หวัดดีจ้า มาอีกแล้วจ้าาาาาา มากับชื่อทริปแบบฆ่าตัวตาย พลีชีพมาก แฮร่~
ทริปนี้จะพาไปเวียดนามแหละ
จริงๆทริปนี้เริ่มจากความไม่ได้ตั้งใจ ความงง และเผลอใจล้วนๆ
ว่างไง แล้วเปิดเว็บไปเรื่อย ดันไปเจอตั๋วของ VietjetAir กรุงเทพ – ฮานอย (ไปกลับ) กะโปร 0 บาท!!
เอ้า เหมือนโดนของ หน้ามืดกดเฉย นั่นแหละ เลยเป็นที่มาของทริปนี้..

มาเตรียมความพร้อมกันก่อนไปเวียดนาม


ครั้งนี้เราไปเวียดนามเหนือ จริงๆก็เคยไปมาแล้ว ทั้งไปเที่ยวและทำงาน แต่!! ไปครั้งก่อนๆ โดนหลอก โดนโกงจ้ะ

ฝังใจมาก เจ็บนี้อีกนานนนนนน แต่ถามว่าเข็ดมะ?

ตอบเลย ไม่!! และครั้งนี้มี mission คือ กู จะ ไม่ โดน โกง!

ดังนั้นต้องเตรียมความพร้อมเว้ย!



เริ่ม!



1. เมืองที่เราจะไปในครั้งนี้คือ

ฮานอย-ซาปา

2 สกุลเงินของเวียดนามใช้สกุล ดอง วิธีคิดง่ายๆ 10,000 ดอง = 16 บาท (ใช้ดอลล่าได้นะถ้าใครมี)

3 การเดินทาง พาหนะหลักในประเทศคือมอเตอร์ไซค์ แต่ถ้าเดินทางไกลหน่อยก็มีทั้ง รถเท็กซี่ รถบัส รวมถึงรถไฟ

4 เรื่องข้ามถนนถ้าเดินข้ามถนนที่นี่ห้ามถอยหลังเด็ดขาด!! เดินไปเลยไม่ต้องหยุด รถจะเลี้ยวหลบได้เอง อีกเรื่องคือชคนที่นี้บีบแตรกันแบบ โอ้โห หูจะหนวกแล้วจ้าาาาา อย่าตกใจนะเธอ~

5 ปลั๊กไฟเหมือนบ้านเรา ไม่ต้องใช้หัวแปลงอะไรใดๆทั้งสิ้น

6 เข้าประเทศนี้ ไม่ต้องกรอกใบ ตม. นะ เดินเข้าไปเลย!

7 Internet มี wifi เกือบทุกร้าน แต่ถ้ากลัวไม่ทันใจ แนะนำ pocket wifi จากเมืองไทยกวิ้นใช้บริการของ tripizee สัญญาณดีเลยนะ

8 ถ้ากลัวเที่ยวเองแล้วโดนหลอก ก็ซื้อทัวร์เลย มีหลากหลาย ของกวิ้นพอดีไปรู้จักกับ siam viet travel เลยรบกวนให้เค้าเป็นธุระให้ เค้าสื่อสารภาษาไทยได้ สบายใจ

9 ระวังโดนโกง!! มีสติให้เยอะๆ เช็คตัวเองดีๆ เตรียมความพร้อมตัวเองดีๆด้วยนะ



ถ้าอยากอ่านวิธีเตรียมตัวละเอียดๆ ดูได้ที่ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

https://www.facebook.com/pg/tidsoihoytam/photos/?tab=album&album_id=1218255578268443 เลยจ้าาาา



ตอนนี้ป่ะ ไปเวียดนามกัน!!

Day 1 BKK- Hanoi - Sapa
ก่อนไป เราแวะเอา pocket wifi ที่ได้จองไว้ของ Tripizee ที่สนามบินสุวรรณภูมิ บูธของ tripizee อยู่ชั้น B1 ทางออกไปโรงแรม Novotel หาไม่ยากๆ

ค่าเช่าWi-Fi router ตกอยู่ที่ประมาณ 150 บาทต่อวัน แต่รอบนี้เราได้มาฟรีนะ ต้องขอบคุณ tripizee ด้วยนะฮ๊าฟฟฟ


ข้อดีก็คือมีบริการส่งถึงบ้านหรือติดต่อรับได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ อุปกรณ์ที่ให้มาก็จะมีตัวเครื่อง สายชาร์จ หัวแปลงแบบ universal แล้วก็แผ่นพับคู่มือ อ้อ อีกดีอีกอย่างคือ ถ้าสัญญาณ มีปัญหาสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ให้ช่วยเหลือที่ line@ ได้เลย แง่มๆ

รอบนี้เราเราเดินทางกับ VietjetAir


ซึ่ง VietjetAir

เป็นสายการบินราคาประหยัดที่ขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิเด้อ อย่าไปดอนเมืองนะยะ ตกเครื่องมานี่ฮาเลย

รอบนี้ได้โปร 0 บาทมา 1 เที่ยวเลยประหยัดค่าเดินทางไปได้เยอะ

รวมภาษีแล้ว ได้ตั๋วมาราคา 3,199 บาท

ซื้อไว้นานมาก นานจนลืม ก็บอกแล้วว่าโดนของ 5555

เครื่องออกบ่าย3ครึ่ง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงฮานอยจ้า

ใครมีแพลนไปเวียดนามลองดูได้นะของ VietjetAir มีโปรบ่อยๆ เส้นทางการบินมีบินลงฮานอย / โฮจิมินห์ / ไฮฟอง

อ่ะ แปะลิ้งค์ให้ >> http://www.vietjetair.com/Sites/Web/th-TH/Home

แก ทริปนี้ขอเปิดตัวด้วยเสื้อคู่ เป็นไง เลี่ยนมะ?


