หลงฮัก น่าน (หน้าฝน)

ฮักน่าน นาน นาน ก็ ได้นะ

ฝนนี้ถ้าเพื่อนๆ ไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี เราขอแนะนำ จ.น่าน เมืองที่ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขา ออกไปใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ ไปเที่ยววัด ขับรถชมวิวสองข้างทางภูเขา ถนนลอยฟ้า ไปนอนกางเต้นท์ดูทะเลหมอกยามเช้า และคุณจะหลงรักน่าน

ทริปนี้เป็นทริป 3 วัน 2 คืน จาก กทม. ถึง น่าน

และนี่คือเพลนทั้งหมด

Day 1

ที่แรกที่เราแวะ เสาดินนาน้อย ตั้งอยู่ อุทยานแห่งชาติศรีน่าน

เสาดินนาน้อยมีลักษณะเป็นหุบผาและแท่งดินผสมหินลูกรังสีแดงปนส้ม กระจายอยู่ในพื้นที่ประมาณ 20 ไร่ เสาดินนาน้อยมี อายุประมาณ 30,000-10,000 ปีและเคยเป็นก้นทะเลมาก่อน นอกจากนี้ยังค้นพบกำไลหินและขวานโบราณที่นี่

เลยจากเสาดินนาน้อยไปไม่ไกลจะมีคอกเสือสถานที่คล้ายๆกัน แต่ที่นี่มีมุมเดียวที่สวยๆแบบอลังกาล

จากนั้นเราไปแวะถ่ายรูปที่ดอยเสมอดาว

วิวที่ผาหัวสิงห์

คืน นี้ค้างที่ ผาชู้ เสียค่ากางเต้นท์ 30 บาท

...............................................................

Day 2

เช้านี้หมอกลงจัดเลยจ้า อากาศเย็นสบายมาก พระอาทิตย์มองไม่เห็นเลย

ไปเก็บแสงเช้าต่อกันที่ ดอยเสมอดาว อีกรอบ ทะเลหมอกฟูมากจ๊ะ

ไปต่อกันที่ วัดภูมินทร์ วัดหลวงเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 400 ปีที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองน่าน ด้วยลักษณะสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งนี้ประวัติการสร้างวัดภูมินทร์ตามพงศาวดารเมืองน่าน ได้กล่าวไว้ว่า พระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์เจ้าผู้ครองนครน่านได้สร้างวัดภูมินทร์ขึ้นมา หลังจากที่ครองนครน่านได้ 6 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2139 อีกทั้งยังมีปรากฏในคัมภีร์เมืองเหนือว่า วัดแห่งนี้เดิมชื่อ “วัดพรหมมินทร์” และต่อมาในภายหลัง ชื่อวัดได้เพี้ยนไปกลายเป็นวัดภูมินทร์

จิตรกรรมฝาผนัง ภายในวิหารที่เรียกกันว่า “ฮูปแต้ม” ซึ่งได้เขียนขึ้นในช่วงที่วัดภูมินทร์ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ สมัยเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เมื่อ พ.ศ.2410 (ปลายสมัยรัชกาลที่ 4) และใช้เวลาซ่อมนานถึง 7 ปี โดยมีภาพ “ปู่ม่านย่าม่าน” อันลือเลื่อง ซึ่งได้รับยกย่องว่าเป็นภาพงามเยี่ยมของวัดภูมินทร์ ทั้งยังได้รับฉายาว่า “ภาพกระซิบรักบรรลือโลก”

ฝั่งตรงข้ามกับวัดจะมีซุ้มลีลาวดี (พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ) ส่วนใหญ่คนที่ผ่านมาวัดภูมินทร์แล้วก็จะมาแวะถ่ายรูปมุมนี้ด้วย...วันนี้ฝนฟ้าอาจไม่เป็นใจแต่ก็ดีใจที่ได้มาเยือน

ระหว่างทางขึ้นไป อ.ปัวมีร้านกาแฟน่ารักๆ ริมทางให้แวะพักกันให้หายเหนื่อน ชื่อร้าน เดอะวิว@กิ่วม่วง

(แต่พวกเครื่องดื่ม รสชาติแอบหวานไปหน่อยนะค่ะ) ถ้าไปแนะนำให้บอกเค้า ว่าหวานน้อยๆๆๆๆๆๆ

