ประโยคที่ว่า ตั๋วโปรมาแล้วใจมันสั่นเป็นกันบ้างไหมคะ?? ไม่รู้ว่าประโยคนี้มีอิทธิพลกับใครบ้าง แต่สำหรับพวกเรามันมีอิทธิพลม๊ากมากกก ก ไก่ล้านตัว หรือพวกเราจะเสพติดการเที่ยวไปแล้วก็ไม่รู้ เพราะพอเห็นตั๋วโปรมาทีไรใจมันสั่นไหวทุกที แหละครั้งนี้ก็เช่นเคยจัดไปตั๋วไปกลับ DMK - KUL ไปกลับอยู่ที่สองพันต้นๆจ้า
แพลนคร่าวๆ แบบคร่าวๆจริงๆ 4 วัน 3 เมืองจ้า
Day 1 - DMK ➡ Kuala Lumpur ➡Melaka
Day 2 - Melaka ➡ Kuala Lumpur
Day 3 - Kuala Lumpur ➡Putrajaya
Day 4 - Kuala Lumpur ➡ DMK
ออกตัวก่อนว่าเคยอ่านตามรีวิวต่างๆแบบงบไม่เกิน5พัน สามารถทำได้นะคะ แต่เพราะเราเลือกที่พักแบบไม่ค่อยประหยัดค่าใช้จ่ายสักเท่าไหร่ เน้นสบาย ใกล้แหล่งขนส่งแหละของกินมากๆๆ รวมถึงการเดินทางระหว่างทริป เนื่องจากเราไปกับเพื่อนอีกหลายคนบางจุดสามารถเรียก Grab ไปได้ เฉลี่ยนแล้วอาจจะแพงกว่าเล็กน้อย หรือบางจุดถูกกว่าแต่สะดวกสบายกว่าพวกเราก็เลือกGrabจ้า55 เกริ่นมานานไปเที่ยวกันดีกว่าจ้า
🛫 Day 1 🛫
![](/f/25516/5d4430e9acf9445606b7a0dd.jpg)
เที่ยวบินของเราในวันนี้คือ FD311 ออกจากดอนเมืองเวลา 07:05 น. ใช้เวลา 2 ชั่วโมงนิดๆก็ถึง KLIA2 ประเทศมาเลเซีย โดยเวลาท้องถิ่นจะเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง ซึ่งถ้าใครมาด้วยสายการบิน low cost จะมาลงจอดที่นี่ แต่ถ้าfull service จะไปที่ KLIA1 โดยทั้งสองสนามบินมองเห็นด้วยตาเปล่า แต่อย่าเดินเลยค่ะ มีรถไฟบริการระหว่างสองสนามบิน
ผ่านพิธีการ ตม.เรียบร้อย เมืองแรกที่เราไปกันคือ "มะละกา" ค่ะ การเดินทางจากสนามบินไปมะละกามีได้ 2 วิธีนะคะ คือ
1. นั่งรถบัสจากสนามบินไปมะละกาเลยซึ่งค่ารถจะแพงกว่า
2. นั่งรถไฟจากสนามบินเข้าเมืองไปที่ KL Setral แล้วนั่งรถบัสจาก KL Sentral เข้าเมือง
ซึ่งสายชิวอย่างเราไม่ต้องบอกก็รู้ค่ะ ว่าเราจะเลือกวิธีแรก ถ้าเปรียบเทียบค่าจริงๆแทบไม่ต่างกันเลย วิธีที่ 2 จะเหมาะสำหรับคนที่พักในตัวเมือง KUL ก่อนแล้วค่อยไปเที่ยวที่มะละกา แต่ถ้าคนที่จะไปมะละกาก่อนแล้วค่อยกลับมาเที่ยวที่ KUL แนะนำวิธีแรกค่ะ ไม่ต้องต่อรถ2ต่อค่ะ นั่งสบายๆ 2 ชั่วโมงถึงค่ะ
![](/f/25516/5d3883ef6b92467be4834e65.jpg)
จากสนามบินเดินออกมาที่ท่ารถ ให้มองหาป้าย Busบอกทาง L.1 นะคะ ซึ่งระหว่างทางจะเดินทะลุห้าง ถ้าใครหิวหรืออยากเติมเสบียงจัดได้เลยจ้า เยอะมากกก เลือกสรรได้ตามต้องการ นอกจากอาหารแล้วยังมีร้านเสื้อผ้ายอดฮิตอย่าง H&M ด้วยน้า
![](/f/25516/5d43f0605cf11c336730a4d5.jpg)
เดินมาจนสุดทางไม่ต้องกลัวหลงค่ะ เจอfamily mart บันไดเลื่อนอยู่ด้านหน้าลงไปชั้น L.1 ค่ะ
![](/f/25516/5d43f1556ecdff41df2d1ebf.jpg)
ลงมาก็จะเจอแถวซื้อตั๋วมากมายค่ะ มองหาช่องซื้อตั่วไปมะละกา ไม่แนะนำซื้อตั๋วนี้ล่วงหน้านะ เพราะรอบรถที่ไปเยอะมากก และการที่เราซื้อล่วงหน้าถ้าไปถึงเร็วกว่ากำหนดก็ต้องรอ วันนั้นที่เราซื้อคือ อีก 5 นาทีรถออกไปได้เลยจ้า ค่ารถบัสอยู่ที่ 24.1 RM รวมค่าธรมมเนียม 25 RM พอดีจ้า
![](/f/25516/5d44300bacf9445606b7a0db.jpg)
บรรยากาศบนรถนะคะ แนะนำให้เลือกที่นั่งหลังๆนะคะ เพราะการสูบบุหรี่สำหรับที่นี่เป็นเรื่องปกติมาก คนขับแกเปิดกระจกสูบเลยจ้า และระยะเวลาเดินทางที่เราต้องนั่งอยู่บนรถคือ 2 ชั่วโมง เลือกที่นั่งเซฟๆเนาะ
![](/f/25516/5d47b6007d1d262fdb77f4f8.jpg)
บรรยากาศภายใน Melaka sentral จะเป็นท่ารถบัสขนาดย่อม ภายในจะมีทั้งร้านขายของทั้วไป ร้านอาหาร มีโต๊ะหมากรุกไว้ให้นั่งเล่นรอด้วยเอาดิ!! แสดงว่ารถต้องรอนานมากก เดินมาตามทางที่เขียนว่า Bus ออกมาด้านนอกจะเจอป้ายรถเยอะมาก
![](/f/25516/5d47eb2a70f5dd50aaff807f.jpg)
สายที่จะพาเราไที่ Dutch Square คือ สาย 17 จ้า ค่ารถ 2 RM ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4o นาที แต่ถ้าเรียก grab ประมาณ 8RM ซึ่งรถเมล์คือรอนานมากกก ใครที่มา3-4คนแนะนำให้เรียก grab เลยดีกว่า ค่ารถต่างกันไม่มาก ไม่ต้องรอรถแถมใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาทีเอง
![](/f/25516/5d47ee59fc8dfe5b2ad26dce.jpg)
บรรยากาศในรถ..ใครที่เอากระเป่าเดินทางใบเล็กมาก็จะนั่งลำบากนิดนึง ถึงแม้ที่สถานีจะมีที่นั่งข้างในแอร์เย็นๆ แต่แนะนำให้มายืนรอต่อคิวดีกว่านะ เพราะคนเยอะมากกกก เราต่อคิวรอเลยได้ขึ้นเป็นคนแรกๆมีที่นั่ง รถเมล์มาเลยเซียจะเเหมือนกับรถพวก ปอพ.ในสมัยก่อนบ้านเราคือจ่ายเงินด้านหน้ารถ ทางลงคือด้านหลัง บอกว่าลงที่ " Dutch square"นะ
