ตามหาแมวตุรกี ตาสองสี ที่ ตุรกี ดินแดนสองทวีป ไปกับทัวร์ก็ชิวไปอีกแบบ (เดินทางช่วงปีใหม่ 8 วัน ตั้งแต่ 25 ธ.ค. 60 - 2 ม.ค. 61)

บทนำ
1. หากคุณเป็นคนคนหนึ่งที่กำลังมองหาประเทศที่เต็มไปด้วยอารยธรรม ประวัติศาสตร์ ธรรมชาติที่สวยงาม ราคาถูกกว่าเที่ยวญี่ปุ่น แต่วิวเหมือนยุโรป ผมขอแนะนำ ประเทศตุรกีครับ ที่สำคัญ คนไทยไม่ต้องขอวีซ่า และราคาไม่ถึง 3 หมื่นบาท หากคุณต้องไปเอง เฉพาะค่าตั๋วก็ประมาณ 15,000 -25,000 บาทแล้ว ยังไม่รวมค่าที่พัก ค่าอาหารอีก เกือบสองหมื่นบาทสำหรับ 6-7 คืน และค่าเดินทางในประเทศ อีก เกือบ 20,000 บาท รวมๆ ประมาณเกือบ 6 หมื่นบาท นี่ยังไม่รวมค่าขึ้นบอลลูนอีก เกือบ 200 USD. ดังนั้นผมแนะนำ ชวนเพื่อนๆ ไปกับทัวร์คุ้มค่าที่สุดครับ ที่สำคัญใครรักแมว ต้องมาที่นี่ครับ เพราะแมวตุรกีมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก บางตัวมีตาสองสี ตามรูป

2. ตุรกีเป็นประเทศที่สวยงามด้วยมรดกโลกและสิ่งมหัศจรรย์ของโลก รวมทั้งร่องรอยแห่งอารยธรรมโบราณอันยิ่งใหญ่ ประเทศตุรกีมี 4 ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ (เดือนเมษายน – เดือนพฤษภาคม) ฤดูร้อน (เดือนมิถุนายน - เดือนกันยายน) ฤดูใบไม้ร่วง (เดือนตุลาคม - เดือนพฤศจิกายน) และ ฤดูหนาว (เดือนธันวาคม – เดือนมีนาคม)

ตุรกี (Turkey) ดินแดนสองทวีป ที่มีอาณาเขตพาดผ่านแผ่นดินทั้งยุโรปและเอเชียผนึกแน่นเป็นเนื้อเดียว แผ่นดินที่ราบสูงอนาโตเลียมิเพียงขรึมขลังด้วย รากประวัติศาสตร์อารยธรรมที่เก่าแก่และความหลากหลายของชนหลายกลุ่มนับแต่ ครั้ง 2,500 ปีก่อนคริสตกาล ใครชอบอากาศเย็นสบาย อยากเจอหิมะบ้าง ก็ต้องมาช่วงปีใหม่ครับ อุณหภูมิบางที่ -6 องศา กำลังเย็นสบาย คนไทยชอบแน่นอน


3. การท่องเที่ยวในตุรกีมีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นการปีนเขา ชมธรรมชาติ เที่ยวทะเล ดำน้ำ ตกปลา ล่องแก่ง และชมโบราณสถานเชิงศิลปะและประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งสินค้าประเภทหัตถกรรมที่โด่งดังอีกด้วย


4. เมืองหลวงของตุรกีคือ เมืองอังการา (Ankara) อังการาเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากอิสตันบูล ตั้งอยู่ในจังหวัดอังการาอยู่ที่ระดับความสูงเฉลี่ย 938 เมตร และเมืองที่ใหญ่ที่สุดของตุรกีคือ เมืองอิสตันบูล (Istanbul) เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศตุรกี ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลีย)


5. โปรแกรมมาตรฐานสำหรับตุรกีนี้จะสัมผัสถึงความยิ่งใหญ่แห่งดินแดน 2 ทวีป กับประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ และยาวนานของอาณาจักรออตโตมัน หากไปเอง 8 วันคงไปได้ไม่ครบทุกที่และคงเหนื่อยกับการจองรถ จองดรงแรมครับ ดังนั้นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่ห่างกัน ควรมากับทัวร์ดีที่สุด เราจะได้เที่ยวทั่ว ดังนี้
• เมืองคัปปาโดเกีย สุสานอตาเติร์ก ชมระบำหน้าท้อง


• นครใต้ดิน-พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง

• เมืองเกอเรเม-หุบเขาอุซิซาร์

• เมืองคอนย่า-พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า-ปามุคคาเล่– ปราสาทปุยฝ้าย

