สวัสดีครับเราชื่อนิวนะ
การเดินทางไปภูสอยดาวของเราครั้งนี้เป็นการเดินทางไปครั้งที่สองแล้วหลังจากครั้งแรกเราไปมาเมื่อช่วงกันยา 2018 ขึ้นยอดไม่ได้จ้าาาาา มันเลยแบบติดค้างอะไรอยู่ในใจอะมาแล้วแต่มันเหมือนมาไม่ถึงไงก็ไม่รู้อะ เลยเออเอาวะไปใหม่อีกรอบเลยละกัน
ทริปนี้เราไปคนเดียวนะแต่ติดต่อกะพี่เก่งคนขับรถรับส่งไปอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวแล้วแกจับๆเราไปรวมๆกะคนที่จะไปอีก 3-4 คน หารๆค่ารถกันไปเดี๋ยวรายละเอียดบอกข้างล่างนะ
สำหรับรูปเราจะสลับๆกันระหว่างรูปจากกล้องฟิล์มแล้วก็กล้องดิจิตอลนะแบกไปเยอะ 555555
การเดินป่าภูสอยดาวนั้นมีกำหนดระยะเวลาเปิดประมาณนี้ครับ ช่วง ก.ค. จนถึง ปลายๆ ม.ค. ล่าสุดที่ไปภูสอยดาวปิด วันที่ 15 ม.ค. ครับ แต่ยังไงก็ลองติดตามหน้าเพจอุทยานดูครับว่าเค้าจะเปิดช่วงไหน
เราไปมาสองช่วงฤดูอยากบอกว่ามันก็สวยคนละแบบนะ ช่วงหน้าฝนทางจะลื่นๆหน่อยมีทากป่าวไม่รู้เราไม่เจอเจอแต่คุ่นกัดทีคันไปเป็นเดือนเพื่อนๆระวังกันด้วยนะใส่เสื้อแขนยาวขายาวปิดมิดชิดหน่อย อ่ออีกอย่างที่เป็นตัวชูโรงของภูสอยดาวคือ บริเวณลานสนอะมีดอกหงอนนาคขึ้นเต็มมมมมมมมไปหมดเลยสวยมากๆนะ ดอกหงอนนาคจะบานมากๆช่วงเดือน กันยา จนถึง ปลายๆ พศจิกา พอเลยๆไปดอกมันจะเหี่ยวแล้วค่อยๆตายแล้วอะอยา่างรอบสองเราไป มกรา ก็คือไม่มีแล้วอะเหลือแต่ซากบอกเลย
อันนี้รูปเมื่อตอน กันยา ดอกหงอนนาคกำลังบานนนนนน
อันนี้รูปจากกล้องฟิล์ม
เอาล่ะเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า ภูสอยดาว เป็นภูเขาที่สูงเป็นอันดับ 4 ของ ประเทศไทย โดยสูงจากระดับน้ำทะเล 2,102 เมตร สภาพป่าเป็นป่าที่ค่อนข้างสมบูรณ์มากด้านล่างมีน้ำตกด้านบนก็มีน้ำตกมีแหล่งน้ำข้างบน ที่นี่มีความสะดวกสบายมีห้องน้ำให้เข้ามีน้ำให้อาบ
เราเริ่มเดินทางจาก กทม. นั่งรถที่ หมอชิต ราคาตั๋ว กทม. - ขนส่งพิษณุโลก ประมาณ 200-400 บาทประมาณนี้ เรานั่งมาลงขนส่งพิษณุโลกแห่งที่ 2 เพราะนัดกับพี่เก่งคนชับรถไว้ที่นี่ นั่งรอบ 23.00น. ถึงนู่นประมาณ 6.00น. พอไปถึงก็เจอเพื่อนๆที่หารค่ารถไปด้วยกันนั่งรออยู่แล้วหล่ะ เป็นเราที่มาช้าสุดเลยขอโทษคร้าบบบบบ
