คุยกันขำๆกับน้องที่ออฟฟิสว่า น่าจะมีทริปที่ไปเที่ยวด้วยกันซักที่นึง และเนื่องจากจะลาหยุดพร้อมกันไม่ได้ ประกอบกับมีช่วงวันหยุดยาวในปีนี้พอดี4วัน ทริปนี้จึงบังเกิดตอนแรก ก็ว่าจะไปเที่ยวน่านหาข้อมูล ที่พัก ที่เที่ยวไปประมาณนึงแล้วนะ แต่ก็มาติดตรงค่าตั๋วช่วงหยุดยาวค่อนข้างแพงเอาเรื่อง ไป-กลับเกือบๆ5พันเลยหรือเราจะไปเมดานเป็นไอเดียของน้องคนนึงเสนอขึ้นมา ในหัวคือ ที่ไหนอะไรยังไงไม่รู้ รู้แต่ว่า ไป!
เที่ยวบิน กรุงเทพ-เมดาน คือ DMK - KNO มี 1 เที่ยวต่อวัน 2ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงแล้วจ้า ความรู้สึกแรกที่แตะพื้นดินคือ ถึงแล้วซินะ สุราษฎร์ธานี
ใช่ค่ะ บรรยากาศมันได้ เวลาไม่ต้องปรับเลยห่างกัน2นาทีไม่มีปัญหา
ผ่านตม.มาอย่างชิลล์ แบบไม่ต้องกรอกเอกสารใดๆ ตม.ถามแค่ มากี่วัน มากับใคร มาทำไม ด้วยภาษาอังฤษสำเนียงแขก ออกมาก็มาเล็งหาป้ายคนขับรถที่มารับพวกเรา ซึ่งน้องได้จองมาตั้งแต่ที่เมืองไทยแล้วผ่านการติดต่อด้วยอีเมล(ซึ่ง2วันก่อนมา ก็บอกให้น้องเค้าส่งเมลไปเตือนที่บ.รถอีกที คืออ่านรีวิวมาว่าส่วนใหญ่โดนเทกันตั้งแต่วันแรก) คนขับของพวกเราคือมิสเตอร์จามิล
หลังจากที่ทักทายแล้ว ประโยคแรกคือ ห้องน้ำไปทางไหน 5555
มีมาตั้งบูทขายโครงการบ้านจัดสรรกันในสนามบินเลยทีเดียว
หลังจากออกจากห้องน้ำก็ตกลงว่าจะซื้อซิมท้องถิ่น1อันแล้วแชร์เน็ทกัน(ซึ่งเป็นอะไรที่พลาดมากเพราะเน็ทที่นี่กากขั้นสุด)เพราะน้องคนนึงซื้อเน็ทซิมมาจากเมืองไทย(สัญญาณดีมากแนะนำเลยใครที่จะมาให้ซื้อมาเลย) ส่วนน้องอีกคนก็ใช้ซิมของอเมริกาซึ่งใช้ได้ทั่วโลกแต่จำกัดความเร็ว(แต่ก็ยังดีกว่าซิมอินโด) ซื้อซิมเสร็จ ก็ยืนรอจามิลไปเอารถมารับ(ซื้อซิมที่นี่แปลกมากซื้อบูทข้างนอก แต่ให้เข้าไปลงทำเบียนข้างใน) ระหว่างรอก็ถ่ายรูปไปเรื่อย
เรทเงินอินโดค่อนข้างคำนวณยากนิดนึง ต้องใช้เครื่องคิดเลขกดตลอด สูตรคือ เงินอินโด (IDR)ตั้ง แล้วคูณด้วย 0.0023 จะเท่ากับเงินบาท(THB) จะบอกว่าก่อนมาก็ไม่ไดศึกษาอะไรเท่าไหร่ น้องบอกแลก5000บาทก็น่าจะพอ เลยแลกมา5200บาท ก็จะได้เงินอินโดมา 2ล้าน3แสน IDR พวกเราตกลงกันว่าจะเก็บกองกลางคนละ 1แสนก่อน รถที่เช่าเป็นtoyota innova กรุ๊ปเรามี 5 คนนั่งกันแบบหลวมๆเลย แถวละ2 ซึ่งแน่นอน เกียร์กระปุกจ้า จากที่อ่านรีวิว หลายๆคนเช่ารถขับเอง ซึ่งในตอนแรกก็กะว่าจะเป็นแบบนั้น แต่พอหาอ่านหลายๆรีวิว และจากที่เจอจริงๆคือ
