สวัสดี
หลังจากที่หายไปนานเนื่องจากเราไม่มีอารมณ์ในการเขียนรีวิวมาระยะหนึ่ง แต่ก็ยังท่องเที่ยวเหมือนเดิมที่หนักไปกว่านั้นเรายังลงกิจกรรมวิ่งเทรลที่บ้าคลั้งมาทั้งปีเลยอาจจะทำให้ขี้เกียจเขียนรีวิวก็ได้ วันนี้ก็เลยมาแชร์ประสบการณ์ที่เราละชาวคณะได้ไปกันมา
การเดินทางครั้งนี้พวกเราวางแผนกันมาร่วม 2-3 เดือนได้ อย่างแรกเลยจองตั๋วเครื่องบินในราคาที่ถูก จากนั้นคุยกับไกด์เรื่องโปรแกรมที่เราต้องการจะได้ ไกด์เราก็เอามาจากพี่ที่ทำงานของแฟนซึ่งเค้าไปมาแล้วก่อนหน้านี้ก็เลยไม่ต้องหาอะไรมาก พอพวกเราตกลงกันเสร็จ รอเวลาเดินทางกันเลยทีเดียว หารีวิวในเว็บอ่านกันยาวๆ 555+ แลกเงินพร้อม
วันที่ 13 กันยายน 2562
วันแรกของการเดินทาง พวกเราออกจากสนามบินดอนเมืองมุงหน้าสู่กัลลาลัมเปอร์เพื่อที่จะต้องต่อเครื่องไปที่สุราบายาจุดหมายของเรา
นางแบบของเรา ผู้เรื่องเยอะในการถ่ายรูป
โดยมื้อแรกอยากโดนอาหารพื้นบ้านเลยแต่ไม่ใช่
สุกี้ บ้านกูนี้เอง
แล้วเราก็เดินทางยาวๆจนถึงที่พัก เพื่อที่เวลาตี 2 เราจะต้องออกเดินทางไปภูเขาไฟโบรโม่ ที่เค้าว่ากันว่ายังไม่ดับสนิท เรามาถึงที่ได้ประมาณ 2 ทุ่มอากาศเย็นมาก
ที่พักเราไม่แย่ถือว่าดูดีนะ ไม่พูดเยอะอาบน้ำเตรียมตัวนอนแต่ปิดท้ายด้วยเบียร์เย็นๆของอินโดหน่อย
รสชาติดีขวดละ 100 บาท แต่ถ้าในเมืองน่าจะถูกกว่านี้
วันแรกรูปอาจจะน้อยหน่อยเพราะว่าไม่รู้จะถ่ายไรเพราะว่าที่นั้นไม่ต่างจากกรุงเทพ หนองจอก บ้านเราเลย
วันที่ 14 กันยายน 2562
ตี 2 นาฬิกาปลุกชั่วโมงนี้บอกเลยว่าร่างกายพร้อมมาก ทุกคนพร้อมนั่งรถจี๊ปสีเหลืองคู่ใจออกเดินทางไปยังจุดปล่อยตัว555 (( เหมือนจะไปวิ่งเลย )) ขับมาประมาณ 30 นาทีได้เราก็มาถึง จะบอกว่าอากาศเย็นมากเราเลยไปนั่งในร้านค้าแถวนั้นแล้วก็ได้ชิม ก๋วยเตี๋ยวของอินโดเค้าเรียกว่า ( Bakso )
หน้าตาของมันประมาณนี้ กินเพื่อให้มีพลังงานอะนะตกชามละ 30 บาทแล้วเราก็พร้อมออกเดินไปชมแสงแรกที่จุดชมวิว "ขออัพรูปอย่างเดียวแล้วกันนะ"
รูปช่วงนี้อาจจะไม่งามเท่าไหร่เพราะเอาขาตั้งกล้องไว้บนรถ (( แล้วกูเอามาเพื่ออะไรวะถามตัวเองในใจ ))