(ราคาค่ารถรับส่งรอบนี้ไปกลับคนละ 600 บาท หาร 5 คน )
ใครจะติดต่อรถไปอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวหรือที่อื่นๆลองสอบถามพี่เค้าได้
0877330661
0624185110
เก่งบริการ
เอาละคนครบแล้วเราก็เดินทางไปกันที่อุทยานแห่งชาติภูสอยดาวกันเลยยยยย ระยะทางจากขนส่งก็ไม่รู้กี่กิโลอะ รู้แต่ว่านั่งรถไปเกือบๆ 4 ชม. เมารถแถบอ้วกใครสายเมารถแนะนำให้อัดยาแก้เมารถไปเลยนะทางค่อนข้างคดเขี้ยวเอาเรื่อง
ถึงอุทยานประมาณเกือบๆ 9 โมงครึ่ง เตรียมตัวจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำ ลงทะเบียนเข้าอุทยาน
ค่าใช้จ่ายเราประมาณนี้นะ
1.ค่ารถทัวร์ ไป 448 ขากลับ 250
2.ค่ารถสองแถวหารกัน5คน ตกคนละ 600
3.ค่าเข้าอุทยาน 40 บาท
4.ค่าลูกหาบ กก. ละ 30 บาท (ของเราแบกเอง 15 โล ) ฝากลูกหาบไป 7 โล
5.ค่าบัตรกระดาษไว้จดของ 5 บาท
6.ค่าขึ้นยอด 2102 500 บาท
7.ค่ากางเต็นท์ 30 บาท x2=60 บาท
8.ค่ามัดจำขยะ 200 (จะคืนให้ตอนเราลงไปแล้วต้องเอาขยะลงไปด้วย)
9.ค่าถังน้ำกับขัน 20 บาท
10.ค่าของกินเราซื้อพวกไส้กรอกรมควันกุนเชียงหมูหยองไรงี้ไปจะไม่เสียง่าย ประมาณ 300 กว่าบาท
ลงทะเบียนเสร็จก็นั่งรถอีแต๊กไปจุดเริ่มเดินกันเลยยยยย
นี่เลยป้ายจุดเริ่มเดิน ระยะทางตามป้าย 6.5กม. แต่บอกเลยมันเกินวัดจากแอ๊ปมือถือได้ 8.5 โลจ้าาาาา
ทางขวาของป้ายเป็นน้ำตกภูสอยดาวใครขาลงเหนื่อๆอยากโดดน้ำก็ได้นะ
เดินๆมาเรื่อยๆเราจะเจอ เนินแรกก่อนเลย "เนินส่งญาติ" เจอป่าไผ่ก็คือนั่นหละเริ่มชันแล้วแน่นอน 55555
ดูความชันได้ 55555
อะเดินไปเรื่อยๆจะถึงเนินปราบเซียนละ นั่งพักกันก่อนก็ได้นะถ้าใครเหนื่อยแต่สำหรับเราเดินต่อจ้าพักเดะแรงหมด
เหลือระยะทางอีก 5.5 โล แต่ก็ตามนั้นอะที่บอกไปแรกๆบวกเข้าไปอีก 55555
น้าลูกหาบคนนี้แบกของมาเกือบๆสี่สิบโล น้าแข็งแรงมากสุดยอดจริงเราเองแบก 15 โล ยังหลังแถบหัก
ขึ้นมาจากเนินปราบเซียนได้จะเจอจุดพักหนึ่งจุดอะพักกันไปก่อน กินน้ำกินท่ากินหนมตุนพลังกันไว้เยอะๆ
ดีเนอะความเขียวขจี หนีฝุ่น p.m. 2.5 มาสูดอากาศบริสุทธิ์กันเถอะสูดเข้าไปให้เต็มปอดเล้ยยยยยวู้ว
