ไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรก ไปไหว้พระทำบุญที่พม่าาาาาาาาาาาา 2 คืน 3 วัน (8 ธ.ค. - 10 ธ.ค. 2561 ) >__< ตื่นเต้นมาก เดินทางไปต่างประเทศครั้งแรก ในความคิดก็คงเหมือนเดินทางไปต่างจังหวัด ต่างกันที่อาหารการกิน ภาษา วัฒนธรรม อ่านข้อมูลการเตรียมตัวเดินทางจากรายละเอียดที่บริษัททัวร์ส่งมาให้ เตรียมไปทุกอย่าง ยกเว้นยา ^__^ กระเป๋าเดินทางพร้อม พาสสปอร์ตพร้อม

แล้วก็มาถึงวันเดินทาง ตื่นแต่เช้า ตี 5 ครึ่ง วันนั้นฝนตกหวั่นใจจะเดินทางไปสนามบินยังไงหว่า?? (มันเป็นสเต็ปหรือเปล่าที่ว่าไปเที่ยวแต่ละที่ต้องเช็คอินตั้งแต่ออกจากบ้าน ไปถึงสนามบิน ยันถึงที่พัก??) ตอน 6 โมงครึ่งฝนหยุดตกพอดีเลยไปหาพี่เก๋ เพื่อเดินทางไปขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิด้วยกัน (ที่สำคัญประหยัดค่ารถ 555) ไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว ก็เจอป้าๆ พี่ๆ รออยู่ก่อนแล้วพร้อมไกด์ ที่จะพาเราไปกรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า หรือ เมียนมาร์ ในปัจจุบัน

ถึงเวลาเช็คอินไกด์ ก็มาบอกแก๊งเราให้ไปเช็คอิน เช็คอินเสร็จก็ผ่านเครื่องแสกน เข้าไปยังอาคารผู้โดยสารขาออกไปต่างประเทศ เดินเล่นดูสินค้าข้างใน เดินถ่ายรูปไป

แวะช้อปกันก่อนเดินทาง

แล้วก็ไปนั่งรอขึ้นเครื่อง เตรียมตัวเดินทางไปกรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ แก๊งที่เดินทางไปด้วยกันก็จะแยกย้ายไปเดินช้อปปิ้งกันสนุกสนาน เมื่อถึงเวลาใกล้ขึ้นเครื่องก็มารวมตัวกัน แก๊งเราเดินทางไปเมียนมาร์ด้วยสายการบิน เมียนมาร์แอร์ไลน์

รอขึ้นเครื่องเดินทางไปพม่า

กว่าเครื่องจะขึ้นก็ใช้เวลานาน แถมมาด้วยเครื่องดีเลย์ ทำให้ไปถึงย่างกุ้งช้าด้วย วันที่เดินทางคนขึ้นเครื่องเต็มลำ อาหารเช้าที่เสิร์ฟก็จะเป็นแซนวิช น้ำ น้ำส้ม มีชา กาแฟ แอร์โฮสเตสก็จะเดินมาถาม เป็นครั้งแรกที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษในช่วงที่กำลังเดินทางไปต่างประเทศ มันคือการทดสอบภาษา จะพูดสื่อสารกันรู้เรื่องหรือไม่? ต้องลอง ^__^ ถ้าสื่อสารกันรู้เรื่องคือได้ในสิ่งที่เราอยากกิน ถ้าสื่อสารกันไม่รู้เรื่องก็จะได้อีกอย่างหนึ่ง

ก่อนเครื่องออกถ่ายรูปไว้ซะหน่อย

( ในระหว่างที่เครื่องกำลังขึ้นให้คาดเข็มขัด และไม่ลุกเดินออกจากที่นั่ง ระหว่างที่เครื่องขึ้นไปสักพัก จะมีแอร์โฮสเตส แนะนำระหว่างการเดินทาง ในระหว่างนี้ให้ฟังคำแนะนำด้วย กระเป๋าให้ไว้ด้านบนที่เก็บกระเป๋า หรือวางด้านล่าง)