แหม ก็เอาให้เข้ากับชื่อทริปไงๆ

พอไปถึงสนามบินก็เย็นแล้ว ออกมาฟ้ามืดพอดี วิธีการเข้าเมืองฮานอยมี 3 ทางนะ ซึ่งใครสะดวกทางไหนก็ลองเลือกดูนะ


1. รถแท๊กซี่ เราตัดออกทันทีเพราะเสี่ยงแก่การโดนโกงมิเตอร์

2. รถ mini van ราคาก็ประมาณ 3-4usd แล้วแต่ความใกล้ ไกล ของโรงแรม วิธีนี้รถจะแวะส่งไปเรื่อยๆตามจุดหมายของคนในรถ

3. Local Bus แน่น๊อน คนรวยอย่างชั้นเลือกวิธีนี้! ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ชิลๆกันไป เรานั่งไปลงป้ายสถานีรถไฟฮานอย

ราคาคนละ 30,000 ดองเองจ้าาา ประมาณ 48 บาทเอง

รถที่เราขึ้นคือสาย 86 เป็นสายที่วิ่งจากสนามบินเข้าเมือง ไม่รู้ว่าคนอื่นขึ้นสายไรกันนะ แต่สายนี้หาง่ายมาก สะดวกสุดๆ


คนเวียดนามที่รู้จักกันแนะนำมา รถจะวิ่งตรงจากสนามบิน ผ่านสะพานลองเบียน ไปผ่านจุดสำคัญๆ และผ่านสถานีรถไฟด้วย

ป้ายรถเมล์หาง่ายมาก เดินออกจาก Terimal ปุ๊ป เลี้ยวซ้าย จะผ่านที่จอด taxi มานิดนึง ป้ายจะอยู่อีกเลนส์ถนน ข้ามไปขึ้นได้เลยเด้อ

รอบรถแต่ละคันห่างกันประมาณ 15-20 นาที

ด้านในตัวรถ มี wifi ด้วยนะ เป็นเหมือน ปอ.บ้านเราแหละ แต่ไม่ซิ่งเท่า นี่คือรูปที่ถ่ายวันกลับอะ แสงมันจะไม่เรียงกันนะ


เราอยากเขียนให้เนื้อหามันเรียงๆกัน เผื่อใครอยากเที่ยวตามจะได้หาข้อมูลง่ายๆ เป็นไง กวิ้นใจดีมะ กิกิ

พอถึงสถานีรถไฟ เรานัดคุณฟ้าที่เป็นคนซื้อตั๋วรถไฟไว้ให้เรา คุณฟ้าผู้ใจดีก็ถามกวิ้นว่า “หิวไหมคะ เดี๋ยวฟ้าพาไปกินเฝอ"


โอ้โห นางฟ้าชัดๆ คุณฟ้าได้ยินเสียงกระเพาะของกวิ้นชิมิ สรุปเลยได้มานั่งโซ้ยเฝอแบบ localๆ แบบนี้นี่แหละ นั่งเก้าอี้ซักผ้าไปอีก 5555

รสชาติโคตรได้ แบบ local เป็นเฝอไก่นะ สังเกตแล้วพวกร้านข้างทางส่วนใหย่จะเป็นไก่ ราคา 30,000 ดอง


อันนี้ดีกว่า เมนูเหมียนโซ๊เป็นวุ้นเส้น รสชาติเค็มๆมันๆ เอ้ย แปลกดีนะ ราคา 35,000 ดอง


กินเสร็จ ก็รับตั๋วมาจากคุณฟ้า ก็แยกย้ายกันไป นี่ร้อนมาก อยากอาบน้ำเพราะเดี๋ยวเราต้องนั่งรถไฟนอนไปซาปา ตกลงนี่จะนั่งรึจะนอนเนี่ยกวิ้น!!!


เออ นั่นแหละ สรุปคือ ต้องหาที่อาบน้ำ ยืนงงๆอยู่หน้าสถานีรถไฟแล้วทันใดนั้นหางตาอิชั้นก็เหลือบไปเห็นป้ายโรงแรม Mango Hotel

เลยเดินหน้ามึนๆไปถามที่ล็อบบี้ พนักงานหน้ามนก็บอกว่าคนละ 60,000 ดองจ้า คิดๆ เออเกือบ100 อืม ก็โอเคนะ งั้นอาบจ้าาาา

ห้องน้ำก็โอน๊าา มีผ้าเช็ดตัวให้ด้วย ไม่ต้องเอาของเราออกมาเปียก แยกหญิงชาย มีน้ำอุ่น แต่ไม่ใช้หรอก ร้อนจะตาย อาบน้ำเย็นสิว่ะ!!!


พิกัดตามนี้นะ https://goo.gl/maps/Dg6qTGgXZnz

เราเดินทางไปซาปาโดยการนั่งรถไฟ จริงๆมีอีกทางเลือกหนึ่งคือรสบัสนอน ถูกกว่ารถไฟนะ ประมาณ250,000 ดอง แต่เราว่าไปรถไฟเถอะ


คือมันได้นอนยาวๆ สบายๆกว่า แอร์เย็น มีปลั๊กให้ชาร์จแบต เห้ย! หนูลูกสบายสุดๆล่ะจ้ะ

รถไฟมี 2 แบบ นะคือของรัฐบาลกับเอกชน เอกชนราคาประมาณ 30-40 usd แล้วแต่บริษัท ถ้าอยากได้ถูกๆต้องของรัฐบาล 18 usd (400,000 ดอง )


เท่านั้น นอนสบายถึงที่หมายในเวลาเท่ากัน

จองออนไลน์ได้ที่ http://dsvn.vn/

แต่ถ้าชอบหรูอยู่สบายก็ไปดูที่ https://www.hanoisapatrain.com/

PS. ถ้าลำบากไม่อยากจองเอง ให้ agent จองให้ก็ได้ อย่างเราก็ให้ Siamviettravel จองให้แล้วนัดไปเอาตั๋ว

train to SAPA หน้าตาแบบนี้นะ ห้องแน่นหนา มีกลอนให้ล็อกนะ ไม่ต้องห่วงๆ


ลักษณะรถไฟก็จะเป็นตู้นอนแยกแต่ละห้อง ห้องนึงก็จะมีเตียงสองชั้น สองฝั่งแบบนี้ รวมเป็นสี่เตียง มันมีแบบถูกกว่านี้ด้วยนะ


แบบ 1 ห้อง 6 เตียง คือฝั่งละ 3 ชั้น อื้อหื้อออ กวิ้นไม่อยากจะคิด จบคืนแรกบนรถไฟตู้นอน รถไม่มีตู้สเบียงนะ ตุนของไปกินด้วยเด้อ

แต่จะมีรถเข็นขายของเกือบทั้งคืนแหละ สายแ_กไม่ต้องห่วง

Day2 SAPA
เรานั่งรถไฟจาก Hanoi – Laocai รอบเวลา 22:30 - 7:00 น.
มาถึงเช้าพอดี พอมาถึงทุกคนต้องมีสตินะ!!
เพราะเมื่อเราลงรถไฟปุ๊ป จะมีคนมารุมเราแบบ busๆๆๆ mini vanๆๆๆ
คืออออ ตูสวยมาก รู้สึกเป็นที่ต้องการมากจ้าาาา
แต่นั่นแหละ เราเลือกไปกับป้าคนนึงที่เดินมาขายตั๋วตั้งแต่บนรถไฟทั้งๆที่รถยังไม่ถึงลาวไก
เพราะว่ารู้สึกว่าป้าแกขึ้นมาบนรถได้ แกน่าจะไม่โกงหรอก ตรรกะไหนไม่รู้ว่ะ 5555

เราไป Mini Bus ราคา 50,000 ดอง ลองแอบๆฟังเจ้าอื่นก็ราคานี้นะ


ไปดูจากที่โรงแรมก็ราคานี้ ดังนั้นถ้าใครเสนอราคาแพงกว่านี้อย่าไป!

