ทุกที่มีเรื่องราว ... มาเถอะผมจะเล่าให้ฟัง
" สถานที่นี่คือดินแดนอันลึกลับที่น่าพิศวง "
.. โคตาคินาบาลู มาเลเซีย ..
ᴋ ɪ ɴ ᴀ ʙ ᴀ ʟ ᴜ ᴍ ᴀ ʟ ᴀ ʏ s ɪ ᴀ

หากให้แนะนำภูเขาสูงๆสักแห่ง สวยแปลกตา ไม่ไกลประเทศไทย ค่าใช้จ่ายไม่เยอะ วันลาไม่ต้องมากมาย
ไว้ทดสอบแรงกายแรงใจ ทดสอบอาการแพ้ความสูง (AMS)
เต็ม 5 ผมให้ 4.7
ไม่เหมาะสำหรับคนเพิ่งหัดเดินเขา หรือถ้าแค่อยากจะมาลองพิชิต

เกริ่นแบบนี้คินาบาลูคงเป็นที่แรกๆ ที่นักเดินป่าที่ชอบการปีนเขาส่วนใหญ่จะแนะนำ
รวมถึงโพสนี้ของผมด้วย หนึ่งในเส้นทางสายฝันของหลายคน
อ่านรีวิวมาเยอะมากและอยากไปมาก
ภูเขาหินแกรนิตที่เมื่อมองจากด้านล่างโคตรยิ่งใหญ่
ท้าทุกสายตา กับยอดที่สูงถึง 4,095 เมตรจากระดับน้ำทะเล
สูงที่สุดบนเกาะบอร์เนียวอันเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทริปนี้ต้องวางแผนล่วงหน้ากันยาวๆหน่อยนะ

เอนเนอร์จี้รอบนี้ของผมจัดเต็มมากกับการเดินทางไปพิชิตยอดเขาคินาบาลู
เพื่อคว้า Certificate สำหรับนักปีนเขาให้ได้สักครั้งในชีวิต
DAY 1
เริ่มต้นออกเดินทางจากประเทศไทย มุ่งตรงสู่สนามบินกัวลาลัมเปอร์
จากนั้นผมเปลี่ยนเครื่องเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางสนามบินโกตาคินาบาลู
โดยวันนี้ผมเลือกที่พักในเมืองนี้เลยครับ เพื่อความสะดวกแถมมี Night market ของกินเพียบ
DAY 2
เช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นเช้าหน่อยไม่เกินตีห้า ออกจากที่พัก
มุ่งหน้าไปยัง Kinabalu national Park เพื่อเข้าคิวลงทะเบียน


ใช้เวลานั่งรถตามเส้นทางภูเขา ค่อนข้างใช้เวลาเหมือนกันครับ ระหว่างเดินทางมีแวะพักตามจุด
และก็เดินทางทางมาถึง
Kinabalu national Park
ช่วงที่ไปนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะนิดหน่อยครับ


ถึงอุทยานช่วงประมาณ 08.00 ลงทะเบียนและรับบัตรประจำตัว เจอเจ้าหน้าที่ประจำกลุ่ม
เตรียมแพ๊คกระเป๋า เตรียมของว่าง น้ำดื่ม อาหารทานระหว่างทาง เพื่อไปที่เบสแคมป์แรกของวันนี้ครับ
ส่วนสัมภาระอื่นๆฝากไว้ที่จุดบริการนักท่องเที่ยวได้ครับ
ระหว่างรอเวลาก่อนที่ประตูทางเข้าจะเปิด สามารถออกไปเดินเล่นถ่ายรูปรอบๆได้นะครับ




ถ่ายรูปเล่นเสร็จแล้ว เราก็กลับมาเตรียมตัว เพื่อเข้าบรีฟภาพรวมก่อนกันต่อครับ
เพราะเราจะต้องเดินเท้าจาก Timpohon Gate สู่ Laban Rata
ระยะทาง 8 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง

09:00 น. เราจะเริ่มเดินขึ้นกันครับ พร้อมไหมถามใจดูกันได้เลย
ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร (ชันตลอดทาง) ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เลสสสสสสสสสสสสสสสสส โกววววววววววววววววววววว


