สวัสดีครับกลับมาแล้ว กับเหลี่ยมคนเดิม ทริปนี้เป็นอีกหนึ่งทริปที่สุดจริงๆ เพราะไปใต้สุดสยามประเทศไทย ไกลที่สุดที่เคยไปมาเลยทริปนี้ 3000 กว่ากิโลเมตร 4วัน4คืน กับเป้าหมายใต้สุดสยามของเราทริปนี้มาแล้วไกลมากเลยขอเก็บให้หมด 5 จังหวัดที่ยังไม่เคยมาเลย นั้นคือ สงขลา พัทลุง ปัตตานี นราธิวาส และ ยะลา กับพาหนะคันเดิมเจ้าไทรทัน
จะเป็นยังไงบ้างไปชมได้เลย ยาวมากครับรีวิวนี้ รูปเพียบบ เป็นทริปที่ประทับใจมากๆเดี่ยวจะเล่าให้ฟัง
สรุปค่าใช้จ่ายท้ายทริปเช่นเคย และค่าน้ำมันเจ้าไทรทันด้วยทายกันสิว่าหมดไปกี่บาทครับ
ก่อนเริ่มให้ดูตัวอย่างแต่ละจังหวัดก่อนเรียกน้ำย่อย
มัสยิดกลางปัตตานี
ทะเลหมอกที่ผานับดาว นราธิวาส
ทะเลหมอกที่ฆูนุงซิลิปัส เบตง ยะลา
มัสยิดกลางสงขลา
และแสงแรกที่ยอยักษ์ ปากประ พัทลุง
แถมอีกใบ ช้างที่นราธิวาสอย่างดุครับ
ตารางทริปคร่าวๆ
ทริปนี้ไปวันที่ 6-9/4/2562
วันที่ 1 ขับรถทั้งคืนมาเช้าปัตตานี ที่แรกศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนียว-สกายวอร์คปัตตานี-มัสยิดกลางปัตตานี-มัสยิดกรือเซะ เข้านราธิวาสแวะสถานีรถไฟสุไหงโกลก-ต้นกระพงษ์ยักษ์-ที่พักสายธารทองรีสอร์ท
วันที่ 2 ตื่นตี4.30 ขึ้นผานับดาวชมทะเลหมอก ไปต่อจังหวัดที่สาม ยะลา ปลายทางเบตง แวะสถานีรถไฟตันหยงมัส เขื่อนบางลาง- สะพานข้ามป่าฮาลาบาล่า-ชมต้นไม้ยักษ์-อุโมงค์ปิบมิตร-เหยียบถิ่นมาเลป้ายใต้สุดสยาม- เดินเล่นในเมืองเบตง-อุโมงค์มงคลฤทธิ์-ดูไฟในเมืองตอนกลางคืน และเข้าที่พักเบตงโฮมสเตย์
เช้าที่ 3 ขับรถมาขึ้นไปดูทะเลหมอกยอดฆูนุงซิลิปัส ต่อด้วย ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง แวะสะพานแขวนและปิดท้ายสามจังหวัดด้วย วัดช้างไห้ปัตตานี ไปต่อจังหวัดสงขลา หาดสมิหลา-เดินย่านเมืองเก่าเมืองสงขลา-มัสยิดกลางสงขลา และตีรถไปนอนที ทะเลน้อยพัทลุง
เช้าที่ 4 ตื่นตี 4ไปถ่ายช้างที่บ้านแฝด ตี5กว่าขึ้นเรือไปดูแสงแรกที่ ยอยักษ์ และเที่ยวชมทะเลสาบสงขลาต่อไปยังทะเลน้อยพัทลุงปิดท้ายด้วยทะเลบัวแดง แวะกินข้าวที่บางสะพาน แล้วกลับ กทม.
รูปทั้งหมดถ่ายจาก
Nikon D7200 tokina 11-20 fix35 tamron 70-300 vc และคลิปจาก Gopro4 silver
ดูคลิปกันก่อนได้จ้า
เริ่มออกเดินทางเย็นวันศุกร์เป้าหมายคือเราจะมาเช้าที่ปัตตานีให้ได้ เพราะเดี่ยวเวลาจะเคลื่อนด้วยความฟังข่าวนู้นนี้นั้นเยอะ เลยวางแผนว่าเวลาต้องเป๊ะ และต้องเข้าที่พักก่อนมืด ก็เลยรีบออกแต่เย็น ออกจากบัานตัวเอง 5โมงครับ ไปรับแฟนที่5แยกลาดพร้าวแล้วไปรับพี่สาวอีกคน ทริปนี้ไปกัน3 คน รับพี่ที่สุขาภิบาล 5 ด้วยว่าเป็นเย็นวันศุกร์รถติดโคตรๆ ทำให้กว่าจะได้ออกจาก กทม.จริงๆก็ 2ทุ่มกว่าๆ
พาหานะของเรามารับแฟนตอนเกือบๆ6 โมง
หลังจากรับพี่สาวสุขาภิบาลได้ก็ขึ้นทางด่วน เท่านั้นแหละก็ทำเวลาตามที่บอก ตลอดทางสำหรับขาไปทริปนี้คือ 130-150 ตลอดทาง ตรงไหนรถเยอะก็ขับช้าตามสภาพถนนไม่ได้ขับเร็วมันอันตราย มีรถติดทางเบี่ยงตรงประจวบนานมาก แต่พอรถโล่งก็ซัดต่อ แช่ยาวๆตลอดทาง แวะแค่ตอนปวดฉี่ เจ้าไทรทันตอบสนองได้ดีมาก นั้นนอวยกันตั้งแต่เริ่มมแฮร่ อัตราเร่งแซงหายห่วง กดไปเถอะมีให้ใช้ตลอดครับ