Lao cai อยู่ห่างจาก Sapa ต้องนั่งรถต่อไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมงนะ เราไปถึงซาปาตอน 8 โมงเช้า

ไปถึงก็เดินหาที่พัก โรงแรมที่เราพักชื่อ Phuong Nam Hotel


หาจาก Booking.com ฮะ ราคาดี วิวดี๊ดี อ่ะ เอาเป็นว่าคือที่พักราคาพันนิดๆ แต่วิวหน้าห้องราคาหลักล้านเด้อคร่าาาา

ได้ดีลราคาห้องคืนละ 1,116 บาท รวมอาหารเช้า มีระเบียงห้องแบบเชื่อมต่อเดินอออกมาชมวิวได้ด้วย

ตอนไปถึงห้องยังไม่พร้อมให้เช็คอิน เค้าเลยให้เราเอาของฝากไว้ ห้องที่เปิดไว้เก็บกระเป๋าแล้วให้เราอาบน้ำได้ ใจดีจังเลยค่า~


วันนี้เริ่มทริปตอนประมาณ 9 โมงครึ่ง หิวๆเลยเดินหาไรกิน มาจบร้านเฝออีกแระ 5555


รอบนี้เฝอหมู แล้วสั่งหมูย่างมาเพิ่ม อร่อยมากๆ


มือนื้โดนไป 170,000 ทำไมรู้สึกแอบแพงว่ะ =.,= กินข้าวหมดเป็นแสน

อ้อ แต่คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 270 บาท อืม แพงว่ะ 5555

เราตั้งใจจะเช่ามอไซค์และขับไปเที่ยวตามจุดต่างๆ ตอนแรกก็ถามโรงแรมว่ามีให้เช่ามั้ย


แต่ดันจังหวะไม่ดี รถของโรงแรมหมด เค้าเลยบอกให้เราเดินไปหาที่ตรงจตุรัสก็ได้

พอดินมาก็เจอมอ'ไซต์จอดๆอยู่ ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่าเขาให้เช่ามั้ย

แต่ว่าพอป้าเจ้าของวิน (ต้องเรียกไงอะ เรียกป้าเจ้าของวินแระกัน)

เห็นเราสะพายเป้ แขวนกล้อง เค้าพุ่งมาหาเราเลยจ้าาาา

มอเตอร์ไบ้ท์ๆ นั่นแหงะ!! ชัดเลย

เราก็ถามราคากันไป สรุปได้ราคามา 5usd ค่าเช่ารถ

แต่ตอนแรกที่โรงแรมบอกเราว่าต้องไปเติมน้ำมันเอง ซึ่งปั๊มน้ำมันมีตั้ง 1 ปั๊มถ้วน

ตอนนั่งรถมินิแวนมาแอบเห็นคิวรอเติมน้ำมันยาวมว๊ากกกก เลยถามป้าแกว่ามีน้ำมันมะ

ป้าบอก มีจ้า พร้อมชูแกลลอนน้ำมันขึ้นมา!! เออ ยอม ป้าคิดเราอีก 3 เหรียญสำหรับน้ำมันเต็มถัง

ตอนนั้นลืมคิดว่า ไม่น่าเติมเต็มถังหรอก ไม่ได้ใช้เยอะขนาดนั้น แต่ไม่เป็นไร ผ่านไปแระ

จุดแรกเราขับไปเที่ยวที่ฟานสิปันทันที ถนนที่ซาปาค่อนข้างเล็กนะ ขับก็ระวังๆน๊าาาา


บ้านเค้าขับกันค่อนข้าง.... ยังไงอะ พูดยังไงให้สุภาพและออกอากาศได้ เอิ่มมม ขับค่อนข้างหวาดเสียวก็ได้ 5555

แล้วทางมันขึ้นเขาลงเขา ทางโค้งทางลาดมาเต็ม ต้องขับแข็งหน่อยนะถึงแนะนำวิธีนี้

วิ่งมาซักพักก็เจอวงเวียนนี้ แปลว่าใกล้ถึงแระ


วันนี้ท้องฟ้าเปิดมากๆ เมฆวิ่งไวสุดๆ สงสัยรีบทำรอบ

Fansipan
เขาฟานสิปันตอนนี้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และเพิ่งเปิดใช้เคเบิ้ลคาร์ตอนต้นปี 2016 นี่เองนะ ใหม่มากๆ
รู้สึกน่าจะเป็นเจ้าของเดียวกันที่สร้างดานังฮิลล์ที่เราเคยรีวิวไปให้โพสนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ https://www.facebook.com/pg/tidsoihoytam/photos/?tab=album&album_id=1069349529825716

จริงๆยอดเขาฟาสิปันเป็น 1 ในลิสต์ของนักเดินป่าเลยนะ คือจะเป็นทริปนอนในป่า2-3วันอะ แล้วปืนเขามาถึงยอด แต่ตอนนี้เปิดคาร์เบิลแล้ววววววว เหมาะกับคนมีเวลาน้อยและสายอ่อนๆแบบเรา


ค่าราคา Cable Car ขึ้นเขา 600,000 ดองต่อคน ประมาณ 960 บาท อืม แพงกว่าค่าเข้าดรีมเวิร์ลอีกง่ะ !


15 นาที ก็เกือบถึงยอดเขาแล้ว อ่ะ สบายยย


cable car ของที่นี่ใหญ่มากกกกก แบบน่าจะจุได้ 20 คนเลย จากที่กะด้วยตาเปล่าของเรา


ระหว่างนั่งเคเบิ้ลคาร์ ก็จะเจอภาพสวยแบบนี้ ~


ถ้าเป็นฤดูฝนน่าจะเขียวชุ่มฉ่ำหัวใจใช่เล่นนะเนี่ย <3


พอลง cable car มาก็จะเจอพวกร้านอาหาร ขายของที่ระลึก ยังจ้ะ ยังไม่ถึงยอดเขา


ต้องเดินขึ้นบันไดที่ชันมากย้ำ มาก! เดินไปอีกประมาณ 600-700ขั้น ค่ะคุณเพื่อน!!!