![](/f/25516/5d47f5b3fc8dfe5b2ad26dea.jpg)
เห็นวิวสตรีทอาร์ตและโบสถ์ให้เตรียมตัวลงนะคะ แต่ถ้าใครใช้บริการ grab ปักให้เขาไปส่งที่พักเลยง่ายกว่าเยอะ ในรูปด้านขวาจะเป็นสตรีทอาร์ตแลนด์มาร์คของที่นี่ แต่ตอนที่เราไปเขามีก่อสร้างบริเวณด้านหน้า ด้านซ้ายป็น "Church of St Francis Xavier" ก็เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของที่นี่จ้า
![](/f/25516/5d47f60a5723355b32d62e61.jpg)
(รูปด้านหน้าลืมถ่ายมา ยืมมาจาก agodaนะคะ)
ที่พักที่พวกเราเลือกที่มะละกาคือ "The Rucksack Caratel - Jonker Wing" ห้อง Standard Twin จองผ่าน agoda ไปตอนนั้นตกคืนประมาณ 1,430 บาท ตกคนละ 715 บาท ราคานี้รวมอาหารเช้า มีน้ำดื่มบริการฟรีตลอดตรงเคาท์เตอร์ ในห้องพักมีน้ำดื่มให้ 2 ขวด มีตู้เย็นในห้องนอน ราคาที่พักค่อนข้างสูงแต่ทำเลดีมากเลย ลงรถเมล์ตรง Dutch square ปุ๊บหันหลังกลับมาทางโบสถ์ที่ผ่านมา โรงแรมอยู่บล็อคแรกของตึกสีแดงอิฐเลยค่ะ
![](/f/25516/5d47f4bbfc8dfe5b2ad26de7.jpg)
![](/f/25516/5d47f67ffc8dfe5b2ad26deb.jpg)
บรรยากาศในห้องพัก แนะนำที่นี่จริงๆเดินทางง่าย ใกล้ทุกแหล่งท่องเที่ยว ที่พักดูปลอดภัย มีพนักงานอยู่ด้านล่างตลอด ถ้าหลังสี่ทุ่มทางเข้าด้านหน้าตรงประตูกระจกจะล็อก ต้องใช้คีย์การ์ดห้องพักเข้า - ออกค่ะ เก็บกระเป๋าเรียบร้อยแว้ว ไปเดินเลินเติมพลังที่ Jonker street ค่ะ ถนนเส้นนี้กลางคืนเป็นเหมือน night market ครึกครื้นพอสมควรเลย
เมนูที่เพื่อนๆห้ามพลาดเลยถ้ามาที่มะละกาคือ ข้าวมันไก่บอล ซึ่งทางเราก็เป็นคนชอบอ่านรีวิว สรุปร้านยอดฮิตน่าโดนมาได้ 3 ร้านด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Chung Wah , Hoe Kee Chicken Rice และ Famosa Chicken Rice Ball
![](/f/25516/5d47fe40024afe6113931768.jpg)
แต่วันที่เราไปคือคนเยอะทั้ง 3 ร้าน บวกกับความหิวโซ เลยไม่ได้ไปต่อคิวรอ จัดร้านแรกตรงต้นถนน Jonker street เลยจ้า ชื่อร้านจำไม่ได้เพราะมัวแต่หิวและกินๆ รสชาติไก่ผ่าน แต่ข้าวบอลเนี่ย รู้สึกว่ากินแบบธรรมดาดีกว่านะ แต่ถ้าเพื่อนๆคนไหนได้ไปลองชิม 3 ร้านข้างต้นแวะมาบอกด้วยน้้าว่่าอร่อยรึป่าว ไปรอบหน้าจะไปต่อคิวลองด้วย55
![](/f/25516/5d4801b9024afe61139317e3.jpg)
อิ่มแล้วเราก็มาเดินย่อยใน Jonker street ดีกว่า บรรยากาศกลางวันของถนนเส้นนี้ก็ไม่ควรพลาดเหมือนกันนะจ้า ในซอยก็จะเป็นร้านขายของหลากหลายแนว คาเฟ่ สตรีทอาร์ต เวลาที่ควรเผื่อไว้ที่นี้คือประมาณชั่วโมงครึ่งค่ะ เพื่อที่จะได้เดินชิวๆได้ค่ะ
บรรยากาศใน Jonker street น้า ถ้ามาเฉพาะตอนกลางคืน ก็อาจจะพลาดไม่ได้บรรยากาศสีสรรของถนนเส้นนี้ไปได้ แล้วยิ่งมะละกาเป็นเมืองที่ได้รับการรับรองจาก UNESCO ให้เป็นเมืองมรดกโลก เนื่องจากมีภูมิสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมที่ไม่ซ้ำใครในเอเชียเมื่อ ค.ศ. 2008 มีตำแหน่งมาการันตีแบบนี้ ไม่ควรพลาดเลยจริงๆ
![](/f/25516/5d4808b8024afe61139317e5.jpg)
![](/f/25516/5d4970ad4ec5237a188c9198.jpg)
บรรยากาศของถนนมีความคล้ายๆ little india ที่สิงค์โปร์ ผสมกับ china town ที่ปีนัง
![](/f/25516/5d4809be024afe61139317ea.jpg)
ตรงเข้ามาใน Jalan Hang Jebat จะเจอกับ Jonker Walk World Heritage Park อยู่ด้านซ้าย เป็นสวนสาธารณะเล็กๆ ภายในมีประวัติความเป็นมาของถนน Jonker และมีรูปปั้นผู้ริเริ่มการเพาะกายของมาเลเซีย Mr.Gan Boon Leong หรือ Mr. Universe อยู่
![](/f/25516/5d4971394ec5237a188c9199.jpg)
อีกจุดที่ไม่ควรพลาดคคือ "Cheng Hoon Teng Temple" ให้เดินย้อนกลับมาทางออก แล้วเลี้ยวซ้ายมาที่ Jalan Hang Lekiu เราจะเจอกับ "Masjid Kampung Kling" อยู่ทางขวามือ เดินมาจนถึงแยก และเลี้ยวซ้ายไปที่ Jalan Tokong เดินไปอีกประมาณ 100 เมตร Cheng Hoon จะอยู่ด้านซ้ายค่ะ
![](/f/25516/5d4972954ec5237a188c919d.jpg)
"Cheng Hoon Teng Temple" เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่คนมะละกาแวะเวียนมาไม่ขาดสาย ภายในมีประวัติความเป็นมาให้อ่านค่ะ เป็นวัดที่ไม่ควรพลาดจริงๆ ถ้ามาที่มะละกา
![](/f/25516/5d4a9150d3abed76ebdd754d.jpg)
เดินย้อนกลับมา ตรงหาแม่น้ำมะละกา ก็จะเจอกับสตรีทอาร์ต และบ้านเมืองฮิบๆ ให้ได้แชะภาพตลอดทาง