เติมเต็มถังแรกจากสุขาภิบาล 5 ซัดกันเต็มเหนี่ยวถังแรกไปได้แค่สุราษ 660 กิโลเมตร แวะเติมที่เอสโซ่ไปอีก 1700 ตอนนั้นน่าจะตี 4 กว่าๆ ถือว่าช้ากว่าเวลาที่ตั้งไว้นิดหน่อย
เติมน้ำมันเสร็จเห็นหลังปั้มเหมือนจะมืดๆเลยเดินไปดูโอ้วมีช้างลางๆด้วย เลยหยิบกล้องมาถ่ายสัก 3 รูป แหมเห็นช้างแต่ไม่ค่อยชัดแสงไฟถนนรบกวนเยอะไปหน่อยน่าเสียดายก็เลยไปต่อครับ
อัดทำเวลากันต่อทริปนี้ไม่มีง่วงแฮะ มีแค่หาวๆช่วงเกือบตี 5 หรือสงสัยจะตื่นเต้น เลยดีดน่าดูครับคืนนั้น ในขณะที่คนนั่งข้างๆก็หลับปากหวออ 555 แวะเติมน้ำมันอีก 1000 บาทตอนเข้าเขตปัตตานี
แล้วเราก็เข้าเขตจังหวัดปัตตานี เจอรถถังแบบนี้ใช้เลย ตอน 8 โมงกว่า ตามคาดช้าไปนิดหน่อย ตอนแรกตั้วไว้ซัก 7 โมงแต่ก็รถมันติดกว่าจะออกจากกทม.ได้ แวะปั้มแปรงฟัน
แล้วก็มาถึงจนได้ที่ป้ายนี้ ตอน 9.09 นาที เวลาสวยย ไม่ได้จำได้ขนาดนั้น แต่ที่รูปถ่ายมันมีเวลาบอกทุกใบ 5555
กับระยะทาง 1060 กิโลได้ 13 ชั่วโมงพอดี
เส้นทางเช้าวันนี้ก็ประมาณนี้ครับ เก็บในตัวเมือง แต่ละที่อยู่ใกล้ๆกันแล้วก็ไปนราธิวาสครับ เส้นหลักครับที่เราจะใช้ไปนราธิวาส
หลังจากเลี้ยวซ้ายแยกเข้าเมืองปัตตานี ก็จะเจอด่านตรวจเรื่อยๆตามแยกครับ บางแยกมีทหารบางแยกไม่มี
ที่แรกเอาฤกษ์เอาชัยกันที่ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวครับ
กรอบไหว้สักการะเรียบร้อย
จากนั้นก็ไปเติมพลังมื้อเช้ากันเลย มื้อนี้ฝากท้องกับข้าวมันไก่โกจิวใกล้ๆกันเลยหาไม่ยากจอดรถข้างถนน ร้านเล็กๆ
รสชาติอร่อยครับ
หนังไก่แจ่มเลย
อิ่มแล้วก็ไปต่อที่ Sky walk ปัตตานี ที่นี้เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่พอสมควรครับ
ทีเด็ดก็คือ Sky walk ครับ
วิวกว้างไกลมองเห็นทะเล
เดินไปเรื่อยๆตามสะดวกเลย แต่ว่าตอนนี้ร้อนมากเลยเดินไม่ค่อยสะดวก 555
ต่อไปเป็นมัสยิดกลางปัตตานีครับ
วันนี้ที่จริงเขามีงานครับหรือกำลังทำจะมีพิธีสักอย่างชาวมุสลิมมากันเต็มแน่นเลย แต่เขาอยู่ในเตนท์ข้างๆครับ เราเลยไม่ได้เดินเข้าไปข้างใน เลยถ่ายแค่ตรงทางเข้าตรงนี้ครับ ก็เลยได้รูปแบบไม่ติดผู้ใดเลย สวยงามมากครับ
จากนั้นก็ไปต่อครับ แวะหาของอร่อยได้ยินมาว่า ไก่ฆอและอร่อยมาก ก็เลยจัดสะหน่อย
ลองแล้วคัรบอร่อยๆจริงๆแต่จะติดหวานไปนิด อันที่จริงมาใต้3จังหวัดนี้ทุกมื้ออาหารจะติดหวานครับ ขนาดสั่งเผ็ดยังไม่เผ็ดเลยครับ แสดงว่าคนที่นี้น่าจะติดรสชาติหวานกันเป็นปกติครับ
ไปต่อครับ
แวะอีกที่มัสยิดกรือเซะ อยู๋ริมถนนเลย
ระหว่างทางก็จะเจอกับด่านตรวจเป็นระยะ แต่ไม่น่ากลัวอะไร ผู้คนเยอะแยะขับรถกันเหมือนๆเมืองทั่วๆไปครับ สบายใจขึ้นเยอะครับ
รวมถึงมัสยิดเจอเยอะมากๆตลอดทาง แต่ไมไ่ด้แวะถ่ายครับ
จุดหมายต่อไปนาธิวาส
เข้าเขตนราธิวาสแล้ว
ที่ต่อไปคือสุไหงโกลก อีก68 โลลุยต่อ
ประมาณบ่ายสองก็มาถึง ชายแดนนสุไหงโก-ลกครับ แวะถ่ายรูปหน่อยว่ามาถึงแล้ว
แล้วก็ต่ออีกนิดมาที่สถานีรถไฟ สุไหงโกลก
ในหลายๆสถานที่ก็จะมีเจ้าหน้าที่ทหารอยู่ประจำครับ อย่างเช่นที่นี้ เข้าไปทักทายคุยกันอยู่นานเลย พี่ๆให้คำแนะนำนุ้นนี้นั้นเยอะมาก บอกว่าไม่น่ากลัวบอกให้ไปเที่ยวอีกตั้งหลายที่ครับ อัธยาศรัยดีเลยขอถ่ายรุปไว้ด้วยหน่อย
จากนั้นก็ไปแวะกินเตี๋ยวร้านระหว่างทาง