มื้อเช้าบนเครื่อง

มีอิ่มท้องแล้วหนังตาก็เริ่มหย่อน (zzzZZZZ) เท่าที่ดูเวลาเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปสนามบินย่างกุ้ง ใช้เวลาเดินทางพอๆกับไปเชียงใหม่เลยนะ (อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัว) เมื่อไปถึงแล้วก้ต้องปรับเวลาในเป็นเวลาของประเทศพม่า ผ่านด้านตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ก็ต้องไปรับกระเป๋า แยกสิ่งของที่จะใช้คืนนี้ออก เพราะเราจะเดินทางไกลไปขึ้นพระธาตุอินแขวน ไปนอนที่พระธาตุอินแขวน 1 คืน ไหว้พระธาตุ ทำบุญก่อน ออกจากสนามบินก็แวะกินข้าวก่อน เพราะตอนที่ไปถึงก็เกือบบ่ายโมงแล้ว

มื้อแรกตอนไปถึงกินร้านนี้

มื้อแรก เมื่อไปถึงพม่าก็จะประมาณนี้ ^__^

ร้านนี้มีกระเป๋าขายด้วย

เมื่อกินอิ่มแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทางต่อไปยังพระธาตุอินแขวน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง นั่งชมวิวข้างทางบนรถไป ถ่ายรูปไป ฟังไกด์บรรยายไป

Tips : สามารถแลกเงินพม่ากับไกด์พม่าได้ถ้าไปกับทัวร์ ไปเองก็ต้องหาแลกเองเด้อ

บรรยากาศบนรถ ระหว่างการเดินทาง

สถานที่แรกตอนเดินทางก่อนไปถึงพระธาตุอินแขวน แวะพระราชวังโบราณกันก่อน ซึ่งพระราชวังที่แวะเป็นพระราชวังจำ ลองแต่สร้างแบบจำลองได้อลังการมาก เนื่องจากพระชวังเก่าถูกไฟไหม้ แต่มีเสาจากพระราชวังเก่าไว้ให้ศึกษา ไกด์เล่าว่าเสาที่ได้มาเป็นเสาที่ฝังอยู่ใต้ดิน มีสลักชื่อเจ้าเมืองต่างๆ ไว้ใต้เสา

เข้าไปข้างในจะมีเสาวางนอนให้เห็น มีประวัติของพระราชวังในศึกษาว่าก่อตั้งช่วงไหน มีจำลองของใช้ในพระราชวัง

ก่อนแยกย้ายเดินชม ประวัติต่างๆของพระราชวัง ถ่ายภาพหมู่ก่อน

แวะชมพระราชวังแล้วก็เดินทางกันยาวๆ ไปพระธาตุอินแขวน แล้วราก็ถ่ายรูประหว่างทาง ซึ่งเป็นภาพที่ถ่ายจากบนรถ ก็ถ่ายชัดได้ประมาณนี้แหละ

ฝั่งตรงข้ามพระราชวังจำลองก็จะเป็นพระธาตุมุเตา ไกด์บอกพาแวะวันกลับจากพระธาตุอินแขวน ภาพถ่ายจากบนรถ ถ่ายได้ชัดสุดเท่านี้จริงๆ (ถ่ายตอนรถวิ่ง) บรรยายกาศตลอดทางไปพระธาตุอินแขวน เหมือนแถวต่างจังหวัดในบ้านเรา ในบางช่วงถนนยังเป็นดินแดงอยู่

ระหว่างทางไปพระธาตุอินแขวน นั่งไปหลับไป ตื่นมาก็ถ่ายรูป กว่าจะไปถึงใช้เวลานานมาก เดินทางไปถึงแล้วก็เปลี่ยนรถเพื่อขึ้นไปบนพระธาตุ รถบัสไม่สามารถขึ้นได้พระทางชันมาก มาโค้งหักศอกหลายโค้ง ต้องใช้รถคันใหญ่ขึ้นไป ถ้าเป็นแถวบ้านเราก็ประมาณรถ 6 ล้อ ดูตามรูปเลย

ขึ้นรถแล้ว พร้อมออกเดินทาง

ทางขึ้นไปพระธาตุอินแขวนก็จะมีโค้งหลายโค้งมาก ไม่กล้าถ่ายรูปเลยกลัวกล้องตก ไปถึงเป็นช่วงเวลาเย็นมากแล้ว ฟ้ามืดเหมือนฝนจะตกด้วย ลุ้นระทึกกันตลอดทางที่ขึ้นไป จนถึงทางขึ้นพระธาตุอินแขวน ลงจากรถแล้วต้องเดินขึ้นไป เหมือนเดินขึ้นเขา

