"คามิโกจิ" ... เป็นอุทยานทางธรรมชาติที่ผมคาดหวังความสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในทริปนี้ ... ผมเฝ้าติดตามสถานการณ์ใบไม้เปลี่ยนสีของที่นี่ผ่านทาง facebook, IG, google และอีกสารพัดเพื่อลุ้นว่าช่วงที่เดินทางไป ใบไม้เปลี่ยนสีจะยังสวยไหมเพราะปกติที่นี่จะพีคราวกลางเดือนตุลาคม แต่กำหนดเดินทางของผมเป็นช่วงปลายเดือน ... เหมือนโชคจะเข้าข้าง เพราะปีนี้มีแนวโน้มว่าใบไม้เปลี่ยนสีแถบ Japan Northern Alps จะมาช้ากว่าปกติ ผมจึงตัดสินใจเดินทางไปที่นี่ในวันที่ 25 ตค. 59
ผมต้องออกเดินทางจากที่พักใน เมือง Karuizawa ซึ่งใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง สามารถใช้ทางด่วนวิ่งแบบสบายๆ ... แต่ผมเลือกใช้เส้นทางเล็กๆ ผ่านเทือกเขาและหมู่บ้านเล็กๆ เพื่อชมความงามของธรรมชาติสองฝั่งถนน
เส้นทางช่วงแรกใบไม้ยังไม่เปลี่ยนสีมากนัก
หลังจากกำหนดชื่อเมืองซึ่งเป็นจุดขึ้นรถบัสไปชม Kamaikochi (ที่นี่ไม่อนุญาตให้นำรถส่วนตัวขึ้น) เราก็ออกเดินทางกัน ฟ้าที่ใสๆ ตอนเช้าเริ่มมีเมฆหนาขึ้นเรื่อยๆ และมีแนวโน้มว่าฝนจะตกตรงตามพยากรณ์อากาศ ... ใกล้ถึงจุดหมายตามพิกัดที่ตั้งไว้ ผมเริ่มสังหรณ์ใจเพราะตอนเช็คใน Google map เมืองที่เป็นท่ารถบัสอยู่กลางป่าเขา ไม่ค่อยมีบ้านเรือน แต่รถเรากำลังวิ่งผ่านเมืองที่เจริญมาก เลยซูมดู GPS ที่ตั้งไว้อีกครั้ง ปรากฎว่าเราใส่ชื่อเมืองอีกเมืองที่สะกดเหมือนกัน โดยเส้นทางนี้ตั้งขนานกับเส้นทางที่เราจะไป จุดหมายของเราห่างออกไปกว่า 60 กม. ... ระยะทางดูเหมือนจะน้อยแต่เนื่องจากต้องขับผ่านภูเขาสูง ระยะเวลาที่ Google คำนวณให้คือ 2 ชั่วโมงเศษ!
