สวัสดีค่ะ ขอออกตัวก่อนนะคะว่าเล่าเรื่องไม่เก่ง แล้วก็พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง 55555
กระทู้นี้เป็นกระทู้พาเที่ยว(มั้ง?) จะว่าพาเที่ยวมั้ยก็ไม่รู้ เอาเป็นว่าเป็นกระทู้แชร์เรื่องราวที่ไปเจอมาแล้วกันเนาะ :]

พอดีได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวตุรกี กับทริปพิเศษ ของ เดอะพรีเมียร์ ธนาคารกสิกรไทย ร่วมกับรายการสมุดโคจร ในปี2015ที่ผ่านมา แล้วแม่เราใจดีเป็น sponsor ให้ เลยมีโอกาสได้ไป กระทู้นี้จะไม่มีเรื่องค่าใช้จ่ายการเดินทางนะคะ

เน้นรูปแล้วกันเนาะ แฮ่ :p

เรามีเพจแล้วน๊า เข้าไปคุยกันได้นะคะ

https://www.facebook.com/tidsoihoytam


รายละเอียดเมืองที่ไปก็มี Bangkok - Istanbul - Adiyaman - Kahramanmaras - Cappadocia - Istanbul - Bangkok ซึ่งก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยว highlight ของตุรีกีที่ทุกคนไม่ควรพลาดครับ บางสถานที่ก็ก็เป็นเส้นทางที่ไม่ค่อยมีคนไป
ใช้เวลาเดินทางท่องเที่ยวทั้งหมด 7 วัน 6 คืน ค่ะ

วันแรกบินจาก สุวรรณภูมิ ด้วย สายการบิน เตอร์กิซ แอร์ไลน์ สู่เมืองอิสตันบูล เที่ยวบิน TK69 บิน 23.30น. นี่เรานับเป็นวันแรกนะคะ
ไปถึงอิสตันบูลตอน 5.35น. เวลาของตุรกีนะคะ เวลาจะช้ากว่าที่ไทยเรา 4 ชั่วโมงค่ะ
พอไปถึงสนามบินเมืองอิสตันบูล ผ่าน ตม. แล้วเราก็ ต่อเครื่องภายในประเทศไปที่เมืองอะดิยามาน
พอไปถึงเมืองอะดิยามาน ประมาณเที่ยงๆ ทานอะไรเรียบร้อยก็เริ่มเที่ยวกันแล้วจ้าาาา

จะบอกว่าคนส่วนใหญ่เวลามาเที่ยวตุรกี เค้าก็จะไปเที่ยวฝั่งตะวันตกกัน
แต่เมืองอะดิยามานเนี่ย อยู่ฝั่งตะวันออก เป็นโซนที่คนไม่ค่อยรู้จัก แต่เราก็ไปเก็บมา 555+

สถานที่แรก แค่แวะถ่ายรูปนิดๆหน่อยๆ เป็นเสาหินขนาดใหญ่ เสาหินเป็นสุสานโบราณ

ทัศนียภาพแปลกตา สวยมาก อากาศก็กำลังดีเลยค่ะ


รูปนี้ถ่ายจากบนสะพานชื่อเจนเดเร แม่น้ำที่เห็นเนี่ย เค้าบอกว่าเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำยูเฟรทีสซึ่งเป็นต้นกำเนิดอารายธรรมแรกของโลก หู้วววว ดูยิ่งใหญ่มั้ยล่ะ :]


หลังจากถ่ายรูปกันเต็มอิ่มแล้ว ก็เดินทางกันต่อ

หลังจากเดินทางมาทั้งวัน เราก็มาถึง highlight ของเมืองนี้แล้ว นั่นก็คือ ยอดเขาเนมรุต นั่นเองจ้าาาา

ยอดเขาเนมรุต มีความสูงประมาณ 7,000 ft. โดยการจะขึ้นสู่ยอดเขาเราจะต้องเดิน!! ระยะทางประมาณ 1.7km ดูไม่ไกลใช่ไหม?
ตอนแรกไอ้เราก็แบบ สบายมาก เดินเที่ยวอะไรแบบนี้บ่อย ไม่มีปัญหา
แต่ป่าวเลยจ้าาาาาา มันเป็นเส้นทางบันไดก็จริง แต่มันสูงมาก อากาศก็เริ่มน้อยลง น้อยไม่เท่าไหร่ หนาวซะงั้น (หนาวแค่ไหนลองดูรูปด้านล่าง)
เราใช้เวลาเดินไป พักไป ประมาณครึ่งงชั่วโมงเลยอะ
ถ้าใครเดินไม่ไหว เค้าก็มีลาไว้ให้บริการนะจ้ะ

และแล้วเราก็มาถึงยอดเขาเนมรุตในที่สุด!!!