เอาละนั่งพักหายเหนื่อยแล้วเิร่มเดินกันต่อเถอะเดะสายเกิน
เหลือ 3.5 โลละจ้าาา ทนหน่อยบอกตัวเองนี่แหละอีกนิดนึง 555555
ทางเดินที่นี่ชัดมากไม่ต้องกลัวหลงเดินตามทางไงก็ไม่หลงเว้นแต่ว่าแกหลับตาอะมันจะออกนอกเส้นทาง 5555
เราอะเริ่มเดินละแต่น้องๆที่มีด้วยกันนี่ยังนั่งพักอยู่ 55555
น้องๆบอกไปก่อนเลยพี่เจอกันข้างบนพวกผมสายชิว
ระหว่างทางก็จะดอกมงดอกไม้สวยๆงามๆเต็มเลยถ่ายไปเลยถ้ายังมีแรงเหลือ
รูป part ทางเดินขึ้นลานสนช่วงนี้จะเป็นกล้องฟิล์มนะ ดิจิตอลเราเก็บไว้ในกระเป๋า
ระหว่างทางเดินก็จะมีจุดให้นั่งพักกันเป็นระยะๆ พักก่อนก็ได้ถ้ารู้สึกเหนื่อย เดินขึ้นเขาเราต้องมีสมาธิเดินนับก้าวนับลมหายใจตัวเองก็ได้ เช่น หายใจเข้าจมูกออกปาก ทำนี้เรื่อยๆจะไม่เหนื่อยง่าย
ถึงจุดนี้เรานั่งแวะกินข้าวเที่ยวสักแปบนึงแล้วค่อยเดินต่อ
ป้ายบอกทางมีตลอดเป็นระยะๆ
ถึงเนินป่าก่อแล้วถ้าถึงจุดนี้แล้วแสดงว่าเราเดินมาได้เกือบๆครึ่งทางแล้วแหละเหลืออีกสองเนิน สู้ๆอีกนิดนึงเอง
เดินๆ
ความชันมันก็ยังไม่หายไปไหนนะก็ยังชันๆขึ้นเรื่อยๆอะ ขาสั่นกันไป 5555
ประมาณว่าเดินสองก้าวพักที
เอาหละถึงเนินเสือโคร่งละ ตอนนี้เราจะอยู่ที่ระดับความสูง 1,150 เมตร ละ อีก 500 เมตรกว่าๆเอง
(ลานสนสูง 1,633 เมตร)
เงยหน้าขึ้นไปมองอะโหวววววว ชันโคตรก้มหน้าก้มตาเดินไปจ้าาา
ขนาดน้าลูกหาบยังขอพัก่อนอะ 555
ไปๆต่อกันเลยพยายามเดินตามลุกหาบอะศึกษาดูไลน์การก้าวเดินของเค้าอะสนุกไปอีกแบบ
บางช่วงก็จะมีบันไดเหล็กให้เราเกาะแบบนี้
อย่าเดินก้มหน้ามองไปข้างหน้าอย่างเดียวนะลองหันหลังมาดูวิวข้างหลังกันมั่ง :)
นู่นนนนนนนนเราต้องเดินขึ้นยอดนี้แหละ
เย้~~ ลานสนอีก 1.5 โล จ้าาาาาใกล้แล้วๆ
เอาหละถึงจุดพีคที่สุดของที่นี่ละ ดูแค่ชื่อเนินมันดิน่ากลัวเหลือเกิน 55555
อยากบอกว่าจุดนี้ชันที่สุดแล้วถ้าขึ้นลานสนนะ
แวะถ่ายรูปกันหน่อยมีจุดชมวิวสวยๆอยู่ก่อนขึ้นลานสนนิดนึงวิวจะประมาณๆนี้แหละ (วานน้องๆที่เดินเจอกันกลางทางถ่ายให้ 5555)
ถึงแล้ววววลานสนถึงแค่ป้ายนะ ลานกางเต็นท์ต้องเดินไปอีกหน่อย 555555
เราเริ่มเดิน 11.00น. ถึง ประมาณ 17.00น.