1.จองรถมาแบบไหน มักจะไม่ได้ตามที่จอง เช่นจองเกียร์ออโต้ ได้เกียร์กระปุก เป็นต้น
2.ถนนแย่ อันนี้จริงประมาณ80% คือรถบรรทุกเยอะมากๆทำให้ถนนเสียแตก เป็นหลุม และถนนมีแค่2เลนสวนกัน
3.วินัยจราจรแย่ อันนี้ที่แท้ทรู คือ พอถนนมี2เลน ก็มักจะแซงซึ่งไม่มีใครหลบใคร ประมาณว่าถ้าอ่อนก็หลบไปลงไหล่ทางไปเลยจ้า และทางก็เป็นขึ้น-ลงเขาเยอะ
4.GPSปักมั่ว อันนี้ฟังมาจากน้องอีกกลุ่มนึงที่ขับรถเอง เค้าหลง2ที่เลย ก็น่าจะเป็นไปได้เพราะเน็ทกากขนาดนี้จะจิ้มผิดจิ้มถูกก็มีความเป็นไปได้สูง
ทั้ง4ข้อที่กล่าวมานี้ จึงทำให้เราตกลงกันว่า เช่ารถพร้อมคนขับเถอะ แพงกว่าเช่ารถนิดหน่อยแต่สะดวก ไม่เพลีย ไม่เสียเวลา
จามิลขับออกจากสนามบินมาก็ขึ้นทางด่วนออกนอกเมืองเลย เพราะแพลนที่เราวางจะสลับกับรูทปกติของคนอื่นเค้าเนื่องจากที่พักเต็ม เราเลยจะยิงยาวไปทะเลสาบโทบากันก่อน แล้วค่อยย้อนมาทางเมืองปาราปัตที่มีภูเขาไฟ
Stopแรกที่เราหยุดกันคือ แผงข้าวหลาม ใช่ค่ะ ข้าวหลามเผากันข้างทาง displayแบบบ้านเราเลย เอามาเรียงๆ ว่าแล้วก็จัดมาชิมซะหน่อย ก่อนแวะถามจามิลก่อนว่าอร่อยมั๊ย จามิลบอกGood good! พร้อมชูนิ้วโป้งจัดมาเลย1หลามอย่ารั้งรอ เค้าจะมาเป็นเอาใบตองพันๆมาก่อนงี้ ใส่กล่องกระดาษไปอีก ราคาจำไม่ได้แล้วแต่ไม่แพงนะ ไม่น่าเกิน2หมื่นIDR ว่าแล้วก็คนละชิ้นนนน
รสชาติแรกที่สัมผัสได้คือ จืด จืดมาก เค็มนิดนึง ออกแฉะหน่อย ลืมความเข้มข้นหวานมันของข้าวหลามบ้านเราไปเลย สรุปคือจบ กินคนละชิ้น(ยังไม่หมดด้วย) และข้าวหลามกล่องนั้นก็ไม่ปรากฎมาให้เห็นอีกเลย RIP.
หลังจากโดนข้าวหลามเรียกน้ำย่อย(เหรอ) ไปแล้วเราก็ได้แจ้งกับทางจามิลว่า อยากกินอาหารที่แบบคนพื้นที่กินกัน ขับมาอีกประมาณ5KM.ก็พบกับ
ร้านอาหารแบบเอาทัวร์มาลง คือไร เข้าใจป่าวเนี่ย เออๆแต่ก็หิวนะ ลองสั่งก่อน2จาน น้ำคนละแก้ว แล้วค่อยไปร้านอื่น(calture shockแรกของที่นี่คือ ทุกคนกินข้าวใช้มือจ้า คือต้องขอช้อนส้อมในทุกร้านที่เข้า) ราคาก็ค่อนข้างแรงอยู่ กับ ข้าวผัด1จาน และผัดหมี่1จาน ข้าวผัดยังดีที่มีไก่ทอด(ผอมๆ)มาให้ ส่วนน้ำเราสั่งชานม (เตซู่ซุ่)ไป บอกคำเดียวเลยว่า รสชาติแบบนมข้นหวานละลายน้ำมาก คือหวานแหลม น้องอีกคนสั่งน้ำส้ม คือ เหมือนเอาไซรัปละลายน้ำมา จบมื้อนี้2แสนกว่าๆ แบบไม่ประทับใจ
กินเสร็จก็เข้าห้องน้ำ รีวิวห้องน้ำของที่นี่คือ สายย่อ ส่วนใหญ่จะเป๋นส้วทซึม นั่งยอง พร้อมขันและถังปูนใส่น้ำ ภาพย้อนไปเมื่อ25ปีที่แล้ว อารมณ์นั้นเลย สำหรับคนที่จะมาต้องทำใจตรงนี้นิดนึง