เราแอบเห็นว่าเค้ากำลังสร้างรถราง บริเวณแถวๆใกล้ๆกับสถานีcable car เพื่อไปถึงจุดใกล้ๆกับยอดเขาด้วย คิดว่าน่าจะอีกซักพักน่าจะเปิดใช้


เย้ หลังจากลากสังขารอยู่เป็นชั่วโมงก็มาถึงบนยอดเขา


ชุดคู่แหละแก หมั่นไส้ป่ะ? อืมๆ /ยิ้ม

ตอนถ่ายนี่แบบ ตั้งขา ตั้งเวลา แล้วคือกลัวอยู่ลึกๆ ว่าตั้งๆอยู่ จะมีคนหยิบกล้องวิ่ง แต่ก็ไม่เกิดขึ้น รอดไปค่ะ!

เออแต่เดินเป็นชั่วโมงจริงๆนะ เราไม่ค่อยสบายด้วย ยิ่งเดินไปสูงๆ หายใจไม่ทันเลยใช้เวลาเยอะ

ฟานสิปันเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเวียดนาม เรียกว่าเป็นหลังคาอินโดจีน มีความสูง 3,143 เมตร


จุดนี้ทุกคนก็พร้อมจะถือธงไปโบกๆ ประมาณถึงแระจ้าาาา

ช่ายยย เราก็มาถึงแระจ้าาาาา


แต่บนนี้คือดีมากกกกกกกกกก พิม ก.ไก่ จนปวดมือ


สวยมากๆ อากาศวันที่เราไปค่อนข้างเย็นเลยอะ เมฆวิ่งไวมาก แบบอารมณ์เหมือนได้อยู่บนเมฆเลยอะ

นี่อาจจะเป็นข้อดีของการมาที่นี่ในฤดูหนาว เพราะเห็นบางคนมาตอนช่วงฝนตก หมอกลงจัดมากๆ

แต่เราว่า แต่ละช่วงเวลามันมีความสวยงามในตัวของมันเสมอแหละเนอะ

เก็บรูปความประทับใจจนเต็มอิ่มใจแล้ว ตอนนี้ท้องเราก็เริ่มโหยหาความอิ่มเหมือนกัน


ตอนแรกจะไปกินร้านข้างทาง หากินเอาดาบหน้า แต่ไม่ไหวล้าวววว กินที่นี้แหละ ลองท้องไปก่อนๆ

มีน้ำมะนาวโซดาอีก 2 แก้ว กะชุดไก่ทอดแบบนี้ โดนไป 172,000 ดองจ้ะ


กินเสร็จก็เที่ยวต่อ ขับมอ'ไซค์ไปกันต่อ เราตั้งใจไปที่น้ำตก Silver Water


ระหว่างทางก็เจอจุดแวะถ่ายรูปเยอะมากๆ ยกตัวอย่างแบบภาพนี้เนอะ

ถึงน้ำตก เราก็จอดรถ และ ก็ถูกบังคับให้จ่ายค่าจอด 10,000 ดอง เอิ่มมมม แถวนี้คือจอดปุ๊ป จ่ายปั๊ป


เอ้อ มีผลไม้ ขายด้วยนะแถวนี้ หิวก็ซื้อกินแก้เซ็งไปแล้วกันเนอะ

ค่าเข้าคนละ 20,000 ดองนะ


นี่ไง silver waterfall น้ำตกใหญ่มากกกกกกกกกกกก


คือมันสูงมากๆ คือเห็นตั้งแต่ตอนขับมอ'ไซค์แล้วล่ะว่ามันสูง คิดว่าถ้ามาตอนหน้าน้ำ นี่คงฟินสุดๆ สวยๆสุดๆเลยอะ

หลังจากที่เดินเล่น ดูน้ำตกเสร็จเราก็กลับเข้าเมือง เพราะว่าฟ้าเมืองมืดๆแล้ว


ไม่ชินทางด้วย กลัวจะอันตราย



อีกเรื่องคือต้องกลับมาเช็คอินกะต่อรองเรื่องรถด้วย

พอดีเราเช่ารถแค่วันเดียว แล้วน้ำมันมันยังเหลือเต็มเลยอะ ก็งกอะนะ

แล้วคิดไว้แล้วว่าพรุ่งนี้น่าจะใช้มอไซค์อีกเลยไปเจรจาว่าจะเอารถไปค้างคืนด้วย คือสรุปคิดอีก 6usd

ง่ะ ป้า ทำไมเพิ่มมาเหรียญนึงอะ แล้วนี่ก็ต่อรองนานมากกก สุดท้ายก็ต้องยอมจ่าย เพราะเสียดายน้ำมัน =.,=

พอตกลงค่ารถได้ เลยขับไปขับรถเล่น หาร้านอาหารกิน แถวทะเลสาบ บรรยากาศดีมากๆเลยอะ


มีคนบอกเราว่าถ้ามา Sapa ก็ต้องมากินหม้อไฟ ไม่ก็บาบีคิวนะเว้ย


อ่ะได้ เราทำตาม จัดมาค่ะ!!

เราเลือกร้านตรงแถวๆลานจตุรัสกลางเมืองเลย คนดูเยอะ เลยเลือกร้านนี้

บาบีคิวคือ เราไปเลือกๆ ให้เค้าไปปิ้งให้ แล้วเดี๋ยวเค้าจะมาเสิร์ฟเอง

มื้อนี้ หม้อไฟ 1 ชุด (สำหรับ2คน) และบาบีคิวประมาณ 8 ไม้ เบียร์ 2 ขวด

เสียหายไป 550,000 ดองจ้า

อิ่มแล้วก็กลับไปนั่งดูดาว เอาหัวพิงไหล่แฟนกันไป ก่อนจะเข้านอนเก็บแรงไปลุยพรุ่งนี้ต่อ


Day3 SAPA-HANOI
Morning~ วันนี้ตื่นมาอากาศดี๊ดี แสงตะวันยามเช้าส๊วยสวย

เช้านี้กินอาหารเช้าที่โรงแรม แพนเค้กอร่อยมากเลย อ๊ายยยยย


อิ่มแล้วก็ออกเดินทาง วันนี้เราจะไปที่ CAT CAT VILLAGE อ่านว่า กั๊ต กั๊ต


ตอนแรกนี่เด๋อมาก เข้าใจว่าชื่อหมู่บ้าน แคทแคท ที่มันแปลว่าแมวอะ

ถามผู้ชายว่า หมู่บ้านมันมีแมวเยอะเหรอ โดนด่ากลับมาทีนึง ฮ่วย =.,=

ระหว่างทางเจอกังหันมุมดี แวะถ่ายรูปเก็บไว้หน่อย

หมู่บ้านกั๊ตกั๊ต (Cat Cat Village)