แลนด์มาร์คที่ขาดไม่ได้ของจังหวัดน่าน คือ ถนนลอยฟ้า ภาพนี้เป็น ถนนลอย ดอยกว่าง 1081

คืนนี้พวกเราพักที่ อุทยานเเห่งชาติดอยภูคา บ้านเกวียน ค่ะ ปกติราคาหลังละ 300 บาท

แต่ได้ลดราคาค่ะ เหลือหลังละ 210 บาท นอนได้ 2 คน

ห้องน้ำรวม ไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลมนะ แต่อากาศเย็นมากนอนสบายค่ะ

จองที่พักได้ที่ http://nps.dnp.go.th/parks.php สามารถจองล่วงหน้าได้ 60 วัน ชำระเงินผ่านธนาคารกรุงไทย

มาดูที่พักให้เรียบร้อยแล้วไปต่อค่ะ อย่าได้หยุดถึงแม้จะเหนื่อยแค่ไหน...ไปต่อกันที่บ่อเกลือออออ...

บ่อเกลืออยุ่ไม่ไกลจากอุทยานค่ะห่างกันแค่ 21 กิโลเท่านั้น เดินทาง ประมาณ ครึ่งชั่วโมง

ภาพนี้วิวข้างทาง...ช่วงก่อนถึง อช.ดอยภูคา

มาครั้งนี้หัวใจสลายอีกแล้ว บ่อเกลือปิดจ๋าาาา เค้าจะหยุดทำเกลือ ช่วงออกพรรษา ของทุกปี แล้วจะเปิดทำเกลือกันอีกทีก็ 1 ต.ค. ของทุกปี เลยเจอแต่บ่อแห้งๆอะ T ^ T

ถ้าไม่ได้ทำเกลือ ก็มาเลี้ยงวัวของแม่ค้าก่อนก็ได้

จากนั้นไปหาข้าวกินแล้วกลับที่พักนอนเอาแรงไปลุยต่อวันพรุ่งนี้

วิวหน้าที่พักตอนกลางคืน

ไฟตกแต่งนี้ต้องเตรียมมาเองนะที่พักไม่มีให้

................................................Zz

Day 3

จุดเช็คอินแรกของวันนี้คือ จุดชมวิว 1715 อช.ดอยภูคา วิวดี เมฆครึ้มมาเลย 555+

วันนี้ฝนตกอีกตามเคยแน่นอน

ถนนลอยฟ้าดอยภูคา 1256

ขับลงมาเรื่อยๆ

แล้วไปต่อกันที่ "ร้านกาแฟไทลื้อ" วิวทุ่งนาในตำนาน (อยู่ริมทาง)

ร้านกาแฟไทลื้อ ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของร้าน ลำดวนผ้าทอ ร้านขายผ้าพื้นบ้าน ใครที่มีโอกาสได้มา อำเภอปัว อำเภอในฝันของใครหลาย ๆ คน แอดมินขอแนะนำให้มาแวะพักผ่อนสัมผัสความฟินกันที่นี่
กาแฟถูกมากกกกกก วิวดีมากกกกกกก
ไปเหอะขอร้อง มุมถ่ายรูปเยอะ

ออกจากร้านกาแฟไทลื้อติดกันมีข้าวซอยอร่อยๆ ราคาไม่แพงอย่าลืมไปอุดหนุนกันได้นะ

(ขออภัยลืมถ่ายรูปมา)

ไปต่อกันที่ วัดภูเก็ต กับ ฮักนาไทลื้อ & ฮักนากาแฟ อยู่ตรงหลังวัดเลยค่ะ

แต่วันนี้ร้านค้าในฮักนาไทลื้อ & ฮักนากาแฟ ส่วนใหญ่ปิด เลยเข้าไปถ่ายรูปเล่นแล้วออกมาเลย

วิวจากหลังวัดมองลงมาจะเห็นร้าน ฮักนาไทลื้อ & ฮักนากาแฟ

วิวทุ่งนาคือเขียวสะใจมาก แอดมินมาช่วง เดือน กันยายน

ที่สุดท้ายที่เราแวะคือ วัดพระธาตุเขาน้อย จากวัดพระธาตุเขาน้อย สามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบของตัวเมืองน่าน ไปสักการะ “พระพุทธรูปมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน”