เกาะพยาม


หากพูดถึงเกาะพยาม จริงๆ แล้วเราเพิ่งจะรู้จักที่นี่ไม่นานนัก จากรีวิวที่พักบลูสกาย ในเว็บพันทิพย์นี่หล่ะ ที่เป็นเสมือนมัลดีฟ เมืองไทย อีกแห่งหนึ่ง ในทริปนี้เราเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว เดินทางทั้งหมด 4 คน เนื่องจากทริปนี้เพื่อนเราเป็นคนจัดทริป นี่จึงเป็นทริปแรกที่เราไม่ได้หาข้อมูลอะไรเลย เป็นเพียงลูกทริปที่เที่ยวอย่างเดียว



พวกเราเดินทางในเวลากลางคืนของวันที่ 30 ธันวาคม 2558 ถึงท่าเทียบเรือเทศบาลตำบลปากน้ำ จังหวัดระนอง ประมาณ 6 โมงเช้า จึงขอเริ่มการเดินทางตั้งแต่จุดนี้ไปแล้วกันนะคะ

ท่าเรือที่จะข้ามไปเกาะพยาม จะมีเรือ 2 แบบ คือ เรือแบบธรรมดา กับเรือสปีดโบ๊ท


สำหรับเรือธรรมดาใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง ราคาคนละ 200 บาท

เรือสปีดโบ๊ทใช้เวลาเดินทางประมาณ 35 นาที ราคาคนละ 350 บาท

พวกเราเลือกการเดินทางโดยเรือสปีดโบ๊ท หลังจากซื้อตั๋ว ฝากรถยนต์ เป็นที่เรียบร้อย ก้อรอเวลาเรือออก และพร้อมที่จะออกเดินทางกัน

ในที่สุดก้อได้เวลาลงเรือ ผู้โดยสารส่วนใหญ่ก้อจะเป็นนักท่องเที่ยว โดยเรือสปีดโบ๊ทนี้จะจอดรับ-ส่ง นักท่องเที่ยวที่เกาะช้าง ซึ่งถึงก่อนเกาะพยามด้วย


ในที่สุดก้อถึงเกาะพยาม


พอถึงเกาะพยาม จะเห็นว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่แล้ว เป็นชาวต่างชาติ ที่แบ็คแพ็คมาเที่ยวกัน และจะสังเกตได้ว่าบนเกาะนี้ไม่มีรถยนต์ มีเพียงมอเตอร์ไซด์ และรถแทร็กเตอร์เท่านั้น ถนนที่นี่เป็นถนนคอนกรีต เราว่าถนนที่นี่ขับรถยากนะ เพราะทางแคบมาก


สำหรับแพลนวันนี้เป็นการดำน้ำชมปะการัง 3 แห่ง คือเกาะกำ เกาะค้างคาว เกาะญี่ปุ่น พวกเราจึงต้องนั่งวินมอเตอร์ไซด์ไปยัง แร็บบิท บังกะโล เพื่อเอากระเป๋าไปฝาก และไปดำน้ำกับเจ้าของที่พัก พอไปถึงพี่เขาก้อบอกว่า วันนี้ลมแรง เรือไม่สามารถที่จะออกไปดำน้ำได้ พี่เขาจึงแนะนำแพลนใหม่ให้ คือมีพายเรือพายัค และดำน้ำรอบเกาะ แต่จุดที่ไปจะไม่สวยมาก พวกเราจึงตัดสินใจไปดำน้ำ แล้วค่อยกลับมาพายเรือพายัคกัน ทางเจ้าของที่พักขอเรียกว่าพี่เล็กแล้วกัน พี่เล็กก้อได้ติดต่อเรือที่จะพาไปดำน้ำ และเรียกวินมอเตอร์ไซด์มาให้ เราต้องไปร้าน N&N เป็นร้านมินิมาร์ทในเกาะพยาม ที่มีบริการพาไปดำน้ำ