![](/f/25516/5d4a914fd3abed76ebdd754c.jpg)
สามล้อประจำเมือง หรือ ริกชอว์ "Rickshaw" ใครมามะละกาไม่ควรพลาด เก็บรูปด้วยสักรูปสองรูป ค่าเช่ารถแล้วแต่ตกลง แต่ต่อวันอยู่ที่ 30-50 RM ค่ะ ทางเราเจอเขาจอดรถไว้ เลยขอถ่ายเป็นที่ระทึกสักใบ ^^
![](/f/25516/5d4a93267615e27705a7d2f6.jpg)
แม่น้ำมะละกา เป็นอีกหนึ่งจุดที่ไม่ควรลืมมาเช็คอิน เป็นแม่น้ำสำคัญสายนึงของมาเลย์เซีย คั่นกลางระหว่าง Dutch square และ Jonker street ในอดีตแม่น้ำสายนี้เป็นเมืองท่าที่สำคัญในการนำเข้า – ส่งออก เราน่าจะคุ้นหูกันกับคำว่า “ช่องแคบมะละกา”
![](/f/25516/5d4a943e7615e27705a7d2f7.jpg)
แม้ปัจจุบันท่าเทียบเรือนี้จะไม่มีแล้ว แต่บริเวณ 2 ฝั่งแม่น้ำ ก็ยังมีเสน่ห์ มีร้านอาหาร คาเฟ่ชิคๆให้นั่งเล่นมากมาย หรือจะเลือกเดินเล่นชิวๆก็ไม่ควรพลาดเลย
สู้แดดไม่ไหว หนีกลับไปงีบเอาแรงมาแพร๊บนึง ออกมาอีกทีแสงก็สวยแบบนี้แล้วค่ะ
![](/f/25516/5d4a94ee7615e27705a7d385.jpg)
เป้าหมายต่อไปของเราคือ "Masjid Selat Melaka" การเดินทางมาที่นี่ไม่ยากเลยค่ะคือใช้บริการ grab หรือโบกเรียก taxi จาก Ducth square มาไม่มีรถเมล์ผ่านที่นี่นะค่ะ ค่ารถเรียกจาก grab อยู่ที่ 5RM ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็มาถึงแล้วแหละ
![](/f/25516/5d4a99677615e27705a7d388.jpg)
มัสยิดนี้ตั้งอยู่บนเกาะปุเลย์ เป็นเกาะที่รัฐบาลสร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว วัสดุที่ใช้คือสร้างหินอ่อนสีขาว ตอนที่เราไปมีละหมาด และเย็นมากแล้วเลยไม่ได้เข้าไปข้างใน ใครจะมาที่นี้แนะนำให้มาเร็วหน่อย เพราะที่นี่คือจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ไม่ควรพลาดจริงๆค่ะ ซึ่งเราพลาดค่ะ TT
![](/f/25516/5d4a9d0b7615e27705a7d38a.jpg)
![](/f/25516/5d4a9d3cd3abed76ebdd754f.jpg)
ขนาดได้เก็บภาพแค่นี้ยังสวยมากเลย ดื่มด่ำบรรยากาศชิวๅสักพักก็เรียก grab กลับเข้าไปเดินชมมะละกายามค่ำคืนบ้างดีกว่า โดยเราเลือกลงที่ "Maritime Museum of Malacca" ค่ารถ 7RM อาจจะเพราะ รถเริ่มติดค่ารถเลยขึ้นราคา ที่ลงที่นี่เพราะ จะเก็บภาพพิพิธภัณฑ์ตอนกลางคืน และเดินเล่นชิวๆริมน้ำ
![](/f/25516/5d4aaf85d3abed76ebdd75a1.jpg)
ลงปุ๊บ ภาพแรกที่เห็นคือเรือสำเภาขนาดใหญ่มากก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำมะละกา ภายในจัดแสดงประวัติความเป็นมาของมะละกาไว้ค่ะ แต่ทางเราไม่ได้เข้าชมนะ เก็บแต่บรรยากาศอยู่บริเวณรอบนอก
![](/f/25516/5d4ab43bd3abed76ebdd761c.jpg)
ฝั่งตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์จะเป็น "Menara taming sari tower " หอคอยที่ขยับขึ้นลง และสามารถชมวิวมะละกาได้ทั้งหมดค่ะ ซึ่งเราไปเลือกขึ้นไป skybox ที่ KL tower เลยไม่ได้ขึ้นที่นี่เช่นกัน
![](/f/25516/5d4ab4edd3abed76ebdd761d.jpg)
รถสามล้อเปิดไฟตอนกลางคืนก็สวยไปอีกแบบค่ะ ไฮไลท์ของที่นี่จริงๆ ยิ่งกลางคืนมีทั้งแสงไฟสวยๆ และเปิดเพลงสนุกๆไปอีก
![](/f/25516/5d4ab52df9889604a38be2e9.jpg)
วิวยามค่ำคืนค่ะ ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านอาหารริมแม่น้ำให้นั่งชิวๆฝั่ง Joker walk street ค่ะ
![](/f/25516/5d4ab5a0d3abed76ebdd761e.jpg)
Joker walk street กับบรรยากาศยามค่ำคืน สตรีทฟู๊ตเยอะมากค่ะ และก็ร้านขายของฝากก็เยอะเช่นกัน
![](/f/25516/5d4ab5ded3abed76ebdd761f.jpg)
โบสถ์คริสต์กับแสงไฟตอนกลางคืน จริงๆชอบตอนกลางคืนมากกว่ากลางวัน เพราะคนไม่เยอะ และแสงไฟที่เปิดทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นมากกก
หมดไปแล้วหนึ่งวันเบาๆค่ะ พักผ่อนเอาแรงและมาต่อกะวันที่ 2 นะจ้า
🛫Day 2 🛫
![](/f/25516/5d4ab993f9889604a38be2ef.jpg)
อาหารเช้าเป็นสิ่งสำคัญ บอกเลยว่าโรงแรมนี้อาหารเช้าเยอะพอสมควร แต่ที่เราลองวันนี้คือ Nasi lemak หรือ นาซิ เลอมัก อาหารท้องถิ่นของที่นี่ โดยจะเป็นข้าวหุงกับกะทิและใบเตยพร้อมเครื่องเคียง 4 อย่าง ได้แก่ ปลากะตักทอดกรอบ แตงกวาหั่น ไข่ต้มสุกและถั่วอบ
![](/f/25516/5d4ad5125351fd114e1b9004.jpg)
ห้องอาหารและล็อบบี้ของที่พักค่ะ
![](/f/25516/5d4ad57c6cac451085fbeac8.jpg)
บรรยากาศในที่พัก คือถ่ายรูปได้ทุกมุมเลยจริงๆ พวกเราเก็บกระเป๋ามาฝากที่ล็อบบี้เลย เพราะเดี๋ยวจะไปเดินเที่ยวรอรอบรถตอนบ่าย จะได้ไม่ต้องรีบมาเช็คเอ้าท์
