สวัสดีครับ หลังจากที่อ่าน . . .
ʕ≧ᴥ≦ʔ สอบ JLPT N5 ผ่าน ก็มาเที่ยวแดนปลาดิบได้ด้วยตนเอง ʕ≧ᴥ≦ʔ EP.1 กันไปแล้ว . . .
วันนี้เราก็มาต่อกับ EP.2 กันดีกว่า (≧ω≦)ゞ
DAY 2 : เที่ยวตามรอยซามูไร ไปหา UNICORN GUNDAM ต่อด้วยไปถ่ายภาพ Tokyo Sky Tree
ヾ(´¬`)ノ ヾ(´¬`)ノ ヾ(´¬`)ノ ヾ(´¬`)ノ ヾ(´¬`)ノ
หลังจากเมื่อวานที่หลับไป. . . ก็ตื่นนอนมาสัก 10 โมงได้ ตื่นสายมากกก! (/0 ̄)
จริงๆแล้ววันที่สองตื่นมาแล้วก็ไม่รู้จะไปไหน จริงๆนะ
กว่าจะออกไปข้างนอกหรือหาที่จะไปเที่ยวต่อได้ ก็เกือบเที่ยงเข้าไปแล้ว
(ปล. ไม่ได้จัดแพลนเที่ยวมาเลยแค่คิดไว้ว่าวันนี้นอนที่ไหนก็เท่านั้น ที่เที่ยวค่อยมาหาเอาข้างหน้า 5 5 5)
พอไม่รู้จะไปไหนก็เลยลองค้นจาก Google ว่าวันนี้จะไปไหนดี (・∧‐)ゞ. . . ?
หลังจากค้นใน Google ไปสักพัก . . . ก็ได้สถานที่เที่ยวที่เกี่ยวกับซามูไร ก็มีอยู่สองที่ในโตเกียวคือ
1. อนุสาวรีย์ซามูไรคนสุดท้ายของญี่ปุ่น
2. สุสานของ 47 โรนิน
หลังจากเปิด Google Map ก็พบว่านั่งรถไฟและเดินนิดเดียวเองนิหว่า
จะรออะไรล่ะ ก็เลยไปอาบน้ำแต่งตัวขึ้นรถไฟจากสถานี SHINJUKU ไปที่สถานี UENO กันเลย
ε=┏(・ω・)┛ε=┏(・ω・)┛ε=┏(・ω・)┛ε=┏(・ω・)┛ε=┏(・ω・)┛
พอถึงปุ๊ป . . . ฝนก็เทลงมาเป็นละอองยังกะ MV เพลงเศร้ๆเพลงนึงเลย σ( ̄∇ ̄;)
ทำไมต้องมาสถานี UENO นะหรอ . . .
ก็เพราะว่าอนุสาวรีย์ซามูไรคนสุดท้ายอยู่ที่สวนสาธารณะ UENO นั้นเอง
เดินตาม Google Map เข้ามาในสวนได้ไม่นานก็มาเจอกับ ท่านผู้นี้เลย . . .
" SAIGO TAKAMORI "
หรือในหนังเรื่อง THE LAST SAMURAI ชื่อ SAIGO KATTSUMOTO
ท่านผู้นี้คือคนที่ได้รับการขนานนามว่า " ซามูไรที่แท้จริงคนสุดท้ายของญี่ปุ่น "
ประวิติของซามูไรท่านนี้น่าสนใจมากลองหาอ่านกันดูด้วยน้า
б(>ε<)∂ б(>ε<)∂ б(>ε<)∂
หลังจากผมไหว้ท่านเสร็จก็เดินขึ้นรถไฟจากสถานี UENO ไปสถานี SENGAKUJI
เพื่อไปหาสุสานของ 47 โรนินที่วัดSENGAKUJIกันต่อ . .
ในที่สุดก็มาถึงแล้ว. . . SENGAKUJI TEMPLE
พอมาถึงก็เจอท่าน OISHI YOSHIO ยืนตอนรับอยู่หน้าทางเข้าวัดกันเลย . . .