วันที่ไปคือตรงกับวันหยุดยาว ชาวบ้านแถวนั้น หรือชาวเมืองแถบนั้นก็จะไปไหว้พระธาตุกัน คนเยอะมาก

เดินขึ้นไปแวะพักไป ถ่ายรูปไป

แวะถ่ายรูประหว่างทางเดินไปที่พักบนพระธาตุอินแขวน หลังจากถ่ายรูปเสร็จ เดินไปถึงทางขึ้นพระธาตุฝนตกหนัก รดน้ำมนต์กันเลย (หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่าตีนดอย ตีนทางขึ้น) ต้องถอดรองเท้าเพื่อเดินขึ้นไป ฝนเริ่มตกหนักลงมาเรื่อยๆ กว่าจะหยุดก็เกือบชั่วโมง โรงแรม (จำชื่อโรงแรมไม่ได้อ่ะ) ที่เราพักอยู่ด้านบน ใกล้กับพระธาตุอินแขวน เช็คอินเข้าที่พักเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลากินข้าว มื้อนี้เป็นแบบบุฟเฟ่ มีกุ้งเผาด้วย ^__^ กินอย่างเอร็ดอร่อย มีน้ำพริกผัก รสชาติถูกปาก จนคิดว่าอยู่ที่ไทย

มื้อเย็นบนโรงแรมที่พัก

กินข้าวเสร็จก็ไปไหว้พระธาตุอินแขวนต่อ เป็นช่วงที่ฝนหยุดตกพอดี บรรยากาศยามค่ำคืนที่พระธาตุอินแขวนก็จะประมาณนี้ มีลมพัดอ่อนๆ

พระธาตุอินแขวน ช่วงฝนหยุดตกแล้วยามค่ำคืน

ไหว้พระธาตุแล้วก็เดินถ่ายรูป บรเวณพระธาตุ ช่วงกลางคืนที่นี่อากาศเย็น เพราะอยู่บนเขาและฝนตกด้วย

มุมถ่ายรูปพระธาตุหลายมุม

เสร็จจากไหว้ ขอพรพระธาตุแล้วก็กลับที่พัก เดินไปประมาณ 200 เมตร นั่งพัก นั่งคุยกันตรงล็อบบี้ จากนั่งก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ก่อนนอนสดมนต์นั่งสมาธิสัก 5 นาที จากนั้นนอนzzZZZ

Tips : วัดในพม่าที่เราไปจะมีชาวบ้าน ขายดอกไม้บูชาพระประมาณ 500 - 1,000 จ๊าด เราสามารถซื้อได้

วันที่สองของการเดินทาง : ตื่นแต่เช้าเพื่อไปสัมผัสบรรยากาศ รอบที่พักซึ่งวันนี้ฝนไม่ตก ไปไหว้พระธาตุก่อนมากินข้าว เดินดูบรรยากาศรอบๆ ว่าชาวบ้าน ชาวเมืองที่มาใช้ชีวิตกันยังไง

บรรยากาศยามเช้าสดชื่นมาก ^__^

ช่วงสายๆ เมื่อตอนแดดออก

ชาวบ้าน ชาวเมืองที่เดินทางมาไหว้ขอพรพระธาตุ ก็จะพักกันบนนี่เลย

ไหว้พระธาตุเสร็จแล้ว ก็มากินข้าวตรงที่พัก และไปเก็บกระเป๋าเตรียมเดินทางลงจากพระธาตุ เพื่อไปไหว้เจดีย์ชเวดากองต่อซึ่งอยู่ที่ย่างกุ้ง ระหว่างทางที่เดินกลับก็จะเดินสวนกับชาวบ้าน ชาวเมือง นักท่องเที่ยวที่กำลังเดินขึ้นไปเพื่อไหว้พระธาตุ คนเดินขึ้นเยอะมาก

ตอนลงทางเดินขึ้นพระธาตุอินแขวน คนกำลังเดินขึ้นเยอะมาก

ระหว่างทางที่เดินลงจะมีร้ายขายขนม ขายสร้อยข้อมือเยอะมาก ซึ่งทำจากหยก จากหิน ระหว่างทางเดินก็เดินไป ถ่ายรูปไป จนถึงจุดขึ้นรถเพื่อลงจากเขา