![](/f/25516/5d4ad7616cac451085fbead4.jpg)
เรากลับมาที่ Ducth square กันอีกครั้ง ที่นี่ไม่ว่าจะเป็นวันไหนเวลาไหนนักท่องเที่ยวก็ล้นหลามจริงๆ อาคารบ้านเรือนและสถานที่ต่างๆบริเวณนี้จะเป็นสีแดงอิฐ และสร้างตามแบบชาวดัตช์ที่เคยเข้ามาเผยแผ่ศาสนาคริสต์ นิกายโปรเตสแตนท์ทั้งหมดเลย
![](/f/25516/5d4b83b2bad53a36f9245914.jpg)
ทำให้จัตุรัสใจกลางเมืองแห่งนี้กลายเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของเมืองมะละกาที่ห้ามพลาดจริงๆนะเออ มีแลนด์มาร์คที่อยู่รอบจัตุรัสนี้มากมายไม่ว่าจะเป็นโบสถ์คริสต์ , หอนาฬิกา , กังหันลมฮอลันดา , ลานน้ำพุ , พิพิธภัณฑ์เยาวชน และ ศาลาว่าการค่ะ
![](/f/25516/5d4b85f3bad53a36f9245915.jpg)
ภายในของโบสถ์คริสต์ ทางเข้าอยู่บริเวณด้านข้างโบสถ์ที่เป็นร้านขายของที่ระลึกเข้ามาข้างในจะเจอประตูเข้ามาไม่เสียค่าเข้าชมค่ะ
![](/f/25516/5d4b8788c7774e3f9f9804ba.jpg)
ถัดจากโบสถ์คริสต์เราจะไปกันที่ "St. Paul’s Church" ให้เลี้ยวทางซ้ายข้างหน้าถัดจากป้ายในรูปนะคะ
![](/f/25516/5d4b89adbad53a36f9245918.jpg)
ริมแม่น้ำก็จะยังมีป้อมเก่าที่ยังคงรักษาไว้อยู่เป็นระยะๆ และนักท่องเที่ยวก็เยอะเช่นกันค่ะ
![](/f/25516/5d4b89febad53a36f9245919.jpg)
St. Paul’s Church มีอายุยาวนานเกือบ 500 ปี ตั้งแต่สมัยนักบุญฟรานซิส เซเวียร์ ท่านได้เดินทางเข้ามาเผยแผ่ศาสนาคริสต์(นิกายคาทอลิค) ก่อนที่มะละกาจะถูกยึดอำนาจโดยนักบุญชาวดัชต์ (นิกายโปรเตสแตนท์)
![](/f/25516/5d4b8abbc7774e3f9f9804bb.jpg)
ทำให้โบสถ์แห่งนี้ไม่ได้ใช้ประกอบศาสนพิธีและถูกเปลี่ยนเป็นสถานที่ฝังศพบุคคลสำคัญแทน บริเวณด้านในก็จะเป็นอย่างในภาพนะคะ มีความขลังมากๆ
![](/f/25516/5d4b8b36c7774e3f9f9804bc.jpg)
วิวเมืองมะละกาที่มองจากบริเวณโบสถ์ลงไป
![](/f/25516/5d4b8bebbad53a36f924591c.jpg)
ก่อนกลับเข้า KUL เรามาเติมพลังที่ Jonker Street กันอีกครั้ง ร้านนี้เราเล็งไว้ตัั้งแต่เมื่อวานตอนเดินผ่านคือกลิ่นกาแฟหอมมาก ชื่อร้านว่า "The Stolen cup" เมนูราคาไม่แพงมาก เบเกอรี่อร่อยค่ะ
เมนูที่เราได้เสียหายไป ^^
![](/f/25516/5d4b8ca7c7774e3f9f9804bf.jpg)
ถึงเวลาโบกมือลา มะละกา กันแล้วค่ะ เราจะกลับไป KULกัน การเดินทางจากมะละกาไป KUL วิธีที่ง่ายที่สุดคือนั่งรถบัสที่ Melaka sentral ไปลงที่ท่ารถบัสใน KULค่ะ โดยจะต้องนั่งรถเมล์ย้อนกลับไป แต่ถ้าใครเลือกวิธีนี้แนะนำว่า Grab ไปที่ Melaka sentral เถอะค่ะ ราคาอยู่ที่ 8-10 RM แต่วิธีที่เราเลือกอาจจะดูอ้อมไปนิดๆ แต่ด้วยความที่เราเคยมาปีนังและนั่งรถไฟไปอิโปห์ และชอบรถไฟของที่นี่เลยเลือกนั่งจาก ฺBatang Melaka ไปลงที่ KL Sentral โดยจองตั๋วจากเว็บ https://www.easybook.com/th-th ราคารวมค่าธรรมเนียมไม่เกิน 250 บาทค่ะ
อย่างที่บอกว่าวิธีนี้อาจจะดูอ้อมๆ เนื่องจาก จากตัวเมืองมะละกาไปที่ Batang Melaka เราจะต้องนั่งรถไปประมาณ 1 ชั่วโมงจาก Ducth square โดยจะต้องใช้บริการ Grab ค่ารถอยู่ที่ประมาณ 50 RM ถ้ารวมกับค่ารถไฟแล้วคือราคาแพงกว่าเท่านึงเลยค่ะ แต่ถ้าใครอยากสัมผัสบรรยากาศนี้ต้องลองดูจ้า
![](/f/25516/5d4b91aebad53a36f9245985.jpg)
บรรยากาศบริเวณสถานีรถไฟนะ ไม่มีอะไรขายเลยยยย ซึ่งแตกต่างจากสถานีรถไฟที่อิโปห์ กับ ปีนังที่เราเคยไป อาจจะด้วยการเดินทางมาที่นี่ไม่ได้ง่ายเลย คนเลยนิยมเดินทางด้วยรถบัสมากกว่าอารมณ์คือเงียบสงบรอเวลารถอย่างเดียวเลยจริงๆ
![](/f/25516/5d4b9438e6f9bb6044aaebd4.jpg)
5 นาทีโดยประมาณก่อนรถไฟมา เจ้าหน้าที่ก็จะปล่อยให้เราเข้ามารอบริเวณชานชะลาค่ะ
![](/f/25516/5d4b9473bad53a36f92459f7.jpg)
บรรยากาศบนรถไฟ คือดีงามมาก ถ้าเทียบกับนั่งรถบัสนะคะ มีห้องน้ำ ตู้อาหารขาย ที่นั่งสะดวดสบาย แต่อย่างที่บอกข้างต้นคือค่าใช้จ่ายต่างกันเท่านึงเลย ระยะเวลาในการนั่งรถไฟ 2 ชั่วโมงค่ะ หลับสบายๆยาวๆไป
![](/f/25516/5d4bc464a4ba3366e1334a75.jpg)
อาหารมีทั้งอาหารเวฟเหมือนใน 7-11 ขนม และอาหารกระป๋อง ทางเราจัดโค๊กแบบเย็นนนๆ กับมาม่าไปสดชื่นมากจ้า
2 ชั่วโมงผ่านไปก็มาถึง KL Sentral แล้วคือใหญ่มากกกก ทางเราแอบ งง ในตอนแรกแนะนำเพื่อนๆโหลดแอพนี้ไว้ค่ะ "Kuala Lumpur City Rail Map" เป็นแอพที่ไว้ดูสายรถไฟทั้งหมดใน KUL และอีกเว็บที่แนะนำสำหรับตอนวางแพลนคือ https://www.myrapid.com.my/fares-and-payments/rail-fare-calculator ไว้สำหรับคำนวนดูราคาค่ารถไฟทุกสายค่ะ ในส่วนของที่พักที่เราเลือกคือ Nu Hotel @ KL Sentral อยู่ข้างหลังห้าง NU เดินตามมาสายรถ monorail
