วันนี้ถือว่าเป็นวันดีที่เราจะปล่อยรีวิวทริปม่อนคลุย-ทูเล ที่ถูกดองเค็มมากนานพอสมควร ย้ำ!!ว่าดองเค็ม.

.
.
ทริปนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่22-24 ตุลาคม 2561 เห็นไหมว่าดองเค็มของจริง เอาละมารู้จักดอยที่มีชื่อม่อนคลุย-ทูเลกัน.
"ม่อนทูเล หรือ ภูเขาสีทอง เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในเขตบ้านแม่จวาง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก อยู่เหนือจากระดับน้ำทะเล 1,350 เมตร"
.
.
ถ้าพูดถึงความยากเราให้ระดับความยากที่มากกว่าดอยหลวงเชียงดาวเนื่องด้วยสภาพอาการตอนที่ไปเป็นปลายฝนต้นหนาว ระยะทางการเดิน รวมถึงเส้นทางที่มีความชันประมาณ 80 องศา และเป็นดอยที่เหมาะสมกับชื่อที่กล่าวขานของชาวเดินเขาว่า"ดอยทุลักลุเท"จริงๆ เส้นทางที่ลื่นบวกกับเดินตามไหล่เขาถึงระยะที่ต้องเดินเรียบเขาถึงระยะทางจะไม่ยาวมากแต่ถ้าคือพลาดลื่นลงไปคือ Game over จ้า
.

ดอยทูเลหรือม่อนทูเลอยู่ที่อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก เราเดินทางไปท่าสองยางโดยรถตู้
ออกเดินทางตอนค่ำของวันหนึ่ง และไปถึงเช้าของอีกวัน

เมื่อไปถึง ที่ทำการอบต. ในตอนเช้า (ม่อนทูเล เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดูแลโดย อบต. ของที่นั่น มีการจ้างลูกหาบเป็นคนในพื้นที่ ยังไม่มีนายทุนหรือจนท.ของรัฐเข้ามา ทุกอย่างยังไม่ค่อยสะดวกสบาย แต่ถือว่าเป็นการดูแลจากอบต. ที่ดีมากนะคะ) พวกเราก็จัดการธุระส่วนตัว อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็นั่งรถของ อบต. ไปทานข้าวเช้า ที่ร้านอาหารของคนในชุมชน หลังจากนั้น ก็ออกเดินทางไปยังจุดสตาร์ทค่ะ

การเดินทางช่วงแรกๆ ยังชิวๆ อยู่ ชมนกชมไม้ชมทุ่งไปเรื่อยเปื่อย แต่ก็แอบเหนื่อยเพราะเนินเยอะ การเดินทางจากจุดเริ่มต้นจนถึงจุดปลายทางก็ราวๆ 7.5 กิโลเมตรแต่ด้วยเป็นเส้นทางขึ้นเขาไงแกรรร มันเลยรู้สึกว่า 7.5 กิโลนี้มันเป็นเส้นทางที่โคตรจะอยากตายแล้วเกิดใหม่ เเล้วก็จะถามตัวเองซ้ำๆว่ากูมาทำไมเนี๊ย 5555

เมื่อเดินได้ราวๆครึ่งทางก็ประมาณ 4 กิโลเมตร ก็ถึงจุดพักทนอาหารกลางวันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุดๆเลยจ้า กินข้าวกันเสร็จ นั่งพักให้พอย่อย แล้วก็ออกเดินทางกันต่อเลย หลังจากพักมาเนี๊ยการเดินครั้งนี้คือดิบสุดๆดิบจนถึงขั้นตระคิวแดก.....เป็นเขาลูกที่สามที่เดินเเล้วตระคิวแดกกูแถมแดกสองข้างด้วยโว๊ยยยย แต่แลกกับวิวที่ได้เห็นมันคือ คุ้ม อ่านปากเรานะ คุ้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม จากเส้นทางที่ตระคิวกินเดินอีก20นาทีก็ถึงม่อนทูเล เราก็จัดการหาที่กางเต็นท์พักผ่อนตามอัธยาศัย เดินชมวิว เมื่อเย็นลงก็ทำอาหารทานกันกับเพื่อนๆพร้อมสังสรรค์ด้วยเหล้าป่าที่ซื้อด้วยลิตรล่ะ 60บาท ถ้าจำไม่ผิด ซื้อมาเเบบคิดว่าเอามาอาบ แต่ด้วยอากาศที่หนาวมันคือที่พึ่งที่ดีที่สุดหลังจากนั้นเราก็หลับโดยนอนนอกเต็นท์ที่ชาวป่าเขาเรียกว่า "นอนปลาทูนั้นแหละ"

