxcor](/img/placeholder.png)
ไปต่อกันค่ะ นอกจากเส้นทางจะคดเคี้ยวแล้ว หลุมค่ะ เห็นหลุมมั้ยคะ มาเป็นช่วงๆเลย ช่วงจะสิบกว่าหลุมได้ พอถึงช่วงที่เป็นหลุม คือเราไม่ผ่อนความเร็วลงเลยนะคะ เพราะมั่นใจว่าไปได้ ลบได้แน่นอน แต่ที่ไหนได้ช่วงแรกหลบได้ค่ะ ไปตกม้าตายตอนหลุมสุดท้ายตลอดเลย ลงหลุมสุดท้ายทุกครั้งเลยค่ะ แม่นมากกกก บ่อยเข้าเราบอกให้น้องเปรี้ยวยกก้นรอไว้เลยค่ะ ฮ่าๆๆ ก้นจะได้ไม่กระแทก
เส้นทางเป็นเส้นทางที่ค้ดเคี้ยวมากนะคะ ใครที่ขับรถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซต์แบบพวกเราก็ขับด้วยความระมัดระวังนะคะ บางช่วงเลี้ยวหักศอกแบบขึ้นเขาด้วย เราเกือบหลุดโค้งไปหลายรอบเหมือนกันค่ะ เพราะเห็นเป็นทางขึ้นเขา เลยเร่งจากด้านล่างไป พอไปถึงอ่าวโค้งด้วยนี่หว่า ดีนะคะที่เบรคทัน เกือบลงเหวแล้วววว
![fxbp4g9z51l7](/img/placeholder.png)
วันนั้นแสงอาทิตย์ร้อนแรงมากๆค่ะ ฟ้าสดใสค่ะ สองข้างทางบางช่วงเป็นไรข้าวโพด เหลืองอร่อมกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาเลยค่ะ เราไปช่วงที่เขาเก็บฝักกันแล้ว ต้นข้าวโพดเลยเหลืองอร่อมไปหมดเลย เห็นแล้วเหมือนเราไปอยู่แถวๆอำเภอขุนยวมที่มีทุ่งดอกบัวตองอยู่สองข้างถนนเหมือนกันนะคะ
![5ypjhfgbr4ic](/img/placeholder.png)
ถึงสามแยกในตำนานแล้วค่ะ เป็นสามแยกที่พี่ๆใน Youtube เขาขับรถมาเองแล้วก็ลงจากรถมาถ่ายรูปกับป้ายนี้ แล้วก็เล่าเรื่องราวการเดินทางของเขาอ่ะค่ะ
เราได้เห็นป้ายนี้ก็อ๋อ เราเคยเห็นใน Youtube เหมือนที่เราดูมาเลยค่ะ เลยสบายใจไปอีกเปาะ ว่าเรามาถูกทางแน่นอน
![jwchajncif3c](/img/placeholder.png)
ขับไปขับมาน้ำมันหมดค่ะ ของเราคันเดียวที่หมด คันของทรายเหลือน้ำมันเยอะมาก ครึ่งถังได้ อาจจะเป็นเพราะ เราลากเกียร์ต่ำ ตอนลงเขา และตอนที่ต้องใช้แรงในการขึ้นเขา แล้วรถเราก็หนักกว่าทรายด้วย แค่ตัวเราคนเดียวก็หนักมากแล้วฮ่าๆๆๆ(เล่นมุกทำร้ายตัวเองก็เป็นเนาะ)
เราไปจอดที่ร้าน sunshine ซึ่งเป็นจุดชมวิว และมีร้านอาหาร และปั๊มน้ำมันอย่างที่เห็นค่ะ ในส่วนของค่าน้ำมันไม่ต้องพูดถึง แพงกว่าด้านล่าง หรือในเมืองแน่นอนค่ะ เพราะต้องบวกค่าขนส่งด้วย จัดไปค่ะ ลิตรละ 45 บาท ซึ่งถ้าเป็นด้านล่างจะอยู่ที่ ลิตรละ 30 บาท แต่ราคา 45 บาทดูเหมือนจะเป็นราคาสากลของดอยนะคะ เพราะเราไปเติมอีกที่นึงตอนขากลับก็ขายอยู่ที่ 45 บาทเหมือนกันค่ะ
![48vlaoplu2ez](/img/placeholder.png)
ออกเดินทางกันต่อค่ะ ใครว่าเข้าป่าแล้วจะไม่เจอหนุ่มๆ ฮ่าๆๆๆ เห็นมั้ยคะ หนุ่มๆ วิ่งขึ้นดอยกันเป็นแถวเลยค่ะ เหมือนจะเป็นการซ้อมอะไรซักอย่าง คือพวกนางวิ่งกันไวมากๆค่ะ เราแซงมาแล้วรอบนึงก่อนถึงร้าน Sunshine เราแวะเติมน้ำมันแค่แป๊ปเดียว พวกนางวิ่งมาถึงที่ร้านแล้ว ไวมาก และไม่ได้แวะพักเหมือนพวกเรานะคะ ถึกมากค่ะ Thumb up ให้เลยจ้าาาา
หลังจากเติมน้ำมันเสร็จเราก็ขับตามไปทันค่ะ แบบชะลอนิดนึงให้น้องเปรี้ยวแอบดูว่าหล่อกันมั้ยฮ่าๆๆ เราก็มองผ่านกระจกข้างจนเกือบหลุดโค้งที่อยู่ข้างหน้าแหนะ ฮ๋าๆๆๆๆ บ้าบอจริงๆ
![n8xtqet2q56a](/img/placeholder.png)
ด้วยระยะทาง 130 Km จากอ.จอมทอง เป็นการแว๊นที่ระยะทางไกลครั้งแรกในชีวิต ในที่สุดพวกเราก็มาถึงงงงงงงแล้ววววววววว เย่ดีใจมาก ลงจากรถปุ๊ป หน้าก็ชา ก้นก็ชา โอ้ยยย เป็นทริปที่โหดที่สุดของปีนี้เลยค่ะ สรุปเราใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมด 5 ชม. ไม่อยากคิดถึงขากลับเลยค่ะ จะกลับทันหรือป่าวก็ไม่รู้ เอาเป็นว่าเดี๋ยวค่อยคิดตอนวันจะกลับล่ะกัน