ทริปดำน้ำของเราก้อเป็นแก็งค์เรา 4 คน คนละ 500 บาท เมื่อพร้อมแล้วเราก้อออกเดินทางไปดำน้ำกัน เวลาที่เราไปดำน้ำก้อสักประมาณ 9 โมงเช้า คลื่นก้อยังแรงอยู่นะ แต่อากาศไม่ร้อนมาก น้ำที่นี่เขียวมรกตมาก นั่งชมวิวไปสักพัก ทางเรือก้อเริ่มเตรียมอุปกรณ์ดำน้ำให้เรา พร้อมอธิบายการใช้ให้นิดหน่อย


บอกเลยจุดพีคของทริปอยู่ตรงนี้ พีคตรงที่เราว่ายน้ำไม่เป็นคนเดียว ตอนแรกเราว่าจะไม่ลงนะ เพื่อนก้อบอกว่าลองลงเหอะ สักครั้งในชีวิต พอดีเราเห็นฝรั่งที่มาดำน้ำก่อน ยืนขึ้น ก้อประมาณเอว เราเลยคิดว่าคงไม่ลึกมาก พอเราลงไป !!! ลึกคร่าาา เสื้อชูชีพทำเราหงายท้อง สำลักน้ำทะเลไปหลายอึก ส่วนเพื่อนก้อไม่ลงค่ะ ยืนถ่ายรูปและขำอยู่บนเรือ เราก้อขำ หัวเราะกันดังมาก ฮาอย่างบอกไม่ถูก สงสารน้องอีกคนที่คอยลากเราไปมา ปลาก้อไม่ได้ดู สักพักก้อขึ้นมาบนเรือ เพื่อไปดูจุดอื่นต่อไป คราวนี้เพื่อนขอแก้ตัวบอกว่าคราวนี้ไม่หงายท้องแน่ ก้อมานั่งปรับเสื้อชูชีพให้แน่นกว่าเดิม


ปรับเสื้อชูชีพยังไม่ทันเสร็จ ก้อถึงจุดดำน้ำที่สอง คือเราต้องลงอีกแล้วหรอเนี่ย รอบนี้เพื่อนมันลงไปด้วย ก้อสอนหลักสูตรดำน้ำแบบเร่งรัด เราก้อบอกว่าไม่เป็นไร ไม่เห็นก้อไม่เป็นไร ลำพังแค่ลอยตัวบนน้ำได้ก้อโอเคแล้ว


รอบนี้เราได้ลองดำน้ำโดยไม่ใช้ ท่อหายใจ หรือ Snorkel เพราะถ้าใช้ท่อหายใจ เราหายใจไม่ค่อยถูก ถามว่าเห็นปลาหรือเปล่า ก้อไม่นะ แต่ก้อสนุกก้อฮาดี แต่พี่ในทริปเดียวกันก้อสนุกกับการดำน้ำ เพราะพี่แกเห็นปลาตัวเล็กๆ พี่แกก้อถ่ายรูปมาให้ดู ปลาก้อประมาณนี้ เป็นปลาตัวเล็กๆ สีดำๆ


หลังจากนั้นเรือก้อพาเรามาที่อ่าวกวางปีป เราว่าอ่าวนี้สวยมาก น้ำทะเลใสมากเลย ชอบที่นี่มากมีโอกาสอยากมาพักอ่าวนี้เลย


จบทริปดำน้ำเป็นที่เรียบร้อย เพราะลมแรง คลื่นแรง เลยทำให้บางจุดไม่สามารถดำน้ำได้ เนื่องจากน้ำขุ่น



ขึ้นฝั่งมาก้อเป็นเวลาเที่ยงกว่า จากสภาพการณ์แล้วทุกคนหิวมาก อาหารมื้อแรกจึงเป็นอาหารง่ายๆ หลังจากทานอาหารเรียบร้อยเราก้อไปเช่ารถมอเตอร์ไซด์ที่ร้านป็อบอาย เพื่อไปเอากระเป๋าและไปเข้าที่พัก ทริปพายเรือภายัคจึงไม่ได้ไป



ที่พักที่เราจะพักคืนนี้ชื่อว่า พยาม สปอร์ต บังกะโล กว่าจะมาถึงที่พักได้ หลงแล้วหลงอีก จนในที่สุดก้อเจอที่พัก