![](https://dimg04.c-ctrip.com/images/200u0l000000czh6yA428_R_1136_750_R5_D.jpg)
บรรยากาศหน้าที่พักนะคะ อันนี้ยืมรูปมาจาก trip.com ค่ะ ลืมถ่ายรูปหน้าที่พักจริงๆ ราคาที่พักต่อคืนตกที่คนละ 590 บาทค่ะ แพงเพราะทำเล และบรรยากาสรอบข้างค่ะ ด้านข้างที่พักติดกับ minimart จ้า
![](/f/25516/5d4beb7a8c79f30180e4e089.jpg)
บรรยากาศในห้องพักนะคะ มีน้ำให้วันละ2ขวดต่อห้อง
![](/f/25516/5d4bebc78c79f30180e4e08a.jpg)
พักผ่อนสักนิดเราจะไปเก็บบรรยากาศ KUL ยามค่ำคืนดีกว่า การเดินทางในตัวเมืองจะง่ายกว่าที่มะละกามากๆเพราะมีรถไฟฟ้าแทบจะทุกที่ที่เราจะไป ที่แรกที่เราจะไปในวันนี้คือ "Merdeka Square" โดยนั่งรถไฟสาย Kelana Jaya Line เพียง 2 สถานีลงที่ Masjid Jamek ราคาอยู่ที่ 1.6 RM
![](/f/25516/5d4bfa91fa79580c6496e9e6.jpg)
ข้ามมาฝั่งตรงข้ามข้างในจะเจอลานกว้างๆข้างหลังจะเป็น Masjid Jamek พอเริ่มเย็นแถวนี้จะเริ่มเปิดไฟค่ะสวยไปอีกแบบ
![](/f/25516/5d4cd4c1d0b1c75bf3504967.jpg)
มัสยิดนี้สร้างเมื่อปี 2452 โดยอยู่ตรงจุดบรรจบของ แม่น้ำ Gombak และ Klang ถือว่าเป็นมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง มีลักษณะผสมผสานกันระหว่างอิทธิพลศิลปะอินเดียและสเปน
![](/f/25516/5d4cfdfeec6a99677507d995.jpg)
เดินตรงมาเรื่อยๆก็จะเจอ Merdeka Square บริเวณนี้อาคารจะเป็นทรงโคโลเนียสนามจตุรัสหน้าอาคารแห่งนี้เป็นสถานที่ประกาศอิสระภาพจากการตกเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักร ปัจจุบันใช้เป็นที่ใช้สำหรับเฉลิมฉลองวันแห่งอิสรภาพ
![](/f/25516/5d4cfe9bec6a99677507d99c.jpg)
เป็นที่ที่คนท้องถิ่นมาผ่อนคลายจริงๆ เหมือนสวนสาธารณะใจกลางเมืองเบาๆใกล้ได้เวลาตึกแฝดเปิดไฟแล้วรีบไปต่อจ้า
![](/f/25516/5d4d0ee79850c56c8415ab9a.jpg)
เดินย้อนกลับมาเพื่อนั่งรถไฟไปที่ KLCC บริเวณแม่น้ำที่ผ่านมาเมื่อกี้เปิดหมอกน้ำคือสวยมากกกกค่ะ เราต้องนั่งสาย Kelana Jaya เพียง 3 สถานี ลงที่ KLCCค่ารถ 1.9 RM
![](/f/25516/5d4d12e4ec6a99677507daab.jpg)
และเราก็มาถึง Petronas Twin Towers หรือตึกแฝดที่เรียกๆกัน โดยตึกนี้ถือเป็นตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลก และยังเป็นตกที่สูงอันดับที่ 12 ของโลก (อ้างอิงข้อมูลปี 2562 : wikipedia) ตึกนี้ความสูง 452 เมตร จำนวน88 ชั้น มีสะพานเชื่อมตึกที่ชั้น 41 ออกแบบโดย เซซาร์ เปลลี
โดยไฟที่ตึกกับน้ำพุหน้าตึกจะเริ่มเปิดไฟประมาณสองทุ่มจ้า ใครไม่มีเลนส์วายหน้าตึกมีขาย fish eye พร้อมบริการถ่ายให้ด้วยจ้า
![](/f/25516/5d4d16d2ec6a99677507daae.jpg)
นั่งรอสักพักกกกกเลยกว่าบริเวณด้านหน้าคนจะเริ่มซาและได้ภาพแบบไม่ค่อยมีคนด้านหน้ามาสักภาพนึง 55
และยังไม่หมดวัน!! เราจะไปดับความหิวกันที่ Bukit Bintang จ้า การเดินทางก็มีทั้งนั่งรถไฟ นั่งรถเมล์ และเดิน ทางเราเลือกเดินจ้ามันมีทางเดินเชื่อมไม่ยากเลย เริ่มจากเดินกลับมาที่รถไฟฟ้าที่เดิม เดินทะลุห้างไปเลยจ้ามันจะมีป้ายทางเดินไป Bukit Bintang ถ้าเดินแหละ งง ถามพี่ๆเจ้าหน้าที่ในห้างเลย
เดินค่อนข้างไกลนะคะ ถ้าใครที่ไม่ชอบเดินจริงๆ แนะนำให้นั่งรถไฟฟ้า เปิดจากแอพที่แนะนำไปเลือกสถานีต้นทางและปลายทางจะบอกสถานีที่ต้องไปต่อรถใกล้ที่สุดโดยที่ไม่ต้องย้อนไปถึง KL Sentral ค่ะ
![](/f/25516/5d4d1b45ec6a99677507dab8.jpg)
ถ้าเดินไปเรื่อยๆแหละเจอทางแบบนี้คือทุกคนมาถูกแล้วค่ะ ทางเดินจะสลับไปมาระหว่างในอาคารมีแอร์และนอกอาคารแอร์กี่จ้า ทางเดินจะมาทะลุที่ห้าง Pavilion จ้า
![](/f/25516/5d4d1e3f9850c56c8415ac49.jpg)
มาถึงหมดแรงพอดีเลย55 จากที่ตอนแรกตั้งใจจะเดินต่อไป night market ที่ bukit bintang บวกกับเวลาที่ห้างจะเริ่มปิดแล้ว เพราะเรามาถึงที่นี่เกือบๆ4ทุ่มได้แหนะ เราเลยขอฝากท้องที่ food court ฝั่งตรงข้าม pavilion แทน 🤪
![](/f/25516/5d4d1f579850c56c8415ac4a.jpg)
อารมณ์เป็นเนื้อหมูตุ๋น ราคาตั้งแต่11-25 RM โดยรวมถือว่าราคาไม่แพงมาก มีน้ำชาร้อนให้แก้วนึงด้วยค่ะ
![](/f/25516/5d4d20d1ec6a99677507dab9.jpg)
อันนี้เป็นร้านชานมที่เห็นทั่วมาเลเลย อยากจะบอกว่าอร่อยค่ะ ใครไปไม่ควรพลาด 😊