แล้วไหนล่ะ ทีมงานที่เรานัดไว้ ไปไหนกันหมดแล้วววว ยู้ฮู... เรามาช้าไป 5 ชม.เอง โถ่ (นี่คนผิดคือพวกเอ็งนะ) โทรตามค่ะๆ และแล้วพี่ๆเขาก็มาค่ะ มีพี่พจที่เป็นเจ้าหน้าที่ที่ศูนย์โครงการหลวงซึ่งเป็นคนที่เราติดต่อไว้ เขาเป็นคนกลางในการที่ติดต่อชาวบ้านให้มารับพวกเรา ซึ่งชาวบ้านก็คือ พี่ปรีชา ค่ะ
รอประมาน 10 นาที พี่ปรีชาก็ขับรถมารับเราค่ะ แล้วก็บอกข่าวร้ายกับเราว่า ขึ้นพะติ๋โด่ตอนนี้ไม่ทันแล้ว เดี๋ยววันนี้ไปนอนในหมู่บ้านนะ TT^TT เสียใจสุด แต่ทำไงได้ เฮ้อ อยากจะร้องไห้แผนการใช้ชีวิตบนยอดดอย 2 คืน หมดกัน ไม่เป็นไรค่ะ แค่ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ซึ่งก็คือการแว๊นมาราธอน ก็รู็สึกสนุกแล้วค่ะ
![kostjela6ft3](/img/placeholder.png)
ไปขึ้นรถกระบะพี่ปรีชาค่ะ ไปกับพี่เขา เขาจะพาพวกเราไปหมู่บ้านไหนก็ไม่รู้ บอกเลยว่าตอนนั้นทุกอย่างในสมองอันแพลนมากๆ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแล้วค่ะ ที่สำคัญคือพาเพื่อนๆมาด้วย กลัวมากว่าจะพาเพื่อนมาเสี่ยงตายหรือป่าวเนี่ย เห็นหน้ายังยิ้มได้แต่ในใจนี่กำลังคิดแผน B แผนที่ถ้าเกิดอะไรไม่ดีขึ้นจะทำอะไรบ้าง ฮ๋าๆๆๆๆ ความคิดของคนบ้าก็เงี่ยค่ะ ดูหนังมาเยอะ ฮ๋าๆๆๆ ถ้าเกิดอะไรจริงๆ ก็คงได้แต่วิ่งหนีอ่ะค่ะ หรือวิ่งไปซ่อนตัวในป่า ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดได้หรือไม่ โอ่ย ยิ่งคิดยิ่งบ้าบอ
![2h1n5v3entbr](/img/placeholder.png)
เวลา 6 โมงเย็น บรรยากาศหลังฝนตก เมฆเยอะ ดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า ฟ้าเริ่มมืด ความกังวลก็เริ่มเข้ามารบกวน คืนนี้กูจะต้องไปนอนไหนวะเนี่ย
พี่ปรีชาพาพวกเราไปแวะซื้อของอีกนิดหน่อย ก่อนที่จะเลี้ยวเข้าซอย ซึ่งเป็นซอยที่เป็นถนนที่เรียกได้ว่าเป็นโคตะระลูกรัง ไม่มีจุดไหนเลยที่ขับไปแล้วรถจะวิ่งแบบไม่เขย่า พวกเราคือยกก้นรอเลย ยิ่งบอบช้ำจากการขับมอเตอร์ไซต์ 5 ชม.มาด้วยแล้ว ยิ่งเจ็บเข้าไปใหญ่เลย ซึ่งก่อนขึ้นรถเราได้ถามพี่ปรีชาว่าต้องไปอีกไกลมั้ย แกตอบกลับมาว่าอีกประมาณ 10 Km. โอ่ววว แม่เจ้า ทางลูกรังระยะทาง 10 Km.
บรรยากาศตอนนั้นสวยมากค่ะแสงสีส้มจากดวงอาทิตย์กระทบกับก้อนเมฆ ท่ามกลางภูเขาสลับซับซ้อน สวยมากค่ะ ยิ่งวิ่งเข้าไปลึกเลื่อนๆยิ่งมืด สองข้างทางเป็นสวนฝักกาด ไร่ข้าวโพด แล้วก็ป่า สลับไปมา ยิ่งมืดก็ยิ่งมองไม่เห็น ไฟส่องทางก็ไม่มี พยายามมองไปข้างหน้ามีแต่ถนนว่างเปล่าทอดยาวไม่สิ้นสุด ความกังวล x2 เลยค่ะทีนี้ แถมภาษาที่พี่ปรีชากับเพื่อนคุยกันก็เป็นภาษากระเหรี่ยง เราฟังไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรกัน แล้วจะพาพวกเราไปไหนนนนน โอ้ยยยย ยิ่งคิดยิ่งเครียด ในขณะที่ภายนอกทำเป็นใจดีสู้เสืออยู่ค่ะ กลัวเพื่อนๆจะกลัวกัน
ขับไปได้ซักพักพี่ปรีชาก็หยุดรถ ข้างหน้ามีรถกระบะอีกคันจอดอยู่ กำลังรอความช่วยเหลือจากใครสักคน ข้างหนึ่งของรถตกลงไปในร่องถนนซึ่งลึกจนรถไม่สามารถขึ้นมาเองได้ ถ้าเป็นกรุงเทพฯ ก็คงจะโทรให้รถลากมารับ แต่ที่นี่คงยากอ่ะค่ะ อยู่ในป่าเขาด้วย
พี่ปรีชาจอดรถอยู่พักใหญ่ แล้วแกก็เหมือนจะโทรหาใครซักคน อาจจะโทรให้มาช่วย ซักพักมีลุงคนนึงมาคุยกับเรา กลิ่นเหล้านี่หึ่งมาเลย เราทำท่าเหมือนกลัวแกสุดๆ แกบอกว่า "เราก็พวกเดียวกันเนี่ยแหละ" แกคงอยากจะสื่อว่าไม่ต้องกลัวลุงนะ ฮ๋าๆๆ พอใจชื้นขึ้นก็ได้พูดคุยกันหลายเรื่องอยู่ แกบอกว่า แม่ฮ่อนสอนเนี่ย กันดาร ลำบากนะ และที่ขาดแคลนมากๆ ก็คือ "ครู" ไม่ค่อยมีครูเข้ามาสอนที่นี่เท่าไร แล้วเราก็ได้โอกาสถามถึงโครงการหลวง เราถามลุงว่าโครงการหลวงของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ใช้ได้ผลมั้ย แกตอบกลับว่า "ใช้ได้ผลดีมาก" คนเมืองอย่างเราได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกปราบปลื้มมากๆ นึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และพระปรีชาสามารถ ที่ได้ทรงช่วยพัฒนาพื้นที่แถวนนี้และช่วยเหลือชาวบ้านให้สามารถมีกินมีใช้ในพื้นที่ของตนเอง