ไปต่อที่ต้นกระพงษ์ยักษ์ครับ อยู่ที่บ้านภูเขาทอง อำเภอสุคิริน แต่ละจุดสามารถใช้วิ่งตาม GPS ได้เลยครับไม่ต้องห่วง เส้นทางเป็นป่าเขาไม่มีอะไรครับสบายใจได้ครับ
ต้นกระพงษ์ยักษ์นี่ต้องเดินมาอีกประมาณ 200 เมตรครับใกล้ๆ ก็จะพบกับความใหญ่อลังการสุดๆ
ใหญ่มากๆๆ
สวยสมคำร่ำลือ
ตรงจุดจอดรถนี้ยังมีเนินพิศวงให้ลองด้วยนะครับ
ว่าจอดเฉยๆแล้วรถจะไหล่ขึ้น
แต่ทำม่ายยทำไม ลองตั้งหลายรอบทำไมรถไหลลงตลอดเลยย 555 หรือรถเรามันหนักไป สงสัยจริงๆ
ขับออกมาอีกนิดเลี้ยวเข้าไปให้วัด จะเจอมุมถ่ายรูปอีกหน่อยครับ
เคยอ่านมาว่าบ้านหลังรุปล่างนี้เป็นที่พักนะครับ
มีป้ายนี้ด้วย
จากนั้นก็กลับมาที่พัก เย็นพอดี ออกไปหาข้าวกินไม่มีเลยครับ ก็เลยฝากท้องกับ 7-11 มี7 ใหญ่ๆ ในเมืองสุคิรินเลย ก็เลยได้ ข้าวกล่อง แหนมแกล้มเบียร์ และไก่ ฆอและที่ซื้อมาเมื่อเช้า แล้วก็นอนอย่างไว เพราะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ที่พักเดี่ยวค่อยให้ดูตอนก่อนออก
ทริปนี้เป็นทริปล่าช้างด้วยครับ ตอนแรกตื่นมา ตี 3 ฟ้าปิด เมฆบังไปมา
เลยกลับมานอน แต่ก็นอนไม่หลับอีก ตี 4 กว่าเลยออกมาถ่ายใหม่ ทีนี้ฟ้าเปิดแล้ว แต่ว่าแสงไฟที่พักมันสว่างเลยขยับรถมาจอดบังเอาเป็นแบบซะเลย ช้างดุมากๆๆ
เมื่อเย็นนี้เราได้ติดต่อกับทางที่พักไว้แล้วว่าจะขึ้นผานับดาว ที่จริงถ้าไปรถเขาก็รอบละ 500 เอง แต่เราอยากลองรถเลยขอขับตามไปให้พี่เขามานำทางนั้งกะเรา แต่พอตอนตี 5 กว่าเขาบอกว่ามีคนจะขึ้นเยอะเลยเช้านี้ เลยให้เราขับตามได้เลย
ออกมาตี 5 กว่าๆครับเกือบ 6โมง เส้นทางลุยประมาณ 2โลได้ไม่ไกล แต่มีชันหลายเนิน ในช่วงดันเนินต้องรอไปทีละคัน เราก็ปิดท้ายตามมาเรื่อยๆ
แต่มันมีเนินสุดท้าย ที่พอขึ้นมาแล้วจะมี แยกซ้าย ขวา เราก็เอะใจ พี่เขาไปทางไหนว่า มองไม่ให้เห็นแล้ว ก็เลยตัดสินใจไปทางซ้ายตรงไปสักพัก ทางแคบลงๆ แล้วก็เจอ 3 แยกก เอาแล้วไง จอดลงไปดู ทั้งสองแยกเป็นทางดิ่งลง ตอนนี้สัญญาณไม่มีและ
ก็เสียวนิดๆตอนนั้น ไม่นานนักพี่ที่เราคุยไว้ก็ขับมาอย่างไว แกบอกว่า ลืมเรา555 ลืมไปว่าเราไม่เคยมา พอแกขึ้นแล้วก็เลี้ยวขวาไปเลย แต่มันเลี้ยวขวาไปนิดเดียวก็ถึงจุดจอด แกเลยส่งเด็กลงรีบขับมาหา แกบอกว่าถ้าขับลงไปจากแยกนี้จะเป็นบ่อโคลน อาจจะได้ดึงได้ลากกันบ้างละ 555 รอดไป
ขับกลับมานิดเดียวก็ถึงจุดจอดรถ แล้วก็เดินอีก 200 เมตรได้ครับไม่นาน เดินมาได้นิดนึง แสงเช้าก็มาพอดีเริ่มสว่าง
แสงเช้าสวยมาก
หมอกน้อยไปหน่อยครับวันนี้พี่เขาบอกที่จริงมันแน่นกว่านี้
แต่ก็คลอเคลียเขาสวยไปอีกแบบดูรูปไปเลย
ที่นี้เห็นวิว360 เลยครับแต่อีกฝั่งมีหมอกนิดเดียววันนี้
พระอาทิตย์มาแล้ว
แสงอาทิตย์สาดส่องช่างสวยงาม
เดินลงไปที่รถครับ
ระหว่างเดินลงก็เจอน้องๆเดินคุยกัน ตอนแรกเขาคุยกันภาษายาวี เราก็เลยไม่ได้ทัก น้องก็เลยทักเราก่อน จากนั้นก็คุยกันยาวเลย มาอยู่ที่นี้ 3 วันเจอแต่คนใต้ทักเราก่อนครับ อัธยาศัยดีมากๆ น้องบอกมาเที่ยวเหมือนกัน ปกติอยู่ปัตตานี
เลยถ่ายรูปเป็นที่ระลึกไว้หน่อยคัรบกับน้องๆ
ขาลงพี่เขาให้เรานำเลย ทางเดิมครับไม่ยาก
เส้นทางก็ประมาณนี้ ไม่ยากอะไร
แต่ตรงเนินก็ชันพอควร ใส่ 4L เกียร์1 ปล่อยไหล ไปเลย ดึงๆ
จากนั้นก็มาที่พักเก็บของ ออกไปต่อครับ