ขากลับพวกเราเรียก taxi แถวนั้นกลับค่ารถ 10RM ค่ะ ตอนนั้นดึกแล้วแหละค่ารถเลยขึ้น ก่อนเรียกเช็คราคากับ grab แล้วต่างกันไม่เยอะเลยขึ้นแถวนั้นกลับเลยค่ะ แต่โชคดีมากเลยที่พวกเราตัดสินใจขึ้นรถพี่เขา เพราะทำให้เราได้รถพาเที่ยวที่ Putrajaya ในวันต่อมาจ้า ^^
🛫Day 3 🛫
จากที่เกริ่นไปในวันที่แล้วว่าเราเหมารถพี่เขาเที่ยวต่อที่ Putrajaya จริงๆ จาก KUL ไป Putrajayaไม่ยากค่ะมี KLIA Transit ลง สถานี Putra ได้เลยค่ะ ค่ารถ 14 RM ใช้เวลาประมาณ 20 นาที สามารถเช็ครอบรถไฟได้ที่ https://www.kliaekspres.com/wp-content/uploads/2018/03/New-KT-Schedule-14MAR2018.pdf แต่จริงๆ KLIA transit มีรถทุก 15 นาทีเลยนะคะ หลังจากนั้นก็นั่งรถเมล์L15 ต่อ ซึ่งทางเราคำนวนค่าใช้จ่ายกันแล้วพี่เขาเหมาเราคันละ 250 RMค่ะ ฟังอาจแพงแต่เราไปกัน 5 คนคนละ 50 RM ถ้าค่ารถจาก KUL - Purta ไปกลับก็ (14*2) 28 RM ค่ารถในเมืองเพราะรถเมล์กับสถานที่ต่างในเมืองค่อนข้างที่จะไกลนิดนึง และรถเมล์จากที่อ่านมาหลายรีวิวคือรอนานมากกๆค่ะ เราเลยตกลงกับพี่เขาไปค่ะ ใครสนใจวิธีนี้ตกลงราคาเหมากับtaxi แถวหน้า pavilion เลยนะคะ สบายมากกก
![](/f/25516/5d4d268819862f1ab20eab31.jpg)
เกริ่นมานานไป Putrajaya กันดีกว่า นั่งรถมาประมาณ 40 นาที เราก็มาถึงค่ะ Putrajaya หรือภาษาไทยคือ "ปูตราจายา" เป็นเมืองใหม่ที่รวบรวมศูนย์ราชการที่สำคัญของมาเลเซียไว้ รูปนี้พี่เขาจอดกลางสะพานให้ถ่ายค่ะ ในรูปเป็น Masjid Putra ที่จะไปกัน
![](/f/25516/5d4d2b12c22c911abae3fe72.jpg)
ขวามือไกลๆก็จะเป็น Iron Mosque ที่เดี๋ยวเราจะไปอีกเหมือนกัน โชคดีมากค่ะตอนที่เราไปมีงานบอลลูนพอดี ภาพที่ได้ก็จะมีสีสรรขึ้นมาอีกนิดนึง
![](/f/25516/5d4d2ba3c22c911abae3fe73.jpg)
ถึงแล้วค่ะ Masjid Putra หรือมัสยิดสีชมพู ตั้งอยู่ริมทะเลสาบปุตราจายา โดยเปิดให้เข้าชมได้ทุกวันแต่มีกำหนดรอบเวลาดังนี้ค่ะ
- วันเสาร์ - วันพฤหัสบดี เวลา 9:00 - 12:30 / 14:00 - 16:00 / 17:30 - 18:00
- วันศุกร์ 15:00 - 16:00 / 17:30 - 18:00
![](/f/25516/5d4d2d7919862f1ab20eab34.jpg)
ตัวมัสยิดเป็นสีชมพู สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1997 เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของเมือง มีหอคอยสูง 116 เมตร ที่สร้างขึ้นโดยได้รับอิทธิพลมาจากมัสยิดชีคโอมาร์ (Sheikh Omar mosque) ในกรุงแบกแดด แทนสัญลักษณ์เสาหลักทั้งห้าของศาสนาอิสลาม
การแต่งกาย : ผู้ชายต้องสวมเสื้อแขนยาวกางเกงขายาว ผู้หญิงต้องใส่เสื้อคลุมของที่นู้นนะคะ โดยเสื้อคุมจะเป็นสีแแดงเลือดหมู เหมือนเดินอยู่ในแฮรี่ กริฟฟินดอร์ไปเลยจ้าา
![](/f/25516/5d4d34dfc22c911abae3fe7b.jpg)
ภายในประดับตกแต่งด้วยลวดลายที่สวยงามตามหลักศาสนาอิสลาม
ภาพบรรยากาศมัสยิดโดยรวมนะคะ
![](/f/25516/5d4d366bc22c911abae3fe85.jpg)
![](/f/25516/5d4d357dc22c911abae3fe80.jpg)
![](/f/25516/5d4d368d19862f1ab20eab39.jpg)
ออกมาข้างนอกด้านข้างจะมีทางลงเดินริมแม่น้ำ ไม่ควรพลาดเลยค่ะ บรรยากาศก็จะประมาณนี้ค่ะ
![](/f/25516/5d4d35ecc22c911abae3fe83.jpg)
![](/f/25516/5d4d35ecc22c911abae3fe82.jpg)
มองย้อนกลับไปที่ Putra bridge ค่ะ
![](/f/25516/5d4d35e3c22c911abae3fe81.jpg)
![](/f/25516/5d4d3741c22c911abae3fe86.jpg)
ฝั่งตรงข้ามกับ Masjid Putra จะเป็น Perdana Putra หรือทำเนียบรัฐบาลของคณะรัฐมนตรี เป็นตึกสูง 6 ชั้น ส่วนยอดบนมีลักษณะคล้ายรูปโดมของมัสยิด
![](/f/25516/5d4d386a19862f1ab20eab3c.jpg)
เราจะไปต่อกันที่ Iron Mosque แต่พอขับรถมาได้สักพัก เลยขอให้พี่เขาช่วยจอดรถให้ มองย้อนกลับไปคือสวยอะ เก็บภาพมาได้หลายรูปอยู่
![](/f/25516/5d4d39dfc22c911abae3ff99.jpg)
ข้ามสะพาน สะพานสวยก็ขอให้พี่เขาช่วยจอดไปอีก 55
![](/f/25516/5d4d3b77c22c911abae3ff9b.jpg)
วิวจากสะพานก็สวยไม่แพ้สะพานเลยนะ แต่ขอบอกเลยว่าร้อนมากกกกก
![](/f/25516/5d4d3c21c22c911abae3ff9d.jpg)
ข้างหน้านี่พี่เขาบอกว่าเป็นสนามกีฬา และรถสีน้ำเงินคือพาหนะของเราในวันนี้จ้า
![](/f/25516/5d4d3d2d19862f1ab20eab42.jpg)
ถึงแล้วมัสยิดเหล็ก หรือ Iron Mosque ที่มาของชื่อมาจากการใช้เหล็กในการก่อสร้างถึง 6,000 ตัน หรือประมาณ 70% ของโครงสร้างทั้งหมด
การแต่งกาย เหมือนมัสยิดชมพูเลยค่ะ แค่เปลี่ยนสีเป็นสีม่วง Ravenclaw ไปอีก!!
![](/f/25516/5d4d4ae09db204270e29592c.jpg)
การเข้าชมกำหนดเวลาเหมือนกัน แต่ลืมถ่ายรูปมาจริงๆค่ะ
ลวดลายที่นี่จะเน้นลวดตาข่ายเป็นส่วนใหญ่
![](/f/25516/5d4d4b859db204270e29592f.jpg)
วิวนี้ต้องให้พี่เขาขับรถอ้อมมานะคะ อยู่ตรง Perbadan Putrajaya Complex หรือ Putrajaya Corporation เป็นหน่วยงานท้องถิ่นที่บริหารจัดการอาณาเขตแห่งรัฐของปุตราจายา
![](/f/25516/5d4d4c589db204270e295932.jpg)
ใช่ค่ะ นี่คือตัวอาคาร ตอนแรก งง มากว่านี่อาคารหรอนี่
ทึ่งในการสร้างสรรค์ ออกแบบของนักออกแบบจริงๆค่ะ
![](/f/25516/5d4d4ca39db204270e295934.jpg)
อันนี้เป็นฝั่งตรงข้ามที่มองผ่าน Perbadan Putrajaya Complex ที่เราเลือกเป็นรูปปกของรีวิวนี้ค่ะ
![](/f/25516/5d4d4da69db204270e295939.jpg)
อาคารฝั่งตรงข้ามคือ place of justice หรือ กระทรวงยุติธรรมของที่นี่ค่ะ
![](/f/25516/5d4d4e2e9db204270e29593a.jpg)
ไม่ไหวแล้ววว บรรยากาศวันนั้นคือร้อนแหละเพลียแดดมากจริงๆ ถ้าไม่ได้เหมารถพี่เขามาน่าจะจบแค่มัสยิดสีชมพูแน่ๆเลย55
ก่อนบ๊ายบาย Putrajayaพี่เขาแวะสะพานสุดท้ายให้ก่อนกลับค่ะ
โดยรวมเมืองนี้ใช้เวลาประมาณครึ่งวันได้ค่ะ แต่การเดินทางในเมืองหลังจากนั่งรถเมล์มาที่ มัสยิดสีชมพูคือต้องเดินหรือเรียก Grab อย่างเดียวค่ะ บรรยากาศ สถาปัตยกรรมคนละแนวกับที่ KUL ค่ะ ถือว่าไม่ควรพลาดจริงๆถ้ามีเวลาเหลือจาก KUL
เราตกลงกับพี่เขาว่าให้พาเราไปแวะทานข้าวก่อนเพราะเวลานี้ก็บ่ายโมงได้แล้ว และให้ไปส่งพวกเราที่ Thean Hou Temple ก่อนแยกย้ายจ้า
![](/f/25516/5d4d4f30c22c911abae40036.jpg)
ซึ่งร้านที่เขาพามาอาหารอร่อยมากกก หรือพวกเราหิวก็ไม่รู้ เสียหายไป3อย่าง ค่าบาดเจ็บ 20 RM ถ้วนจ้า
![](/f/25516/5d4d502ac22c911abae40037.jpg)
ถึงแล้วค่ะ Thean Hou Temple เป็นวัดจีนที่เขาว่ากันว่าสวยที่สุดใน KUL ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง เป็นหนึ่งในวัดจีนที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
![](/f/25516/5d4d5300c22c911abae4003d.jpg)
วัดเทียนหัวตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีนตามความเชื่อแบบพุทธศาสนานิกายมหายาน มีรูปปั้นองค์เจ้าแม่เทียนหัวหรือเจ้าแม่ทับทิมประดิษฐานอยู่ภายใน
![](/f/25516/5d4d53d4c22c911abae40040.jpg)
นอกจากนี้ ยังมีรูปปั้นเทพเจ้าตามความเชื่อของชาวจีนอีกหลายองค์ไม่ว่าจะเป็นเจ้าแม่กวนอิม เทพแห่งน้ำตก เทพเซียนต่างๆ
![](/f/25516/5d4d5600c22c911abae4004b.jpg)
จาก Thean Hou Temple เราเรียก Grab กับมาที่โรงแรมค่ะ ค่ารถ 5 RM จ้า
พักให้หายเหนื่อยสักนิดเราก็กลับมารีรันแบบเมื่อวานอีกรอบเพราะอยากได้รูปตึกแฝดตอนยังไม่เปิดไฟ ซึ่งก็ได้สมใจ
จริงๆถ้าอยากมาถ่ายรูปแบบคนน้อยๆแนะนำตอนยังไม่เปิดไฟ คนน้อยกว่ามากๆๆค่ะ เหมือนคนส่วนใหญ่จะไปตอนเย็นๆและรอเปิดไฟเลย
อย่างที่บอกมารีรัน เราก็ยังติดใจกับ chinatown night market ที่มะวานยังไม่ได้เดิน วันนี้เดินไปอีกรอบจ้า
![](/f/25516/5d4d5740c22c911abae4004f.jpg)
สุดท้ายฝนตกจบลงที่ KFC 🤣 ต้นซอยของตลาด พอมาถึงต้นซอยปุ๊บ ฝนตกปั๊บ55 สงสัยทางเราจะไม่ถูกชะตากับ night market จริงๆแหละ
ขากลับทางเราก็ใช้ Grab เช่นเดิม เนื่องจากฝนทำท่าจะตกอีกในไม่ช้า ไม่อยากฝันฝ่าจาก KL sentral ไปที่พัก ถึงแม้จะใกล้มากก็ตาม
🛫Day 4 🛫
![](/f/25516/5d4d5e55c22c911abae40056.jpg)
วันสุดท้ายแล้วค่ะ วันนี้เราชิวๆแค่ 3 ที่เบาๆ เริ่มต้นที่ Batu caves ค่ะ เรานั่งจาก KL sentral สาย Seremban Line ลงที่ Batu Caves ทั้งหมด 8 สถานี อันนี้ลืมจดค่ารถจริงๆค่ะ รถไฟมาเป็นรอบๆนะคะ ถ้าพลาดรอบก็จะรอนานเลย
![](/f/25516/5d4d5e8bc22c911abae40057.jpg)
นั่งมาสักพักก็ถึงแล้ว Batu caves ค่ะ สถานีอยู่ข้างถ้ำเลยนะคะ เดินออกมาก็ถึงเลย
Batu caves เป็นสัญลักษณ์ของรัฐเซอลาโงร์ (Selangor) ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบสามรัฐที่ประกอบขึ้นเป็นสหพันธ์มาเลเซีย
สถานที่แห่งนี้เป็นวัดและเป็นสถานที่ไว้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาฮินดูตั้งอยู่ทางทิศเหนือของKUL
ผู้คนนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวที่ถ้ำแห่งนี้ในเทศกาลประจำปีไทปูซัม สิ่งที่ดึงดูดสายตาทันทีที่ไปถึงคือรูปปั้นเทพของศาสนาฮินดูอย่างพระขันธกุมารสีทองที่สูงถึง 42.7 เมตร ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณปากทางเข้าถ้ำ