แล้วรู้สึกเลยว่าคนเมืองเหมือนกับกบในกะลา รู้แค่เท่าที่เขาเล่ามา เท็จจริง เป็นไงก็ไม่รู้ เคยได้ยินมามากนะคะว่าทฤษฏีเศรษฐกิจพอเพียงใช้ไม่ได้ผล แต่วันนี้เข้าใจแล้วค่ะว่าการที่เราได้ออกจากกะลา แล้วเข้ามาที่พื้นที่จริง ทำให้เรารู้ถึงความเป็นจริง ที่จริง จริงๆ การเดินทางทำให้เราได้เรียนรู้และเปิดโลกของเราให้กว้างขึ้นจริงๆค่ะ
![p17dpyxvd6el](https://f.tpkcdn.com/review-source/865f9293-0bd3-6ca2-224b-5bc6040c73d7.jpg)
พี่ปรีชาแกเดินมาบอกว่า อยากจะช่วยเขาอยู่นะ แต่ไม่รู้จะช่วยยังไง เดี๋ยวเราไปกันต่อ พวกเราบอกลาคุณลุง จริงๆคือถามชื่อแกมาอยู่นะคะ แต่ว่าจำไม่ได้ ชื่อแกเป็นภาษากะเหรี่ยง สองข้างทางมืดมากค่ะ มืดจนเห็นดาวบนท้องฟ้าชัดเจนมากๆ พวกเราเหงนมองขึ้นฟ้าตลอดทาง แล้วก็ทำเสียง อู้หู อื้อหือ กันใหญ่ เพราะไม่เคยเห็นทางช้างเผือกด้วยตาเปล่าแบบนี้มาก่อนเลย มันชัดเจนและใกล้มาก จนอยากจะเอามือเอื้อมไปเก็บมาไว้ สวยจนไม่อยากให้โลกนี้หมุนเลย
นั่งรถประมาณ 1 ชม. ก็ถึงบ้านพี่ปรีชาค่ะ สิ่งแรกที่พวกเราทำคือ การหยิบกล้องและขาตั้งกล้องวิ่งไปที่หน้าบ้านแก แล้วก็ตั้งขาถ่ายรูปทางช้างเผือกกัน สามคนกล้องสามตัว จัดไปให้หน่ำใจ คืนเดือนมืดด้วย ชัดเจนและสวยมากจริงๆ แต่รูปที่ถ่ายมามี Noise เยอะไปหน่อยค่ะ น่าเสียดายค่ะ
![e6yfi19gdsls](https://f.tpkcdn.com/review-source/f155f66f-c7a0-bc56-a87b-5bc606fb44c6.jpg)
หลังจากที่ถ่ายทางช้างเผือกจนหน่ำใจแล้ว เราก็ต้องมาตกหลุมรักบ้านพี่ปรีชาค่ะ บ้านพี่แกเป็น style กะเหรี่ยงจริงๆค่ะ เหมือนในสารคดีที่เราดูกันในทีวีเลย คือเอาครัวไว้ในบ้าน ไม่มีเตาแก๊ส มีแต่เตาฟืน กะทะ หม้อ ดำเมี่ยมเลย ดำเพราะเจอเขม่าควันและน้ำยางจากฟืน บนเตาก็มีชั้นวางของอีกที สิ่งที่วางบนชั้นเป็นพวกพริกแห้ง แต่ดูเหมือนจะเป็นพริกลมควันซะมากกว่าค่ะ เหมือนอะไรที่อยากทำให้แห้ง ก็จะเอามาวางบนชั้นนี้อ่ะค่ะ ครัวก็เป็นครัวที่ตั้งไว้ในบ้าน คือเดินเข้าไปในบ้านก็เจอครัวเลย อ่างล้างจานก็ทำจากไม้ ไม่มีท่อระบายน้ำ ล้างอะไรก็ไหลไปตามช่องไม้หมดเลย พื้นก็เป็นพื้นปูนธรรมดาๆ เดินเข้าไปทีแรกยังไม่ได้ปูเสื่อ พื้นเหนี่ยวสุดๆเลย ฮ่าๆๆๆ ประทับใจตรงความเป็น Local นี่แหละค่ะ
![shr92ehabpky](/img/placeholder.png)
พวกเราไม่รออะไรแล้วค่ะ หลังจากที่สร้างแลนมาร์กไว้ในบ้านพี่ปรีชาแล้ว พวกเราก็จัดเมนูต้มยำไก่ ซึ่งเป็นไก่ที่เราซื้อจากตลาดนั่นแหล่ะค่ะ ขอบอกเลยว่านี่เป็นการใช้เครื่องปรุงสำเร็จรูปเป็นครั้งแรก เพราะลดภาระในการแบกของกองกลางและเพื่อความสะดวกด้วย แต่ของยี่ห้อนี้ต้องปรุงเพิ่มค่ะ ขาดความเปรี้ยวไปนิดค่ะ ดีนะคะ ที่บ้านพี่ปรีชาแกมีมะนาว แล้วเราก็ได้มาอีกลูกจากร้านขายของที่แวะก่อนเข้ามาในหมู่บ้าน
![tpheo6epx9z0](/img/placeholder.png)
อิ่มแล้วหนังตาก็เริ่มหย่อน ได้เวลานอนค่ะ วันนี้พี่ปรีชาให้พวกเราขึ้นไปนอนด้านบน ส่วนแกกับเมียและลูกชายคนเล็กนอนชั้นล่าง ส่วนลูกสาวอีกสองคนกับหลานนอนชั้นบนอีกห้องนึงค่ะ
อากาศตอนกลางคืนเย็นสบายค่ะ เหมือนเปิดแอร์สัก 18 องศา พวกเราลงมาตากน้ำค้างเพื่อที่จะถ่ายดาวต่ออีกนิดหน่อย กว่าพวกเราจะขึ้นไปนอนกันก็ปาเข้าไปเกือบๆ ห้าทุ่ม บ้านพี่ปรีชาทำจากไม้เป็นส่วนใหญ่นะคะ แต่แปลกตรงที่พอเข้าไปในบ้านแล้วอุ่นมาก คืนนี้นอนสบายไป 1 คืนค่ะ พรุ่งนี้แหละเราจะได้ขึ้นยอดดอยกันแล้ววววว
วันที่ 2 ถึงเวลาพิชิตยอดดอยหมื่อกาโด่แล้ว!!!!!