• ปามุคคาเล่-บ้านพระแม่มารี-วิหารเทพีอาร์เทมิส
• เมืองโบราณ เอฟฟิ ซุส

• เปอร์กามัม–วิหารแดง
• อิสตันบูล–พระราชวังทอปกาปึ–Blue Mosque–สุเหร่าเซนต์ โซเฟีย-ตลาดสไปซ์มาร์เก็ต

โปรมแกรมในแต่ละวัน
1. วันแรก กรุงเทพฯ (25 ธ.ค.60) คณะผมเดินทางโดยสายการบิน Mahan Air เที่ยวบินที่ W5-050

2. วันที่ 2 เดินทางถึง เมืองอังการ่า หรือที่มีชื่อตามประวัติศาสตร์ว่า Angora เป็นเมืองหลวงของตุรกีในปัจจุบัน และเป็น เมืองใหญ่อันดับ 2 รองจากนครอิสตันบูล กรุงอังการาเป็นที่ตั้งของรัฐบาลกลาง ส่วนราชการต่าง ๆ และสถานเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ กรุงอังการาก็เป็นศูนย์กลางทางการค้าและเครือข่าย คมนาคมในภูมิภาคอนาโตเลีย
10.30 น เดินทางสู่ สุสานอตาเติร์ก (ATATURK MAUSOLEUM) เป็นอนุสรณ์สถานและสุสานของMUSTAFA KEMAL ATATURK ซึ่งเป็นผู้นำในสงครามกู้อิสรภาพของตุรกีหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐตุรกี และประธานาธิบดีคนแรกเป็นสุสานของ ISMET INONU ประธานาธิบดีคนที่ 2 ของตุรกีด้วย


อนุสรณ์สถาน ออกแบบโดยสถาปนิกชาวตุรกี สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1944 – 1953 ในธนบัตรตุรกีที่พิมพ์ระหว่างปี 1966 –1987 และ 1999–2009 จะเป็นรูป ANITKABIR ด้วย สุสานอตาเติร์ก (Anitkabir หรือ Memorial Tomb หรือ Atatürk Mausoleum)

***สาวน้อยชาวตุรกี น่ารักมากๆ
19.30 น. ชมการแสดงพื้นเมือง “ระบำหน้าท้อง”หรือ Belly Dance เป็นการเต้นรำที่เก่าแก่อย่างหนึ่งเกิด ขึ้นมาเมื่อประมาณ 6000 ปี ในดินแดนแถบอียิปต์ และเมดิเตอร์เรเนียนนักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่าชนเผ่า ยิปซี เร่ร่อนคือ คนกลุ่มสำคัญที่ได้อนุรักษ์ระบำหน้าท้องให้มีมาจนถึงปัจจุบัน และการเดินทางของชาวยิปซีทำ ให้ระบำหน้าท้องแพร่หลายมีการพัฒนาจนกลายเป็นศิลปะที่โดดเด่น สวยงามจนกลายมาเป็นระบำหน้าท้อง ตุรกีในปัจจุบัน


3. วันที่สาม (27 ธ.ค.60) เมืองคัปปาโดเกีย-นครใต้ดิน-พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง-เมืองเกอเรเม-หุบเขาอุซิซาร์
*** ใครที่สนใจขึ้นบอลลนู ชมความงามของเมืองคัปปาโดกีย จะต้องออกจากโรงแรม 05.30 น. เพื่อชมความ งดงามของเมืองคัปปาโดเจีย ใช้เวลาอยู่บอลลูนประมาณ 1 ชั่วโมง ** (ค่าขึ้นบอลลูน ประมาณ 210-250 USD)
เช้า เดินทางสู่ นครใต้ดิน (Underground City of Derinkuyu or Kaymakli) ที่ได้รับการขึ้ นทะเบียนจาก องค์การยูเนสโกเป็นมรดกโลก เมืองใต้ดินของตุรกีมีอยู่หลายแห่ง แต่ละแห่งมีอุโมงค์เชื่อมต่อถึงกันเป็นสถานที่ ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์ใช้หลบภัยชาวโรมันที่ต้องการทำลายร้างพวกนับถือศาสนาคริสต์ส าหรับที่เราไปชมวันนี้ เป็นเมืองใต้ดินที่มีขนาดใหญ่ มีถึง 10 ชั้น แต่ละชั้นมีความกว้างและสูงขนาดเท่าเรายืนได้ ทำเป็นห้องๆ มีทั้ง ห้องครัวห้องหมักไวน์ มีโบสถ์ ห้องโถงสำหรับใช้ประชุม มีบ่อน ระบบระบายอากาศที่ดี แต่อากาศค่อนข้าง บางเบาเพราะอยู่ลึกและทางเดินบางช่วงค่อนข้างแคบจนเดินสวนกันไม่ได้