เมื่อถึงที่พักเราก้อเช็คอินเข้าที่พัก ไฟฟ้าที่นี่เปิดให้ใช้ตอน 18.00 น. ถึงเวลา 03.00 น. ที่พักที่นี่จะมีลานกิจกรรม คือลานเปตอง ปาเป้า และมีมุมพักผ่อน และจะมีต้นกาหยู ล้อมลอบ บรรยากาศเงียบสงบ บริเวณรอบๆ จะเป็นร้านอาหาร นวดสปา และมีที่พักใกล้ๆ กันอีก พวกเราก้อพักผ่อนกัน

หลังจากพักผ่อนกันแล้ว ตอนเย็นเรามีแพลนไปดูพระอาทิตย์ตกที่อ่าวใหญ่ เราจึงออกเดินทางไปยังอ่าวใหญ่ พอเรามาถึงพระอาทิตย์กำลังตกดินพอดี


เมื่อเริ่มหิวแล้ว เราก้อมาทานอาหารบริเวณใกล้ๆ ที่พัก โดยการแนะนำจากที่พัก ชื่อร้าน lisa ประทับใจร้านนี้ที่บริการประทับใจ เป็นกันเองมาก และพี่เจ้าของร้านก้อดีใจมาก ที่เห็นคนไทย มาเที่ยวที่เกาะพยาม โดยกลุ่มเราเป็นกลุ่มที่สองที่มาทานอาหารที่ร้านเขา คือสีหน้าพี่แก ดีใจมากจริงๆ พี่เขาบอกว่าเกาะพยาม คนไทยเพิ่งเริ่มมาเที่ยวประมาณสองปี และเริ่มเยอะขึ้นปีนี้ ซึ่งพี่แก เคยไปอยู่มาหลายประเทศนะ และมาประทับใจเกาะพยาม จึงมาอยู่ที่นี่ และได้ถ่ายรูปกลุ่มเราเป็นที่ระลึก และให้เราเขียนคำแนะนำ ติชม ของร้านเขา มองว่าพี่แกใส่ใจ กับการบริการจากร้านเขามาก ถ้าใครพักที่พยาม สปอร์ต บังกะโล หรือที่พักใกล้เคียง ก้อไปอุดหนุน ร้านพี่เขาได้นะ



ทานอาหารเรียบร้อย ก้อเดินทางไปยังปาร์ตี้เค้าท์ดาวน์ ซึ่งเป็นบังกะโลฝั่งตรงข้ามที่พักเรา ชื่อว่า แบมบูบังกะโล พอมาถึง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ เป็นชาวต่างชาติ ซะส่วนใหญ่ เหมือนเรามาต่างประเทศเลยนะ บรรยากาศรอบๆ ก้อคึกคักดี แต่ในความคิดเรานะ บรรยากาศออกไปทางโรแมนติคดี ส่วนมากมาเป็นคู่ ปล่อยโคมด้วยกัน เดินจูงมือกัน นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เรามาเค้าท์ดาวน์ ริมชายหาด บรรยากาศแสนโรแมนติก

หลังจากนันเราก้อมานั่งทานอาหาร เครื่องดื่ม และรอเวลาเค้าท์ดาวน์



5-4-3-2-1 เสียงพลุดัง พร้อมประกายไฟอันสวยงาม ราตรีสุดท้ายของปีนี้ ที่นี่ ช่างสวยงามและมีความสุขนัก

ร่ำลาค่ำคืนนี้ ด้วยประกายพลุ นับร้อย เดินทางกลับที่พักด้วยความปลื้มปริ่มและมีความสุข ราตรีสวัสดิ์ปี 2016



เริ่มต้นวันใหม่ของปี เราต้องร่ำลา เกาะพยาม ดินแดนที่มีความหมาย นึกถึงคำพูดพี่เล็กเจ้าของที่พัก แร็บบิท ที่บอกว่าเกาะนี้ไม่ควรมาวันเดียว ก้อจริงนะ เพราะในเกาะนี้เรายังเที่ยวไม่หมดเลย และแล้วพวกเราก้อลงเรือ เวลา 09.00 น. เมื่อเรือออกเราได้แต่มองเกาะพยาม ห่างไกลไปเรื่อยๆ มีโอกาส เราคงได้พบกันอีกนะ......เกาะพยาม.....ฉันพยายามที่จะมาอีกนะ

การเดินทางของ Simmiee

 วันจันทร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 23.32 น.

ความคิดเห็น