เส้นทางขึ้นคินาบาลูแบ่งเป็น 2 ส่วนนะครับ
1. Timpohon gate ไปยังเบสแคมป์ ระยะทาง 8 กม.
2. จากที่พักถึง Low’s Peak summit ประมาณ 2.5 ก.ม.เส้นทางแรกแตกต่างกันไม่มาก ทางชันสลับทางเรียบ เป็นบันไดเป็นป่าที่ดูแปลกตาทั้งสองข้างทาง
ส่วนเส้นที่ 2 เป็นภูเขาหินที่มีบันไดให้เดิน และบางช่วงมีเชือกให้จับ
ถามว่าเดินยากไหมนิดหน่อยครับ แต่ก็แอบเหนื่อย


เส้นทางในช่วงแรกๆส่วนใหญ่เป็นป่าครับ
ทางหิน ขรุขระ เดินขึ้น เดินลงไต่ระดับไปเรื่อยๆ เหมือนจะชิลๆแต่ไม่เลย





วันนี้อากาศค่อนข้างดี ผมไปช่วงอากาศเย็นพอดี ระหว่างหมอกเพียบเลยครับ
ระหว่างเส้นทางก็นั่งพักอยู่บ่อยๆ เพราะมันเหนื่อยบวกกับใจที่กำลังลดลงเรื่อยๆ
บ่นตลอดทางเมื่อไหร่จะถึง แถมยิ่งเดินสูงขึ้นเท่าไหร่ ลมและหนาวยิ่งสูงตาม



สำหรับคนที่ลงทะเบียน Via Ferrata แบบผม
ต้องทำเวลาในการเดินป่าเร็วกว่าปกติสักหน่อย เพราะต้องลงทะเบียนที่บ้านพัก
เวลา 15.30 น. (Deadline) ถ้าใครมาไม่ทันช่วงเวลานี้ ไม่อนุญาติให้ร่วมกิจกรรม Via ferrata
แต่ซัมมิทยอดได้ตามปกติครับ
ช่วงท้ายๆผมบอกเลยเป้นอะไรที่ท้อแท้มาก แอบเหนื่อยสำหรับ via ferrata เร่งสปีดในการเดินสุดๆ
บ่นอีกตามเคย มาทำอะไรที่นี่ เหนื่อย หมดแรง ปวดขา ปวดหลัง สารพัดเหมือนคนธาตุจะแตก




เราเดินไต่ความสูงขึ้นมาเรื่อยๆ ตามเส้นทางจะเห็นป่าแบบแปลกตาไม่เหมือนช่วงแรกๆ
คงจะเป็นระยะทางอีกไม่ไกลจะถึงจุดหมาย แต่ขาเริ่มก้าวได้ช้าลง



ตลอดสองข้างทางขึ้นสู่จุดสูงสุดบนยอดเขา
จะรายล้อมด้วยธรรมชาติที่มีความหลากหลายและสมบูรณ์มากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง


บรรยากาศความสวยงามของต้นไม้
แถมอากาศเริ่มเย็น ความสงบเริ่มเข้ามาเยือนแล้วครับ



และแล้วเราก็เดินเท้ามาถึงจุดสิ้นสุดของวันแรกที่
กิโลเมตรที่ 6 ณ Panalaban Base Camp
ตะโกนออกไปคำเดียวยาวๆว่า เหนื่อยมากโว้ย ยยยยยยยยยยยยยยยยยย




ใครบอกถึงแล้ว ยังไม่จบครับ
จากจุดนี้เราจะต้องเดินขึ้นตามขั้นบันได เพื่อไปยังที่พักของเราในคืนนี้กันต่อ
ทางชันอีกเช่นเดิน แต่สบายขึ้น



ไม่นานเราก็เดินมาถึง
จุดบ้านพัก pendant hut ที่เราจะนอนกันคืนนี้
ที่พักเป็นแบบรวม บ้านหลังนี้อยู่ใกล้จุดทางขึ้นวันพรุ่งนี้มากที่สุด