เป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในซาปา ส่วนใหญ่ใครที่มาก็ต้องมาแวะ อยู่ใกล้ตัวเมืองด้วย

เสียค่าเข้านะ 50,000 ดอง แต่ถ้าเอามอ'ไซค์มา แน่นอนคุณจะโดนค่าจอดอีก 10,000 ดอง

ภายในหมู่บ้าน มีงานฝืมีอขายตามทางเดิน พวกผ้าทอ กระเป๋าถัก บลาๆ จริงๆที่นี่เป็นหมู่บ้านของชาวม้งนี่หล่ะ


ที่นี่มีครบทั้งชาวเขา เด็ก ควาย หมู นาขั้นบันได น้ำตก สะพาน เดินวนไปค่าาาา


มีคู่รักด้วยว่ะ หมู่บ้านนี้ แอร๊ยยยย


ที่หมู่บ้านนี้เส้นทางเดินวงกลมนะ เข้าได้2 ทาง ถ้าใครมามอ'ไซค์แบบเราแล้วจอดรถไว้ก็ต้องเดินวนเป็นวงกลกลับไปอยู่ดี


อ่ะหันกลับไปมองที่เราผ่านมา โอ้โหหหหหหห ชันดีนะตอนมาเดินลง แง่มๆ

เดินสุดทางของหมู่บ้าน ก็เจอกับสะพาน และวินมอเตอร์ไซค์ พวกนางโคตรตื้อเลยอะเอาจริง


เดินขึ้นเนินมาแระ นางก็ยังจะขับมาตื้อ นี่บอก No!! I can walk!! นางก็บอก 2km farๆ ไม่ค่ะ กวิ้นจะเดิน!

จริงๆมันไม่ถึง 2 โลนะ คือตามแผนที่มันก็ เกือบๆโลอะ


เดินได้นะ ถ้าใครมีแรงก็เดินเลย อย่าไปขึ้นเลยมอ'ไซค์ เปลือง!!

ผู้ชายบอก ถ่ายรูปกันๆ แล้วไง มันถ่ายรูปเดียวแล้ว ไม่มีแก้ด้วยนะ ไหนหน้าตู =.,=


เดินกลับมาเอามอ'ไซค์ที่จอดไว้ แล้วก็ขับเข้าเมืองไปหาไรกิน แถวๆรอบทะเลสาบ


ทะเลสาบตอนกลางวันนี่ก็สวยดีเนอะ

เห็นมีตู้ ATM ก็อยากลองกดเงินดู ความอยากรู้อยากเห็นอะเนอะ


สรุปคือ กดได้จ้ะ ไม่ยากด้วย แต่มีค่าธรรมเนียม 100 บาทไทยนะ ใครกลัวเงินไม่พอก็ลองมองๆหาตู้กดได้เลย

เราขี้เกียจ เดินหาร้าน+หิวมากๆ เลยเอาร้านแรกที่เจอ แอบแพงไปนิด แต่ก็รสชาติใช้ได้


สั่งมา2เมนู คือปลาทอดกะต้มยำหอยที่มีสัปปะรดอยู่ เอิ่มมมม และ ข้าว2 จาน น้ำอัดลม2 ป๋อง โดนไป 230,000 ดอง

วันนี้ต้องลาซาปาแล้วนะ


คราวนี้เราซื้อตั๋วรถไปลาวไกกับที่พักนะรอบนี้ ราคาเท่าขามาเลย 50,000 ดอง

โรงแรมบอกรถออก5โมงดูนาฬิกามีเวลาเหลือ เลยเดินเล่นในเมืองอีกนิดหน่อย

โบสถ์ เรียบๆ แต่สวยจัง

ประมาณ บ่าย3 ครึ่ง เราก็เดินกลับไปโรงแรม อาบน้ำที่ห้องส่วนกลางของโรงแรม


เตรียมตัวนั่งรถไปสถานีรถไฟ Lao cai เพื่อกลับฮานอยกัน

รถตู้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงลาวไก นี่นะ หน้าตารถตู้ที่นั่งมา สบายดี เบาะใหญ่ไม่เบียด


ส่วนเหลืองๆนั่นรถบัส อีก1 วิธีเดินทาง ลาไก-ซาปา ราคาไม่รู้คร่า~ ไม่ได้ใช้บริการเลย

เราหาร้านข้าวกิน สรุปจบข้างๆสถานีเลย อร่อยมาก ผิดคาดสุดๆแก จานใหญ่เว่อร์ด้วย


เป็นเส้นแบนๆ ผัดกะเนื้อ สั่งมา2จาน เบียร์อีก 2 ขวด หมด 200,000 ดอง

คืนนี้เราเลือกรถไฟ Laocai – Ha noi รอบเวลา 20.30น


จะถึงฮานอยประมาณ 05.00 น. นอนกันไปยาวๆ พรุ่งนี้ลุยเที่ยวกันต่อ

ฮานอยรอเราอยู่!!

Day4 Hanoi - Ninh Binh
วันนี้เราซื้อ One day Trip ไว้จาก Agency นั่นแหละ จะออกไปเที่ยว ตามก๊อก หรือที่คนไทยเรียก ฮาลองบก!!
ถึงสถานีรถไฟฮานอยประมาณตีห้านิดๆ ง่วงก็ง่วง เดินออกมาเจอแท็กซี่รุมอีกค่ะ
ตอนแรกมีคันนึงบอกจะเหมาพาไปราคา 200,000 โห ไมแพงจังอะ ดูแล้วโรงแรมใกล้ๆเองนะ ไม่เอาไม่ไป
สุดท้ายเลือกไปมิเตอร์ ไอ้บ้าเอ้ย เลขวิ่งไวมาก น้ำตาจะไหล สุดท้ายค่าเท็กซี่ 300,000 โห โห โห ไม่น่าเลยกวิ้นเอ้ย!!!