เช้ามาก็ตื่นสายเหมือนเดิมค่ะ ชาวบ้านเขาตื่นกันตีห้า หกโมงเช้า พวกเราสามคนตื่นเกือบจะเจ็ดโมงแล้ว ทริปนี้สายทั้งทริป ตื่นแล้วก็ไม่รอช้าค่ะ กินค่ะกิน มื่อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญสำหรับการขึ้นเขาค่ะ ถ้าคุณไม่กินคุณอาจจะตายระหว่างเดินได้ อยากรู้สภาพคนใกล้ตายก็เชิญได้ในการผจญภัยที่ ผาหินกูบ วิวหลักล้านกับเส้นทางแสนโหด
มื้อเช้าวันนี้ง่ายๆกับไข่เจียวค่ะ แอบเอารสดีของพี่ปรีชามาใส่ด้วยฮ่าๆๆๆ อร่อยค่ะ ระหว่างกินข้าว พี่ปรีชาแกเล่าให้ฟังว่าแกเคยเข้าไปทำงานแถวๆปทุมธานี แต่สุดท้ายแล้วก็ตัดสินใจกับมาอยู่บ้าน ซึ่งเราก็เห็นด้วย บ้านพี่แกน่าอยู่จะตาย มีครอบครัวที่น่ารัก มีไร่ มีสวน มีนา ใช้ชีวิตที่พอเพียงแบบนี้ก็พอ แกเล่าให้ฟังอีกด้วยว่า ถ้าเอาลูกทั้งหมดมานั่งเรียงกินข้าวด้วยกัน นั่งเรียงกันเต็มบ้านพอดี เราก็เลยถามไปว่าพี่มีลูกกี่คน แกบอก 5 คน โอ้ววโห้ววว ตกใจเลย แต่ว่าตอนนี้ที่ยังอยู่กับแกก็มีลูกสาวคนที่ 4 ตอนนี้อยู่ป.5 กับลูกชายคนสุดท้อง 5 ขวบ แหม่ฟิตจริงๆเลยนะคะพีปรีชา
![mc7cpsicqq9r](/img/placeholder.png)
กินเสร็จแล้ว เราก็เอาคนที่ถ่ายรูปพวกเรามาโดยตลอดทั้งตอนทำกับข้าว ตอนกินข้าว มาล้างจาน จัดไปอย่าให้มีคราบเหลือนะทราย ฮ่าๆๆ แล้วน้องเปรี้ยวก็เป็นคนถ่ายแทน ลงตัวสุดๆ
![h1mh4ncjmy9p](/img/placeholder.png)
ขอถ่ายรูปหมู่หน่อยนะคะ หล่อที่สุดในรูปก็พี่ปรีชานี่แหละค่ะ สาวสวยที่ยืนอยู่ด้านซ้ายของพี่ปรีชาเป็นเมียแกนะคะ น่ารักเชียว พอบอกให้มาถ่ายรูปหมู่แกก็ดูทรงจะเขินๆ แล้วก็ยืนห่างเชียว เราก็ต้องพยายามกดดันแกให้ยืนเข้าไปใกล้ๆอีกนิดค่ะ
เห็นกระเป๋ามั้ยคะ เป็นกระเป๋าที่เมียพี่ปรีชาให้มาค่ะ ใจดีจริงๆ จัดไปคนละใบค่ะ
![kasf8gflihcs](/img/placeholder.png)
ได้เวลาขึ้นเขาแล้วค่ะ 9.00 พอดิบพอดี พี่ปรีชาขับรถพาพวกเราไปจุดเริ่มเดิน ด้วยความที่ตอนเข้ามาเมื่อคืนเรามองไม่เห็นอะไรเลย ตอนนี้เห็นชัดเจนแจ่มแจ๋วมากๆ ถนนโคะตะระลูกรังจริงๆถามไม่พอ ด้านดึงเป็นเหว ต้องใช้ความชำนานในการขับรถจริงๆ พอถึงสามแยกพี่แกขับถอยหลังลงเนินเฉยเลย เราสามคนคือแบบเสียวมากๆค่ะ แหม่ทริปนี้เกินความคาดหวังจริงๆค่ะ
![es34iqelv3lk](/img/placeholder.png)
เตรียมตัวค่ะ แบกเป้ขึ้นหลัง เตรียมตัวออกเดินเท้าก้าวขึ้นเขาดอยที่เราจะขึ้นในวันนี้คือ ดอยหมื่อกาโด่ หรือดอยป้าใหญ่นั่นเอง พี่สมพงษ์เป็นคนนำทางของเราค่ะ
![vd8unxtqhchg](https://f.tpkcdn.com/review-source/c74e6e66-17e6-ab74-1c28-5bc74c5a91e7.jpg)
เขาลูกนั้นค่ะ เป็นดอยหมื่อกาโด่ที่เราจะขึ้นกันค่ะ อ้าแขนกว้างๆ รับพลังจากธรรมชาติ เพื่อที่จะใช้ในการขึ้นพิชิตยอดดอยค่ะ
![1tsjwta5hjd5](https://f.tpkcdn.com/review-source/e8b09486-7baa-e5b4-f160-5bc74d497a7b.jpg)
จากจุดจอดรถของพี่ปรีชา พวกเราต้องเดินเท้าลงไปด้านล่าง ซึ่งมีลำธารขวางอยู่ เป็นลำธารเล็กๆ ไม่ลึกมากค่ะ แต่รองเท้าเราถึงจะกันน้ำแต่ความสูงของน้ำมันลึกเกินที่รองเท้าเราจะกันน้ำได้ เลยต้องถอดรองเท้าแล้วใส่บูธของพี่สมพงษ์เดินข้ามลำธารน้อยๆนี้ไปอยากจะบอกว่าน้ำเย็นมากๆค่ะ อยากเอาตัวเองที่ไม่ได้อาบน้ำตั้งแต่ขึ้นรถทัวร์มาลงไปแช่สักชม. น่าจะสบายตัวหน้าดูค่ะ
![ug6qlqwdjc0n](/img/placeholder.png)
เราต้องเดินผ่านไร่ถั่ว ของชาวบ้านซึ่งปลูกลาดไปตามเชิงเขา ถ้ามองไปอีกด้านนึงจะเป็นวิวภูเขาที่สูงใหญ่และสวยมากค่ะ วันนี้ท้องฟ้าก็ดูเหมือนจะเป็นใจ สดใสเฉียว แถมยังมีก้อนเมฆเล็กๆ ลอยเป็นพร็อพให้ถ่ายรูปออกมาแล้วดูสวยมากขนาดนี้
![plm3r5qfd8m7](https://f.tpkcdn.com/review-source/e0db82a4-15e5-dc88-b03c-5bc74d01d89f.jpg)
เดินมาได้สักพักก็มาถึงกระท่อมน้อยกลางภูเขา โดดเดี่ยวแต่มีพลัง ดูเหมือนจะเป็นกระท่อมที่ใช่ร่วมกันนะคะ