ที่พักของเราเมื่อวาน 500 บาทครับนอนได้ 3 คน
ตอนแรกว่าจะกางเตนท์แต่ขับรถมาทั้งวันเหนื่อยและขอนอนสบายๆหน่อย ราคาถูกสอาดปลอดภัย แนะนำเลยครับ
สำหรับวันที่สองนี้ไม่มีโปรแกรมคือขับไปเบตงเที่ยวในเบตงและระหว่างทางครับ
เส้นทางที่เราดูมาประมาณนี้ ทางคนในพื้นที่เราก็ถามเขาก็บอกว่าไปได้ๆๆไปตาม GPS แหละ
แต่วิ่งไปวิ่งมาก็เจอด่านตรวจสอบชุดใหญ่ พี่ขอดูบัตรประชาชน และถามว่าไปไหนแต่พูดดีไม่มีอะไร แต่พี่ทหารบอกไม่ให้ไปทางนี้ เขาบอกว่าจะผ่านหมู่บ้านมุสลิมเยอะ เลยให้เราไปทางอื่นดีกว่า
ก็เอาตามที่พี่เขาบอกเพื่อความสบายใจเส้นทางที่จะไปตอนแรกคดเขี้ยวด้วยซูมดู ตลาดทางในนราธิวาสจะเจอจุดตรวจสอบพี่ทหารเยอะมาก
ก็เลยได้เป็นเส้นนี้ ที่อ้อมมากๆ ผ่านสถานีรถไฟตันหยงมัสและออกไปทะลุเส้นหลักที่มาเมื่อวานและ เลี้ยวซ้ายตัดไปยะลา ครับ
ผ่านรถไฟตันหยงมัส
เจอป้ายยะลาแล้วจ้าา
ตลอดเส้นทางที่เราวิ่ง จะเจอป้ายให้ไปรือเสาะตลอดเหมือนตอนนี้วิ่งอ้อมเพื่อไม่ให้ผ่านรือเสาะไม่รู้มีอะไรหรือป่าวนะครับในรือเสาะ
ตอนนี้อยู่เส้นหลักแล้ว แทบไม่มีด่านทหารเลยเส้นนี้
แวะเขื่อบางลางหน่อยก่อนถึงเบตง
สวยงามมากๆ
วิวงามเลยครับที่เขื่อนนี้
แล้วเราก็เจอแก๊งนักบอลน้องๆมาทักเราก่อนอีกแล้วคุยไปคุยมาว่ามาแข่งบอลจำได้ว่ามาจาก ระแงะครับ คุยเก่งมาก และขอให้เราถ่ายรูปให้หน่อยก็เลยจัดให้น้องไปทุกคนแล้วบอกให้มาเอารูปในเพจ ฮั่นแน่มแอบเพิ่มยอดไลค์ บอกมากดไลค์เดี่ยวลงรูปให้ 555 ขายตรง
เท่าที่เจอพี่น้อง3จังหวัดนี้ส่วนใหญ่จะพูดยาวีครับ กับพูดแบบไทยกลางเลย ไม่ได้พูดแบบคนใต้ครับ น้องบางคนพูดไทยไม่ชัด พูดแต่ยาวีครับ
วิวสวยๆอีกสักชุดก่อนไปต่อ
ถนนจากยะลาไปเบตงจะเป็นลัดเลาะไปตามเขาครับวิวสวยงาม
สะพานข้ามทะเลสาบฮาลา-บาลา หรือแสะพานโต๊ะกูแช
วิวสวยงามดูสดชื่นมากถึงแดดจะร้อนก็ตาม
สวยจริงๆครับสองฝั่งนี้
ในที่สุดเราก็มาถึงเบตงจนได้ กว่าจะถึงก็ 3โมงกว่าไปแล้ว นี้วิ่งมาแค่จังหวัดเดียวนะเนี้ยเขาเยอะพอควร
เช็คอินป้ายโอเคเบตงเรียบร้อย แวะไปเช็คอินที่พักแปบเดี่ยวค่อยดูรูป
แวะไปอีกสองสามที่
ที่อุโมงปิยมิตรเบตง
เสียค่าเข้า 40 บาทแต่เราไปถึงเย็นแล้ว เดี่ยวจะเดินรอบไม่ทัน เลยขอเดินไปดูต้นไม้ยักษ์พันปีครับ
ใหญ่อลังการพอๆกับต้นกระพงษ์ยักษ์เมื่อวานเลย
เลนส์วายบางทีถ่ายคนมันก็แปลกๆนะยาวๆ55
ใหญ่จริง
ถ่ายรูปต่อเรื่อยๆรอบๆ
ขับต่อออกมา
แวะเก็บภาพที่บ่อน้ำพุร้อนนิดหน่อย
รถกระบะที่นี้อย่างเฟี้ยวครับ 6 ล้อเลย
จากนั้นก็ไปต่อที่ป้ายใต้สุดสยามม มีช้างด้วยข้างทาง เห็นอะไรก็ถ่ายหมดถ้าหยิบกล้องทัน
ในที่สุดก็ได้มาเหยียบแผ่ดินมาเลเซีย
ได้ขับรถข้ามประเทศแล้วครับ คิคิ แวะวนไปเหยียบแผ่นดินเขานิดนึง เลยหลักกิโลได้นิดเดียว
ป้ายใต้สุดสยาม
นี้หลักกิโลของแท้
จากนั้นก็วนกลับมาในเมืองเบตงครับ เขาเล่ามาว่าให้มากินร้านนี้ครับทีเด็ด ต้าเหยิน ชื่อจีนเลยครับ เพราะที่เบตงนี้ก็ชาวจีนมาตั้งถิ่นฐานที่นี้เยอะพอสมควรเลยครับ เจ้าของที่พักเราคืนนี้ก็น่าจะเป็นชาวจีนเหมือนกันครับฟังจากสำเนียงตอนที่คุยกัน
ผัดหมี่เด็ดมากๆอย่างชอบ
แล้วก็ไก่เบตง ไม่ควรพลาดนะครับถ้ามาถึงเบตงแล้ว อร่อยมากๆ
ปลานี่ก็อร่อยครับ
3อย่าง 3 คนแน่นเลย
กินอิ่มเสร็จ กำลังโพล้เพล้จะมืดพอดี เดินเล่นในเมืองสักหน่อย