ทางเดินลงก็จะตั้งเตาขายขนมกันแบบนี้เลย

ทางเดินลงคนก็เยอะ เดินสวนกันขึ้น-ลง

บรรยากาศตอนเดินลงมา

เดินลองมาเรื่อยๆ ก็ถึงรถที่เราต้องนั่งลงจะเขาแล้ว ใช้เวลาเดินทางลงประมาณ 45 นาที ตอนขึ้นไม่เท่าไหร่ แต่ตอนลงแทบจะไปกองอยู่หน้ารถ เพราะเป็นทางชัน มีโค้งหักศอกด้วย (ไม่ได้ถ่ายรูปตอนลงเลย ต้องจับราวจับ) ตอนลงต้องแตะเบรคตลอด คนขับชำนาญทางมาก จนมาถึงจุดที่รถบัสจอดรอรับ ขึ้นไปบนรถและออกเดินทาง มีแวะพักรถเป็นช่วงๆ ก้จะมีจุดพักรถ มีร้านอาหาร เดินเข้าไปดูมีอะไรบ้างหน้าอาหารตาเหมือนแถวบ้านเราเลย

ร้านอาหารตรงจุดพักรถ

ส้มโอ 3,500 (จ๊าด) แค่เจอราคาก็เย็นล่ะ^__^

บรรยากาศข้างทางก่อนแวะกินข้าว

โบสถ์คริสต์ในพม่าดูโดดเด่นมาก

ลงมาพัก เดินยืดเส้น ยืดสายแล้ว ไปเข้าห้องน้ำเรียบร้อย ก็ขึ้นรถเดินทางไปแวะกินข้าวเที่ยงใกล้ๆจะถึงพระธาตุมุเตา ระหว่างทางก็นั่งถ่ายรูปไป ชมวิวข้างทางไป

หิวแล้ว กินก่อนไม่รอแล้วนะ

ตั้งแต่มื้อแรกยันมื้อเที่ยงวันที่ 2 อาหารการกินอุดมสมบูรณ์มาก อร่อยด้วย เติมพลังรอบเที่ยงกันเสร็จแล้วก็เดินทางกันต่อเลย ถ่ายรูประหว่างทางดูบรรยายกาศชาวบ้านใช้ชีวิตกันแบบไหนบ้าง

ภาพนี้เหมาะกับคนที่ชอบเสี่ยงโชคมาก แผงล็อตเตอรี่ข้างทาง

เขาพึ่งกลับจากไปจ่ายตลาดใช่ไหม?

บรรยากาศตลาดช่วงสาย ถ่ายจากบนรถ

ดูจากสีสันแล้ว วัดนี้น่าจะเป้นวัดแขกนะ (เดาเอาจากสีสัน)

เดินทางมาถึงพระธาตุมุเตา แวะไหว้พระธาตุมุเตา ขอพร ทำบุญ เมืองหงสาวดี ช่วงบ่ายๆ แดดก็จะร้อนมาก

พระธาตุมุเตาตอนบ่ายๆ แทบลืมตาไม่ขึ้น

ห้างไอคอนที่พม่า เมืองหงสาวดี

หอนาฬิกาอยู่ตรงวงเวียนพอดี ได้ระยะเลยกดถ่ายไป

ออกจากพระธาตุมุเตาแล้วก็แวะไหว้พระ หลายวัดมากจำไม่ได้ เป็นวัดที่อยู่แถวๆระแวก เมืองหงสาวดี

ไหว้พระนอนต่อ (จำวัดไม่ได้)

ออกจากวัดก็ถ่ายรูปไปเรื่อย ดูวิถีชีวิตชาวบ้านที่อยู่แถวๆนั้น นั่งรถมาเรื่อยๆ ก็นั่งไปหลับไปบ้างระหว่างทางที่เดินทาง ร้อนจนเหงื่อชุ่ม เพราะรถคันที่นั่งมาแอร์เสีย นั่งรถทนร้อนกันมาสักพักใหญ่ๆ มาถึงจุดพักรถ และต้องรอรถมาเปลี่ยน

ไปถึงยังไม่มืดค่ำขนาดนี้หรอก แวะเขาห้องน้ำ เดินไปหาน้ำ ขนมกินแล้วก็เดินออกมา ทดสอบภาษาอังกฤษด้วยการสั่งน้ำผลไม้ให้ป้าๆ สรุปคือได้ตามที่สั่ง ส่วนรสชาติก็จะออกแนวผลไม้สดหน่อย ไม่ใส่เกลือ ไม่ใส่น้ำตาล ก็อร่อยแบบรสชาติผลไม้สด