อย่างเท่บอกเลย(๑✧∀✧๑)
ปล. ขออภัยในภาพถ่าย เพราะว่า ช่วงที่ไปฝนตกตลอดเลย ฟ้าปิดตลอดเลย เวลาถ่ายภาพออกมาตอน
กลางวันเลยไม่สวยเท่าไหร่ (┳◇┳)
หลังจากเคารพขอพรกับท่านโออิชิเสร็จก็เดินเข้ามาในวัด ขอบอกเลยว่าสวยมากกก กอไก่ล้านตัวไปเล่ย
ในวัดนี้มีพิพิทธภัณฑ์ Akohgishi Kinenkan หรืออาคารอนุสรณ์สถานซามูไรไร้สำนักจากอะโกะ
ค่าธรรมเนียมเข้าชมก็ 500 เยน แต่ว่าผมไม่ได้เข้าไปดูนะ
เพราะวันที่ไปเหมือนอยู่คนเดียวในวัดคงเป็นเพราะเป็นวันพฤหัสด้วยล่ะมั้ง! มันวันทำงานอ่ะซิ
งัั้นมาดูภาพภายในของวัดกันเลย . . . (/・0・)
หลังจากขอพรที่ศาลเจ้าเสร็จ เราก็เดินไปหาสุสาน 47 โรนินกัน . . .
และนี้ก็คือทางเดินไปสุสาน สวยอยู่น้าแถมดูสงบมากด้วย (o'v`b)b
พอเดินมาสุดทางก็จะเจอประตูทางเข้าสุสานของ 47 โรนิน
หลังจากเดินผ่านประตูไปจะมีร้านขายของที่ระลึกและธูปไว้สำหรับไหว้หลุมศพ 47 โรนิน
หรือใครจะไม่ซื้อก็ได้ตรงนี้เข้าฟรีนะ สามารถเดินเข้าไปชมหรือจะถ่ายรูปก็ตามสบายเลย
ส่วนตัวผมซื้อธูปมาไหว้หลุมศพของ 47 โรนิน ไหนๆก็มาแล้วมาแล้วก็ต้องมาไหว้ท่านทั้ง 47 โรนินซ่ะหน่อย
ตอนซื้อธูปมันไม่มีภาพตัวอย่างบอกเลย . . .
ผมก็คิดว่าธูปน่าจะมีนิดเดียว แต่ความเป็นจริงได้ธูปมาเยอะมากๆตามภาพเลย(≧y≦*)5 5 5
โดยที่เป็นคนไทยก็ไม่ได้ถามคุณลุงชาวญี่ปุ่นที่เป็นคนขายมาด้วยว่าต้องไหว้กี่ดอก
และไม่รู้ว่าเค้าไหวกันยังไงใช่มั้ย . . . (´エ`;)
ตอนแรกก็เลยไหว้ไปคนล่ะ 1 ดอก แบบไทยๆไปเลย เดินไหว้จนครบทั้ง 47 คนเลยค้าบบบ
ปรากฎว่าธูปที่ได้มายังเหลือเยอะแหะ รอบสองเลยจัดไปเลยคนล่ะ 3 ดอก ธูปหมดหมดพอดีซ่ะงั้น
(∩。・o・。)っ.゚☆。'`
ภาพด้านล่างนี้คือแผนที่ภายในบริเวณของสุสานว่าแต่ล่ะท่านอยู่ตรงไหน
แต่ไม่มีซามูไรที่ชื่อ ไค เหมือนในหนังนะ 5 5 5
ในหนังนั้นเค้าสมมติขึ้นมา เพื่อว่ามีใครที่ยังเข้าใจผิดอยู่ . . .
และนี้ก็คือสุสานของทั้ง 47 โรนิน . . .
หลังจากไหว้ ซามูไรทั้ง 47 คนเสร็จ ก็ถึงเวลาไปตามหาการ์ตูนที่ได้ตนแบบมาจากซามูไรกันต่อ
นั่งรถไฟจากสถานี SENGAKUJI ไปเมืองใหม่นั้นก็คือ ODAIBA CITY นั้นเอง
หลังจากเดินทางโดยใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง เพราะบวกเดินผิดทางแและหลงทางระหว่างทางที่มา
ในที่สุดก็มาถึง ODAIBA CITY ก็ไม่รอช้านั่งโมโนเรลตาม Google Map ต่อไปอีก 8 สถานีได้มั่ง!!!
