ช่วงนี้ใครๆก็เลือกที่จะไปเที่ยวเมืองรอง
ครั้งนี้ เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับหนึ่งจังหวัดที่จะไม่เป็นแค่ทางผ่านอีกต่อไป
‘อุทัยธานี’ จังหวัดนี้มันมีอะไร เรามาพิสูจน์กัน ..
‘จังหวัดอุทัยธานี’ จังหวัดเล็กๆที่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าจังหวัดนี้มีอะไรให้เที่ยวบ้าง มีอะไรให้ทำบ้าง รีวิวนี้เลยขอพาเพื่อนๆไปซึมซับบรรยากาศใช้ชีวิตแบบ slow life ริมแม่น้ำสะแกกรัง ในตัวเมืองอุทัย หากมาเยือนด้วยตัวเองรับรองจะหลงใหล ถ้าไม่เชื่อก็ตามมาดูได้เลย
วันแรกของการเดินทาง : 27 กรกฎาคม 2562
การเดินทางของเราในครั้งนี้ เป็นทริปสั้นๆ 2 วัน 1 คืน ที่เรากับเพื่อนๆเกิดอยากไปพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศ ซึ่งจุดมุ่งหมายของเราในทริปนี้มาลงล็อคกันที่จังหวัดอุทัยธานี .. จังหวัดที่มีแต่คนตั้งคำถามว่า ‘ไปอุทัย ไปทำไม’ วันนี้เรากับเพื่อนๆจะพาทุกคนมาพิสูจน์กันว่า ‘อุทัยมีอะไร’ .. เราเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว เริ่มต้นออกเดินทางกันประมาณ 10 โมง ไม่มีการแพลนเป็นกิจลักษณะใดๆทั้งสิ้น ปรับเปลี่ยนแพลนตามสถานการณ์ .. เราออกจากกรุงเทพใช้ถนนสายเอเชียผ่านจังหวัดอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท ก่อนจะเลี้ยวซ้ายเข้าสู่จังหวัดอุทัยธานี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง (แต่วันที่เราเดินทางนั้นเป็นหยุดยาวรถติดช่วงอยุธยาเลยทำให้เราใช้เวลาเดินทางเกือบ 4 ชั่วโมงได้)
พอเลี้ยวเข้ามาสู่ตัวเมืองอุทัย ก่อนที่จะเข้าที่พักเราขอแวะเติมพลังกันก่อนที่ร้านบะหมี่ฮ่องเต้ ต้นตำรับบะหมี่ไข่ทำเอง .. ที่จังหวัดอุทัยธานี ขึ้นชื่อเรื่อง ‘เส้น’ เป็นอย่างมาก เพราะ เป็นเมืองที่ผสมผสานวิถีชีวิตไทย-จีน เค้าเชื่อว่า หากใครได้ทานก๋วยเตี๋ยวจะมีอายุมั่นขวัญยืน การงานยั่งยืน โชคลาภยั่งยืน เลยทำให้จังหวัดนี้มีร้านก๋วยเตี๋ยวที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นกันอยู่หลายร้าน
ที่ร้านมีเมนูเกี๋ยวเตี๋ยวหลากหลาย เช่น บะหมี่ต้มยำไข่, เย็นตาโฟ, เกี๊ยวน้ำ, เกี๊ยวกุ้ง, เกี๊ยวหมู, เกี๊ยวปลา, ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น, บะหมี่หมูย่าง เป็นต้น ซึ่งแต่ละเมนูจะมีราคา 40-50 บาทเท่านั้นเอง .. มื้อนี้โดนค่าเสียหายไป 280 บาท สำหรับก๋วยเตี๋ยวต้มยำไข่ 4 ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น 1 ลูกชิ้นรวมลวกจิ้ม 1 รสชาติเราให้ผ่าน โดยเฉพาะเส้นบะหมี่ที่มีความเหนียวนุ่มละมุนละไม

ความสำคัญบนยอดเขาสะแกกรังยังไม่หมดเพียงเท่านี้ บนยอดเขาสะแกกรังยังเป็นที่ตั้งของ ‘หมุดโลก’ 1 ใน 3 ของเอเชีย ใช้สำหรับคำนวณและแบ่งแนวเขต เพื่อลงพิกัดแผนที่โลก เป็นหลักฐานสำคัญในการสำรวจแผนที่ทางการทหาร โดยหมุดโลกในเอเชียมีอยู่ด้วยกัน 3 ที่ คือ
จุดที่ 1 หลักหมุดที่ 90 อยู่ที่เขากาเรียนเปอร์ ประเทศอินเดีย