บริเวณยอดเขาเป็นที่ตั้งของสุสานหลวงโบราณ ที่กษัตริย์แห่งอาณาจักรคอมมาเจน สร้างขึ้น

เราจะได้เห็นรูปแกะสลักเทพเจ้ายุคโบราณขนาดหญ่ายยยยย สูงประมาณ8-9เมตรเลย แล้วที่เห็นขาวๆนั้น หิมะนะจ้ะ เป็นหิมะที่ยังละลายไม่หมด (บอกแล้วว่าหนาวจริง)


เค้าว่ากันว่า บนนี้เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์อัสดงที่สวยงามมาก แต่วันที่เราไป ฟ้าไม่เปิด อดเลยจ้ะ

เช้าวันที่3 เราก็เดินทางต่อ จุดุ่งหมายของเราในวันนี้คือ เมืองคัปปาโดเกีย
ซึ่งเราต้องเดินทางทั้งหมด 9 ชั่วโมง!!! (นั่งรถกันเมื่อยก้นแน่ๆค่ะ)
แต่ระหว่างทาง มันก็มีอะไรดีๆมากมายรอเราอยู่นะ

อย่างเมืองที่เราผ่าน เมืองแรกก็คือ เมืองคาห์รามานมารัส เราแวะช้อปกันที่ ตลาดพื้นเมือง copper bazaar

พ่อค้าใจดี ยิ้มแย้มแจ่มใส


และมาตลาด สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ ของกิน!! และของกินที่ว่าก็คือ ไอติมตุรกี นั่นเองจ้า


คนตุรกีเค้าจะมีวัฒนธรรมอย่างหนึ่งค่ะ นั่นก็คือ การดื่มชา เวลาแวะไปที่ไหน เค้าจะมีชามาให้ อย่างตลาดนี้


เราแวะไปดูสร้อยเงิน เค้าก็เอามาเสิร์ฟ

บ้านเมืองเค้าแปลกตาดีนะ เราชอบ :]


หลังจากแวะช้อป แวะชิม กันแล้วก็เดินทางกันต่อค่ะ ระหว่างทางเราก็จะได้เห็นวิวแบบนี้


และแล้วหลังจากเดินทางมา 9 ชม. เราก็มาถึวเมือง คัปปาโดเกีย กันแล้วจ้าาาาาา

เมืองคัปปาโดเกีย เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในฝั่งอนาโตเลีย หรือ ฝั่งเอเชียนั่นเองค่ะ
เป็นเมืองที่มีภูมิประเทศที่เรียกได้ว่า สวยและแปลก คือ ในอดีต เมืองเนี่ย โดนกระแสลาวาภูเขาไฟที่ไหลมาปกคลุมพื้นที่
ทับถมกันหลายล้านปี แล้วก็เกิดการกัดเซาะของลม พายุ ฝน หิมะ บลาๆ ทุกอย่างปรุงแต่งให้บริเวณนี้ออกมาสวยงามแปลกตา
เค้าเรียกกันว่า "ดินแดนแห่งเทพนิยาย หรือ ดินแดนแห่งปล่องนางฟ้า" นั่นเองคร่า
แล้วเมืองนี้ก็ยังได้รับการแต่งตั้งจาก UNESCO ให้เป็นเมืองมรดกโลกทางธรรมชาติและทางวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกีด้วยนะ

เรามาถึงก็ค่ำๆแล้ว แต่ไฮไลท์มันอยู่ที่วันรุ่งขึ้น เราจะไปขึ้น hot air balloon กัน!!!

วันที่4 ของเราเริ่มต้นตั้งแต่ ตี4!! อาบน้ำ แต่งตัวเตรียมไปขึ้นบอลลูนกัน
เราออกจากโณงแรมตั้งแต่ตี 5 เพื่อไปรอขึ้นบอลลูน
ค่าขึ้นบอลลูนอันนี้ไม่ได้รวมในทัวร์นะ เราต้องจ่ายเพิ่ม ราคาก็ 200 usd ต่อคน แพง แต่เราว่ามันคุ้มค่ามาก!

ระหว่างที่รอเค้าใส่แก๊ส เค้าก็มีขนม กะพวกกาแฟให้เราชงกินด้วยนะ

เอาล่ะ ได้ขึ้นแล้ว ฟู่วๆ


คนขับบอลลูนเรา แบบ ขี้เล่นมาก ขับไปขับมาชนต้นไม้ไป1 ฮะ


เราใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโฒง ในการอยู่บนบอลลูน
ระหว่างขึ้น เราก็จะได้เห็นบอลลูนเป็นร้อยๆลูก ลอยอยู่ บวกกับ วิวปล่องนางฟ้า จะบอกว่า สวยมาก ก.ไก่ ล้านตัว

พอลงจอด เค้าก็จะมีฉลอง ด้วยขนม และ แชมเปญ เย้เย้


โปรแกรมวันนี้ เราก็ไปกันต่อ เมืองเกอเรเม เพื่อไปพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเมืองเกอเรเม
ที่นี่เป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วง ค.ศ.9 เกิดจากที่ชาวคริสต์ต้องการเผยแพร่ศาสนา
แต่ต้องคอยหลบชนเผ่าลัทธิอื่นๆที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์ ก็เลยขุดถ้ำเพื่อสร้างโบสถ์