(ฟิล์มเราหมดม้วนตรงนี้แหละ 555)
อันนี้รูปจากมือถือวานน้องๆถ่ายให้อีกและมาถึงก็ถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกรายงานโซเชี่ยลหน่อยว่าเรายังสบายดี 55555
ถึงแล้วก็รีบเดินไปจุดกางเต็นท์ไปรับของขากลูกหาบได้เลย รีบกางเต็นท์ทำกับข้าวกันเถอะจะมืดแล้ว
เลือกทำเลกันดีๆตรงนี้ลมโกรกหน่อยอากาศเย็นสบาย
(ช่วงนี้จะตัดสลับมาเป็นกล้องดิจิตอลละนะ)
วิวดีสุดๆ :)
เย็นละทำอาหารกินกันให้เรียบร้อยแล้วรีบเข้านอนเพราะพรุ่งนี้เข้าเรามีนัดกับเจ้าหน้าที่กัน 7.00น. รวมผลคนไปขึ้นยอด
สำหรับอากาศของที่นี่อยากบอกว่าหนาวตลอดเมื่อกันยาเรามาเราว่าหนาวละนะมามกราหนาวกว่าอี๊ก ดูดิแม่คะนิ้งขึ้นเลยอะ ตอนกลางคืนไม่แน่ใจว่าหนาวเท่าไรน่าจะเลขตัวเดียวอะ
เห็นยอดนูั่นไหมไกลๆนั่นเลยยอดที่เราจะไปพิชิจกันวันนี้แหละ
7.00น. เจ้าหน้าที่สั่นระฆังเรียกกลุ่มแรกไปรายงานตัวเตรียมอุปกรณ์ เราได้ไปกลุ่มสองนะเพราะมัวแต่หุงข้าวทำกับข้าวเตรียมขึ้นไปกิน รอบสองคือตอน 9.00น.
เจ้าหน้าที่จะแจกหมวกกันน็อค ถุงมือ และเข็มขัดเซฟตี้ให้คนละชุด
เช็คความพร้อมสภาพร่างกายและอุปกรณ์
ถ่ายรูปรวมกันหน่อย :)
กลุ่มพวกเราโชคดีมากวันที่พวกเราขึ้นกันฟ้าเปิดสภาพอากาศดีมาก
วันที่ไปเป็นวันฑรรมดาคนไม่เยอะมากบวกกับใกล้จะปิดอุทยานแล้วด้วยคนเลยน้อยหน่อย
เริ่มเดินไปจุดแรกกันเถอะเดะสายเกินตอนลงจะลำบากเจ้าหน้าที่บอก
เดินกันเรื่อยๆอ้าวน้องที่มาด้วยกันพื้นรองเท้าหลุดซ่อมกันแก้ขัดไปก่อน
ก่อนออกเดินทางเช็คอุปกรณ์ของตัวเองดีๆนะครับ
พี่เจ้าหน้าที่จะเดินนำและปิดท้ายคอยดูแลความปลอดภัยให้เราตลอด :)
เริ่มใกล้ยอดเข้าไปทุกทีละ
เส้นทางขึ้นยอดประมาณ 2 กม. ดูไม่ไกลนะ แต่บอกเลยโคตรชันนนนนนนน
โปรดใช้ความระมัดระวังในการเดินจ้าาาา
มีป้ายบอกทางตลอด
ระหว่างทางจะเจอใบเมเปิ้ลร่วงอยู่ตามพื้นสวยมากกกกกก
ทางเดินช่วงแรกๆจะชิวหน่อยยังไม่ชันมาก
ทางไหนอันตรายๆดูน่ากลัวจะมีเชือกให้จับตลอด
ชิวไม่ชิวดูเอาเหมือนเดินไปจ่ายตลาดหน้าปากซอยบ้าน 55555
ขอถอนคำพูด เริ่มชันแล้ววะ ชันจังโว้ยยยยยยยยย (เสียงน้องคนนึงตะโกน)
ใบเมเปิ้ลที่ยังไม่ร่วงก้มีนะ
ถึงสถานีที่ 3 ละ ที่นี่มี 10 สถานีด้วยกันนะ
สถานีที่ 4 ละ รูป จะเริ่มน้อยลงเรื่อยๆและพร้อมเก็บกล้องเข้าเป๋าทางมันชันมือต้องคอยจับเชือกเพื่อไต่ตลอดอะ