บ่าย เยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ที่ เมืองเกอเรเม (Goreme)ซึ่งยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วง ค.ศ. 9 ซึ่งเป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการ เผยแพร่ศาสนาโดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์ และยังเป็นการป้องกันการรุกรานของชนเผ่าลัทธิ อื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์ จากนั้นนำท่านชม หุบเขาอุซิซาร์ (Uchisar Valley) หุบเขาคล้ายจอมปลวก ขนาดใหญ่ ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งหุบเขาดังกล่าวมีรูพรุน มีรอยเจาะ รอยขุด อันเกิดจากฝีมือมนุษย์ไปเกือบทั่ว ทั้งภูเขา เพื่อเอาไว้เป็นที่อาศัย และถ้ามองดี ๆ จะรู้ว่าอุซิซาร์ คือ บริเวณที่สูงที่สุดของบริเวณโดยรอบ ดังนั้นใน อดีตอุซิซาร์ ก็มีไว้ทำหน้าที่เป็นป้อมปราการที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเอาไว้สอดส่องข้าศึกยามมีภัยอีกด้วย

4. วันที่สี่ (28 ธ.ค.60) คัปปาโดเกีย-เมืองคอนย่า-สวนผีเสื้อ-ปามุคคาเล่
เช้า เดินทางสู่ เมืองคอนย่า (Konya) ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุก ระยะทาง 387 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง
บ่ายเข้าชมสวนผีเสื้อ Butterfly Garden มีผีเสื้อให้ชมว่า 50 สายพันธุ์ของผีเสื้อ ทำให้เราทราบถึงวงจรชีวิต ของผีเสื้อ ณ ที่แห่งนี้จะได้สัมผัสความหลากหลายของพืชดอกไม้หลากสี พร้อมสัตว์ชนิดอื่นๆ นับว่าเป็นสถานที่ อีกแห่งที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
จากนั้นเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล่ เมืองที่มี น้ำพุเกลือ แร่ร้อน ไหลทะลุขึ้นมาจากใต้ดินผ่านซากปรักหักพังของ เมืองเก่าแก่สมัยกรีกก่อนที่ไหลลงสู่หน้าผา ใช้เวลาเดินทาง 3 ชม.(189 กม.)


5. วันที่ห้า (29 ธ.ค.60) ปามุคคาเล่ -ปราสาทปุยฝ้าย-บ้านพระแม่มารี-วิหารเทพีอาร์เทมิส-เมืองโบราณเอฟฟิ ซุส
เช้า ชม ปราสาทปุยฝ้าย ผลจากการไหลของน้ำพุเกลือแร่ร้อนนี้ ได้ก่อให้เกิดทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวเป็น ชั้นๆหลายชั้นและผลจากการแข็งตัวของแคลเซียมทำให้เกิดเป็นแก่งหินสีขาวราวหิมะขวางทางน้ำเป็นทางยาว ซึ่งมีความงดงามมาก

***ชม เมืองเฮียราโพลิส (Hierapolis) เป็นเมืองโรมันโบราณที่สร้างล้อมรอบ

บริเวณที่เป็นน้ำพุเกลือแร่ร้อนซึ่งเชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรค

กาลเวลาทำให้เกิดการพังทลายลงเหลือเพียงซากปรักหักพังกระจายอยู่ทั่วไปบางส่วนยังพอมองออกว่าเดิมเคยเป็น อะไร เช่น โรงละครแอมฟิเธียร์เตอร์ขนาดใหญ่ วิหารอพอลโล สุสานโรมันโบราณ เป็นต้น

บ่ายชม วิหารเทพีอาร์เทมิสโบราณ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ สร้างด้วยหินอ่อนเป็นสถาปัตยกรรมกรีกแบบไอโอนิค และมีเสาหินตั้งตระหง่านรอบวิหารมากกว่า 100 ต้น ปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ก็ยังสามารถมองเห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตได้