พวกเราแวะพักตรงนี้อีกนิด เข้าห้องน้ำอีกคนละครั้ง ก่อนที่จะไปสู่จุดที่เรียกว่าป่าจริงๆ ที่ไม่มีอะไรเลย นอกจากความเป็นธรรมชาติ อยากอธิบายลักษณะของห้องน้ำที่นี่หน่อยค่ะ คือมันเป็นเอกลักษณ์มากๆ คือเป็นห้องน้ำที่กลางห้องน้ำจะมีโถส้วมแบบนั่งยองๆ ตั้งอยู่ พื้นห้องน้ำเป็นพื้นปูน ที่เหมือนจะปูแบบเน้นใช้งานไม่ต้องการความสวยงามใดๆ ข้างๆโถส้วมจะมีถังน้ำตั้งอยู่เพื่อใช้ในการชำระล้างหลังเสร็จธุระแล้ว พนังของห้องน้ำทำจากไม้ไผ่ซึ่งต้องบอกเลยว่ารูเยอะมากๆ ทำธุระไปก็ต้องคอยมองดูรอบๆว่ามีคนมาแอบดูหรือป่าว ฮ๋าๆๆ (ใครเขาอยากจะไปดูของเอ็งวะ) ตามประสาคนเมืองที่เคยเข้าแต่ห้องน้ำที่มิดชิด ส่วนของหลังคา อันนี้ดีหน่อยค่ะ เป็นหลังคากระเบื้องอย่างดีค่ะ แล้วห้องน้ำก็กว้างมาก ให้ความรู้สึกถึงความโล่งโป่งมากๆเวลาทำธุระ คือคุณจะอยู่ตรงกลางห้องกว้าง แล้วก็มีรูของผนังเต็มไปหมด มันระแวงอ่ะค่ะ มันเวิ้งว้าง ฮ่าๆๆๆๆ จริงๆก็ถ่ายรูปมานะคะ แต่ไม่อยากเอามาให้ดู อยากให้ไปสัมผัสกันเอง
![5yvmepcyv0xk](https://f.tpkcdn.com/review-source/b4932dcf-521b-2bda-96f4-5bc74e7022c1.jpg)
หลังจากเข้าห้องน้ำเป็นครั้งสุดท้าย พวกเราก็เดินตามพี่สมพงษ์ไปค่ะ เดินไปก็อ้าแขนรับพลังงานจากธรรมชาติไป ขอให้เดินแล้วไม่เหนื่อย ความคิดของคนบ้าบอก็เงี่ยค่ะ
พี่สมพงษ์แกพาเดินฝ่าไร่ข้าวโพด แล้วดูใบของมันสิคะ แล้วเราก็ลืมเอาปลอกแขนมาด้วย โอ้โหแสบมากบอกเลย รอยแผลยังไม่เกิดขัดเจน แต่พอเหงื่อไหลเข้าไปมันก็จะแสบมากๆเลย แล้วก็คันมากๆด้วย
![ox7tkjmrrdyz](/img/placeholder.png)
จริงๆระยะทางที่เดินขึ้นเขาไม่เยอะนะคะ แต่ขอบอกเลยว่าไม่มีทางราบเลยนะ จนกว่าเราจะถึงยอดเขา โอ้ว มาย ก๊อดดดด เหนื่อยมากๆเลยจ้า พลังงานที่อ้าแขนรับมาใช้หมดไปตั้งแต่ 100 m. แรก เหนื่อยก็ต้องหยุดพักค่ะ หยุดพักก็ต้องมองกลับไปด้านหลัง แล้วก็เห็นวิวสวยๆแบบนี้ อดที่จะไม่เอากล้องออกมาถ่ายไม่ได้ ถึงจะเหนื่อยแต่เราก็จะเอากล้องออกมาถ่ายให้ได้
![drlq9usxoftw](https://f.tpkcdn.com/review-source/25040547-df11-8ec5-6e9f-5bc89e7cbf26.jpg)
ระหว่างที่พัก พวกเราก็ได้ถ่ายดอกไม้ ต้นไม้ สัตว์พวกบุ้ง เอาไว้เยอะเลยค่ะ พี่สมพงษ์แกก็ชี้ให้ดูต้นไม้ต้นโน่น ต้นนี้ เก็บลูกมะกอป่า(หรือว่าเก๋าลัด) ให้เรากินด้วย กินกันสดๆไปเลย
ที่นี่มีดอกกุหลาบพันปีด้วยนะ ดอกเป็นสีขาว ข้างในจะเป็นลายจุดๆ สีม่วงเข้มๆ เราเคยเห็นที่ดอยหลวงเชียงดาวแล้วครั้งหนึ่ง ที่นี่มีเพียบเลยค่ะ ตลอดการเดินทางเลยก็ว่าได้
![tmqqqotx3lld](https://f.tpkcdn.com/review-source/176b0c44-da90-943e-2697-5bc89ebacc45.jpg)
นี่ค่ะ บันไดในตำนาน ใครๆมาที่ยอดเขานี้ก็จะถ่ายรูปบันไดตรงนี้ไป จริงๆก็เดินขึ้นไปง่ายนะคะ ไม่มีอะไรต้องหน้ากังวลเลย
![64iv1fpkeitk](/img/placeholder.png)
พอใกล้จะถึงยอดเขาบอกเลยว่า หญ้าเยอะมากกกกก อ้อลืมบอกไป พวกเรามาเป็นกลุ่มแรกของปีเลย ดังนั้นหญ้าที่มันขึ้นมายังไม่โดนเหยียบหรือฟันทิ้งเพื่อเปิดทาง พวกเราเลยต้องรับกรรมเพราะความอยากมาพิชิตยอดดอยเลยต้องทนกับหญ้าบาด ขนาดทรายกับน้องเปรี้ยวที่มีเสื้อแขนยาวใส่ยังบ่นขนาดนี้ แล้วฉันล่ะ ฉันลืมเอาปอกแขนมา หลังจากกลับมาจากทริปแขนเรานี่ลายเลยค่ะ เป็นแผลเต็มแขนเลย
![30rqejp8f7vf](/img/placeholder.png)
ถึงยอดแล้วค่ะ แต่ยังไม่ถึงจุดกางเต้นท์ เราต้องเลาะสันเขาไปอีกประมาณ 500 เมตร เพื่อไปที่จุดกางเต้นท์ซึ่งก็เป็นสันเขาอีกเหมือนกัน เห็นมั้ยคะว่าหญ้าเยอะมากขนาดไหน ทิ่มหน้าทิ่มตา ทิ่มแขน คันไปหมดเลยค่ะ
![pkb1xeng03k3](/img/placeholder.png)
![y1ulhxatypl8](/img/placeholder.png)
![y65gckhfzvys](/img/placeholder.png)
เดินไปอีกนิดเจอป่าโบราณค่ะ อากาศบริเวณนี้ชื้นๆ อาจจะทำให้มอสขึ้นต้นไม้ทั้งต้นอย่างที่เห็น ธรรมชาติสร้าง มหัศจรรย์จริงๆค่ะ
![c07t72ijb0en](https://f.tpkcdn.com/review-source/a441067e-0f13-ba90-0714-5bc8a35d096f.jpg)
เรามาถึงจุดกางเต้นท์ประมาณบ่ายโมง เวลาเหลือเยอะแยะค่ะ แต่ท้องร้องแล้ววว กางเต้นท์แล้วไปทำอาหารกันค่ะ พวกเราทำกับข้าว พี่สมพงษ์หุงข้าวให้เรา มื้อนี้ต้องจัดการของสดให้หมดจ้า ไม่งั้นบูดแน่ๆ ใครมีวิธีจัดการกับของสดให้อยู่ได้นานๆ แนะนำหน่อยนะคะ มือใหม่หัดใช้ชีวิตในป่าค่ะ