จุดพักรถ และรอรถมาเปลี่ยน

หลังจากที่เราเติมพลังกันเสร็จแล้วก็ขนของลงมาจากรถ จัดให้อยู่ในกระเป่าเดียวกันเพื่อง่ายต่อการขนย้ายของเราเอง และต้องเดินทางไปอีกประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อไปกรุงย่างกุ้ง ไปเจดีย์ชเวดากอง

ขนสัมภาระลงมาจากรถ รอเปลี่ยนคัน

รถมาแล้ว นั่งคันนี้แล้วเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป

หลังจากที่ขนสัมภาระขึ้นรถแล้ว ก็เดินทางต่อไปฟังเรื่องเล่าจากป้าๆ พูดคุยกันสนุกสนาน 2 ชั้วโมงที่นั่งรถกันมาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนถึงเวลามื้อเย็น แวะกินชาบูที่พม่า+__+ ไปกินในห้างในกรุงย่างกุ้ง จำไม่ได้ว่าชื่อห้างอ่ะ ไม่ได้ถ่ายรูปด้วย เพราะฝีมือการถ่ายรูปตอนกลางคืนของเรายังไม่พัฒนาเท่าไหร่เลยไม่ได้ถ่ายไว้ และหากล้องไม่เจอด้วย ฮี่ๆๆ ^__^

เมื่อกินชาบูมื้อเย็นเสร็จแล้ว ก็เดินทางต่อไปยังเจดีย์ชเวดากอง ต้องรีบเดินทางไปก่อนที่เจดีย์ชเวดากองจะปิด ซึ่งคณะเราก็ไปทัน และมีเวลาอยู่ที่เจดีย์ชเวดากองประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เมื่อทุกคนพร้อมแล้วก็ขึ้นไปโดยใช้ลิฟต์ ขึ้นไปถึงด้านบนแล้ว เดินตามไกด์ไปตรงจุดที่ถ่ายรูปแล้วสวย เห็นเจดีย์ทั้งองค์ รอบฐานเจดีย์ชวเดากองใหญ่มาก

เจดีย์ชเวดากองเป็นพระธาตุประจำคนปีมะเมีย ต้องไปกราบไหว้ สักการะสักครั้งในชีวิต รอบๆ เจดีย์ชวเดากอง จะมีพระประจำวันเกิดแต่ละวันอยู่รอบๆ

มุมนี้ไกด์บอกว่าถ่ายแล้วเห็นเจดีย์สวยสุด

ภาพหมู่กับคณะที่เดินทางไปด้วยกัน

ตอนเดินลงไกด์บอกให้มองไปบนยอดเจดีย์ จะเห็นเพชรบนยอดเจีย์

ใกล้ถึงเวลาปิด ทางเจ้าหน้าที่จะประกาศแจ้งให้เรารู้ ลงจากเจดีย์ชเวดากองแล้วก็เดินทางเข้าที่พัก (จำชื่อดรงแรมไม่ได้อ่ะ) บนห้องที่เราพักเปิดม่านออกไปจะเห็นเจดีย์ชเวดากองพอดีเลย

เจดีย์ชเวดากองถ่ายตอนยามค่ำคืนจากดรงแรมที่พัก

วันที่สามของการเดินทาง : เป็นวันสุดท้ายของทริปนี้แล้ว วันนี้มีทริปไปหลายที่เป็นสถานที่ในกรุงย่างกุ้ง มีที่เที่ยวเยอะมากตื่นมาแต่เช้า ลงไปกินข้าวเช้าที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ กินได้แต่เช้าต้มใส่เกลืออ่ะ +__+ เพราะท้องเสีย

Tips : เวลาเดินทางต่างประเทศเตรียมยาแก้ท้องเสียไปด้วย พวกคาร์บอน เกลือแร่ ช่วยอาการท้องเสียเบื้องต้นได้ และพยายามอย่าทานพวกอาหารทะเล

เจดีย์ชเวดากองถ่ายจากห้องพักโรงแรมยามเช้า

ออกจากโรงแรมแล้วไปไหว้ขอพระเทพทันใจ นั่งรถไปก็ถ่ายรูปบรรยากาศข้างทางไป กว่าจะถึงก็ถ่ายรูปไปได้หลายรูป