จุดที่ 2 หลักหมุดที่ 91 อยู่ที่เขาสะแกกรัง อ.เมือง จ.อุทัยธานี
จุดที่ 3 หลักหมุดที่ 92 อยู่ที่ประเทศเวียดนาม

เจดีย์ 3 องค์ ตั้งอยู่หลังพระอุโบสถและพระวิหาร มีสถาปัตยกรรมที่ต่างกัน องค์ทางทิศเหนือเป็นเจดีย์ทรงหกเหลี่ยมแบบอยุธยา องค์กลางเป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองแบบรัตนโกสินทร์ ส่วนองค์ด้านทิศใต้เป็นเจดีย์ทรงลอมฟางแบบสุโขทัย มักเรียกกันว่า ‘เจดีย์สามสมัย’
มาถึงสถานที่ไฮไลต์ของทริปนี้แล้วค่ะ มาถึงอุทัยต้องมาเดินถนนคนเดินตรอกโรงยาเซ็กเกี๋ยกั้ง เปิดทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 15.00 น. - 20.00 น. ถนนคนเดินที่นี่วายเร็วเพราะคนอุทัยนอนกันเร็วค่ะ 2 - 3 ทุ่ม ก็ปิดบ้านนอนกันหมดแล้ว คนกรุงเทพอย่างเราไม่คุ้นชินเลยค่ะ ^^
มาถึงที่จะไม่แนะนำขนมหรืออาหารก็กระไรอยู่ .. ทีเด็ดจริงๆต้องมาต่อคิวรอทานหมูสะเต๊ะ คุณอ้อ หรือที่เรียกกันว่า หมูสะเต๊ะร้อยคิว เนื่องจาก ร้านนี้จะมีบัตรให้ลูกค้าจำนวน 100 คิว เมื่อครบคิวที่ 100 แล้วก็จะวนมาแจกบัตรใหม่แบบนี้เรื่อยๆ หมูสะเต๊ะไม้ละ 5 บาท เราจัดมา 30 ไม้ ในราคา 150 บาท เอาให้คุ้มกับที่รอคิว หมูสะเต๊ะงานดีมาก ไม้นึงเนื้อหมูเยอะมาก ไม่จิ้มน้ำจิ้มก็อร่อยแล้ว หมูนุ่มลิ้น ฟินสุดๆ .. คุ้มค่าแก่การรอคอยแน่นอน
วันสุดท้ายของการเดินทาง : 28 กรกฎาคม 2562
อรุณสวัสดิ์จ้า ~ จากความตั้งใจในตอนแรกจะตื่นไปเดินตลาดเช้า พอตื่นมาเกิดเปลี่ยนใจไม่ไปซะอย่างงั้น .. เลยจัดการโทรจองขนมปังสังขยาร้านไพพรรณ จากการอ่านรีวิวควรโทรมาจองก่อน เราโทรไปประมาณ 7 โมงแต่ไม่มีใครรับสาย โทรติดอีกทีตอน 7.30 น. ปลายสายแจ้งว่าจองตอนนี้ได้คิวช่วงบ่าย o[]o .. ฮอตฮิตอะไรจะปานนั้น สุดท้าย ได้แต่เอ่ยกลับไปว่า “งั้นไม่เป็นไร ขอบคุณมากค่ะ” .. เราต้องตอบปฏิเสธไปเพราะเรามีแพลนที่จะออกเดินทางช่วงสายๆ อดกินขนมปังเจ้าเด็ดเลย
แต่ไม่ต้องเสียใจไป ยังมีร้านขนมปังเจ้าเด็ดอยู่อีก 1 ร้าน อยู่ตรงหัวมุมตรอกโรงยา นั่นคือ ร้านสิริกุลเบเกอรี่ เราสั่งมา 1 กล่อง มีทั้งหมด 10 ลูก มี 2 ไส้ คือ ไส้สังขยาและไส้ชาเย็น กล่องละ 70 บาท .. ขนมปังอร่อยสมชื่อ ไส้หวานโอเคเลย ไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป
สำหรับมื้อเช้า เรามาฝากท้องที่ร้านเจ้โหนกก๋วยเตี๋ยวไก่ .. เป็นเจ้าเก่าแก่ที่สืบทอดเคล็ดลับสูตรเด็ดจากรุ่นสู่รุ่นมานานกว่า 30 ปี อร่อยแบบไม่ต้องปรุงรสกันเลยทีเดียว สำหรับราคาคงที่ราคาเดียวแค่ชามละ 40 บาทเท่านั้น
ที่สุดท้ายของเมืองอุทัยที่เราจะแวะ คือ วัดจันทราราม (วัดท่าซุง) เป็นวัดที่มีชื่อเสียงมากในจังหวัดอุทัย .. หากมาเที่ยวอุทัยแล้วไม่ได้มาวัดนี้เหมือนมาไม่ถึงนะคะ ฉะนั้นเป็นหนึ่งวัดที่ไม่ควรพลาด ภายในจะมีวิหารแก้วที่ยาวกว่า 100 เมตร วิหารแก้วจะเปิดให้ชมเป็นเวลานะคะ รอบเช้า 9.00 น. - 11.45 น. รอบบ่าย 14.00 น. - 16.00 น.