หลังจากเก็บสัมภาระ นั่งพักให้หายเหนื่อยเรียบร้อยแล้ว
เราจะเดินไปกลับลงไปยังโรงอาหารทางด้านล่าง
ก่อนคืนนี้ต้องรีบเข้านอน เพราะตี 1 เราต้องตื่นเพื่อเตรียมตัว Morning Trek ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น



เวลา 16.30 น. อบรมการใช้อุปกรณ์ปีนเขา สำหรับผู้ที่เข้าร่วมโปรแกรม Via Ferrata
ปิดท้ายวันด้วยการรับประทานอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ที่ห้องอาหาร
และกลับไปพักผ่อนบน Base Camp ที่ความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 3,272 เมตร
ก่อนจะเจอกับศึกครั้งใหญ่ในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า


เริ่มต้นด้วยการตื่นเช้าขึ้นมาทานมื้อเช้าตอน 01.00 น. อาหารคืออะไร มาม่าถ้วยร้อนๆครับ
ตี 2 ออกเดินทางสู่ความมืดความเวิ้งว้างจากที่พักไปจนถึงจุด Sayat - Sayat Checkpoint
จำเวลาไม่ได้ ถ้า 04.30-05.00 น. ยังไม่ถึงจุดนี้ จะไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปยัง Low’s Peak Summit
เพราะเราต้องเดินไปต่อจนถึง South Peak อีก เหนื่อยไปไหน 555


(รูปจากกล้องเพื่อน เพราะผมน็อคมืดกลางทาง อาการ AMS 555 เกือบตุย)
หลังจากเดินท่ามกลางความมืดมา
เราต้องเดินต่อไปอีกประมาณ 700 เมตร
เพื่อขึ้นยอด Low’s Peak บนลานหินแกรนิตขนาดใหญ่จุดสูงสุด
สำหรับเส้นทางนี้แม้ว่าหนทางที่ชันและยาวไกลจนเป็นที่ร่ำลือถึงความยากลำบากขนาดไหน
แต่ทั้งหมดนั่นกลับเป็นสิ่งกระตุ้นที่ท้าทายผมให้มุ่งหน้ามา
เพื่อครั้งหนึ่งผมเป็นหนึ่งใน ผู้ พิ ชิต คิ นา บา ลู ได้แล้ว

และเมื่อขึ้นไปแตะขอบฟ้า ชมแสงแรกของวัน ณ Low’s Peak Summit
เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นักปีนเขาก็จะได้ครอบครองประกาศนียบัตรผู้พิชิตยอดเขาทันที
แสงอาทิตย์แรกที่ยอด Low’s Peak Summit





ด้านบนผมบอกเลยว่า ใครอ่านรีวิว ใครเห็นรูปถ่ายมาแบบไหน ของจริง อึ้ง อึ้ง และอึ้ง
เพราะความอลังการของธรรมชาติและวิวสุดลูกหูลูกตาของภูเขาคินาบาลู
มันสวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก







แถมยอดเขารูปทรงสะดุดตาแห่งนี้
อย่าง South Peak
ที่เคยถูกตีพิมพ์บนธนบัตรมาเลเซีย 100 RM อีกด้วยนะครับ



ใครเคยหลงใหลแสงสีของพระอาทิตย์ตอนเช้าต้องมา สวยปังที่สายเดินป่าห้ามพลาด
บอกเลยว่าฟีลดีมากกก นั่งรับลมเย็นๆ มองดูพระอาทิตย์ค่อยๆขึ้นทั่วทั้งภูเขาแกรนิตแห่งนี้
ถูกอาบด้วยแสงสีส้มๆ นั่งถ่ายรูปจนหายเหนื่อยไม่เสียแรงที่ปีนขึ้นมา


ไม่เกิน 7 โมงเช้าผมต้องรีบลงล่ะ เพราะต้องไปไต่หน้าผาหรือ Via Ferrata กันต่อ
ใช้เวลาประมาณ 2.30 ชม
บอกเลยว่า มาเยือน คินาบาลู ทั้งที ยังไงก็ต้องผจญภัยให้ครบรส

เสน่ห์ของ Via Ferrata
คือเส้นทางที่ท้าทายความกล้าและขีดจำกัดของร่างกาย ปีนหน้าผาโรยตัว
ปล่อยตัวปล่อยใจให้ล่องลอยไปในอากาศ แนะนำต้องลอง 5 ++++