ตอนอยู่ที่กรุงเทพฯ ไม่ค่อยได้ทำกับข้าวเอง แต่พอมาอยู่ในป่า ต้องแบ่งหน้าที่กันไปค่ะ ทรายอาสาเป็นคนผัดๆทอดๆ ให้ แล้วให้เรากับน้องเปรี้ยวเป็นคนปรุง เอาเป็นว่ากินได้ก็พอแล้วค่ะ
มื้อนี้ถือเป็นมื้อเที่ยงกับมื้อเย็นของพวกเราเลยค่ะ พอเย็นมาก็ไม่อยากกินอะไรแล้ว อาจจะเพราะอิ่มกับบรรยากาศธรรมชาติ
![pgmi2axzdj6q](/img/placeholder.png)
![z2bgh7a54xg1](/img/placeholder.png)
ทำไปได้สักพัก แก๊สหมดจ้าาาา เลยต้องไปปิ๊งไส้กรอกกับพีสมพงษ์กับพี่ลูกหาบ(จำชื่อนางไม่ได้อีกแล้ว ^^) น้องเปรี้ยวปิ๊งไส้กรอก เกือบเหมือนในหนังอังกอร์แล้วค่ะ ถ้าเปลี่ยนจากไส้กรอกเป็นไก่ ฮ่าๆๆๆๆ
![vzfrvsgoafnt](/img/placeholder.png)
หลังจากกินข้าวเสร็จ ได้เวลาทำธุระส่วนตัวค่ะ ใครสะดวกตรงไหนก็เลือกเอาเลยนะจ๊ะ
เมื่อพร้อมแล้วเราไปรอดวงอาทิตย์ตกตามที่นัดกันไว้ตอน 4 โมงเย็น เราเดินทางจากจุดกางเต้นท์ไปที่ยอดหมื่อกาโด่ พอมองย้อนกลับมา มันสวยมากค่ะ มองได้ 360 องศาเลย อาจจะหยุดเวลาไว้ อยากอยู่แบบนี้ ไม่อยากคิดเลยว่าพรุ่งนี้ต้องกลับแล้ว ฮ่าๆๆๆ ความเยอะของมนุษย์ก็เงี่ยอ่ะค่ะ
![b3sfgdnjraqn](https://f.tpkcdn.com/review-source/e836579d-a12b-355e-b1e9-5bc8a3f74c81.jpg)
เราขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงยอดดอยหมื่อกาโด่ พี่ๆ เขามารอบนสันเขาจนกว่าพวกเราจะหน่ำใจกับการดื่มด่ำธรรมชาติและการถ่ายรูป ซึ่งต้องบอกอีกว่าทริปนี้ Exclusive มาก เพราะดอยทั้งดอยเป็นของเรา มีเราอยู่ 3 คน คนบ้า 3 คนมาเปิดดอยประจำปี 2018 คือรูปที่ถ่ายมามีเยอะมาก ราวกับว่ามาอยู่ที่นี่เป็นเดือนๆ
![3shxt0r7clht](https://f.tpkcdn.com/review-source/eb88794f-8c25-48bc-9461-5bc8a311e25d.jpg)
นี่ค่ะ หลักฐานว่าเรามาถึงยอดดอยจริงๆ ยืนเท่ๆ ถือธงชาติไทยถ่ายกับป้ายผู้พิชิตยอดดอยหมื่อกาโด่ กับวิว 360 องศา อากาศดีมากๆค่ะ สีของธงชาติจัดกับสีฟ้าของท้องฟ้าสวยมากค่ะ
![31m1hnaonx46](https://f.tpkcdn.com/review-source/4ee2368a-af9e-18be-d19d-5bc8a6385b97.jpg)
ทรายนั่งเหงาๆตรงนั้น ท่ามกลางภูเขาที่สลับซับซ้อน มองไปสุดลูกหูลูกตาจริงๆ
![h7gdehj7rdu6](https://f.tpkcdn.com/review-source/3bf8675b-350a-1fc5-09a3-5bc8a6e9d19f.jpg)
มากระโดดแตะขอบฟ้ากันค่ะ นางสองคนกระโดดสูงและสวยมาก่ค่ะ ส่วนเรากระโดดไม่ค่อยขึ้นฮ่าๆ เลยขอเป็นรูปนอนชิวๆแล้วกันเนาะ
![7l9xr7cq9366](https://f.tpkcdn.com/review-source/cb5d8f07-e1a4-9d4f-20c0-5bc8a6759d35.jpg)
![7gs7fij5e2yv](https://f.tpkcdn.com/review-source/3ddc865b-6310-a36a-af01-5bc8a69ee828.jpg)
![dtb5tjtv6l1j](https://f.tpkcdn.com/review-source/55777316-735f-79b1-5cdd-5bc8a6413256.jpg)
อาทิยตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่แสงยังไม่หมด แสงสีทองปะทะกับก้อนเมฆ ด้านล่างเป็นหมอกลางๆลอยอยู่ต่ำกว่ายอดดอย ถ้าเยอะกว่านี้เราก็คงจะเรียกว่าทะเลหมอก สวยอีกแล้วค่ะ เรียกได้ว่าที่นี่เป็น Unseen Thailand เลยก็ว่าได้ เราประทับใจมาก
![j9lo6bi657h1](https://f.tpkcdn.com/review-source/c4a0d946-8b60-a042-84da-5bc8a6879dbf.jpg)
นี่ค่ะ อยู่ดีๆก็อยากหกล้ม กำลัง Hit เลยค่ะ เป็นท่า Falling star เป็นการล้อเลียนเศรษฐีชาวรัสเซีย ที่นางหกล้มจริงๆตอนทีลงจากเครื่องบินส่วนตัว แล้วข้าวของต่างๆในกระเป๋านางก็หกเรี่ยราด หลังจากที่ภาพของนางถูกเผยแผร่ออกไป ก็มีเศรษฐีอีกหลายคนทำเลียนแบบ ส่วนเราก็ไม่อยากตกเทรนค่ะ จัดไปคนละรูป ฮ๋าๆๆๆ
![u3h59foo5t7h](https://f.tpkcdn.com/review-source/208d0a84-5a24-637a-f29a-5bc8a69bdb7b.jpg)
![u45ojm9ajp02](https://f.tpkcdn.com/review-source/f0690c08-a80a-ecea-cfe0-5bc8a656692a.jpg)
![3ues13a5s00c](/img/placeholder.png)
มืดแล้วค่ะ หลังจากที่เราลงมาจากยอดดอย เราก็มีปาร์ตี้ขนมปังปิ๊งกันนิดหน่อย รอให้ฟ้าโปร่งกว่านี้แล้วค่อยไปถ่ายรูปดาวกัน ไม่นานค่ะ ฟ้าโปร่ง จัดไปหลายรูปหลายมุม แต่ความยากอยู่ตรงที่หมอกค่ะ หมอกลงเกาะที่หน้าเลนส์ คือแบบถ่ายไปถ่ายมาแล้วทำไมภาพมันเบลอๆ อ่อหมอกเกาะหน้าเลนส์ ต้องคอยเช็ดออกเรื่อยๆ ลำบากหน่อยนะคะ