วันนี้มีงานครับ ที่อุโมงค์เลยห้ามรถเข้าถ่ายรูปคนง่ายเลยแต่อดถ่ายกะรถ
ประดับประดาไฟสวยงาม
เดินมาถึงอีกฝั่งเป็นงานวัด
ป้ายใต้สุดสยามอีกป้าย
มาดูไก่เบตงแท้ๆ
เดินเล่นงานไปมาแล้วก็เดินขึ้นไปถ่ายภาพมุมสูงหน่อย
หอคอนในรูปแรกที่ติดกับอุโมงค์ครับแต่ว่าตอนนี้เขาปิดแล้วเลยเข้าไปได้แค่ชั้น 2
เลยถ่ายมาสองสามรูป
จากนั้นก็เดินลง มากินโรตีวงเวียนหอนาฬิกาเลย ใกล้ๆเลยเห็นแน่นอน
ถ่ายรูปตรงนี้อีกนิดก่อนไปนอน
ที่พักของเราคืนนี้ เบตงโอมสเตย์ เป็นดึกแถวมีห้องพักประมาณ 5-6ห้องได้มั้งครับ มีที่จอดรถให้ครับ
แต่ห้องน้ำจะรวม แต่วันที่เราไป มีห้องชั้นสองอีกห้องเดียว แล้วก็ห้องผมอยู่ชั้น 1 ราคา 450 บาท สุดประหยัดแอร์เย็น เจ้าของก็คุยดีมากๆ ตอนแรกทักในเพสแชท ให้คำแนะนำดีสุดประทับใจจริงๆ จนมาถึงที่เช็คอินเมื่อบ่าย 3 พี่คนที่ดูแลก็คุยเก่งให้คำแนะนำที่เที่ยวได้ดีมาก รีบนอนพรุ่งนี้ตื่นตี 3 อีกแล้ววววว
เราตื่นเกือบตี4 อาบน้ำแต่งตัว เพื่อขับรถไปขึ้นยอดฆูนงซิลิปัส
จากในเมืองขับรถมาประมาณ ครึ่งชั่วโมงได้ซิ่งนิดหน่อย โค้งก็เยอะ แต่ก็พอมีรถเหมือนกันไม่น่ากลัวครับปลอดภัย
ที่นี้สามารถขึ้นได้ 2 ทางเท่าที่ทราบตอนนี้ คือทางกิโล 22และกิโล28 ทางกิโล28 รถจะไปส่งนิดเดียวแล้วเดินอีก 2กิโลเมตร
ส่วนทางที่เราจะไปคือกม 22 รถจะขับไปประมาณ 30นาที ถึงที่จอดแล้วเดินต่ออีก 300 เมตร เราเลือกทางนี้เพราะ ต้องไปต่ออีกไกลวันนี้เลยไม่อยากเดินเยอะ ในส่วนค่ารถนั้น 1000 บาทนั้งได้หลายคนคุ้มมากครับทางวิบากกว่าผานับดาว แต่ผมเสียดายนิดหน่อยที่ตอนแรกถามเขาเขาบอกว่ารถส่วนตัวขึ้นไม่ได้ แต่เอาจริงๆถามคนขับเขาบอกว่ารถส่วนตัวขึ้นได้ จะเสียค่าจอด 300 ข้างบน เลยอดทดสอบรถเลย
แต่เอาจริงๆแล้วเพื่อความปลอดภัยเรามาไกลด้วยเผื่อเกิดอะไรขึ้นจะกลับลำบาก เพราะต้องขับขึ้นตอนตี 4 กว่าๆ มืดตื้บไปกับคนพื้นที่ดีแล้ว
เดี่ยวค่อยดูทางขาลง
ถึงจุดจอดรถตี 5 พอดี ได้ ี รีบเดินต่อ จั้มๆๆ จนถึงยอด ตี 5 กว่าๆ
ทางช้างเผือกตั้งตรงสูงแล้ว เงยกล้องสุดเก็บได้แค่สองรูป ช้างก็หมด แสงเช้ามาพอดี น่าจะมาไวกว่านี้อีกหน่อย แต่ก็นะ โปรแกรมแน่นทุกวันตื่นเช้ามากก็ไม่ไหว 5555
ถ่ายดาวเสร็จ ถ่ายแสงเช้าต่อเลย
ทะเลหมอกก็มีงดงาม เอ้าไปดูกันยาวๆเลยละกันครับ
ทะเลหมอก360องศา รอบทิศทาง
วันนี้ถือว่าเยอะแต่ยังไม่เยอะมาก ที่จริงจะแน่นได้กว่านี้อีกครับ
หมอกเริ่มฟูมากขึ้น พอ 6โมงกว่า
สวยจริงๆ
อยู่จนพระอาทิตย์ขึ้นก็เดินลงครับ
ขาลงเสียวนิดหน่อยขึ้นตอนมืดไม่เห็นข้างๆเลยไม่เสียว
ค่าบริการต่างๆดูได้ครับตรงนี้
ทางแยก
ราคาค่าจอดครับทางขึ้น กม.22
ทางลงครับขึ้นลงทางเดิม
อันที่จริงถ้ามาเองคงไม่หลงเห็นมีป้ายปักอยู่ตรงแยก มีอยู่สองสามแยกได้ ทางก็ไม่โหดมากตอนนี้ฝนไม่ตก เอาเป็นว่าถ้าคนเคยลุยมาบ้างแล้วผมว่าขึ้นได้ไม่ยากครับ แต่ถ้ามือใหม่ ไปรถเขาดีกว่าครับปลอดภัย
ลงถึงพื้นไปต่อครับเช้านี้เราจะเก็บสองทะเลหมอก อีกที่คือทะเลหมอก อัยเยอร์เวง
วิ่งมาไม่นานมากครับ ถึงจุดจอดนั้งมอไซด์อีก 20บาท เดินอีกนิดเดียวก็ถึงยอด ตอนนี้เหลือแค่เรา คนอื่นเขาลงไปเกือบหมดแล้ว
สวยเด็กไม่แพ้ฆูนุงเลยครับ
หมอกแน่นๆ แจ่มมาก
สวยไม่เบาคัรบ