*** เมืองโบราณเอฟฟิซุส เมืองโบราณที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็ นอย่างดีเมืองหนึ่ง เคยเป็นที่อยู่ของชาวโยนก (Ionia) จากกรีก ซึ่งอพยพเข้ามาปักหลักสร้างเมือง ซึ่งรุ่งเรืองขึ้ นในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์กาล ต่อมาถูกรุกรานเข้ายึดครองโดยพวกเปอร์เซียและกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช ภายหลังเมื่อ โรมันเข้าครอบครองก็ได้สถาปนาเอฟฟิซุส ขึ้นเป็นเมืองหลวงต่างจังหวัดของโรมัน นำท่านเดินบนถนนหินอ่อน ผ่านใจกลางเมืองเก่าที่สองข้างทางเต็มไปด้วยซากสิ่งก่อสร้างเมื่อสมัย 2,000 ปี ที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงละครกลางแจ้ง ที่สามารถจุผู้ชมได้กว่า 30,000 คน ซึ่งยังคงใช้งานได้จนถึงปัจจุบันนี้ นำท่านชม ห้องอาบน้า แบบ โรมันโบราณ (ROMAN BATH) ที่ยังคงเหลือร่องรอยของห้องอบไอน้ำ ให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ , ห้องสมุด โบราณ ที่มีวิธีการเก็บรักษาหนังสือไว้ได้เป็นอย่างดีทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็ นศิลปะแบบ เฮเลนนิสติคที่มีความ อ่อนหวานและฝีมือประณีต

6. วันที่หก (30 ธ.ค.60) คูซาดาสึ-เมืองเปอร์กามัม-วิหารแดง-เมืองไอยวาริค
เช้า เดินทางสู่ เมืองเปอร์กามัม Pergamum ขึ้นชื่อเรื่อง เมืองโบราณแห่งอาณาจักรเฮเลนิสติส (Hellenistic) อันยิ่งใหญ่ แหล่งอารยธรรมโลกที่สำคัญ เป็นที่ตั้งของ วิหารโบราณอะโครโปลิส (Acropolis) วิหารบูชาเทพเจ้าอัสเคลปิออน (Asklepion) จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูป วิหารแดง (Red Basilica-Kizil Avlu)
7. วันที่เจ็ด (คืนปีใหม่ 31 ธ.ค.60) เมืองไอยวาริค–อิสตันบูล-พระราชวัง Topkapi-Blue Mosque-สุเหร่าเซนต์โซเฟีย ตลาดสไปซ์มาร์เก็ต

เช้า เดินทางสู่กรุงอิสตันบูล เดิมชื่อ คอนแสตนติโนเปิล เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศตุรกี ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งทำให้อิสตันบูล เป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ในทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่งบอสฟอรัส) และ ทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลีย) จากนั้นนำทุกท่านสู่ จัตุรัสสุลต่านอะห์เมตหรือ ฮิปโปโดรม สนามแข่งม้าของชาวโรมัน จุดศูนย์กลาง แห่งการท่องเที่ยวเมืองเก่า สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิ เซปติมิอุสเซเวรุสเพื่อใช้เป็นที่แสดงกิจกรรมต่างๆของ ชาวเมือง ต่อมาในสมัยของจักรพรรดิคอนสแตนตินฮิปโปโดรมได้รับการขยายให้กว้างขึ้นตรงกลางเป็นที่ตั้ง แสดงประติมากรรมต่าง ๆ ส่วนใหญ่เป็น ศิลปะในยุคกรีกโบราณในสมัยออตโตมันสถานที่แห่งนี้ ใช้เป็นที่จัด งานพิธีแต่ในปัจจุบันเหลือเพียงพื้นที่ลานด้านหน้ามัสยิดสุลต่านอะห์เมตซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิกส์ 3 ต้น คือ เสาที่สร้างในอียิปต์เพื่อถวายแก่ฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 3 ถูกนำกลับมาไว้ที่อิสตันบูลเสาต้นที่สอง คือ เสางู และเสา ต้นที่สาม คือเสาคอนสแตนตินที่ 7