คืนนี้เรานอนกันประมาณ เกือบๆ ห้าทุ่ม เพราะมัวแต่ถ่ายดาว นอนท่ามกลางดวงดาว บนดอย อิจฉามั้ยคะ เรายังอิจฉาตัวเองตอนนั้นเลยค่ะ คิดถึงแล้วก็อยากไปอีก
ก่อนนอนพวกเรานัดกับพี่สมพงษ์อย่างมั่นใจว่าจะตื่นมาตอนตีสี่เพื่อที่จะมารอดวงอาทิตย์ขึ้น และแล้วก็ตื่นสายยยยย TT^TT
![ti3752ekrjxd](https://f.tpkcdn.com/review-source/63cd5b29-4c77-fc89-f4d9-5bc8aacd9480.jpg)
![g1p9astyuipv](https://f.tpkcdn.com/review-source/8e26977e-9924-cda1-ee0a-5bc8aa611c14.jpg)
วันที่ 3 วันสุดท้ายของการเดินทาง ปีหน้าเราจะมาใหม่นะ
ตื่นค่ะตื่นอากาศเย็นมากๆๆๆๆๆ ทุกอย่างที่อยู่นอกเต้นท์โดยเฉพาะรองเท้าของพวกเรา เปียกค่ะ เมื่อคืนฝนก็ไม่ตกนะคะ แต่เปียก ที่เปียกก็คงเป็นเพราะหมอกค่ะ หมอกลงตั้งแต่เมื่อคืน รองเท้าของเราสามคนชุ่มช่ำเลยค่ะ
พวกเราตื่นกัน 6.00 บ้าบอจริงๆ นัดพี่ๆ เขาไว้ตี 4 แล้วไงคะ ออกมาจากเต้นท์ มองหน้าพี่เขา แล้วเราก็ขำกันค่ะ รู้สึกผิดนิดๆ ที่ตื่นสาย
ไปค่ะ อาทิตย์ขึ้นแล้วต้องรีบแล้วค่ะ ทางเดินก็ลื่นมากๆ ต้องเดินด้วยความระมัดระวังนะคะ เพราะหมอกลงเมื่อคืนนี้ ดูสิคะน้ำหมอกลงเยอะมากๆ เกาะบนใบไม้เป็นหยดใหญ่มากๆ เหมือนฝนตกเลย
![23e6xsezpsea](https://f.tpkcdn.com/review-source/32a592eb-d5c4-bf9e-55ba-5bc8acbe3907.jpg)
พอขึ้นไปแล้วก็ไม่รอช้าค่ะ จัดรูปกระโดดที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เหมือนเดิมค่ะ นางแบบคือ ทราย เพราะนางตัวยืดหยุน พริ้ว เชียว ส่วนเราเป็นคนถ่าย กว่าจะได้ขนาดนี้นะคะ ต้องกระโดดหลายรอบอยู่เหมือนกัน ^^
![gyg0fqb6nvni](https://f.tpkcdn.com/review-source/c0e7c70c-e2a3-1909-d437-5bc8acb558d1.jpg)
ดูสิค่ะ วิว 360 องศา อันนี้เป็นภาพที่เราหันไปทางอาทิตย์ตก เงาของยอดดอยไปบังเชิงเขาถัดไป ให้อารมณ์ครึมๆ หน่อย ถ้ากล้องเก็บภาพได้เหมือนสายตาของเราก็คงจะดี แนะนำให้ไปนะคะ ครั้งนึงในชีวิต
![5xh98cjg05dr](https://f.tpkcdn.com/review-source/9a67e0cf-3941-0830-37d4-5bc8ac7a67e1.jpg)
ผลัดกันค่ะ ใครยังไม่ได้ภาพเท่ๆ รูปนี้น้องเปรี้ยวจัดมาได้แบบเท่มาก (เราเป็นคนถ่ายอิอิ) เหมือนอยู่ต่างประเทศเลยค่ะ ชอบรูปนี้ตรงที่มีแสงสีทองจากดวงอาทิตย์ส่งผ่านตัวน้องมาด้วย เราชอบมากค่ะ
![wxq3yc0m00d3](https://f.tpkcdn.com/review-source/2e00651b-fe58-7ac1-5ec7-5bc8acaad10e.jpg)
หันมาฝั่งอาทิตย์ขึ้นบ้าง ถ่ายให้แสงอาทิตย์เป็นแฉกๆ สวยมากค่ะ ต้องย้ำอีกที่ว่าที่นี่เป็นสถานที่ Unseen Thailand จริงๆค่ะ สวยไม่แพ้ดอยไหนเลย แถมได้ความประทับใจจากคนในท้องถิ่นมาเต็มๆ
![a0kdlvfvr11g](https://f.tpkcdn.com/review-source/8d9c0a06-6c73-b27c-1439-5bc8ac2e212b.jpg)
![mvzchz9d1en9](https://f.tpkcdn.com/review-source/902b0bb0-3285-210b-63e1-5bc8ac22f8da.jpg)
อาทิตย์ขึ้นสูงแล้ว กล้องสู้แสงไม่ได้แล้วค่ะ ฮ๋าๆๆๆ เรามาปิดทริปยอดดอยหมื่อกาโด่ ด้วยภาพหมู่แบบ ฮาๆ กันบ้าง คนบ้าบอ สามคนบนยอดดอยแบบ Exclusive จะเดินไปถ่ายมุมไหนก็ได้ ฮ๋าๆๆๆ นับ 1 2 3 โพสสส ฮ่าๆๆๆๆ
![qyxrb151gq7s](https://f.tpkcdn.com/review-source/7649cabb-ddc0-fe06-7632-5bc8ac792b72.jpg)
![e4assh3omv4e](https://f.tpkcdn.com/review-source/cdcfe233-1a66-1292-debf-5bc8aca72cd5.jpg)
หลังจากหมดเวลาสนุกแล้ว เราก็ต้องมาเตรียมตัวกลับบ้านกันค่ะ เก็บของให้หมด ขยะต่างๆ เก็บให้หมดนะคะ เรามาวันเดียวพร้อมขยะ แต่สัตว์ป่าอยู่มาตลอดชีวิต ไม่เคยทิ้งขยะไว้ ดังนั้นเราอย่าให้ขยะทำร้ายป่า ทำร้ายสัตว์ป่านะคะ เก็บไปด้วย
ทริปนี้น่าเสียดายที่ไม่ได้ไปที่ยอดพะติ่โด่ต่อ ไม่ได้ไปสัมผัสความเสียวของเส้นทางหรือหน้าผาที่เขาร่ำรือกัน แต่รับรองได้เลยว่า ปีหน้าจะมาใหม่แน่นอน อาจจะมาปิดดอย หรืออาจจะมาเปิดดอยอีก ต้องดูตารางชีวิตมนุษย์เงินเดือนอีกที หน้าตาไม่ค่อยอยากกลับเลยค่ะ แต่ละคนยิ้มแบบเซ็งๆ