ผมรวบรวมสติ recheck ค่าพิกัดใหม่ที่ป้อนเป็นตัวเลขเพื่อความชัวร์ จากนั้นก็มุ่งหน้าต่อไปยังจุดหมายโดยไม่เปลี่ยนใจ
ยิ่งเข้าใกล้ภูเขาที่เป็นสีเขียวอมเหลือง เริ่มแปลเปลี่ยนเป็นสีเหลือง, ส้มแดงสวยงามมาก แต่เวลาเรามีจำกัดจึงไม่มีเวลาที่จะจอดถ่ายภาพได้มากนัก เราสามารถทำเวลามาถึงจุดหมายได้ค่อนข้างดี แม้จะช้ากว่ากำหนดการเดิมไปกว่าสองชั่วโมง
แม้จะหลงทาง แต่เส้นทางก็ชวนให้หลงใหลเหลือเกิน
เพื่อให้การเดินทางรวดเร็วขึ้น แทนที่จะรอรอบรถบัส เราตัดสินใจเหมาแท็กซี่ซึ่งให้บริการนำนักท่องเที่ยวขึ้นไป Kamikochi ในอัตราเหมาเที่ยวละ 4200 Yen .. ทั้งนี้คำนวณกับค่ารถบัสไปกลับสำหรับเรา 5 คนก็ไม่ต่างกัน แต่ผมเจรจาให้เขาแวะจอดถ่ายภาพจุดที่สำคัญ และปล่อยผมกับเพื่อนลงเดินเพื่อถ่ายภาพ ส่วนผู้หญิงกับเด็กๆ ให้ไปรออยู่จุดบนสุดบริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและท่ารถ โชคดีมากที่ร้านอาหารตรงจุดจอดรถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี และช่วยคุยกับคนขับรถให้ โดยเหมาไปกลับที่ราคา 8400 Yen โดยไม่ชาร์จค่าหยุดรถและรอเราเพิ่มเติม ทั้งนี้มีข้อตกลงเล็กน้อยว่าเราต้องเดินกลับมาถึงท่ารถตอน 4 โมงครึ่ง
เรานั่งแท็กซี่คันใหญ่ค่อยๆ ไต่ระดับความสูงสู่ "คามิโกจิ" ... สองข้างทางเต็มไปด้วยใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนสีสวยงามชนิดบรรยายไม่ถูก รถวิ่งขนานไปกับลำธารใสโดยมีน้ำตกไหลลงสู่ลำธารเป็นระยะ เสียดายที่ถ่ายภาพไม่สะดวกนักเพราะนั่งอยู่ในรถแท็กซี่ ... แต่คนขับก็ใจดีจอดให้ถ่ายภาพที่จุดสำคัญๆ
จุดสุดท้ายที่ต้องฝากรถเพื่อขึ้นบัสหรือไม่ก็ใช้บริการแท็กซี่
แท็กซี่ใจดีหยุดให้ถ่ายภาพ
ผมกับเพื่อนลงจากแท็กซี่ที่ Onsen แห่งหนึ่งในเขตอุทยาน จากนั้นก็ใช้เส้นทางเดินเท้าเพื่อถ่ายภาพบรรยากาศ "คามิโกจิ" ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาไม่ขาดสาย
เนื่องจากมีคราบน้ำฝนตกใส่เลนส์เกือบตลอด จึงต้องพยายามหาอุปกรณ์บังน้ำฝนอย่างทุลักทุเล การถอดเปลี่ยนเลนส์ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เพราะเกรงน้ำจะเข้ากล้อง ... ความจริงตั้งใจจะใช้ขาตั้งกล้องเพื่อให้ได้ภาพดีที่สุด แต่ในสถานการณ์ขณะนั้นมีเวลาเป็นตัวควบคุมด้วย บางภาพจึงต้องถ่ายแบบรีบๆ
เราเร่งเดินฝีเท้าไป ถ่ายภาพไปจนมาถึงจุด highlight ที่สะพาน Kappa Bridge ตามเวลาที่กำหนดไว้ และสามารถขึ้นรถแท็กซี่กลับตามที่ตกลงไว้กับคนขับได้อย่างพอดิบพอดี
วิวจากบนสะพาน
สถานีรถบัสและแท็กซี่
แม้วันนี้จะเหนื่อย จะหลงทาง จะเครียดกับการขับรถ แต่เทียบไม่ได้เลยกับความทรงจำดีๆ ตลอดการเดินถ่ายภาพทิวทัศน์ของที่นี่ "คามิโกจิ" ... เรียกได้ว่า "สุโค่ย ... กลางสายฝน" จริงๆ
สำหรับเพื่อนๆ ที่ชอบผลงาน สามารถติดตามกันได้ที่ fb เพจ
@นายมด หรือ follow IG @9Mot ... สำหรับรีวิวทริปต่างๆ สามารถชมได้ที่ www.9Mot.com
นายมด
วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 23.04 น.