***ชม Blue Mosque หรือ Sultan Ahmet Mosque ถือเป็นสุเหร่าที่มีสถาปัตยกรรมเป็นสุดยอดของ 2 จักรวรรดิ คือ ออตโตมันและไบเซนไทน์ เพราะได้รวบรวม เอาองค์ประกอบจากวิหารเซนต์โซเฟียผนวกกับสถาปัตยกรรมแบบอิสลามดั้งเดิม ถือว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุด ในตุรกี สามารถจุคนได้เรือนแสน ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 7 ปี ระหว่าง ค.ศ.1609-1616 โดยตั้งชื่อ ตามสุลต่านผู้สร้างซึ่งก็คือ Sultan Ahmed นั้นเอง จากนั้นนำทุกท่านชม สุเหร่าเซนต์โซเฟี ย(Saint Sophia) หรือ โบสถ์ฮาเจีย โซเฟีย 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของ โลกยุคกลาง ปัจจุบันเป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม ในอดีตเป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์พระเจ้าจักรพรรดิ คอนสแตนติน เป็นผู้สร้างเมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 13 ใช้เวลาสร้าง 17 ปี เพื่อเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์ แต่ถูกผู้ก่อการร้ายบุกทำลายเผาเสียวอดวายหลายครั้งเพราะเกิดการขัดแย้งระหว่างพวกที่นับถือศาสนาคริสต์ กับศาสนาอิสลามจวบจนถึงรัชสมัยของ พระเจ้าจัสตินเนียนมีอำนาจเหนือตุรกีจึงได้สร้าง โบสถ์เซนต์โซเฟีย ขึ้นใหม่ ใช้เวลาสร้างฐานโบสถ์ 20 ปี ตัวโบสถ์ 5 ปี เมื่อประมาณปี พ.ศ. 1996 (ค.ศ 1435) พระองค์ ต้องการให้เป็นสิ่งสวยงามที่สุดได้พยายามหา สิ่งของมีค่าต่างๆมาประดับไว้มากมาย สร้างเสร็จได้มีการเฉลิมฉลองกันอย่าง มโหฬารต่อมาเกิดแผ่นดินไหวอย่างใหญ่ทำให้แตกร้าวต้องให้ช่างซ่อมจนเรียบร้อยในสภาพเดิม เมื่อสิ้นสมัยของจักรพรรดิจัสตินเนียน ถึงสมัย พระเจ้าโมฮัมเหม็ดที่ 2 มีอ านาจเหนือตุรกี และเป็นผู้นับถือ ศาสนาอิสลามจึงได้ดัดแปลงโบสถ์หลังนี้ ให้เป็นสุเหร่าของชาวอิสลาม


ชม พระราชวัง Topkapi ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าซึ่งถือเป็นเขตประวัติศาสตร์ที่ได้รับการขึ้น ทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985 พระราชวัง Topkapi สร้างขึ้นโดยสุลต่านเมห์เมตที่ 2 ในปี ค.ศ.1459 บนพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 4 ลานกว้าง และมีอาคารขนาดเล็กอีกจำนวนมาก ณ จุดที่สร้าง พระราชวังแห่งนี้ สามารถมองเห็น ช่องแคบบอสฟอรัสโกลเดนฮอร์นและทะเลมาร์มาร่าได้อย่างชัดเจน ในช่วงที่ เจริญสูงสุดของอาณาจักรออตโตมัน พระราชวังแห่งนี้ มีราชวงศ์และข้าราชบริพารอาศัยอยู่รวมกันมากถึงสี่พัน กว่าคนน าท่านเข้าชมส่วนของท้องพระโรงที่เป็นที่จัดแสดงทรัพย์สมบัติข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์เครื่องเงิน ต่างๆ มากมาย
***ตลาดสไปซ์มาร์เก็ต (Spice Market) หรือตลาดเครื่องเทศ ให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อของ ฝากได้ในราคาย่อมเยา ไม่ว่าจะเป็นของที่ระลึก เครื่องประดับ ชา กาแฟ ผลไม้อบแห้ง ขนมของหวานขึ้นชื่อ และถั่วหลากหลายชนิดให้เลือกสรร
8. วันที่แปด เมืองอิสตันบูล-เตหะราน-กรุงเทพฯ ทุกคนในกลุ่มสนุกสนามกับการท่องเที่ยวและฉลองปีใหม่ที่ตุรกี ซึ่งบทสรุปก็คือ การไปกับทัวร์ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่หลายคนคิด ในทางตรงข้ามกลับมีความสะดวกสบาย ได้พักสมอง พักร่างกายเต็มที่ คุ้มค่ากับการจ่ายเงิน 29,000 บาท แน่นอนครับ

สรุป คะแนนเต็ม 10 ให้ 8 เลย (ได้คะแนนจากตุรกี ไม่ต้องทำวีซ่า สถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย อากาศดีมาก เดินทางสะดวก สนุก ค่าใช้จ่ายถือว่าประหยัดประหยัด แนะนำว่าต้องไปครับ โดนตัดคะแนนตรงที่ไม่ได้ขึ้นบอลลูน ลมแรง เดินทางแต่ละจุดไกล นั่งรถเหนื่อยครับ)

Chai smile

 วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2562 เวลา 21.49 น.

ความคิดเห็น