บนยอดดอยมีสัญญาณโทรศัพท์นะคะ ทุกเครือข่ายเลย แต่ถ้าลงไปด้านล่างเมื่อไร ไม่แค่เจ้าเดียวนะคะ เหมือนผูกขาด เพราะเขาเอาเสามาตั้งกลางหมู่บ้านเลย ซึ่งก็คือทรูค่ะ
พวกเราเดินลงประมาณ 9.00 ถึงด้านล่างเวลา 11.00 โดยประมาณค่ะ ระหว่างทางพี่ปรีชาโทรมาหาว่าเดี๋ยวจะมารับนะ เดินลงมาหรือยัง อีก 1-2 ชม. เพราะถ้าลงไปแล้วจะไม่มีสัญญาณเลย เดี๋ยวจะคุยกันไม่ได้
ทางลงก็ลื่นค่ะ ลื่นมาก อย่างที่บอกน้ำหมอกเมื่อคืนยังไม่แห้งดี เปียกแฉะไปหมด ทรายจัดไปหลายดอกเลย หมายถึงลืนนะคะ เพราะนางเดินไว และ รองเท้าทางไม่ดี ลื่นจริงๆค่ะ จนต้องหาไม้ค้ำเวลาเดิน ทริปที่ผ่านมาไม่เคยได้ใช้ ทริปนี้ไม่ใช้ไม่ได้ค่ะ ส่วนเรา บนเขาไม่มีลื่นเลย มาลื่นแบบก้นจ่ำเบ้าตรงทางที่ลงไปที่ลำธารที่ผ่านมาเมื่อวาน แหม่ เกือบดีล่ะ เจ็บมากเลย ฮ่าๆๆๆๆ
![9hpuwkuqow73](/img/placeholder.png)
พอเราลงไปด้านล่าง จุดนัดพบพี่ปรีชาคือจุดเดิมนะคะ แล้วเราก็บอกลาพี่สมพงษ์ จากนั้นพี่ปรีชาก็ขับรถไปส่งเราที่ศูนย์โครงการหลวงปางอุ๋ง ตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงแล้วค่ะ พอไปถึงเราก็บอกลาพี่ปรีชากับเมียแกค่ะ ให้ค่าจ้างต่างๆ ทั้งค่านำทาง ค่าลูกหาบ ค่ารถ และค่าค้างคืนที่บ้านปรีชา อย่างที่บอกแกไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวมานอนที่บ้านแกนะคะ เราก็ให้แกไปตามน้ำใจ
หลังจากล่ำลาพี่ปรีชาแล้ว พวกเราก็อาบน้ำอาบท่า หลังจากที่ไม่ได้อาบมาหลายวัน น้ำเย็นมากๆเลยค่ะ แต่สดชื่นมากๆ แล้วก็เตรียมตัวกลับ ขับมอเตอร์ไซต์กลับทางเดิม เราออกจากศูนย์โครงการหลวงปางอุ๋ง เวลาประมาณ บ่ายสองโมงครึ่ง ถึงร้านลุงตี๋ เพื่อคืนรถ ประมาณหกโมงเย็น ใช้เวลาเดินทางกลับโดยมอเตอร์ไซต์เนี่ย 3 ชม. ถือว่าไวมากค่ะ เพราะตอนขามาเราใช้เวลา 5 ชม. คือขับแบบไม่แวะพักเลย แล้วก็กลายเป็นคนชินทางซะงั้น ฮ๋าๆๆ เลี้ยวได้อย่างมั่นใจ แต่ตอนที่ขึ้นดอยอินทนนท์ถนนมันยุบค่ะ ต้องใช้ความระมัดระวังมากๆ
พอถึงดอยอินทนนท์รถเราน้ำมันเตือนค่ะ เตือนว่าใกล้จะหมดแล้ว ขีดสุดท้ายคือกระพริบแล้วอ่ะค่ะ เราคือกลัวน้ำมันหมดด้วย เลยขับไวขึ้นกว่าเดิม เพราะอยากให้ไปให้ไวกว่าเดิม ก่อนที่น้ำมันจะหมดจริงๆ เอาแนวคิดนี้มาจากไหนก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆๆ เรากับน้องเปรี้ยวคือเสียวมากๆ กลัวน้ำมันหมดกลางทางแล้วไม่มีที่เติม จนสุดท้ายก็ไปถึงร้านลุงตี๋อย่างปลอดภัย และน้ำมันยังพอที่จะใช้ได้อีกนิดหน่อย แต่คันของทรายน้ำมันเหลือเยอะมากเกินครึ่งถัง งงไปเลยจ้าาา
เรามาทันรถจาก อ.จอมทองไปเชียงใหม่ รอบสุดท้ายพอดี ค่ะ ระหว่างทางทรายกับน้องเปรี้ยวก็ได้เวลา Check & Share ซึ่งก็คือการดูรูปที่ถ่ายมา แล้วก็โพสลงโซเชียล ส่วนของเราต้องเปิดผ่านคอมฯ เราเลยมีเวลาทบทวนสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นใน 2-3 วันที่ผ่านมา ทริปนี้ให้อะไรเราหลายๆอย่าง เป็นการเรียนรู้ และเปิดโลกของเราให้กว้างออกไปอีกนิด เรานั่งอมยิ้มตลอดทางเลยก็ว่าได้ ประทับใจตลอดทั้งทริปเลยค่ะ
______________________________________________________________________________
สรุปค่าใช้จ่ายทริปค่ะ
เห็นค่าใช้จ่ายทริปแล้วอย่าตกใจนะ ถ้าคุณฟอร์มทีมกันมาดีๆ และวางแผนการเดินทางดีๆ จะใช้ค่าใช้จ่ายน้อยกว่านี้ค่ะ
ค่าเดินทาง
ค่ารถทัวร์ไปเชียงใหม่ 759 นครชัยแอร์ บาท/คน
ค่ารถจากขนส่งไปประตูเชียงใหม่ 21 บาท/คน
ค่ารถจากประตูเชียงใหม่ไปหน้าวัดพระธาตุศรีจอมทอง 32 บาท/คน
ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซต์ 300 บาท/คัน/วัน ( x 2คัน x 3วัน = 1800)
ค่าเครื่องบินกับ กทม. 1200 (โดยประมาณ)
รวม 2612 บาทต่อคน
ค่าขึ้นดอย
ค่ารถ 4WD ของพี่ปรีชา ไปรับ-ส่ง ศูนย์โครงการหลวง 2000 บาท
ค่านำทาง 600 บาท/วัน (x2 วัน = 1200)
ค่าลูกหาบ 500 บาท/วัน (x 2 วัน = 1000)
รวม 1400 บาทต่อคน
ค่าพักบ้านพี่ปรีชา : แล้วแต่น้ำใจ (เพราะพี่แกไม่ได้เปิดเป็นบ้านพักนักท่องเที่ยว)
อื่นๆ ค่าน้ำมัน ค่าอาหาร : จำไม่ได้ ^^
Journey Eater
วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 18.44 น.