แล้วมาถึงโรงแรม พีคมากค่ะ โรงแรมปิด !!
เห้ย ไปเที่ยวมาก็เยอะนะ ไม่เคยเจอการปิดประตูของโรงแรม คืออารายยยยยย
สรุป เคาะเว้ย เคาะซัก2-3ที มีคนเปิด หน้าตาง่วงๆ
เฮ้อ~ รอดไปค่า
เรายังเช็คอินไม่ได้ ก็ฝากของ จัดการตัวเองแล้วเตรียมตัวไปเที่ยวกัน
Agency นัดเราให้ไปขึ้นรถที่ Opera House เปิด map ดูไม่ไกลมา เดินไหว เลยเดิน

ถึงแระ Hanoi Opera House ปัจจุบันใช้เป็นที่จัดแสดงดนตรี คอนเสิร์ต ต่างๆ แต่เราไปถึงเช้าไง


ยังไม่เปิดเลย เพิ่ง7โมงเองอ่า งั้นหาร้านกินข้าวก่อน

เดินเลี้ยวๆ วนๆ รอบโรงละคร มาเจอร้านข้างทาง ที่ไม่ใช่เฝอ น่ากินดี แวะเลยหิว!


เส้นเป็นเหมือนขนมจีนอะ แต่เล็กกว่าหน่อยแล้วไม่เหนียว ใส่ไก่ฉีก ลูกชิ้นหมู อร่อยดีนะ ถ้วยละ 35,000ดอง

กินเสร็จเหลือเวลาอีกแระ หันไปร้านตรงข้ามมีร้านกาแฟ เออ แวะๆ กาแฟ 2 แก้ว 50,000 ดอง


ถึงเวลาก็เดินกลับมารอขึ้นรถไปเที่ยว


จะมีรถมาจอดแบบตบไฟฉุกเฉิน แล้วไกด์วิ่งลงมาถามชื่อเรา พอใช่ ก็โดดขึ้นรถเลย เออเว้ย ง่ายๆแบบนี้แหละจ้า

รถที่มารับเป็นรถตู้ คันเล็กกว่าที่นั่งลาวไก-ซาปานะ


One Day Trip ของเราได้มาในราคา 20 usd (อันนี้เป็นราคาโปรโมชั่นที่กวิ้นได้มานะพอดี ส่วนราคาปกติอยู่ที่30usd จ้ะ)

ราคานี้คือ

1. ค่ารถไป-กลับฮานอย

2. ค่าอาหารกลางวัน

3. ค่ากิจกรรมต่างๆ (ค่าเข้าฮวาลือ ค่านั่งเรือตามก๊อก และ ปั่นจักรยาน )



ซึ่งเราซื้อกับ siamviet travel ไม่แน่ใจว่าที่อื่นราคาเท่าไหร่ แต่ดูๆแล้วราคาจะเริ่มที่ 22 usd นะส่วนใหญ่

โดย one day trip เนี่ยจะเริ่มตั้งแต่เวลา 8.00 น แล้วจะกลับถึงฮานอยประมาณ 19.00 น

เดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงก็เกือบถึงที่เที่ยวแระ แต่!!!


รถยางแตกค่ะ ฮัลโหลลลลลล คือรายยยย

เปิด map ดู อีก 5 โลถึงที่เที่ยวไง ทำไมอะ แงงงงงงง

ดีนะที่ทริปนี้ผู้ชายเยอะ ก็ช่วยๆกันเปลี่ยน 20 นาทีได้อะ เฮ้อ รอดไปค่ะ~

และแล้วเราก็เดินทางมาถึงที่แรกใน list วันนี้


ฮวาลือ (Hoa Lu) ตรงนี้เป็น เมืองหลวงเก่าของเวียดนาม

ก่อนที่จะย้ายไปที่ฮานอย ก็มีประวัติยาววววววววว ไกด์จะเล่าให้ฟังตลอดเลยนะ ได้ความรู้ไปประดับบารมี

พ้นซุ้มประตูเข้ามาแล้ว มาเริ่มเที่ยวที่แรกกันที่ วัดดิงห์ง (Dinh Temple)


จากที่ฟังๆไกด์เล่า วัดนี้ราชินี Doung Van Nga ได้สร้างขึ้นให้กับกษัตริย์คนที่ 1 (King Dinh) ผู้เป็นสามี

เป็นวัดเก่าแก่ที่ถูกปฏิบูรณะมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง

วัดที่สองที่อยู่ไม่ห่างจากกันมาก อยู่ทางด้านขวาของวัดแรก ระหว่างทางจะผ่านวิวแบบนี้ด้วย


วัดที่2 วัดเลฮวาน


(Le Temple) เป็นวัดที่สร้างขึ้นให้กับกษัตริย์ราชวงศ์เล วัดนี้จะคล้ายๆ กับวัดมะกี้เลย แต่เล็กกว่าหน่อย

เดินถ่ายรูปไปสักพัก ไกด์ก็เรียกให้กลับ เพราะถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้ววว ก่อนขึ้นรถเจอแพะภูเขาด้วยแหละๆ


ข้าวเที่ยงเป็นบุฟเฟ่ต์ ซึ่งเราไม่ได้ถ่ายรูป เพราะหิวมากๆ


มากจนลืมไปเลยว่ะ 555555

แต่รสชาติดีนะ อร่อยเลย มีหลายเมนู กินอิ่มแล้วก็เที่ยวต่อ ที่ต่อไป พวกเราไปล่องเรือตามที่ตามก๊อก!! (Tam coc)

หรือที่คนไทยเรียก ฮาลองบกนั่นเอง

เรือเล็กๆ นั่งได้ 2 -3 คนไม่เกินนี้ โดยเรือจะล่องไปตามแม่น้ำ Ngo Dong ให้ชมวิวไปตามแม่น้ำ


เรือที่นี้เป็นเรือถีบนะ คือ ถีบจริงๆนะเว้ย ดูรูปได้ 5555 คนพายจะนั่งใช้เท้าถีบไม้พาย ไม่ใช้มือพาย ทุกลำเลยอะ …เท่ว่ะ แค่เห็นก็เมื่อยแทนล่ะ

วิวไปตามแม่น้ำ สองข้างถ้ามาตอนช่วงยังไม่เกี่ยวข้าวก็จะสวยมากๆ เพราะเราเห็นต้นข้าวเต็มไปหมด


แต่ถึงไม่มีนาข้าวให้ดู บรรยากาศก็ยังดีอยู่ดีอะ แดดมันแรงนะ แต่ลมพัดเย็นๆ เคลิ้มดี

ลุง หลบซิ อยากนั่งหน้า อยากได้รูปแบบฮิปๆ ด้านหลังเก๋ๆ


หลังจากงอแงจะนั่งหัวเรือ ก็เลยได้รูปสวยๆแบบเน้~


คุณผู้ชายบอกสวยจังเลย หันหลังแล้วส๊วยสวย =.,=

บรรยากาศดีมากจริงๆ น้ำโคตรใส เห็นสาหร่ายด้านล่างด้วย ตลอดทางจะมีอะไรให้ดูตลอด ธรรมชาติสุดอะไรสุด