จากนั้นก็ลงมาจุดชมทะเลหมอกอีกจุดเตี้ยหน่อย จุดที่กางเตนท์ครับ
ตอนนี้หมอกเริ่มฟุ้งมองไม่เห็นแล้วครับ
จากนั้นเราก็ลงกินมื้อเช้าร้านตรงแถวๆทางขึ้นครับ
แวะถ่ายรูปที่สะพานแขวนไม้แตปูซู อีกหน่อยครับ จอดรถหน้าบ้านผู้ใหญ่บ้านเลย
พอเราจอดรปุ้บเดินลงมา ก็มีผ้ใหญ่บ้าน เดินมาทักทายทันทีเลยครับ คุยกันนานเลยครับ ผู้ใหญ่บอกว่า ที่เบตงเนี้ยยังมีที่เที่ยวทางธรรมชาติที่จะเปิดอีกกว่า 30ที่เลยนะครับแต่ยังไม่เปิดและ สนามบินก็กำลังสร้างต่อไปใครจะมาละง่ายมากๆ เลยทำให้ธรรมชาตินี้สมูรณ์มากๆครับ คนยังมาไม่เยอะมาก
ระหว่างผมคุยกะผู้ใหญ่บ้านข้างหน้า ฟางกะพี่อ้อมก็เดินไปถ่ายที่กลางสะพานก็เจอชาวบ้านเดินไปมาเขาก็คุยทักเราทุกคนเลยครับ ข้างในนี้เป็นทางไปหมู่บ้านครับ เขาใช้แต่มอไซด์กับเดินเข้าไปกันครับนี้คือทางสัญจรเลยสะพานนี้สร้างมานานมากแล้วได้ความว่าแบบนี้ครับ คุยกันนานมากครับ แต่จำได้ไม่หมด
เดินทางต่อกลับเส้นเดิมที่มาเมื่อวานครับ
เจอพี่ทหารชุดใหญ่อีกแล้ว รอบนี้ขอูบัตรประชาชน และถ่ายรูปบัตรไปสักพัก น่าจะส่งไลน์กลุ่มให้ดูว่า คนนี้ผ่านได้ไหม สักพัก ก็เดินมาบอกว่าผ่านได้ครับ แต่พี่ๆเขาคุยดีเป็นกันเองคัรบ พี่อีกคนคุยจ้อเลย ถามว่า ไปที่นั้นหรือนังไปที่นี้หรือยัง บอกยังเที่ยวไม่ครบนะให้มาใหม่ แกแนะนำที่เที่ยวอีกเพียบเลย คนที่นี้คุยเก่งที่สุดเลยครับเท่าที่เคยไปเที่ยวมา ให้ข้อมูลดีด้วย ประทับใจมากๆครับ
ขับต่อไปเรื่อยๆ
ถนนสวยงาม
เมื่อวานตอนเข้าปัตตานีแวะเติมน้ำมันจนเกือบเต็ม วิ่งเที่ยวไปมา ยังไม่ออกเบตงดีเลยครับ หมดถัง เลยเติมอีก 1000 บาท ตอนนี้เติมน้ำมันไป 2ถัง กับอีกแบงค์พัน 2 ใบ
มาปิดท้ายสามจังหวัดด้วยวัดช้างไห้ครับ
ไหว้พระทำบุญลอดท้องช้าง
จุดประทัด
มีสถานีรถไฟวัดช้างไห้ด้วยพึ่งรู้
แล้วก็เจอป้าย สามจังหวัดพอดี อยู่หน้าวัดช้างไห้เลย
จากนั้นก็บ๊ายบายสามจังหวัด อีกนิดที่นี้หลายๆที่เขาจะจอดรถกันเกาะกลางแบบในรูปครับไม่จอดชิดซ้าย
ออกจากพื้นที่สามจังหวัดเรียบร้อยปลอดภัยดี ธรรมชาติยังสมบูรณ์ ผู้คนเป็นมิตร ยิ้มแย้ม คุยเก่ง
หรือเราคงเสพข่าวกันมากเกินไป ไม่เห็นเป็นแบบที่คิดเลย ก็คงเหมือนรอยเปื้อนดำบางจุดบนผ้าขาวผืนใหญ่ ต้องมาสัมผัสกันด้วยตัวเอง แล้วทุกคนจะเข้าใจครับ
ไปต่อจังหวัดที่ 4 สงขลา
แวะชายหาดสมิหลากันหน่อย
สวยงาม แต่ร้อนมากๆๆๆ
ถ่ายไปสักพักก็ไปต่อ
หาข้าวกินย้านเมืองเก่าสงขลาครับ
แล้วก็หาที่จอดตรงไหนก็ได้แต่ต้องเลือกฝั่งวันคู่วันคี่ให้ถูกไม่งั้นโดนล็อคล้อนะครับ
จากนั้นก็เดินถ่ายรูปไปเรื่อยตามย้านเมืองเก่าครับ ใหญ่พอควรผมก็เดินไม่ครบครับลองดูว่าผมได้รูปผนังแบบไหนมาบ้าง
มีใครอยู่หม้ายยย
เดินกันอยู่นานจนพอใจก็ไปเลยต่อ
ปิดท้ายสงขลาด้วยมัสยิดกลางสงขลา
ใหญ่มากๆๆ
ที่เขาบอกว่าทัชมาฮาลเมืองไทย
สวยอลังการสุดๆครับบ่อน้ำใหญ่จริง
ที่นี้ตอนเย็นจะมีตากล้องเยอะมากๆ เขามาถ่ายแสงเย็นกัน
ส่วนผมต้องไปต่ออีกไกลคืนนี้นอนพัทลุง เลยอยู่ได้แค่ 6โมงนิดๆฟันยังไม่มืด แค่พอมีแสงเย็นนิดหน่อยเลยได้มาประมาณนี้ครับ
สวยจริงๆ
ยอดเยี่ยม
จากนั้นก็ยิงยาวมานอนที่พัทลุงครับ คืนนี้นอนที่ ชวนชมรีสอร์ท ที่พักติดกับทะเลน้อยเลย ราคาแค่หลังละ 700 นอนได้ 3คน