ภายในโบสถ์เค้าห้ามถ่ายภาพนะคะ เลยมีแต่ภาพด้านนอกโบสถ์


แต่ถ้าอยากดู แนะนำให้ลองไปดู รายการสมุดโคจร ย้อนหลัง ของวันอาทิตย์ที่ 21 มิย. 58 ดูนะคะ รายการทำเรื่องขออนุญาติถ่ายทำ เก็บภาพสวยๆมาเพียบเลยคร่า



จริงๆ เราได้ไปเที่ยวที่ นครใต้ดินเมืองคายมาคลี ด้วย แต่!! แบตกล้องเราหมด (เมื่อเช้ากดรัวบอลลูนเยอะมากไปหน่อย)

เลยอดเก็บภาพมา และภาพนี้ก็เป็นภาพสุดท้ายของวันที่4

นีคือ evil eyes หรือ ด้วยตา เมดูซ่า เป็นเครื่องรางของคนตุรกีค่ะ เค้าจะห้อยกันทั่วเมืองเลย

วันที่5 เราต้องเดินทางกลับไปที่ อิสตันบูลกันค่ะ
ต้องบอกลาเมืองแห่งเทพนิยายกันแล้ว บะบายยยย

เราก็บินไปอิสตันบูล เมืองที่ยุโรปและเอเชียนัดพบกัน


ที่แรกที่เราไปชมกันนั่นก็คือ พระราชวังโดลบามาเซ ที่สร้างโดยสุลต่านอันดุลเมชิด

ยิ่งใหญ่มาก แต่!! ไม่ให้ถ่ายภาพด้านในค่ะ อดเลย

แล้วเราก็ไปล่องเรือชมช่องแคบบอลฟอรัส เป็นช่องแคบที่เชื่อมทะเลดำกับทะเลมาร์มาร่า


แล้วก็เป็นช่องแคบที่กั้นทวีป เอเชียและยุโรป เอาไว้ค่ะ

ระหว่างล่องเรือก็จะเหนสถาปัตยของทั้งสองฝั่ง สวยดีเนอะะ


ตอนอยู่ที่อิสตันบูล เราจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอาย ของฝั่งยุโรป

มาต่อกันจ้า
วันสุดท้าย เรียกว่าวันมหาโหด เพราะวันนี้เราจะเที่ยวด้วยการเดิน!!
เริ่มแรกเราก็ไปกันที่ วิหารฮาเจียโซเฟีย
เดิมเคยเป็นโบสถ์ของคริสต์ศาสนา นิกายออร์โธดอกส์ ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นสุเหร่า
และปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์
วิหารฮาเจียโซเฟียยังเป็น 1ใน 7สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางด้วยนะ

ซึ่งภายในจะเห็นทั้งอักษรอาหรับ

และภาพโมเสกเกี่ยวกับคริสต์ศาสนา ซึ่งสวยมาก


ที่เห็นว่าภาพโมเสกยังสวยขนาดนี้มันมีที่มานะ


เพราะว่าตอนที่สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 บุกมายึดอาณาจักรไบแซนไทน์ได้

แล้วมาเห็นความสวยงามของวิหารฮาเจียโซเฟีย จะทำลายก็เสียดาย

เลยเปลี่ยนจากโบสถ์มาเป็นสุเหร่า ก็เลยโบกปูนทับภาพโมเสก

พอเวลาผ่านไป ปูนก็เริ่มลอก เลยได้เห็ฯว่ามีภาพโมเสกแบบนี้นั่นเองงงงง

โอ๊ะ เดินไปเดินมา เจอเจ้าถิ่นด้วยแหละ >.,<


แล้วเราก็เดินข้ามจัตุรัสสุลต่านอาห์เหม็ด
มาที่ สุเหร่าสีน้ำเงิน หรือ บลูมอสก์ นั่นเอง

ชื่อก็บอกอยู่แล้วเนอะ ภายในสุเหร่าก็จะเต็มไปด้วยกระเบื้องสีน้ำเงิน


ปัจจุบันยังเปิดให้ประกอบพิธีทางศาสนาอยู่ ถ้าจะไปกะเวลาดีๆนะจ้ะ

หลังจากไปชมที่เที่ยวบนดินแล้ว ตอนนี้เราก็ไปใต้ดินกันจ้า
สถานที่ต่อไปก็คือ อ่างเก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน เป็นอุโมงค์เก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอิสตันบูล
ภายในมีเสาหินอ่อนมากถึง 336 ต้น แต่ที่เป็นไฮไลท์เลยก็คือ
เสาเมดูซ่า ซึ่งถูกตั้งกลับหัว ตามความเชื่อว่าจะกักขังเมดูซ่าไว้

แล้วหลังจากนั้น เราก็ไปชอปปิ้งที่ แกรนด์บาซาร์ ตลาดในร่มที่เก่าแก่ของอิสตันบูล


แต่พอดีช้อปเพลิน ได้รูปมาแค่รูปเดียว แหะๆ

จบแล้วค่ะ รีวิว(?) ของเรา อาจจะงงๆ ล้นๆ ไปบ้าง เอาไว้คราวหน้า จะลงรายละเอียดให้เยอะกว่านี้นะคะ :]

ติดสอยห้อยตาม

 วันพฤหัสที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 10.44 น.

ความคิดเห็น