ออกเดินทางกันต่อ ทีนี้เรากำชับจามิลอีกรอบว่าพาไปร้านท้องถิ่นนะ รอบนี้พูดใส่ Google translateเลยจ้า เพราะคิดว่า ภาษาอังกฤษไม่น่าจะเข้าใจกันได้ละ ขับมาเรื่อยๆในเขตตัวเมืองที่ค่อนข้างพลุกพล่านนิดนึง ชื่อเมืองคือ Tebing tinggi เราก็ชี้ๆ ร้านนี้ๆlocalสมใจจริงๆ ไปยืนๆดู หืมมม เหมือนเค้าเอาจานที่คนกินไม่หมด มาเทรวมงะ ทำไงดีเอาวะ มาถึงถิ่นก็ต้องกินอย่างเค้า เข้าไปนั่งเค้าก็ตักทุกอย่างมาให้ พวกเราก็พิจารณากันว่าอันไหนที่ไม่กินก็จะแยกออกไปซึ่งพอแยกออกไปแล้วของที่ดูว่าพอจะกินได้มีดังนี้
แกงคล้ายๆมัสมั่น(ตอนหลังมาsearchดูมันคือแกงแพะ) ไก่ทอด(อันนี้ดีงาม) กุ้งทอด ไก่สะเต๊ะ(มาแบบจานร้อน มันคือไก่สะเต๊ะแบบบ้านเรานี่แหละแต่ราดน้ำจิ้มถั่วมาเลย) เท่านี้
นอกนั้นคือดูไม่ค่อยปลอดภัยทางรสชาติเท่าไหร่ มื้อนี้ก็ตก2แสนกว่าๆประมาณ2แสน7ได้
อันนี้หน้าร้านเป็นจั่วๆมีถาดอาหารวางเรียงๆเยอะๆเป็นสไตล์ดิสเพลย์ของที่นี่ คล้ายๆร้านข้าวต้มบ้านเราที่เอาวัตถุดิบมาเรียงๆ
จบมื้อนี้จามิลก็พรีเซ้นว่าจะพาไปวัดพุทธ(เดา เพราะแกทำมือไหว้ๆ) อ่ะไปก็ไป ห่างจากร้านข้าว15นาทีก็พบกับบบ
เจ้าแม่กวนอิมจ้า คือเป็นแนวศาลเจ้า ที่มีโรงเรียนโรงทานอะไรอย่างงี้
แล้วที่แปลกคือ มีวัยรุ่นมานั่งพักผ่อน หยอกล้อกันเหมือนสวนสาธารณะเลย(แล้วเป็นชาวมุสลิม) ถ่ายรูปเซลฟี่กัน ทำท่าOKแบบเจ้าแม่กวนอิมไปอีก
พวกเราก็ถ่ายรูปกรุบกริบกัน เพราะไม่มีกิจกรรมอะไรเลย ไหว้เจ้าบนบานต่างๆก็ไม่มีให้ ก็ยิงยาวไปที่ท่าเรือเลยเพราะกลัวไม่ทันรอบเรือ ระหว่างทางมีแวะนิดหน่อย ชมวิว คือแค่นี้ก็สวยมากๆแล้ว จุดที่จามิลแวะให้ก่อนถึงท่าเรือคือที่สุด วิวคือแบ่บ เนี่ยคุ้มแล้ว กลับตอนนี้เลยก็ยังได้
นั่งรถขับวนขึ้นวนลงเขาอยู่อีกประมาณสองชั่วโมง ก็มาถึงท่าเรือที่เอารถเราข้ามไปบนเกาะTuktuk จริงๆก็ไม่เชิงว่าเป็นเกาะ มีทางต่อเชื่อมกับฝั่งอยู่เหมือนกัน แต่จะเป็นอีกฝั่งนึงซึ่งเราจะใช้เป็นทางกลับ พอมาถึงท่าเรือก็จอดรถรอคิวขึ้นเรือซึ่งพวกเราขอจามิลเดินลงมายืดเส้นยืดสายกันบ้าง เดินมานิดนึงก็จะเป็นบูทขายตั๋ว(LOKET=TICKET)