มาถึงก็เจอป้ายต้อนรับน่ารักๆเลยครับ คุยไว้ว่าจะมาถึงมืดหน่อย เขาเลยเสียบกุญแจไว้ให้ที่ห้อง
คืนนี้หาของกินยากอีกแล้ว เจอแต่ร้านชายสี่หมี่เกี้ยวและ7-11 เลยขอฝากท้อง 7-11 อีกสักคืนครับ
รีบนอนเหมือนเดิม ตื่นตี 4 อีกแล้ว ทริปนี้โคตรโหดทหรหดสุดๆ ตื่นตี 3ตี 4ทุกวัน
วันนี้ตื่นตี 4 เพื่อจะไปล่าช้างที่บ้านแฝดทะเลน้อยครับ
เคยเห็นนานแล้ววันนี้ได้มาเองสักที บ้านแฝดนี้อยู่ริมสะพานเฉลิมพระเกียรติเลย จะมีที่จอดอยู่สังเกตดีๆ โชคดีครับ มาถึง เจอพี่ตากล้อง 3 คนมาถ่ายพอดี ก็เลยมีเพื่อนไม่น่ากลัว ต้องปีนบันไดใต่ลงไปที่พื้นครับ
ผมไปถึง ตี4.30 เลย ช้างก็เลยตั้งสูงแล้ว เลยได้ถ่ายไม่กี่รูปครับจนตี 5
สวยงามจับใจช้างใหญ่ชัดเจนมากๆๆๆ
รูปนี้ใบสุดท้าย ตี5.01 เงยกล้องกะพื้นสุดเลย ได้รถมาครั้งนึง
กลับมาที่พักอาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกเรือไปดูยอยักษ์กันครับ
ค่าเรือ 900 บาทนั้งได้ 7 คนจะพาไปดูยอยักษ์ ทะเลบัวแดง และธรมชาติรอบๆ โคตรคุ้มครับ
ตอนนี้ตี5.50 ได้คัรบเริ่มออกเรือ แสงทไวไลท์สวยมากๆๆยามเช้า
ฟินสุดๆอะตรงนี้
นั้งเรือไปประมาณ 20 นาที ก็มาถึงยอยักษ์ยังทันแสงแรกครับ สวยมากๆ อันซีนสุดๆ ไปดูรูปยาวๆเลย
สวยมากๆ
ไม่รู้จะอธืบายอะไร แต่อยากให้เห็นด้วยตาตัวเอง ว้าวมากๆครับเช้านี้
พอพระอาทิตย์ขึ้นก็ไปต่อครับ เป็นทะสอบสงขลาที่เราอยู๋ตรงนี้ขับต่อทะลุทะเลน้อยครับ
พี่เรือพามาจอดสนามบอลกลางน้ำครับ เป็นพื้นราบเรียบอ่างกะสนามบอลเลย แต่คงไม่มีใครนั้งเรือมาเตะบอลนะผมว่า
ระหว่างทางก็จะเจอสัวต์มากมายครับ
ฝูงควายก็มี แต่ไม่เจอควายจมปลักวันนี้
สะพานเฉลิมพระเกียรติ
และมาถึงอีกหนึ่งไฮไลท์เช้านี้คือทะเลบัวแดง
แต่ก่อนจะถึงบัวแดง ต้องเจอบัวขาวก่อน
ฝูงนกตลอดทาง
แล้วก็ถึงบัวแดง
สวยๆ
ทุ่งทะเลบัวแดงเยอะมากๆ
ไม่ต้องไปถึงอุดรที่พัทลุงก็มี เอ้ยแต่ถ้าจากกทม ไปอุดรใกล้กว่าเยอะเลยนะ 555
สวยมากๆครับ
งามจริงๆ
สามารถเก็บบัวแดงเอาไปทำอาหารกินได้นะครับเราก็เก็บมานิดหน่อย
เพอเฟคสุดๆทริปนี้
ดูทะเลบัวแดงเสร็จขึ้นฝั่งหาข้าวกินร้านแถวๆท่าเรือครับ
กลับมาที่พักให้ดูห้องนิดหน่อย ที่พักดีครับ ทริปนี้ได้ที่พักหลักร้อยแจ่มทุกที่เลย
ได้เวลาเดินทางกลับบ้าน แวะเติมน้ำมันให้เต็มถังอีกรอบก่อนออกจากพัทลุงตอนประมาณ 10โมง
ผ่านชุมพร เจอทุเรียน ก็เลยจัดสักลูก กินกันในรถเอาให้อบอวนกันยันถึงกทม.ไปเลย
กรือโป๊ะรองท้อง
ดูเวลายังเหลืออีกเยอะ พึ่ง 3โมงกว่า นี้ขนาดขับมา 120-130 ชิวๆ ไม่แซด ก็เดี่ยวจะถึงบ้านไวเลยแวะเข้ามากินข้าวอีกมื้อริมทะเลที่บางสะพาน ชื่อร้าน ครัวชะเอม ที่อ่าวแม่รำพึง เฮ้ยมาโผล่ระยองได้ไง ไม่ใช่นะครับ อ่าวแม่รำพึง บางสะพาน
รสชาติอร่อยดีกลางๆครับ ราคาทั่วไปพอประมาณ
ติดทะเลเลย
เจอไอติมยุดีๆก็อยากกินปาดหน้ารถไอติมบอกจอดก่อนๆ
ปิดทริปด้วยวิวสวยๆที่บางสะพานจากนั้นยิงยาวออกจากบางสะพาน 5 โมงเย็น ถึงบ้านทุกคนเรียบร้อย 5ทุ่มพอดี ถือว่าถึงไวกว่าหลายๆทริปนะเนี้ย จบไปอีกหนึ่งทริปสุดประทับใจ
สำหรับทริปนี้ค่าใช้จ่ายราคาทั่วไปของกินของใช้ไม่แพงที่พักหลักร้อย ที่หนักๆก็คือค่าน้ำมัน ไปแค่3คนด้วยตัวหารน้อย
รวมทั้งหมดทริปนี้วิ่งไป 3044กิโลเมตร เติมน้ำมันไป 7650 บาท!!!!