มีฝูงนกกะยางด้วยอะ (ใช่นกกะยางมั้ยว่ะ 555 ) มีภูเขาที่เล็กใหญ่สลับๆกันไป

ระยะทางทั้งหมดประมาณ 7 กิโลเมตร โดยคนพายเรือ จะพาเราไปลอด 3 ถ้ำ (ถ้ำ Hang Ca, ถ้ำ Hang Hai และ ถ้ำHang Ba)


เป็นโขดหินย้อยลงมาต่ำๆ สนุกดีนะ

หลังจากที่เรานั่งชมบรรยากาศสองข้างทางอย่างจุใจถึงสุดทาง คนพายเรือก็พาเรากลับทางเดิม


รู้สึกชอบที่นี่นะ ธรรมชาติดีมากๆ สวยดี ขนาดตอนไป อากาศก็ค่อนข้างร้อนเล็กน้อย แต่ธรรมชาติที่เห็นมันลบความร้อนออกไปหมดเลยอะ

เออ แต่อยากจะเขียนเตือน ใช้คำนี้เลย คือพอไปสุดทางจะมีเรือแม่ค้าที่จอดอยู่ พายเรือมาประกบเราทันที


และนางจะพยายามขายทุกอย่างที่นางมีให้เรา ไอ้บ้าเอ้ย บอกไม่เอาๆ ก็ตื้อจนแบบ เออก็ได้ว่ะ!

ซื้อให้ตัวเองไม่พอ ตื้อให้เราซื้อให้คนพายเรือเราด้วย นี่ก็แบบ ก็ได้ นางงามไง คิดว่าคนพายก็เหนื่อยแหละ เลยซื้อให้ด้วย

แล้วพอพายกลับมาถึงจุดลงเรือ คนพายเรือมาขอทิปอีก 1 ดอลล่าๆ อ่า~ ลุง แล้วน้ำที่หนูซื้อให้ลุงมะกี้ นี่ลุงไม่นับเลยหรอ

อันนี้แล้วแค่ใครจะให้ไม่ให้นะ แต่เราไม่ได้ให้อะ เราไม่มีแบงค์ย่อยๆแล้วด้วยแหละ บายค่า~


แล้วอีกอย่างที่คิดว่าโดนกันทุกคนแน่ๆ คือจะมีเรือดักซุ่มคอยถ่ายรูป อย่าไปยิ้มให้นะเว้ย!!! ไม่งั้นแกจะได้รับรูปและเสียเงินให้ป้าแกแน่ๆ



และกิจกรรมต่อไป ไปปั่นจักรยานค่ะ! กิจกรรมนี้ขึ้นอยู่กับความสมัครใจนะ

ไม่ไปก็ได้ นั่งรอสวยๆอยู่ที่ร้านอาหารที่ทัวร์ติดต่อไว้ แต่มาทั้งที…ก็ต้องเอาให้สุดป่ะ?

บรรยากาศสองข้างทางเป็นทุ่งนา แต่อย่างว่านะ นาถูกเกี่ยวไปหมดแล้ว ก็เหลือประมาณน้แหละ แต่วิว ภูเขาก็ยังสวยอยู่ดี


สุดทางที่เค้าให้เราปั่นไปจะมีเจดีย์ ตอนแรกจะเข้า แต่มีคนละคิดเงินค่าจอดจักรยานอีกหมื่นดอง อ่ะ งั้นจอดถ่ายรูปตรงนี้แหละ ไม่ลงเว้ย ไม่จ่าย!!


หลังจากยืนคร่อมจักรยานถ่ายรูปเสร็จก็ปั่นกลับไปคืนจักรยาน จากนั้นก็ขึ้นรถกลับฮานอย


ขอไกด์มาลงแถมที่พักย่าน Old Quarter ประมาณ 20.00 น.

มีเหตุนิดหน่อยเลยช้าค่ะ ฝรั่งที่ไปทัวร์เดียวกับเราทำกระเป๋าเงินหาย รถเลยได้ออกจากตามก๊อกช้า

สงสารอ่า ฝรั่งหล่อด้วย /ป้าป โดนผู้ชายข้างตบหัวทิ่ม =.,=



นี่เล่าเรื่องที่พักยังนะ? เออยังแน่ๆ 555

ที่พักฮานอยของเราคืนนี้

'Hanoi Amanda Hotel' ค่ะ ที่นี่จะใกล้กับที่เที่ยวหลายๆที่ เราจองจาก booking เหมือนเดิม

ได้ราคา คืนละ 728 บ. ได้ห้องใหญ่เฉยเลย โรงแรมนี้เดินทางสะดวก ฝั่งตรงข้ามมีมินิมาร์ทเปิด 24ชั่วโมงด้วย

เก็บของเข้าห้องเรียบร้อยก็ออกไป ทั่วฮานอยไนท์กันเล้ยยย > <


จริงๆแถว Old Quartier คือย่านใจกลางเมือง มันเป็นแหล่งกิน มีที่เที่ยว หรือจะช้อปก็มี

ซึ่งที่พักก็หลายราคา มีตั้งแต่ hostel ไปจนถึงโรงแรม ลองหาที่ชอบที่ถูกใจกันดู ที่สำคัญวันนี้เราจะไปซอย “Ta Hien"

ห้ามพลาดจ้าหนุ่มสาวทั้งหลาย!! มันเป็นซอบที่รวมร้านอาหาร ผับ และบาร์ไว้ด้วยกัน คึกคักสุดๆ ข้าวสารบ้านเราอะจริงๆ ก็นั่นแหละแก

แล้วฟีลแถวนี้คือนั่งเก้าอี้ซักผ้า กินเบียร์ ได้อารมณ์มากอะ มีบารากุด้วยนะ ไม่กล้าลงรูป เดี๋ยวแม่มาเห็นแล้วโดนด่า กิกิ


แล้วนั่งกินๆอยู่มีเรื่องเว้ย คือตำรวจลง ถนนตอนแรกมีแค่ทางเดินเล็กๆเพราะคนนั่ง ตำรวจมาปุ๊ป ทุกคนเบียดเข้ามาติดร้านหมดเลยอะ

แล้วพอตำรวจไปก็ลากเก้าอี้ไปนั่งเหมือนเดิมเด๊ะ เออ ไอ้บ้า ตกใจหมด!

