นี่เธอๆ หน้าร้อนที่ญี่ปุ่นเค้าไปเที่ยวที่ไหนกันอะนั่นดิ!!!! แต่ไปญี่ปุ่น ทำไมไม่ไปหน้าหนาวอะ
ถ้าไปหน้าร้อนก็อยู่ประเทศไทยไหม๊????นี่เป็นบทสนธนาเริ่มต้นทริปนี้ แบบไม่น่าเริ่มเอาซะเลย
แต่ก็จริงแหละ เราว่าทุกคนก็คิดเหมือนกันว่ามันจะมีอะไรให้ทำ.....
ในหน้าที่อากาศร้อนมากกกกกกกกกแบบนี้
หลายคนคงไปญี่ปุ่นมาหลายรอบ โตเกียว โอซาก้า คงเดินทักกันด้วยภาษาไทยจนชิน
แต่ญี่ปุ่นครั้งนี้ เราพาไปที่นี่ " คามิโคจิ(Kamikochi) "เราหาข้อมูลอยู่นานพอสมควร
ว่าถ้าหน้าร้อน ไม่ได้ไปเดินขึ้นภูเขาไฟฟูจิแล้วจะยังมีที่ที่ทดแทนกันบ้างได้ไหม???
หาไปหามา ก็มาเจอนี่แหละ มันน่าตื่นเต้นตรงที่เราไม่รู้อะไรเลย จะไปยังไง จะนอนยังไง
รู้แค่ว่าไปก่อน เดี๋ยวค่อยว่ากันแต่ได้ข่าวมาว่าร้อนเท่ากรุงเทพเลย ห๊าาาาห็าาาหาาาาาา
.
.
.
.
.
ถ้าอ่านแล้วถูกใจ กดLikeเพจให้ด้วยนะครับ :- )))
PageFacebook : https://www.facebook.com/Workingdaysareover
.
.
.
.
.
...................................................
เราเริ่มต้นทริปนี้ด้วยเมือง nagoya และในใจก็ตั้งเป้าหมายอยู่แล้วว่าจะไป " คามิโคจิ(Kamikochi) "
แต่เราไม่มีข้อมูลอะไรเลย เสียเวลานั่งเล่น - นอนเล่นไป 1 วัน เพื่อการเดินทางไปดูภูเขาลูกนี้
เช้าวันถัดมาเราเตรียมตัวกันแต่เช้าตรงไปที่ Meitetsu Bus Center
อยู่ใน Meitetsu Department store ชั้น 3Fเป็น Bus Cennter ดูดีมากๆ มีห้องให้นั่งรอ
ร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ ห้องน้ำไว้บริการเสร็จสรรพ
มีห้องแอร์ยันประตูทางออก ก่อนจะเดินก้าวขึ้นรถ
.
.
.
.
.
ปลายทางคือ ไปลง Matsumoto bus terminal แต่พอขึ้นรถได้ก็หลับปุ๋ยยยยยย!!!!
แป๊บเดียว หลังจากออกมาได้ไม่นาน รถบัสก็มาแวะพักที่จุดแวะพักกลางทาง
ที่ญี่ปุ่นที่ดีนะครับ ใครที่มาญี่ปุ่นแล้วเคยนั่งรถบัสแบบนี้จะรู้เลยว่า จุดพักรถที่ญี่ปุ่นมีเยอะมาก
คนขับรถจะขับแต่ละรอบไม่นานมาก จำได้ว่ามีคนเคยบอกว่าไม่เกิน 50 นาที
ต้องแวะพัก(ถ้าผิดขออภัยด้วยครับ)
ซึ่งจุดแวะพักแต่ละที่ก็มีแต่ของอร่อยๆให้เราต้องเสียเงิน ตลอดทาง 55555555555
.
.
.
.
.
หลังจากได้แวะพัก ก็หายงัวเงีย
แอบเก็บภาพระหว่างทางมาฝาก
เรียกได้ว่า บ้านเป็นบ้าน หญ้าเป็นหญ้ากันเลยทีเดียว
.
.
.
.
.
ถ้าจำไม่ผิด น่าจะใช้เวลา 3 ชั่วโมง เราก็มาถึง Matsumoto bus terminal
เดิน งงๆ อยู่รอบๆป้ายรถบัสแป๊บนึง หาทางไปขึ้นรถไฟต่อ
ซึ่งสิ่งที่เราต้องทำ คือ นั่งรถไฟ Local ไป Shinshimashima station
ใช้เวลาประมาณ 30 นาที (ค่าโดยสาร 700 เยน/เที่ยว)
ระหว่างที่รอขึ้นรถไฟ เราสังเกตเห็นคนที่มารถด้วยกัน แต่ละคนดูแต่ตัวแบบ
เดินเขา เดินป่า จัดเต็มมากๆแอบเหว๋อๆอยู่เหมือนกัน
ว่าถ้าถึงแล้ว ตัวเองไปต่อไม่ได้ ด้วยการแต่งตัวที่ไม่เข้าพวกนี่ ถือว่ากระจอกมากกกกก!!!!!