ถ่ายตอนรถวิ่ง ชัดสุดได้เท่านี้จริงๆ

รถที่พม่าส่วนมากเป็นรถยนต์ รถมอร์เตอร์ไซมือสอง ประกันไม่มี ขับชนกันทีก็เคียร์กันตรงนั้นเสร็จสรรพ (ตามที่ไกด์เล่ามานะ ไปมานานมากอ่ะเกือบปีแล้ว)

มาในตัวเมืองย่างกุ้ง ก็จะมีห้างเยอะ ความเจริญก็เริ่มมีมากขึ้น

บรรยากาศบนท้องถนน ตึกกำลังสร้าง

ระหว่างเดินทางก็ถ่ายรูปไปเพลินๆ ดูวิ๔ีชีวิตผู้คนในเมือง ก็วุ่นวายไม่แพ้ที่กรุงเทพเลย เช้าเร่งรีบไปทำงาน นั่งดูวิวข้างทางไปเพลินๆ ก็มาถึงวัดที่ไหว้เทพทันใจ ก่อนไปไหว้เทพทันใจ เราก็แวะไหว้พระ ในบริเวณวัดก่อน

เข้าไปกระซิบได้ใกล้ที่สุดคือเท่านี้ขอพรเทพทันใจแล้วฝั่งตรงข้าง จะเป็นเทพกระซิบ เดินข้ามถนนไปนิดเดียวก็เจอ พอขอพรเสร็จแล้วก็ไปไหว้พระ ทำบุญต่อ

ไหว้พระ ทำบุญ ที่วัดพระนอนตาหวาน

ไหว้พระทำบุญที่วัดนี้เสร็จแล้ว ถึงเวลามื้อเที่ยงก็ไปแวะร้านอาหารกันเลย อาหารน้ากินทุกอย่าง มื้อนี้มื้อสุดท้ายในพม่าแล้วอ่ะ ผ่านไปไวจัง

อีกตามเคยกินอาหารรสจัดไม่ได้ ส้มตำก็กินไม่ได้ มื้อนี้กินแต่ปลาทู ไข่เจียวทอด เศร้าจัง T__T เสร็จจากมื้อนี้แล้ว ก็ไปไหว้พระที่วัดต่เลย ซึ่งไม่มีอยู่ในทริป แต่ไกด์จัดให้เพราะอยู่ใกล้ๆกัน นั่งรถไปประมาณ 10 นาทีได้นะ กะเอาเอง นั่งดูวิวไปเพลินๆ

ที่นี่ก็จะมีพระเกศาของพระพุทธเจ้า อัฐิของพระพุทธเจ้า และสาวกของกระพุทธเจ้า ถ่ายรูปไว้เยอะมาก ดูรูปไปนะไม่สามารถอธิบายอะไรได้เยอะ เนื่องจากจำอะไรได้ไม่เยอะอ่ะ

เสร็จจากไหว้พระวัดนี้แล้ว ก็ไปอีกวัดต่อ เป็นวัดสุดท้ายของทริปนี้ล่ะ ก่อนเดินทางไปสนามบินย่างกุ้ง เพื่อเดินทางกลับประเทศไทย

ไหว้พระ ทำบุญวัดนี้เสร็จก็ออกเดินทางไปสนามบินต่อ เพื่อให้ทันไฟลท์บินที่ทางบริษัททัวร์จองไว้ให้กับเรา ต้องไปถึงสนามบินประมาณ 2-3 ชั่วโมง รอเช็คอิน โหลดกระเป๋า เดินเข้าไปขาออก

ก่อนขึ้นเครื่องก็ถ่ายรูปกันสักนิด ไว้รอบหน้าเราจะกลับมาเที่ยวด้วยกันใหม่

Tips : เวลาถ่ายรูปพาสปอร์ต เราจะไม่เอาตั๋วเครื่องบินมาถ่ายด้วย เพราะตั๋วเครื่องบินจะมีข้อมูลเราเกือบทุกอย่าง มิจฉาชีพอาจเอาบาร์โค้ดไปสแกนเพื่อแฮคข้อมูลเราได้ ฝากไว้สักนิด เพื่อความปลอดภัย

ตอนกลับเราก็กลับด้วยสายการบินเมียนมาร์แอร์ไลน์เหมือนเดิม เดินทางถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ ( ภาพบางภาพอาจไม่ชัด เพราะนำภาพมาจากมือถือด้วย มาจากกล้องถ่ายรูปด้วย ขออภัยอย่างยิ่ง) ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้

ความคิดเห็น