เท่ากับตกกิโลเมตรละ 2.51บาท
ใช้น้ำมันไป 276 ลิตร ค่าเฉลี่ยทั้งทริป เท่ากับ11.06กิโล/ลิตร
โดยแบ่งเป็น1000โลแรกจากกทมไปปัตตานี ขับแบบฮาด์ดคอขยี้140-150ตลอดทางยาวๆ13ชั่วโมง น้ำมันเลยซดเป็นถังรั่ว
ถังที่หนักสุดคือถังแรกไปได้แค่สุราษ 660โลก็กระพริบ เติมกลับไป 65.12ลิตร เท่ากับ 10.13โล/ลิตร
ส่วนระหว่างทางก็ความเร็วทั่วไปเขาก็เยอะพอควรในสามจังหวัดขับเร็วไม่ได้มีใช้ขับสี่ด้วยที่ผานับดาว
และถังที่ประหยัดสุดขากลับเติมจากพัทลุงมาหมดที่พระรามสองขับแบบความเร็วเดินทางทั่วไป110-130 วิ่งได้ 805 โลเติมกลับไป 65.84ลิตร เท่ากับ 12.22โลลิตร
ส่วนสภาพรถอย่างที่เห็นใส่ล้อยางและเหล็กกะของเยอะพอควรมันเลยหนัก
ในแง่การขับขี่อัตราเร่งตอบสนองได้ไม่มีปัญหาแรงทันใจสั่งได้กดเป็นมาปื้ดๆๆๆแต่ต้องยอมรับผลกรรมค่าน้ำมันที่ตามมาด้วย 5555 แต่จริงๆ 10โล/ลิตรก็ไม่ถือว่ากินมากหรอกพอได้นะครับ ส่วนถ้าขับชิวๆมันก็ประหยัดได้พอสมควร. จบรายงาน
มาดูค่าใช้จ่ายทั้งทริป
ค่าน้ำมัน 7650 บาท
ข้าวมันไก่โกจิว 190
ไก่ฆอและ 120
ก๋วยเตี๋ยวสุไหงโกลก 75
มื้อเย็นที่สุคิรินรวมเบียร์ 400
ที่พักสายธาร 500
ค่านำขึ้นนับดาว 200
ค่าข้าวเช้าวันที่สอง 240
ค่าเข้าปิยะมิตร 120
ค่าข้าวต้าเหยิน 768
โรตี 37
ที่พักเบตง 450
ค่ารถขึ้นฆูนุง 1000
ค่าข้าวเข้าวันที่สาม 140
กาแฟอเมซอล 100
ก๋วยเตี๋ยวเจ้นิสงขลา 226
ที่พักพัทลุง 700
มื้อเย็นวันที่สาม 258
ค่าเรือยอยักษ์ บัวแดง 900
ข้าวเช้าวันที่สี่ 140
ข้าวบางสะพานร้านชะเอม 940
ทางด่วนไปกลับ 180
รวมทั้งหมด 15334 บาท เท่ากับทริปนี้ตกคนละ 5111 บาท เฉพาะค่าน้ำมันคนละ 2550 ค่ากินใช้แค่อีกครึ่งนึงพอดี ถ้ามาสัก 5 คนนี้จะกำลังสวยเลยประหยัดน้ำมันได้อีกพันนึง
จบไปอีกหนึ่งทริปสุดประทับใจอยากให้ทุกคนมาสัมผัสด้วยตัวเองจริงๆครับ ที่สามจังหวัดนี้ก็เหมือนจังหวัดทั่วๆไปชาวบ้านใช้ชีวิตกันตามปกติเลยคับตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ไม่น่ากลัวเลย มาเที่ยวกันเถอะธรรมชาติยังรออยู่ครับ และจบทริปนี้ทำให้ผมเก็บภาคใต้ได้ครบทุกจังหวัดแล้ว เป้าหมาย 77 จังหวัดใกล้ความจริงแล้ว เหลืออีสานอีก10กว่าจังหวัด ต้องหาเวลาหาทริปไปให้ได้
แล้วพบกันใหม่ทริปหน้ากับคู่รักตะลอนทัวร์ครับวันนี้สวัสดีจ้า
เที่ยวทั่วไทยไปกับไทรทัน
เหลี่ยมพาเที่ยว
วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 16.39 น.