รูประหว่างทางมันเริ่มจะหายไปเรื่อยๆและเหลือแต่รูปป้าย 5555555
เจ้าหน้าที่เค้าเดินชิวมากอะเดินเร็วเดินนำตลอดฟิตสุดบอกเลย
เริ่มต้องไต่กันเรื่อยๆละ
ถึงจุดนนี้ละมีที่ให้นั่งพักด้วย พักกันสักแปบละกัน 5555
ดูความชันนี้
พักเอาแรงกันสักแปบ
น้องบอสที่บอกกับเพื่อนๆไว้ก่อนขึ้นว่าจะไม่ขึ้นยอดแต่สุดท้ายก็โดนบิ้วให้ขึ้นจนได้เอาหน่ามาแล้วมันต้องเอาให้สุดวะครั้งนึงในชีวิต
น้องสามคนนี้ใจสู้มากและนี่คือการเดินป่าจริงๆจังๆครั้งแรกของน้องๆเอาสะโหดเลย 555
ใบเมเปิ้ลลลลลลล
ขออภัยในความมือสกปรกล้อลุกคลุกคลานมาก 5555
สภานนีที่ 7 แล้วโว้ยยยยยยสู้หน่อยใกล้ถึงแล้วอันนี้บอกกับขาตัวเองที่กำลังสั่นอยู่ สั่นสู้นะ 5555
ใกล้ละๆ ขึ้นมาถึงความสูง 1,947 เมตร ละ
แชะรูปคู่กะป้ายกันหน่อย :)
กว่าจะถึงจุดที่ 9 เล่นเอาหอบเหมือนกัน
ถึงจุดที่ 10 ละจุดนี้ขึ้นยากที่สุดเลยเพราะเราต้องปีนหน้าผาขึ้นไป จะมีเจ้าที่สองคนคอยช่วยเรา คนนึงคอยดึงเชือกเซฟตี้อยู่ข้างบนด้วยเพื่อความปลอดภัยของพวกเรา :)
ถึงแล้ววววว ถึงยอดแล้ว 2,102 เมตร ถึงเมื่อตอน 12.00น. พอดี เจ้าหน้าที่ให้เราอยู่บนนั้นประมาณ สามสิบนาที นั่งกินข้าวเที่ยงนั่งชมวิวกันไป อยู่นานกว่านี้ไม่ได้เจ้าหน้าที่บอกเพราะต้องลงก่อนมืดทางลงอันตรายถ้าลงกันมืดๆ
(เออลืมบอกพกไฟฉายกันมาด้วยเผื่อฉุกเฉินสำหรับเราเอาไฟฉายคาดหัวมา)
โชคไม่ดีพอกลุ่มเราขึ้นไปฟ้าปิดเมฆบังทางชวามองไกลๆนู่นนนนนนนคือลานสนที่เรากางเต็นท์กันแต่ตอนนี้เมฆบังจ้าาาาา
ฟ้าเริ่มเปิดแล้วววว
บนยอดจะแบ่งเป็นสองฝั่งๆไทยกะฝั่งลาวนี่ตอนนี้เรายืนอยู่ฝั่งลาว 555555
กินข้าวกินน้ำ ซึมซับบรรยากาศข้างบนกันจนอิ่มแล้วก็ได้เวลาโบกมือลายอด 2102 กันแล้วเดะลงช้าจะถึงมืดกันพอดี
ขาลงเราเก็บกล้องลงกระเป๋าเลยไม่ไหวเหนื่อยไม่มีอารมณ์ถ่ายแล้ว 55555
ลงถึงจุดกางเต็นท์ ก็ 14.42 พอดี เจ้าหน้าที่บอกทำเวลาได้ดี บางกรุ๊ปลงกันเกือบ 4 ทุ่ม 55555
หันหลังกลับไปมองยอดเหมือนจะมีเมฆมาปกคลุม
กลับมาต้มมา่มากินไปอาบน้ำให้ชุ่มชื่นหัวใจกันหน่อย คืนนี้รอถ่ายดาวกันดีกว่า
เก็บแสงเย็นกันหน่อย
วันศุกร์พอดีมีคนขึ้นมาเยอะพอสมควรพูดคุยถามไถ่กันไปมาใครจะขึ้นยอดไหมครับ สนุกแน่ 5555
เลือกสีเสื้อเพื่อให้ตัดกะสีหญ้าตัวเราจะได้เด่นๆหน่อย
