ณ เฟสบุ๊ค ... ‘บันทึกเก็บยิ้ม’

การเดินทาง ณ ชุมพร 7-8 ตุลาคม 2562

การได้พบเจอ สถานที่ใหม่ๆ สิ่งแวดล้อมใหม่ๆ คนใหม่ๆ ในระหว่างทาง มันทำให้การเดินทางครั้งนี้ ช่างแตกต่างกว่าครั้งไหนๆ แม้เพื่อนร่วมทางในครั้งนี้ จะเป็นคนคุ้นเคย แต่เรื่องราวระหว่างทางนั้น กลับเป็นเรื่อง ‘แปลกใหม่’ สำหรับพวกเราทั้งห้าคนเลยทีเดียว

การเดินทางครั้งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เราแอนด์เดอะแก๊งค์ตั้งใจจะไปงานแต่งของพี่สาวที่ชุมพร จึงเกิดไอเดียชวนกันเที่ยวเมืองรอง ที่ 'ชุมพร' กันซะเลย แอบบอกก่อนว่าเดอะแก๊งค์เราเป็นผู้หญิงล้วนสี่คนและหลานสาวตัวน้อยอายุสี่ขวบอีกหนึ่ง

อำเภอที่เราวางแพลนในครั้งนี้คือ 'อำเภอสวี' จังหวัดชุมพร เราใช้เวลาในการอยู่เมืองรองแห่งนี้ จำนวนสองวันหนึ่งคืน ฉะนั้นแล้วใครกำลังวางแผนจะมาชมทะเลสวยๆ ที่เมืองรองแห่งนี้ ตามรอยเรามาได้เลยจ้า

มาถึงเมืองชุมพรทั้งที สถานที่ที่เราต้องมาให้ได้คือ ‘ศาลกรมหลวงชุมพร’ แต่อย่างที่บอกว่าในครั้งนี้ เรามากันที่อำเภอสวี เดอะแก๊งค์ของเราเลยขึ้นมาสักการะศาลกรมหลวงชุมพรกันที่ ‘ศาลกรมหลวงชุมพรหัวเขาถ่าน’ สถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ของพระตำหนักของพลเรือเอกพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอาภากรณ์เกียรติวงศ์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

เมื่อขึ้นมาอยู่ด้านบนนี้แล้วมองตรงออกไป เราจะเห็นวิวทะเลใสสีสวย และหาดทรายที่มองเห็นไกลออกไปจนสุดสายตา บรรยากาศในวันนี้ร้อนมาก แต่ก็สวยงามมากเช่นกัน ‘ศาลกรมหลวงชุมพรหัวเขาถ่าน’ แห่งนี้เป็นจุดชมวิวลับๆ บนเขาเล็กๆ แต่หากได้ขึ้นมาบนนี้แล้ว บอกเลยว่าทัศนียภาพที่จะได้เห็นนั้น ไม่เล็กเลยล่ะ

แสงแดดที่ร้อนแรงกระทบกับสีฟ้าน้ำเงินของท้องทะเลเมืองรองแห่งนี้ ทำให้เราแอนด์เดอะแก๊งค์ยอมจอดรถในระหว่างทางการขึ้นเขา เพื่อลงมาเก็บภาพสวยๆ แบบนี้

ได้เวลาลงจากเขา...มาหาทะเลกันแล้ว การเดินทางในอำเภอสวีครั้งนี้ ถ้าไม่ได้นอนโฮมสเตย์ ก็เหมือนมาไม่ถึงเมืองชุมพรเเล้วล่ะ แต่อย่างที่เราบอก การเดินทางครั้งนี้ เรามากับเดอะแก๊งค์หญิงสี่เด็กหญิงหนึ่ง โฮมสเตย์ที่เราเลือกจึงค่อนไปทางสบายนิดๆ ที่นี่เป็นโฮมสเตย์หมู่บ้านชาวประมง ติดริมทะเล ที่แม้ไม่ได้อยู่ในทะเลแบบเกาะพิทักษ์ แต่เราก็สามารถเดินไปที่หาดทรายได้สบายๆ ‘ท้องตมใหญ่โฮมสเตย์’ เป็นที่พักของเราในคืนนี้