ตอนแรกจะกินปิ้งย่าง แต่ไม่อยากกินเยอะ เลยกินแค่นี้ อร่อย


ไอ้บ้าเอ้ย!!! แต่เบียร์ถูกจริงๆ ขวดนี้ 15,000 ดอง แต่มันจะมีแบบขายเป็นแก้วเว้ย แก้วล่ะ 10,000 ดอง

แบบ บ้าไปแล้ววววววว เอาล่ะ วันนี้จบลงที่นี่แหละจ้า

Day5 Hanoi - BKK
สวัสดีเช้าวันใหม่ วันนี้เป็นวันสุดท้ายก่อนที่เราจะกลับไปพบโลกแห่งความเป็นจริง
พอคิดว่าต้องกลับไปทำงานก็.... แงงงง แต่ถ้าไม่ทำงานก็ไม่มีเงินมาเที่ยวนะ ฮึบไว้ๆ T-T

วันนี้เราต้องบินกลับแล้ว เราบินไฟล์ท 12.25 น.
ควรไปถึงไม่เกินสนามบิน 10.00 น. เพื่อความปลอดภัย
เราตั้งใจไปเก็บภาพโบสถ์สวยๆ และกินกาแฟชิคๆ ก่อนกลับ
เราแบกกระเป๋าไปเลยค่ะ ความแข็งแรงของเราและผู้ชายทำให้การแบกกระเป๋าเป็นเรื่องชิล 5555
ระวังทางต้องผ่านแยกนี้ ด้านหลังเราคือร้าน highland coffee ที่คนส่วนใหญ่ชอบขึ้นไปนั่งชิลๆ จิบกาแฟมองวิวมุมสูงของฮานอย

เดินมาซักพักก็ถึงแล้ว โบสถ์เซนต์โจเซฟ (St. Joseph Cathedral)


โบสถ์โบราณทรง Neo-Gothic ที่ตั้งคู่กับฮานอยมากว่าร้อยปี มาเช้าจัด เค้ายังไม่ได้เปิดให้เข้าไปเลย ได้ข่าวว่าสวยใช่เล่นนะด้านใน

เช้านี้เราแวะร้าน 'Cong Caphe' อยู่ติดกะโบสถ์เลย


ร้านสีเขียวทหาร ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ และของในช่วงยุคสงครามเวียดนาม พนักงานในร้านก็ยังแต่งตัวในธีมทหารด้วย

เมนูที่แนะนำคือ กาแฟมะพร้าว หอมว๊ากกกก เมนูนี้ลงตัวมากๆ ระหว่างกาแฟรสเข้ม กับน้ำมะพร้าวสดปั่น


โอ้โหหอมหวานจริงๆ และครัวซองต์นางหอมมาก จิ้มนมข้น อร่อยสุดๆ มื้อนี้ประมาณ เกือบ 200 บาท เราจำราคาไม่ได้ > <

นั่งกินจนอิ่ม ก็ถึงเวลาขยับตัว ไปขึ้นรถไปสนามบินแล้ว เราต้องเดินผ่าน


ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม หรือทะเลสาบคืนดาบ (Hoan Kiem Lake) ที่อยู่ใจกลางเมือง เพื่อไปขึ้นรถเมล์ สาย 86 ไปสนามบิน noi bai

จริงๆที่ทะเลสาบ จะมีที่เที่ยวยอดนิยมด้วยนะ มี 'วัดหง็อกเซิน / วัดเนินหยก' ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ ไม่ใช่ในรูปของเรานะ


คือเราเคยมาทำงานแล้วถ่ายรายการแล้ว เลยไม่เข้าไปอีก แต่ใครจะไปก็ได้นะ

ไอ้ที่อยู่ในรูปเราอะ เค้าว่ากันว่าสร้างขึ้นเป็นที่อยู่ของตะพาบยักษ์ ที่เป็นตำนานของชาวเวียดนาม

ลองหาอ่านเอา ถ้าอยากรู้ เราไม่บอกหรอก!

ส่วนสะพานแดงๆนั้น สะพานเทฮุก (The Huc Bridge) เป็น สะพานไม้สีแดง มีรูปใกล้ๆแต่ไม่ให้ดู เพราะเราว่าเราถ่ายไม่สวย 55555

ระหว่างนั่งรถเมล์เราก็จะผ่าน สะพานลองเบียน เป็นสะพานเหล็กเก่าแก่สุดของฮานอย คนออกแบบคนคนเดียวกับคนที่ออกแบบหอไอเฟลนะเธอ เราเคยทำข้อมูลมาทำงานเราเลยรู้ 555



ถ้ามีเวลาไปได้นะ เดินชิลๆถ่ายรูปบนสะพาน เอ้อ สะพานจะมีรางรถไฟตรงกลางด้วย ยังเปิดใช้อยู่ด้วยนะ

ส่วนด้านล่างคือกำแพงโมเสค ลวดลายจะเกี่ยวกับประวัติศาตร์ของเวียดนาม ได้ลงกินเนสบุ๊คว่ายาวสุดด้วยมั้งถ้าจำไม่ผิด ลืมง่ะ

แต่ถ้ามีเวลาก็ไปนะ น่าไปจริงๆตรงนี้

นั่งรถมาประมาณ 45 นาทีก็ถึงสนามบินแระ เรากลับกับ VietjetAir เหมือนเดิม


ทริปนี้ดูดพลังมาก แต่ได้ไปทุกที่ที่อยากไปเลย อาจจะเหนื่อยหน่อย แต่สนุกมาก

ขอบคุณผู้ร่วมทริปที่ทั้งฉุดกระชากลากถูกกับให้จบทริปได้ ร๊ากกก



ส่วนค่าใช้จ่าย ตามนี้เลย เราว่าอาจจะมีคนทำได้ถูกกว่าานี้ แต่ว่าถ้าไปเที่ยวต้องเอาให้สุดนะ อย่ากั๊ก อย่าคิดเยอะเลย จริงๆ

ขอบคุณนะที่อ่านมาถึงตรงนี้


เรามีเพจด้วยนะ!! ขอขายของหน่อยจ้า

ติดตามได้ที่ https://www.facebook.com/tidsoihoytam/

อยากถาม อะไรถามมาได้เลยน๊า ตอบได้จะตอบ

กดไลค์กดแชร์ให้กำลังใจเก๊าด้วยน๊าาาาาา อย่าลืมกด See First / ติดดาว เพจเราด้วยน้า จุ๊บๆ

ติดสอยห้อยตาม

 วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.45 น.

ความคิดเห็น