หลังจากนั้น เราก็นั่งรถไปที่ปราสาททองคำ ค่ารถคนละ 5 บาทเท่านั้นเองค่ะ ถ้าใครไม่นั่งรถก็สามารถเดินมาได้แต่เราว่าก็ไกลอยู่นะ ประมาณ 800 เมตร หรือหากใครนำรถยนต์ส่วนตัวมา ก็สามารถขับรถเข้ามาจอดใกล้ๆได้ค่ะ
อุทัยธานี เป็นจังหวัดในภาคกลางตอนบนภาคเหนือตอนล่างที่มักถูกมองว่าเป็นแค่ทางผ่าน แต่ครั้งนี้พวกเราพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าจังหวัดอุทัยธานีเป็นจังหวัดที่ไม่ควรปล่อยให้เป็นทางผ่านอีกต่อไป .. แม้ในครั้งนี้เราจะมาเที่ยวอุทัยแค่ในตัวเมือง แต่อุทัยยังมีที่เที่ยวสำคัญๆอีกหลายแห่งต่างอำเภอออกไป หากมีโอกาสเราจะกลับมาที่อุทัยอีกครั้ง เพราะ จังหวัดนี้ยังมีอะไรที่รอเราเข้าไปสัมผัสและเรียนรู้อีกเยอะเลย
ขอบคุณ SONY A6500 + Lens 16-70mm F/4
ที่ทำให้เราได้ภาพสวยๆตลอดทริปนี้
แต่งภาพโดยโปรแกรม Lr และ Snapseed
ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตาม หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ยินดีน้อมรับทุกคำติชม
สามารถติดตามการเดินทางของเราได้อีกหนึ่งช่องทาง
PAGE : https://www.facebook.com/KeepGoingThailand
และฝากกด LIKE และกด SUBSCRIBE เพื่อเป็นกำลังใจให้การทำวีดีโอการเดินทางของเราในครั้งต่อๆไปด้วยนะคะ
YOUTUBE : https://www.youtube.com/channel/UC8BYq-uSUDO23GYAQ-Ck3kQ
.. เจอกันการเดินทางครั้งต่อไป ..
สรุปค่าใช้จ่าย สำหรับทริปนี้ (สำหรับ 5 คน)
ค่าที่พัก 1,600 บาท
ค่าน้ำมันรถ 840 บาท
ค่าทางด่วน 30 บาท
ค่าบะหมี่ฮ่องเต้ 280 บาท
ค่านำ้มุมสะแก 310 บาท
ค่าเฉาก๊วย 65 บาท
ค่ายำผักกูด 50 บาท
ค่าหมูสะเต๊ะ 150 บาท
เจ๊ดาปลาลวก 840 บาท
สิริกุลเบเกอรี่ 70 บาท
ก๋วยเตี๋ยวไก่ 200 บาท
จุ้ยก๊วย 20 บาท
ค่ารถสามล้อ 50 บาท
รวมทั้งสิ้น 4,505 บาท (ตกคนละ 901 บาท)
In My Eye
วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 21.29 น.