พวกเราเลยเอาบัตรจอดรถที่จะมีกรอกชื่อผู้โดยสารมาซื้อตั๋วขึ้นเรือ *ซึ่งผิด เพราะต้องรอให้เปิดเอารถเข้ามาจอดข้างในก่อนถึงซื้อตั๋วขึ้นเรือได้ เดินๆถ่ายรูปเล่นซักพักก็มีกลุ่มน้องคนไทยเข้ามาทัก ถามเรื่องรอบเรือ ซึ่งอันนี้ก็ฮา คือเค้าไปถามจนท.บอกรอบต่อไป3ทุ่ม(ตอนนั้นเป็นเวลา5โมงครึ่ง) เราก็เฮ้ยรอนานไปป่าวเพราะที่บูทขายตั๋วบอกมีรอบ5โมงครึ่ง เลยเดินไปถามจามิล "three minutes" จามิลตอบพร้อมชู3นิ้ว เราเลยงงไปถามคนขายตั๋วบอก3ทุ่ม สรุป เรือออก3ทุ่มจริงๆ จามิลมั่วได้อีก
เดินมาเรื่อยๆเจอร้านโชว์ห่วย เลยซื้อไอติมกินกัน แล้วก็แจกเด็กๆตรงนั้นด้วย
ไอติมราคา5,000IDR
แล้วไหนๆก็รอนานเลยสั่งข้าวกินตรงท่าเรือนั้นเลย ขอแนะนำร้านนี้ ที่มีบูทขายน้ำส้มคั้นหน้าร้าน แล้วน้ำส้มคือน้ำส้มจริงๆ100%แต่ไม่ได้มีความหวานแบบบ้านเรานะ ออกเปรี้ยวมากกว่า อาหารที่สั้งก็เดิมๆ ข้าวผัด Nasi goreng บะหมี่(มาม่า)ผัด Mi goreng คือคำว่าโกเรงคือผัดนี่แหละใส่ซอสพริก ไร้เนื้อสัตว์เช่นเคย
มีไข่ดาวโปะมา แล้วก็ปลาทอด ร้านนี้คืออร่อยเลย หอมกะทะ ละเลี้ยดลิ้มรสไปได้แปปเดียว จามิลวิ่งมาตามให้ขึ้นเรือ เลยรีบซัดรีบคิดตังเลยจ้า (ขอบอกว่าที่นี่ทำอาหารค่อนข้างช้า ถ้ามาหิวๆแนะนำร้านข้าวแกงมากกว่าอาหารตามสั่ง) พอถึงท่าเรือทุกคนก็ต้องขึ้นบนรถ และขับรถขึ้นเรือตามคิวที่จัดไว้ พอรถขึ้นเรือครบหมด ค่อยออกจากรถได้ หรือจะนั่งอยู่บนรถก็ได้ พวกเราขอออกจากตัวรถดีกว่า ไม่ใช่อะไร ปวดฉี่จ้า เมื่อกี้รีบซะจนไม่ได้เข้าห้องน้ำ บนชั้น2ของเรือก็มีห้องน้ำ ที่นั่ง มีชากาแฟบุหรี่ขาย ได้เจอกับพี่คนไทยอีกกลุ่มนึง ที่เค้าไปปีนเขา+เดินน้ำตกกันมาแล้ว ฟังพี่เค้าเล่าก็ทำให้เราหวั่นๆเค้าบอกว่าขาเดี้ยงกันไป ที่ปีนเขาขาขึ้นไม่เท่าไหร่ ขาลงอันตราย ส่วนน้ำตกขาลงไม่เท่าไหร่ขาขึ้นนี้หอบเลย ส่วนน้องกลุ่มที่เจอที่ลานจอดรถ ตอนไปขึ้นภูเขาขาลงเจอฝนตกเปียกและลื่นมาก พวกเราเลยถามว่าพรุ่งนี้เค้ามีแพลนรึยัง เพราะพวกเราจะไปน้ำตก ที่จะต้องนั่งเรือเข้าไป ถ้าไปหลายคนหารกันจะได้ถูกหน่อย น้องเค้าก็สนใจเลยแลกไลน์กันไว้ติดต่อ นั่งเรือแบบอ้อยอิ่งมาได้ประมาณชั่วโมงนึงเราก็มาถึงท่าเรือ พวกเรากลับไปนั่งบน รอรถจามิลขับขึ้นฝั่งโดยให้รถตรงกลางออกไปก่อนจากท่าเรือก็มืดมากถนนก็คดเคี้ยวขับจากท่าเรือประมาณ2กม. ก็ถึงที่พัก HORAS FAMILY HOME
CREDIT : agoda.com
แต่ก่อนเข้านอนก็ไม่ลืมที่จะสั่งอาหารเช้ากับทางที่พักมีให้เลือก2แบบคือแบบอินโดและแบบอินเตอร์ เลยสั่งมาลองทั้ง2แบบเลยซึ่งราคาก็ไม่แพง ชุดละประมาณ100บาท
SOME ONE LIKE YOU
วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2562 เวลา 15.41 น.