‘ท้องตมใหญ่โฮมสเตย์’ ที่พักติดริมทะเลพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเช่นโทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ ห้องน้ำในตัวที่ดูสะอาดและค่อนข้างใหม่แห่งนี้ มาพร้อมกับอาหารทะเลแบบสดๆ หลากหลายเมนู (ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับฤดูกาลที่ไปกันด้วยว่าจะได้ทานของทะเลอะไร) แถมพี่เจ้าของโฮมสเตย์ยังใจดี และเป็นกันเองกับเดอะแก๊งค์ของเราด้วย

แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นในทริปนี้ เมื่อเรากับพี่ในแก๊งค์อีกคนหนึ่ง เกิดอาการปวดท้องกันแบบกะทันหัน เข้าห้องน้ำกันยกใหญ่เลยทีเดียว ตามแผนของเราในบ่ายวันนี้เราจองเรือออกไปชมหมู่เกาะทะเลชุมพรตามที่วาดฝันกันไว้ แต่ในระหว่างทางที่เรามานั้น เจ้าท้องของเรากลับดันปั่นป่วนซะนี่

‘แผนนี้ต้องไม่ล่ม!’ เรากับพี่อาการเริ่มดีขึ้น จึงตัดสินใจเดินตามแผนเดิมที่วางกันไว้ ออกไปนั่งเรือชมหมู่เกาะชุมพรกันเถอะ

เมื่อทุกคนพร้อม เราก็ออกเดินทางกันได้เลย

แสงแดดยามบ่ายสาม กระทบกับผิวน้ำทะเลสีฟ้าน้ำเงิน คลื่นน้ำที่ถูกเรือกระทบแรง ทำให้น้ำกระเด็นขึ้นมาโดนผิวกายของคนที่นั่งอยู่บนเรือ ภาพทัศนียภาพสองฝั่งตั้งแต่เรือลำนี้ที่มีพวกเราทั้งห้าคนนั่งอยู่ พร้อมกับลุงผู้บังคับท้ายเรือ ช่างเป็นภาพที่สวยงามเกินคำบอกเล่าของนักเดินทางคนอื่นๆ เชื่อแล้วว่า หากไม่ได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง คุณจะไม่มีวันเข้าใจเลยจริงๆ ว่าความรู้สึกตอนนั้น มันเป็นอย่างไร

การเหมาเรือมาในครั้งนี้ เป้าหมายคือ ‘เกาะกุลา’ โดยใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 20 นาทีไปพร้อมๆกับชมทัศนียภาพสวยๆ ทั้งสองฝั่ง

เเละเเล้ว...เราก็เดินทางมาถึง 'เ ก า ะ กุ ล า'

แผนของเราคือมาดำน้ำกันนี่เอง แต่อยากจะบอกว่าเสียดายมาก ที่เรามาถึงแล้วน้ำค่อนข้างขุ่น ภาพที่พี่ในแก๊งค์อวดเราไว้เมื่อตอนทริปแสมสาร จึงไม่ได้ออกมาเป็นดั่งใจเสียเท่าไหร่

ดูจากอุปกรณ์ที่เตรียมมาเเล้ว บอกได้เลยว่าเราพร้อมจะดำน้ำมาก

ไม่เป็นไร ไปพายเรือคายัคแทนแล้วกันนะเดอะแก๊งค์

เดินบนหาดทรายสีขาวละเอียดมาเรื่อยๆ จะเจอชายหาดอีกฝั่งหนึ่งบนเกาะกุลา สวยงามไม่แพ้ฝั่งที่เราแอนด์เดอะแก๊งค์ไปพายเรือคายัคกันเลยทีเดียว

แสงแดดของพระอาทิตย์เริ่มค่อยๆ เลือนรางหายไป พวกเราเริ่มเก็บของนั่งเรือกลับโฮมสเตย์ไปทานอาหารทะเลสดๆ ที่รอเราอยู่กัน