แต่กว่าจะถึงหลายต่อเหลือเกิน เดินให้ครบ 10,000 ก้าว
.
.
.
.
.
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง รถไฟก็มาถึงสถานีสุดสายเลยครับ ซึ่งเราต้องนั่ง รถบัสไปต่อ
จากสถานี ไปยัง Kamikochi ไป - กลับ ราคา 4,550 เยน
(เราซื้อตั๋วไปกลับเลย และวางแผนตลอดทางว่าต้องกลับกี่โมง)
แต่ด้วยความเร่งรีบ กับการกลัวไม่มีที่นั่งบนรถบัส รีบจนไม่ได้ถ่ายรูป
.
.
.
.
.
ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ในการเดินทาง แต่เป็น 1 ชั่วโมงที่ โคตรสวยยยยยยยย
ทางที่จะไป Kamikochi เป็นเส้นทางลัดเลาะขึ้นเขา ผ่านทั้งภูเขา ต้นไม้ และเขื่อนต่างๆ
เรายังแอบเห็นคนญี่ปุ่นหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายเลย และเราจะไม่ถ่ายเก็บไว้ได้ยัง
สีรูปอาจดูแปลกๆหน่อยนะครับ เพราะถ่ายผ่านฟิล์มรถบัส
** เตือนไว้ก่อนเลยนะครับ ใครที่เตรียมตัวมาไม่ดีเหมือนผม ต้องดูรอบรถบัสกลับดีๆ
เพราะหากใครไม่ได้จองที่พักที่นี่ หมดสิทธิ์ แต่ก็จะมีลานกางเต็นท์นะ (สำหรับคนที่เตรียมตัวมา)
.
.
.
.
.
เรามาเริ่มเดินกันเลยดีกว่า ที่นี่ดูไม่มีอะไรยากครับ
เท่าที่หาข้อมูลมา เค้าบอกว่า ในหน้าร้อน คนญี่ปุ่นจะชอบพาครอบครัวมาเที่ยวที่นี่
พอดูไปรอบๆก็ท่าจะจริงนะ มีคนมาเที่ยวแบบสไตล์ครอบครัวกันเยอะเลย
หลังจากที่เราเตรียมตัวเรียบร้อย (แอบซื้ออาหารการกินกับน้ำ ไปนิดหน่อย 555555555)
ก็ได้เวลาออกเดินทาง แต่เรามีเวลาอยู่ที่นี่ไม่นานมาก เพราะไม่ได้เตรียมมาเลยว่าจะมาพัก
เราเหลือเวลา อยู่ที่นี่แค่ 1 ชั่วโมง 45 นาที ใช่ครับ เท่านี้จริงๆ
เป็นเวลาที่โครตจะไม่แฟร์สำหรับการนั่งรถมา 6 - 7 ชั่วโมง
แต่เอาวะ ไหนๆมาแล้ว รีบๆเดินเลยแล้วกัน
.
.
.
.
.
ที่นี่ทางเดินจะง่ายๆครับ เป็นช่องทางเดินลูกรัง ไม่ซับซ้อนอะไร และไม่หลงแน่นอน
ระหว่างทางที่เราเดิน ทำไมถึงรู้สึกว่า เราอยู่ในหนังสือยังไงก็ไม่รู้ ทั้งที่อากาศก็ร้อน แถมยังต้องเดินอีก
เดินมาประมาณ 10 นาที ก็เจอกับสะพานคัปปาบาชิเป็นสะพานแขวนที่อยู่เหนือแม่น้ำอาซุสะ (น้ำใสมากกกก)
ทั้ง 2 ฝั่งสะพาน เป็นที่ตั้งของโรงแรม ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก
(อะไรวะ เดินไม่ถึงไหน ก็จะซื้อของที่ระลึกกันแล้ว)
.
.
.
.
.