ไม่แน่ใจอ่า เพราะรถโมโนเรลก็วิ่งเร็วอยู่น้า . . . (〃∀〃)ゞ
หลังจาก 15 - 20 นาทีผ่านไป ก็ถึงสถานีที่ต้องลงและเดินต่อไปอีกนิดหน่อย
และภาพด้านล่างก็คือภาพระหว่างเดินมายังห้าง Diver City Tokyo Plaza ไปดูกันเลย
หลังจากลงจากโมโนเรลก็เดินข้ามสะพานตามภาพข้างล่างมา เค้าเรียกสะพานอะไรก็ไม่รู้ววว . . .
และในที่สุดก็ได้เจอกันสักที ถึงแม้จะมาไม่ทัน RX-78 GUNDAM แต่ไม่เป็นไร. . .
เรามาเจอกันกับม้าขาว RX-0 UNICORN GUNDAM และนี้ก็คือภาพถ่าย
เท่มากๆเลย SCALE 1 :1 ด้วยนะ สุดยอด!
ปล. งงใจกับหุ่น ถ้าใครเคยดูจะรู้ว่า UNICORN GUNDAM มีทั้งหมด 2 Mode คือ
1. UNICORN MODE (ตัวด้านซ้าย)
2. DESTROY MODE (ตัวด้านขวา)
ตามภาพนี้เลย . .
ขอบคุณภาพจากเว็บ ; https://www.forbes.com/sites/olliebarder/2017/09/24/the-li...
แต่วันที่ไป ตัวเป็น DESTROY MODE แต่หัวยังเป็น UNICORN MODE
เลยเข้าใจว่ามันน่าจะแปลงร่างได้เฉพาะแค่ส่วนหัวหรือป่าวนะ
(・∧‐)ゞ (・∧‐)ゞ (・∧‐)ゞ
และก็เดินวนไปวนมาอยู่ตรงนั้นไปอีกครึ่งชั่วโมง
และก็ได้ภาพมาอีก 2 ภาพ ขนาดยังไม่เปิดไฟ นี้ยังตื่นเต้นมากๆเลยที่ได้มาเห็น 5 5 5
หลังจากถ่ายภาพและเดินชม GUNDAM SCALE 1:1 จนพอใจแล้ว
ก็เดินเข้าห้างไปชั้น 7 ของห้าง . . .
เพื่อไปหาสิ่งนี้ เชื่อว่าที่นี้ก็คือ Eveandboy ของผู้ชายหลายๆคนแน่นอน
ถ้ามีที่ไทยคงมีสมาคมแม่บ้านยืนรอหน้าร้านกันบ้างแหละ จริงมั้ย!
(o>艸<) (o>艸<) (o>艸<) (o>艸<) (o>艸<)
มาดูภาพกันเลย . . .
GUNDAM BASE TOKYO นั้นเอง บอกเลยมีหมื่นหมดหมื่น เอาเงินมาเท่าไหร่ก็ไม่พอ. . .
และนี้ก็บรรยากาศภายในร้าน . . .
อยากได้ตัวไหนมีครบทุกตัวเลยนะ และก็อุปกาณ์ตกแต่งกันดั้ม ทั้งสี คีม และ ฐานแบบต่างๆอีกมากมาย
เพราะเดินเพลินไปหน่อยภาพถ่ายเลยได้มาแค่ภาพข้างบนภาพเดียว
แต่สุดท้ายก็ได้ของมาไม่ใช้พลาโมหรอก แต่เป็น wireless charger สีแดง
พร้อมลายสัญลักษณ์ของ NEO ZEON
หลังจากซื้อของเสร็จก็แวะนั่งกินทาโกะยากิที่ชั้น 1 ของห้าง เพราะว่าวันนี้เดินเยอะก็เลยเมื่อยมากๆ
และนี้ก็ทาโกะยากิ เห็นแล้วจะหิวกันเลยหรือป่าว . . .
พอกินเสร็จก็ถึงเวลาเดินทางไปหาเพื่อนชาวไทยที่มาทำงานที่ญี่ปุ่นที่อาซากุซะ
เพราะว่าคืนนี้ผมได้นัดเพื่อนไปกินช้าวเย็นและต่อด้วยเดินเล่นไปถ่ายรูป Tokyo Sky Tree กันต่อ
หลังจากมาถึงอาซากุซะ ก็ขึ้นมาตึกฝั่งตรงข้ามของทางเข้าวัดเซนโซจิ
ชื่อ Culture Tourist Information Center เพื่อมาถ่ายภาพนี้
พอดีเพื่อนติดงานนิดหน่อย เลยต้องนั่งรออยู่พักใหญ่ๆ
ระหว่างนั่งรอเพื่อนก็สั่งเมล่อนโซดามาดื่ม เย็นๆ ชิวๆ
ดื่มแล้วก็ชื่นจายยย (/ε\*) แถมมีไอติมวนิลาใส่มาให้ด้วย อร่อยดีนะไม่คิดว่าจะเข้ากันแต่ดันเข้ากันซ่ะงั้น!
หลังจากนั้นก็ดื่มไปเรื่อยๆ พร้อมกับชมวิวและพักขาที่เดินมาทั้งวันไปด้วย
หลังจากนั้นไม่นานมากนักเพื่อนก็มาและก็ไปหากินข้าวเย็นที่ย่าน IZAKAYA แถวๆนี้
จำได้ว่าแถวๆที่เพื่อนพาไปมันเป็นเหมือนที่ไว้แฮงเอ้าท์ของพนักงานบริษัท
แถวๆนี้ ซอยที่ไปมีแต่คนญี่ปุ่นนะไม่มีชาวต่างชาติเลย
เพื่อนบอกว่าแถวนี้ชาวต่างชาติไม่ค่อยรู้จักกันนะ
ว่ามีถนนเส้นนี้อยู่ทั้งๆที่เดินถัดมาจากถนนทางเข้าวัดเซนโซจินิดเดียวเอง เป็นซอนเชื่อมถึงกันด้วยนะ
จริงๆก็ย่านนนี้ก็เหมือนตลาดโตรุ่งที่ไทยเลย เป็นถนน Street Food ของย่านวัดเซนโซจิ เปิดตอนเย็นๆนะ
และเพื่อนก็พามาร้านประจำของเพื่อน ซึ่งขาย Monja Yaki มาดูหน้าตากันเลย
ภาพด้านบนนี้แหละคือ Monja Yaki เหมือนออส่วนเลยช่ายมั้ย วิธีกินเหมือนค่อยทำให้มันแห้งบนกระทะและก็ตักกิน จริงแป้งคล้ายๆโอโคโนมิยากิเลย แต่เค้าทำให้ไม่สุข
ผมก็คิดว่าใครมากิน Monja Yaki ก็ลองสั่งเบียร์เย็นๆมากิยคู่กันนะ คิดว่าน่าจะอร่อยน้าดู
แต่ผมกับเพื่อนไม่ได้สั่งเบียร์มาดื่มกัน
นี้ๆอยากจะบอก Monja Yaki ไม่ได้มีหน้าเดียวตามภาพนะ
จริงๆแล้วมีหลากหลายหน้ามากๆเลยนะ
ผมกับเพื่อนกินไป 2 อย่าง อีกอันสั่งแบบใส่กิมจิมากิน อร่อยทั้งสองอย่างเลย
หลังจากนั้นก็เดินไปที่ Jikken Bridge เพื่อไปถ่ายภาพ Tokyo Sky Tree เดินตาม Google Map ไปเลย
ตอนแรกเลยนะ ดูจากโทรศัพท์คิดว่ามันใกล้ๆ เพราะมันบอกว่า 20 นาที ไปมาๆไกลใช้ได้เลย
ระหว่างทางก็เดินถ่ายภาพไปเรื่อยๆ มุมไหนคิดว่าสวยก็ถ่ายๆมา
ภาพก็ตามนี้เลย . . .
มุมนี้เป็นมุมที่เพื่อนชอบมายืนถ่ายรูป และมาวิ่งแถวๆนี้หลังเลิกงาน
เป็นสวนสาธรณะเล็กๆและเป็นทางเดินริมแม่น้ำซุมิดะ
ตาม Google Map หันหน้าเข้าสะพาน อาซูมิ อยู่ด้านซ้ายมือ
หรือใน Google Map ลองค้นหาว่า Sumidagawa Line ก็จะมาเจอมุมนี้นั้นเอง
พอถ่ายภาพเสร็จก็เดินต่อ . . . เดินไปเรื่อยๆก็มาถึง Jikken Bridgeแล้ววว
และก็ได้ภาพๆนี้ของ Tokyo Sky Tree ୧⍢⃝୨ ୧⍢⃝୨ ୧⍢⃝୨ ୧⍢⃝୨
พอไปถึงนึกว่าคนจะเยอะนะ แต่ปล่าวเลย. . .
คนน้อยสุดๆ จริงมุมนี้ถ้าจะให้สวยสุดๆเลยต้องมาตอนพระอาทิตย์กำลังตกหรือช่วงเวลาเย็นๆนั้นเอง
หลังจากยืนถ่ายภาพและนั่งดื่มน้ำที่ไปกดจากตู้แถวๆนั้นมานั่งชม Tokyo Sky Tree
และคุยกันไปเรื่อยๆให้พอหายเหนื่อยและหายเมื่อยไปพลาง หลังจากนั้นก็มีทั้งชาวคนญี่ปุ่น เกาหลี จีน
ก็เดินมาถ่ายภาพ Tokyo Sky Tree ที่นี้เหมือนกัน
หลังจากนั้นสัก 45 นาที เมื่อหายเหนื่อยหายเมื่อยกันแล้ว . . . .
ก็เดินกลับไปสถานีรถไฟ ASAKUSA
ระหว่างเดินเพื่อนก็ถามมาว่า พรุ่งนี้จะไปไหน เลยบอกไปว่า "จะไป Yokohama จะไปดูดอกไม้ไฟ"
เพื่อนเลยบอกว่า "งั้น . . พรุ่งนี้กุไปด้วย"
ผมก็เลยตอบ "โอเค . ."
พร้อมกับนัดเวลาและสถานที่ ที่จะมาเจอกัน
จริงๆแล้วมาญี่ปุ่นช่วงฤดูร้อนจะพลาดเทศกาลนี้ได้ยังไงจริงมั้ย!
หลังจากแยกย้ายกับเพื่อน ก็นั่งรถไฟกลับมาสถานี Shinjuku เพื่อกลับที่พัก
หลังจาหลงรถกำลังจะเดินออกจากสถานี ก็มาเจอป้ายโฆษณานี้ เลยถ่ายมา
พิคาชูจะร้องไห้น่ารักมากๆเลย และก็เดินกลับที่พักระหว่างทางก็รู้สึกหิวแหะ
เลยเลี้ยวเข้าร้านอาหารแถวๆที่พัก ก่อนถึงที่พักประมาณ 500 เมตร
เข้าไปแล้วด้วยความหิว (เด่วนะ! ยังจะหิว 5 5 5)
ก็เลยสั่งราเมงและข้าวผัดมากิน
ภาพตามนี้เลย . . . ถ้ามาอ่านตอนกลางคืนอาจจะหิวได้นะ
พออิ่มก็เริ่มง่วง ก็เลยขึ้นที่พักไปอาบน้ำและเข้านอน . . .
(๑ᵕ⌓ᵕ̤) (๑ᵕ⌓ᵕ̤) (๑ᵕ⌓ᵕ̤) (๑ᵕ⌓ᵕ̤) (๑ᵕ⌓ᵕ̤)
หมดไปแล้วกับ EP. 2 . . . เป็นยังไงกันบ้าง อยากมาญี่ปุ่นกันบ้างมั้ยสำหรับคนที่ยังไม่เคยมา
พรุ่งนี้เช้าผมก็ต้องเช็คเอ้าท์ออกจาก BOOK AND BED TOKYO SHINJUKU
ไปที่ THE KNOT TOKYO ซึ่งอยู่อีกฝั่งของสถานีรถไฟSHINJUKU
และหลังจากนี้จะมีป้าของผมมารวมทริปด้วย เพราะว่าป้ามา Audit Supplier ที่ญี่ปุ่นพอดี
บวกกับที่บ้านเป็นห่วงเพราะมาต่างประเทศครั้งแรกแถมคนเดียว เลยให้วันที่เหลือไปเที่ยวกับป้า . . .
ก็จะสนุกไปอีกแบบและมีเรื่องตื่นเต้นอีกหลังจากนี้
ดังนั้น . . . อย่าลืมมาติดตามกันต่อใน EP. 3 ด้วยน้า
(人´∀`).☆.。.:*・°
ถ้าอ่านบทความแล้วชอบหรือถูกใจ
อย่าลืมกดถูกใจและกดแชร์ให้ผม เพื่อเป็นกำลังใจในการเขียนบทความ EP ต่อไปกันครับ
- ขอบคุณคร้าบ - ヾ(‘∀`=ヽ)※.;,゜☆
tonabhs.a
วันพฤหัสที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2562 เวลา 23.43 น.