เช้าวันต่อมาเราก็ตื่นนอนแปรงฟันล้างหน้าเตรียมตัวเก็บเต็นท์และกระเป๋าพร้อมที่จะเดินทางต่อไปยังม่อนคลุยกันต่อเลยจ้า เส้นทางต่อจากนี้เราก็เจอทั้งทางขึ้นทางลง ล้มลุกคลุกคลาน กลิ้งไปกลิ้งมา
ป่าดิบ ป่าทึบ ป่าไผ่ ทางลื่น ปีนขึ้น กระโดดลง ขาเริ่มเดี้ยงกันพอประมาณ จนเราเดินมาถึงจุดพัก
เป็นลำธารเล็กๆ ที่เราจะแวะทานข้าวและเติมน้ำกัน กว่าจะถึงลำธาร พวกเราแทบตายเลยทีเดียว ลำธารจะอยู่ในหุบเขา เดินขึ้นเดินลงยากมากเราว่าเส้นทางจากม่อนทูเลไปยังม่อนคลุยนี่แหละ โหดพันธุ์แท้ โซนนี้จะเป็นโซนป่าหินที่เต็มไปด้วยดอกหงอนนาคซึ่งตอนเเรกเราคิดว่ามีแต่ภูสอยดาวแต่ที่นี้แม่งก็มีเว้ย และกว่าจะมาเจอป่าหินนี้ได้ เราต้องปีนเนินโคลนขึ้นมาก่อน เมื่อผ่านป่านี้ไป เราก็จะเดินบนยอดเขาโล่งๆ ไม่มีป่าทึบแล้วค่ะ แต่เส้นทางที่เดินทางจากม่อนทูเลมาม่อนคลุยใันเป็นเส้นทางสั้นๆ สั้นกว่าเมื่อวานอ่ะ เลยทำให้ถึงที่พักเร็ว เราก็จัดแจงกางเต็นท์จัดเตรียมที่พักกันเลยค่ะ (ที่ม่อนทูเล ไม่มีห้องน้ำนะคะบอกไว้ก่อน) และการเเยกย้ายกันเดินถ่ายรูปจะบอกว่าที่นี้วิวดีมากสวยมาก

เช้าวันกลับเราก็ออกเดินทางตั้งเเต่8โมงเช้า เพื่อเดินทางลงจากม่อนทูเลเพื่อเดินทางกลับโดยทางเดินลงจะขนาบไปด้วยวิวทะเลหมอกสองข้างทางวิวดีมาก แต่เส้นทางจะลื่นมาก ด้วยช่วงค่ำฝนตกจ้า เส้นทางขาลงเดินง่ายชิลๆสบายเพราะมันคือขาลง เดินลงเรื่อยๆชิลเเละก้เก็บภาพวิวระหว่างด้วยมันเป็นว่าที่สวยมากขอบอก เราเดินทางมาถึงจุดม่อนคลุยหลวงเพื่อรอรถมารับกลับไปยัง อบต. เมื่อถึงที่อบต เราก็รับประทานอาหารและก็เตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพจ้า

.
ม่อนคลุย-ทูเล เป็นอีกดอยหนึ่งที่เราขอแนะนำให้นักเดินทางสายป่าทั้งต้องไปเดินและก็ขอแนะนำว่าถ้าอยากเดินสบายๆไม่ลื่นแถมยังได้เจอทุ่งหญ้าสีทองให้มาเดินช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์แต่ถ้าจะเอารสชาติดิบๆเถื่อนๆลื่นๆเจอทากบ้างเป็นปะปลายก็มาเดินในเดือนกันยายนถึงตุลาคมจ้า
.

.
สิ่งที่ต้องเตรียมตัวในการเดิน
-เตรียมตัวเตรียมใจและฟิตร่างกายมาให้พร้อมเพราะมันเดินโหดจริงๆ
-ไฟฉาย
-ยาและน้ำมันมวยหรือพวกยาคลายเส้น
-เต็นท์พร้อมถุงนอน
-อาหารเตรียมให้พอนะจ๊ะ
.
.
ค่าใช้จ่าย
"ข้างต้นบอกไว้เเล้วว่าดองเค็ม ลืมไปแล้วจ้า ว่าจ่ายไปเท่าไรบ้าง" ถ้าได้ไปอีกแอดจะจดมาบอกนะคะ

ฝากติดตามเพจ เข้า ป่า ผัว ด้วยนะคะ มีทริปดีๆแอดจะมาเล่าสู่กันฟังอีกนะคะ สำหรับวันนี้พอแต่เพียงเท่านี้ ฝากไลค์ฝากแชร์ด้วยนะคะ สำหรับภาพบรรยากาศของการเดินทาง อยู่ด้านล่างนะคะ

ความชันของเส้นทางเดินที่ถือว่าชันมากชันจนต้องใช้คำว่าปีนมากกว่าคำว่าเดิน

ป่าที่สมบูรณ์คือป่าที่ประกอบด้วยต้นไม้เเละนำ้

เส้นทางที่มีความชันพร้อมกับความเปียกของพื้นจะทำให้ลื่นและมันจะทำให้กานเดินทางของเราทุลักทุเลมาก

ตอนเดินขึ้นว่ายากแล้วตอนเดินลงนี้ก็ใช่ว่าจะง่ายนะคะ

วิวสองข้างทางระหว่างการเดินก็จะสวยๆแบบนี้ล่ะ

สมาชิกที่ร่วมชะตากรรมในการเดินทางครั้งนี้

Gorakornwit

 วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 21.42 น.

ความคิดเห็น