การไต่หน้าผาของที่นี่มีความพิเศษด้วยน้าาาาา
การันตีด้วยการได้สถิติ Guinness World Records
ว่าเป็นเส้นทางไต่ผา Via Ferrata ที่สูงที่สุดในโลก (3,776 เมตร)
เป็นไง ผมทำได้แล้ววววววววววววววว





หลังจากพิชิตยอดระดับ 4095.2 เมตร และ ไต่ผา Via Ferrata เป็นที่เรียบร้อย
เราจะเดินย้อนกลับมาทางเดิมเพื่อแวะเก็บสัมภาระ เช็คเอาท์
แล้วก็เดินลงแบบยาวๆประมาณ 3 ชมไปยังอุทยาน
16:00 น. รวมกันที่บริเวณจุดบริการนักท่องเที่ยว รับประกาศนียบัตร และรับประทานอาหารเย็น ก่อนเดินทางกลับสู่ Kinabalu Town
เข้าที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย เดินทางที่สนามบิน

ใครอ่านมาถึงต้องนี้ รีวิวอาจจะไม่ละเอียดมากนะครับ
แต่ต้องขออวยคินาบาลูสักหน่อย ด้วยความสูงประมาณ 4,095 เมตรจากระดับน้ำทะเล
ภูเขาที่มีรูปร่างลักษณะที่สวยแปลกตา เรียกได้ว่าต่อให้ขึ้นไปลำบาก ยากเย็นแค่ไหน
เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนยอดสูงสุด แล้วเห็นวิวแบบนี้ทุกคนต้องหายเหนื่อยทันที เชื่อผมดิ!!!!
เตรียมตัวก่อนเดินทาง
- คินาบาลูเดินทางง่าย ใกล้ ถูก วันลาน้อย แถมความสวยเต็ม 10
- เครื่องแต่งกายใครชอบเดินป่าไทย จัดไปครับคล้ายๆกัน
- ชุดใส่นอนขอแบบกันหนาวจะได้นอนอุ่นๆ เสื้อกันลม กันฝน เพราะที่นั่นฝนตกบ่อย เดาไม่ถูกสภาพอากาศเปลี่ยนได้ตลอดเวลา
- เป้ใบเล็กสำหรับใช้เดินทางช่วงขึ้นยอด เพราะต้องใช้เวลาเดินขึ้นค่อนข้างนาน
- สำคัญมาก ไฟฉายคาดหัว เพราะต้องออกเดินจากบ้านพักตั้งแต่ตีสอง ยาวไปจนถึง Low’s Peak
- อย่าลืม สิ่งของในเป้ที่พกไปควรใส่ถุงพลาสติกกันน้ำ เผื่อเจอฝนตกระหว่างเดิน
- พกยาแก้ไข้ แก้หวัด ยาแก้แพ้ความสูง (สำคัญ) และยาแก้ปวดเมื่อย ไปด้วยนะครับ
- บ้านพักแต่ละที่มีห้องน้ำ มีน้ำอุ่นใช้อาบน้ำได้สบายๆ มีถุงนอนให้ มีอาหารบุฟเฟ่ให้กินทั้งมื้อเช้าและเย็น

#ไอเอมซูเปอร์แจ๊ค #JACKxTraveller #ท่องเที่ยวกันไหม
∴☻∴
► ท่องเที่ยวกันไหม เพราะชาตินี้ต้องไป ให้ได้สักครั้ง ◄
https://www.facebook.com/JACKxTraveller/
ทุกความชอบที่ว่าใช่ เป็นไปได้จากการเที่ยวแบบเท่ๆ
สถานเที่ยวที่ดีต่อใจให้คุณไปเที่ยวตามรอยกันให้ฟินไปเลย
เชื่อผมดิ! คร้าบ เก็บกระเป๋าแล้วเราไปเที่ยวกัน
เพราะบางทีคำพูดที่สวยหรู อาจจะสู้การไปสัมผัสด้วยตนเองไม่ได้
JACK's x Traveller
วันพฤหัสที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2568 เวลา 08.41 น.