และแล้ว ภาพที่เราเคยหาข้อมูลใน Google ก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าจนได้
เรายืนถ่ายรูปอยู่ตรงนั้นสักพัก จนลืมไปเลยว่า มีเวลาแค่นิดเดียว
เราเห็นผู้คนเดินผ่านไป ผ่านมาบนสะพาน น้ำที่ไหลผ่านไป อารมณ์ตอนนี้มันน่าไหลไปกับน้ำจริงๆ
รูปมุมนี้อาจเยอะนิดนึงนะครับ อย่าพึ่งเบื่อกันนะ
.
.
.
.
.
หลังจากหลงมนต์เสน่ห์ ของภูเขาลูกนี้ได้สักพัก เราเดินต่อไปยังด้านขวาของสะพาน
ระหว่างทางจะมีลำธารเล็กๆ น้ำใส จนมองเห็นพื้นด้านล่าง
ที่ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะในเมือง หรือจะบ้านนอกก็ตาม ตามลำธารหรือรางน้ำต่างๆ น้ำใสเอามากๆ
(คิดว่าใสจนกินได้มั้ง555555)
เดินเลยไปอีกนิด จะเจอกับลานกางเต็นท์ ซึงหมดสิทธ์สำหรับเรา เพราะความไม่พร้อม
(เดินไปอีกด้านดีกว่า)
.
.
.
.
.
เดินถัดมาอีกฝั่ง มีป้ายบอกว่าต้องเดินเข้าไปลึก 4 km. เรารู้สึกแย่มากๆ
รู้ว่าเดินไปไม่ทันแน่ๆ แต่ก็ยังไม่ยอม ลองดูอีกนิดเผื่อได้เห็นอะไรมากกว่านี้
ระหว่างทางเราสามารถแวะถ่ายวิว ภูเขาลูกนี้ได้เรื่อยๆเลยนะ มันจะออกมาบ่อยๆ จนเราเบื่อไปเลย
.
.
.
.
.
และแล้วก็หมดเวลาสำหรับความพยายาม เราเดินเข้าได้ไม่เท่า
นาฬิกา บนข้อมือ มันเตือนว่า " ตกรถ " 555555555 ซึ่งเรากลัวเอามากๆ
เวลาอยู่ต่างที่ต่างถิ่นแล้วอยากเจอเหตุการแบบนี้เลย 16:30 น. คือเวลาที่ต้องขึ้นรถบัส
ซึ่งตอนนี้เวลา 16:00 น. ถ้าเดินต่อไปอีกหน่อย แม่งไม่ได้กลับบ้านแน่ๆ55555555
เอาวะ กลับก็กลับ ระหว่างทางกลับก็ยังได้แวะร้านขายของทีระลึกนิดหน่อย
แต่ก็นิดหน่อยจริงๆแหละ เพราะไม่ได้ซื้ออะไรติดมือมาเลย
.
.
.
.
.
แต่ถึงแม้จะเป็นทางกลับ ที่นี่ก็ยังอบอุ่นเหมือนตอนเราเดินเข้ามาเลย (แม้จะรีบมากก็ตาม)
เป็นการเดินกลับแบบ เราต้องเหลียวหลังมองตลอด 5555555 มีใครเคยเป็นไหม
แบบว่า ทางที่กำลังกลับวิวข้างหลังมันกำลังจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
เราต้องหันกลับไปเช็ควิวว่ายังเหมือนเดิมอยู่ไหม
เมื่อยคอ กันไปเลยแหละ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า น่าเสียดายจัง มาทั้งที แต่ไปได้ไม่หมด
เราเดินกลับ Bus center อีกทางหนึ่ง เป็นทางเรียบแม่น้ำ แม่งงงงงโครตชิววว
ได้เวลาขึ้นรถกลับจริงๆแล้วครับ เราต้องนั่งรถบัส รถไฟ อีกตั้ง 7 - 8 ชั่วโมง กลับไป Nagoya
กับความรู้สึกที่ได้แต่คิดว่า ตัวเองกระจอกวะ มาได้แค่นี้เอง
แต่ถึงเราจะมีเวลาอยู่ที่นี่น้อยไปหน่อย สัญญากับตัวเอง ว่าสักวันนึง จะต้องกลับมาจบที่นี่ให้ได้
ครั้งหน้าจะไปที่ไหน อย่าลืมกด Like Page ไว้นะ (ถึงจะไม่ค่อยได้อัพเดตก็เหอะ)
เราจะมาเล่าเรื่องอื่นให้ฟังอีก
.
.
.
ถ้าอ่านแล้วถูกใจ กดLikeเพจให้ด้วยนะครับ :- )))
PageFacebook : https://www.facebook.com/Workingdaysareover
.
.
.
ปล.ติชมได้นะครับ ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยครับ
Hexagon169
วันอังคารที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2562 เวลา 17.31 น.