นำเสนออาหารเย็นมื้อนี้ ปูม้านึ่ง แกงส้ม ปลาหมึกต้มหวาน ใบเหลียงผัดไข่ ไข่เจียว และล้างปากด้วยลองกองแสนหวาน ทีเด็ดของเราคือปูม้านึ่ง รสชาติที่หวานของเนื้อปูม้าทำให้รู้เลยว่า มัน สด มากกกกกก ยิ่งได้จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดแล้วนั้น ฟินสุดๆ (ปล.ถึงแม้ท้องไส้ของเราจะยังคงปั่นป่วนอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ไหนๆ มาถึงแหล่งแล้ว ก็ต้องกินให้รู้กันไป)

ก่อนราตรีสวัสดิ์ในคืนนี้ เรานัดกันไว้ว่า ‘พรุ่งนี้ 6 โมงเช้า เราจะตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน’

แต่แล้วแผน 6 โมงเช้าของเราก็พังจ้า เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นตอน 6 โมง พร้อมกับเสียงฝนมาดังซู่ลงมาในเวลาเดียวกัน เสียดายมากๆ ที่ไม่ได้เก็บรูปพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้ามาฝากกัน

อาหารเช้านี้เป็นข้าวผัดปลาหมึกแสนอร่อยเต็มโถ ตื่นมาแบบหิวๆ ก็รีบตักกินกันโดยไม่รีรอใคร (จึงไม่ได้ถ่ายรูปอาหารเช้ามื้อนี้เลย)

กินข้าวเสร็จ เก็บของกันเรียบร้อย เราแอนด์เดอะแก๊งค์ก็พร้อมเดินทางกันต่อ


สรุปค่าใช้จ่ายการมานอน ‘ท้องตมใหญ่โฮมสเตย์’ 1 คืน

อาหาร 2 มื้อ ราคา 850 บาทต่อคน ในทริปนี้มีเด็กน้อยอายุ 4 ขวบมาด้วย ราคาเด็กอายุ 1-5 ขวบ ฟรี เด็กอายุ 6-10 ขวบ ครึ่งราคา

กิจกรรมเหมาเรือเที่ยวหมู่เกาะชุมพร ดำน้ำตื้น ดูปะการัง เรือเหมาลำ ลำละ 2,000 บาท (นั่งได้ประมาณ 15 คน) เสื้อชูชีพ ฟรี (อุปกรณ์ดำน้ำ ราคา 40 บาท)

ที่นี่ยังมีกิจกรรมตกหมึกด้วยนะ เรือเหมาลำ ลำละ 2,000 บาท (นั่งได้ประมาณ 15 คน)

และยังมีห้องคาราโอเกะด้วยนะ ราคา 1,500 บาท (ใช้บริการได้ถึง 24.00 น.)

สถานที่ต้องห้ามพลาดก่อนเดินทางออกจากอำเภอสวีแห่งนี้ เราเดินทางไปกันที่ ‘วัดพระบรมธาตุสวี’ โบราณสถานแห่งชาติประจำจังหวัดชุมพร

ศิลปกรรมของพระบรมธาตุสวี มีลักษณะเลียนแบบพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 118 ตอนพิเศษ 127 ง เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2544 บอกเลยว่าเป็นโบราณสถานเเห่งชาติที่งดงามมาก ต้อง ห้าม พลาด จริงๆ นะ

มาอยู่สวีสองวันหนึ่งคืน คุ้มมาก ทั้งได้ชมทะเลเมืองรองที่สวยงาม กินอาหารทะเลสดๆ และยังได้สักการะสถานที่สำคัญของอำเภอสวีแห่งนี้ด้วย

ขอบคุณการเดินทางในครั้งนี้แอนด์เดอะเเก๊งค์ทั้งห้า ที่ทำให้การเดินทางในครั้งนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวระหว่างทางมากมาย ทั้ง รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ เเละที่สำคัญคือ 'ความสุขในการเดินทาง'

แล้วเจอกันใหม่ในการเดินทางครั้งหน้า

พบกันได้ในโลกโซเชียล ณ เฟสบุ๊ค : บั น ทึ ก เ ก็ บ ยิ้ ม

https://www.facebook.com/keptyoursmile/


เ ขี ย น บ า ย : มนุษย์ตัวเล็ก

มนุษย์ตัวเล็ก

 วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เวลา 21.10 น.

ความคิดเห็น