พอแสงมา...รูปมันก็จะได้อารมณ์แบบนี้

หลังจากเรากดกันไปหลายรูปอยู่ได้เวลาลุยกันต่อ พิชิตปากป่อง
จากนั้นเราลงเพื่อที่จะกับที่พักแล้วไปกินข้าวเช้าเพื่อเดินทางไปน้ำตกต่อ ขากับเราเลือกที่จะขี่ม้ากับมาแล้วต้องเอาให้ครบ
เดินไปคุยไปสักพักเราก็มาถึงทางเข้าน้ำตก
15 กันยายน 2562
ถึงเวลาเที่ยงคืน ตัวเอาเองไม่อยากตื่นเพราะโครตง่วง เหนื่อยด้วยแต่ต้องยกหัวตัวเองขึ้นพร้อมกับแบกกระเป๋าเช็คอิน แล้วนั่งรถไปอีก 2 ชั่วโมงเพื่อที่จะเดินขึ้น Kawah Ijen ช่วงเวลานี้ก็หลับมาตลอดทางจนมาถึงพอลงรถแทบจะอ้วกเพราะกลิ่นมันแย่มากสำหรับเรานะ แต่ถ้ามีลมหน่อยก็ช่วยให้อากาศดีขึ้นสาเหตุน่าจะมาจากกำมะถันที่มันลอยมาแหละมั้ง ได้เวลาพวกเราก็เริ่มเดินทางระยะเดิน 4 กิโล ซึ่งไป-กลับ 8 กิโล ไม่หนักมาก เดินไปเรื่อยๆยังไม่ได้กลิ่นแต่พอถึงยอดที่เราจะลงไปดู Blue Fire ทำไมคนหยุดทำไรกัน อ่อใส่หน้ากากเท่านั้นแหละพระเจ้า ใครทำท่อขี้แตก!! โครตเหม็นเลย พวกเราก็ใส่หน้ากากที่ไกด์เตรียมมาให้พร้อมกับผ้าบัพที่เราเตรียมมา บอกเลยว่าทริปนี้แม่งทรมานจมูกมากเหม็นโครตๆ แสบตามากๆ ฝ่าฟันเดินมาเรื่อยๆลมช่วยบ้างจนถึงที่เค้าเรียกว่า Blue Fire
ภาพพรีก็มาครับ555+
ทางขึ้น-ทางลงทางเดียวกัน เราก็เดินจนถึงด้านบนแล้วก็เดินกลับทางเดิม แต่บรรยากาศตอนเช้าข้างทางมันก็สวยไม่เบานะ
ถึงรถปั้บเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเลยโครตเหม็นติดเสื้อผ้ามาก นี้คือหน้าตาไกด์ทั้ง 2 คน คนแรก สุกี้ อีกคนจำชื่อไม่ได้555+ สุกี้คือไกด์ดูแลเราตลอดทริป Bromo & Kawah Ijen ทุกคนดูแลดีมากถ่ายรูปก็โครตจะสวยเลย หลังจากนั้นพวกเราก็ต้องจากกันพร้อมเดินทางข้ามฟากไปบาหลี เราใช้เวลานั่งเรือข้ามไปบาหลีระยะเวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นไกด์ที่เรานัดไว้ก็มารอเรียบร้อย ไกด์ที่บาหลีเราชื่อ Sastra พวกเราก็ออกเดินทางไปยังวัด lempuyang ซึ่งใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมงเวลานี้คือต้องนอน นอนเท่านั้นระหว่างทางบอกไกด์ขอกินข้าวแต่ขอแบบบ้านๆข้างทางแล้วสิ่งที่ได้คือเนี่ยแหละเราต้องการแบบนี้

อันนี้ข้าวผัด เรียกอะไรไม่รู้จำไม่ได้ ราคาเบาๆจากนั้นอิ่มกันทุกคนเราก็เดินทางกันต่อหลับยาวๆ พอถึงวัด lempuyang ทุกคนต้องนุ่งสโล่ง รูปที่ได้ก็ประมาณนี้
พิซซ่ามินิรสชาติเป็นไงไม่รู้ แต่ไอ้แชมป์กะพี่เพลงว่าอร่อย
วันที่ 16 กันยายน 2562
ไกด์มารับเรา 6 โมงเช้าพร้อมเก็บกระเป๋าออกเดินทางไปยังท่าเรือเพื่อที่จะนั่งเรือไป nusa penida island เพื่อที่จะไปถ่ายรูปกับวิวทะเลสวยๆพวกเราเริ่มขึ้นเรือสปีดโบ๊ทใช้เวลา 1 ชั่วโมงในการเดินทางไปถึงเราก็มีไกด์ที่นั้นมาคอยดูแลเราที่แรกที่เราไป angel billabong บอกเลยพอข้ามเกาะมาถึงเราเริ่มเจอคนไทยแต่ไม่ได้เยอะมาก การมาบาหลีครั้งนี้เราไม่ค่อยได้เสพบรรยากาศมากเท่าไหร่เพราะว่าต้องทำเวลาเดียวจะเที่ยวได้ไม่เยอะ ไปถึง angel billabong ไกด์ก็พาไปถ่ายรูป
จากนั้นพวกเราก็เดินทางกับเพื่อที่จะต้องขึ้นเรือรอบบ่าย 2 เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นมอไซร์ที่ฝรั่งเช่าขับมาชนกับรถเรา จากที่หลับกันหมดตื่นกันหมดเลยตาสว่างถามว่าเสียเวลาไหม นิดนึงจากนั้นทางหัวหน้าไกด์กับเจ้าของรถก็เครียร์กันส่วนไกด์ก็มาส่งเราตามแผนเหมือนเดิม สรุปไม่ตกเรือวะขึ้นเรือทั้งเรือมีอยู่ 10 คนได้
จากนั้นพวกเราก็เดินทางกันต่อไปที่ตลาด ubud traditional market-ubud centre แต่ก่อนที่จะไปตลาดไกด์เราพาไหว้พระที่วัด Ubu




มันจะมีอีก 2 อย่างที่เราไม่ได้ถ่ายเพราะความหิวมันครอบงำเช็คบิลออกมา รวมๆแล้ว 600 กว่าบาท ซึ่งหารแล้วไม่แพง รสชาติใช้ได้เลย จากนั้นก็เดินหาของฝากกันตามสบายใจได้หลังจากพวกเราได้เดินหาซื้ออะไรกันแล้วก็ถึงเวลาที่ไกด์เราจะต้องมารับไปสนามบินเพื่อที่ส่งพวกเรากับบ้านของเรา
ไว้ทริปต่อไปเราจะไปที่ไหนรอชมกันนะ จะไม่ขี้เกียจเขียนแล้ว อิอิ
ค่าทริปต่อคน รวมทั้งหมด ค่าเครื่องไป-กลับ + ค่าไกด์ + อาหาร ไม่เกิน 15000 บาท
หนุ่มพเนจร
วันพฤหัสที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2562 เวลา 18.22 น.