![](/f/25516/5d4d5f24c22c911abae40058.jpg)
มีฉากหลังของถ้ำขนาดมหึมาจำนวน 3 ถ้ำด้วยกันของศาสนาฮินดูที่ตั้งอยู่ใกล้กับปากถ้ำ และเมื่อขึ้นบันไดกว่า 272 ขั้น จะสามารถมองเห็นวิวของเมืองได้อย่างชัดเจน
ตลอดทางที่เดินขึ้นจะมีลิงอยู่ตามบันไดจ้า และสิ่งที่สัมผัสได้คือ อากาศข้างในค่อนข้างอับค่ะ
![](/f/25516/5d4d600ec22c911abae40059.jpg)
เห็นทางเข้าแล้ว ถึงแล้วจ้าาา ไปเข้าถ้ำกันได้แล้ว
![](/f/25516/5d4d614ec22c911abae4005b.jpg)
ภายในถ้ำจะมีวัดและศาลฮินดู ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชมค่ะ
เราแอบชอบมุมนี้มาก เหมือนรับพลังงานจากธรรมชาติ55
![](/f/25516/5d4d61ad9db204270e2959d0.jpg)
สมัยก่อนแถวนี้ยังไม่ได้สีสรรขนาดนี้ค่ะ ที่นี่เพิ่งทาสีใหม่ ใส่เสื้อผ้าสีไหนมาก็หามุมถ่ายรูปได้แน่นอน
ที่นี่ห้ามขาสั้นขึ้นนะคะ ทางขึ้นมีผ้าให้พันเสียค่าใช้จ่ายค่ะ
![](/f/25516/5d4d64209db204270e295c10.jpg)
ตรงขามาไม่เห็นตารางรอบเวลานะคะ ขากลับเจอแปะไว้ที่ห้องซื้อตั๋ว แต่เป็นจาก batu caves กลับเข้า KL sentral นะคะ
![](/f/25516/5d4d64709db204270e295c11.jpg)
ไปต่อจ้า เราไปต่อที่ skybox KL towerนะคะ ในความรู้สึกเราเราว่ามหานครหวาดเสียวกว่าจ้า
ทางเราจองบัตรจาก klook มาไม่ต้องเสียเวลามาถึงเอา qr code สแกนแลกบัตรเลยค่ะ
การเดินทางมาที่นี่แนะนำ grab ค่ะ เพราะที่นี่ห่างจากสถานีพอสมควรเลย ไม่แนะนำนั่งรถไฟฟ้ามาค่ะ
![](/f/25516/5d4d64c99db204270e295c12.jpg)
ขึ้นมาจะมี 2 box นะคะเราสามารถเลือกได้แค่ box เดียวโดยแจ้งเจ้าหน้าที่ตรงทางที่ออกมาจากลิฟต์ได้เลย เขาจะกดบัตรคิวให้
อันนี้วิวทาง box2 ไม่ค่อยมีคนเลือกbox นี้เลยค่ะ เราเลยอุปทานหมู่เลือก box1 ตามเขากัน55
![](/f/25516/5d4d67afc22c911abae40064.jpg)
พอได้มาฝั่ง box1 ชัดเจนเลยจ้า ตึกแฝดมันอยู่ทางbox1 นี่เอง
![](/f/25516/5d4d6846c22c911abae40065.jpg)
และก็ถึงเวลาเลขบัตรคิวของเราสักที 1 บัตรคิวมีเวลา 1.30 นาทีค่ะ อยากถ่ายอะไรถ่าย ฝากกล้องกะเจ้าหน้าที่ถ่ายเลย แนะนำให้บอกเขาใช้กล้องของเราด้วยนะเพราะเขาจะใช้แต่กล้องของเขาและขายไฟล์ให้แพงมากกกก ปล.ตามรูปที่เห็นมหานครสวยกว่าเนาะ
![](/f/25516/5d4d68db9db204270e295c13.jpg)
เสร็จจาก KL towerแล้วเราเลยกลับมาที่ Merdeka Squareเพื่อเก็บภาพบรรยากาศตอนกลางวันบ้าง
Merdeka Square ตอนกลางวันนะคะ
![](/f/25516/5d4d694d9db204270e295c14.jpg)
![](/f/25516/5d4d696fc22c911abae40066.jpg)
![](/f/25516/5d4d6b249db204270e295c18.jpg)
![](/f/25516/5d4d6b479db204270e295c19.jpg)
![](/f/25516/5d4d6b5c9db204270e295c1a.jpg)
![](/f/25516/5d4d6b6dc22c911abae4006c.jpg)
แช๊ะรูปสุดท้ายก่อนโบกมือบ๊ายบาย KUL 😁
วิธีการเดินทางไป KLIA2 มี 3 วิธีนะคะ
1. KLIA express จาก KL sentral ได้เลยค่ารถ 55 RM ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาทีถ้ามาคนเดียวแนะนำวิธีนี้ค่ะ เร็วสุด และชัวร์สุด
2.Grab ค่าถจากบริเวณ KL sentral อยู่ที่ 75 RM ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนั่งได้ 4 คนถ้ามาเกิน 1 คนไม่เกิน 4 คนแนะนำวิธีนี้นะคะ
3.รถบัสหรือรถเมล์ จุดขึ้นรถอยู่บริเวณรอยต่อระหว่าง Kl sentral กับห้าง Nu ค่ะ อันนี้ไม่ทราบราคาจริงๆแต่น่าจะหลักสิบ แต่เพื่อนๆคนไหนจะเลือกใช้วิธีนี้ต้องเผื่อเวลาพอสมควรนะจ้า
สรุปค่าใช้จ่ายของเราค่ะ ค่าเครื่องบิน 2,286 + ค่าที่พัก 3 คืน 1,895 + ค่าเดินทางทั้งหมด 1,8xx ที่เว้นข้างหลังไว้เพราะมันแล้วแต่เรทที่ทุกคนแรกไปนะจ้า ตอนนั้นที่เราไปเรทอยู่ที่ 7.74 ค่ะ รวมทั้งหมดค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 5,9xx ที่เหลืออยู่ที่การเลือกร้านอาหารของทุกคนแล้วค่ะ กินแบบดีทุกมื้ออย่างเรางบรวมออกมาไม่เกิน 7พันค่ะ
จบแล้วกับรีวิวนี้ อาจจะยาวนิดดดนึง เลือกตัดไม่ถูกเลยจะตัดตรงไหนดี เลยออกมายาวมากเลย หวังว่ารีวิวนี้จะช่วยเพื่อนๆที่กำลังจะเดินทางไปได้นะคะ ถ้าเพื่อนๆคนไหนๆจะสอบถามเรื่องไหนเพิ่มเติม ถามมาได้เลยนะค่ะ หรือถามที่เพจเราก็ได้ https://m.facebook.com/porjaipaii/ ฝากเพจด้วยนะค่ะ
![](/f/25516/5d4e5d450980e41e9d25170b.jpg)
(อันนี้แอบชอบเป็นพิเศษ หาซื้อได้ตามมินิมาร์ทค่ะ)
#porjaipai
#กัวลาลัมเปอร์
#มะละกา
#ปูตราจายา
Porjaipai : พอใจไป
วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 13.13 น.