รูปนี้วานน้องๆที่ไปด้วยกันถ่ายเห็นมะไปคนเดียวมันก็ไม่ได้แย่นะเว้ยไปทำความรู้จักผู้คนใหม่ๆเปิดใจไปเดะมีเพื่อนใหม่ๆเข้ามาเองอะ
ที่ถ่ายครึ่งตัวไม่ใช่ไรนะข้างล่างใส่เจเจรองเท้าแตะ เท่ครึ่งบนพอ 555555
แต่ขอเตือนหน่อยนะไม่ควรใส่ขาสั้นเลยเราลืมโดนคุ่นกัดเลย ขาลายอีกแล้วรอบที่แล้วก็โดนไม่เข็ดไง T_T
พอมองจากข้างล่างก็นึกได้ว่าอะโหวเราขึ้นไปได้ไงวะโคตรสูง
พระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน
ขึ้นชื่อว่าภูสอยดาวดาวก็เยอะจริงๆนะ เสียดายช่วงที่เราไปไม่มีทางช้างเผือก
ถ่ายดาวกะเต็นท์หน่อย
พอดีเป็นวันศุกร์คนขึ้นมาเยอะก่อไฟกันด้วยเลยมีแสงรบกวนหน่อยนึงแต่ไม่เป็นไรถ่ายได้ :)
รูปนี้เราเอาไฟฉายมือถือเปิดในเต็นท์ แล้วตั้งค่ากล้องตามนี้
10 sec.
F/2
iso 5000
lens 35mm.
Nikon D750
เช้าละหุงข้าวทำอาหาร เก็บขยะเก็บเต็นท์แล้วเตรียมตัวลงกันเถอะ :)
เอาอะไรขึ้นไปก็เอาลงมาให้หมดเด้ออย่าทิ้งขยะตามทางกันเลยรักษษธรรมชาติกันไว้หน่อย ส่วนตัวเราเดินเจอขยะตรงไหนจะเก็บลงไปทิ้งตลอดเลย
สิ่งที่ต้องเตรียมเมื่อมาภูสอยดาว
1.เต็นท์ (ถ้ามีก็นำมาเองก็ได้) ที่อุทยานมีให้เช่าเต็นท์ติดต่อได้เลย
2.ถุงนอน ที่อุทยานก็มีให้เช่าอีกอะ
3.แผ่นรองนอน(มีให้เช่า)
4.หมอนเป่าลม (มีให้เช่าเป็นหมอนธรรมดา)5.แก๊สกระป๋องหรือแก๊สซาลาเปา (ที่นี่มีขาย)
6.หม้อกระทะไว้ทำอาหาร (มีให้เช้าอีกอะ)
7.อาหารการกินเตรียมไปเลยอยากกินไรก็ซื้อไปแต่ใครไม่อยากเตรียมไปก็มีขายนะหมูทะชุดละ 399 มั้งอิ่มพอตัวอยู่
8.เสื้อกันหนาวกางเกงกันหนาวควรแยกกะชุดเดินป่านะ
แค่นี้แหละมั้งมีไรอีกลองนึกกันเอานะ :)
อ๋อออกกำลังกายกันด้วยนะพกน้ำเยอะๆเพราะระหว่างทางไม่มีน้ำให้กินนะขาดน้ำหละแย่เลย ของกินระหว่างทางที่เราอยากจะแนะนำคือกล้วยตากหรือช็อคโกแลตบลาก้ได้ที่มันให้พลังงานเยอะๆหน่อยอะแต่เราแนะนำกล้วยตากไม่แพงด้วยอิ่มอร่อย
อย่ากลัวการเดินทางคนเดียวลองเปิดใจแล้วออกเดินทางดูยังมีสถานที่ใหม่ๆและเพื่อนใหม่ๆรอเราอยู่เสมอหากเราเปิดใจและพร้อมที่จะออกเดินทาง
" Happiness only real when shared "
กล้องที่เราใช้
Nikon D750
lens 35/ 1.8G ED
กล้องฟิล์ม
Nikon Fe
lens 50/1.4Ai
Nikon L35AF
Film
Kodakcolorplus200
เพจ
run.away
Chatchawarn Photographer
ig norrrniw
run.away
วันพฤหัสที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 เวลา 12.11 น.