การเดินทางครั้งนี้เราวางแผนว่าจะไปเที่ยว 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย

เราไม่คิดอะไรมากวางแผนหลวมๆ ว่าจะนั่งรถไฟไปยังใต้สุดแดนสยาม
นั้นก็คือสถานี สุไหง-โกลก จังหวัดนราธิวาส
แล้วก็เที่ยวขึ้นมาเรื่อยๆ ปัตตานี จนถึงจังหวัด ยะลา
แต่ถ้าจะให้นั่งรถไฟกลับอีกรอบก็คงจะเหนื่อยล้า ก็เลยจองตั่วบินกลับจากหาดใหญ่ เลยแล้วกัน
กับการเดินทางครั้งนี้เรามีเวลาประมาณ10วันกับงบประมาณ8000บาท


ถ้าพร้อมแล้วก็เก็บกระเป๋าเดินทางไป พร้อมๆกันเลยครับ
กับทริป 3จังหวัดชายแดนภาคใต้

เราเริ่มเดินทางจาก สถานีบางซื่อครับ ขบวนรถ 171 กรุงเทพ - สุไหง-โกลก (นั่งยาวๆกันสุดสาย)
เอาจริงๆเราก็นั่งรถไฟบ่อยนะกรุงเทพ - เชียงใหม่นี้นั่งเป็นประจำ แต่ไม่เคยจองรถไฟนอนสักที
ครั้งนี้เห็นว่ามันไกลเลยจองตั๋วนอนกันสักหน่อยเรา จองชั้น2ราคา676บาท จำไม่ได้ว่าจองชั้นบนหรือล่าง
แต่พอมาถึงจริงๆเราได้นอนชั้นบนเฉยแต่พี่ที่นั่งกับเราเค้าลงที่หาดใหญ่ลงก่อนเรา

นั่งรถไฟบอกเลยว่าไม่ต้องกลัวอดตายมีขายกันทั้งคืน น้ำคราบบบบบ ข้าวคราบบบบ
เดินรอบสุดท้ายแล้วน๊า อีกครึ่งชั่วโมงก็เห็นพี่แกเดินมาอีกรอบอยู่ดีอะ 5555

พอถึงเวลานอนกันจริงๆ บ้าชิบโค-ตะ-ระแคบกลิ้งทีนี่ตกเตียงอะ

แต่เอาจริงๆเตียงนอนนุ่มสบายอยู่นะครั้งแรกกับการนอนตู้นอนรถไฟ

ไก่ทอดหาดใหญ่ เอาจริงๆไก่ทอดหาดใหญ่มีขายตั้งแต่นครปฐมอะ เราไม่เคยคิดจะซื้อเลยนะ
จนมาถึงหาดใหญ่นี้หละ ไหนๆมาถึงลองสักหน่อยหว๊า..เป็นยังไง5555 (ไปลองเองแล้วกัน) 50บาท ข้าวเหนียวถุง

พอพี่ที่เค้าลงหาดใหญ่ เราก็เลยขอมานอนเตียงข้างล่างดู
เออหว่ะ เตียงข้างล่างดีกว่ากว่าข้างบนเยอะ มีวิวหน้าต่างด้วย นอนสบายกว่ากันเยอะเลย
จากหาดใหญ่ไปสุไหง-โกลกก็ไม่ไกลแล้วครับ2-3ชั่วโมงกว่าๆก็ถึงกันหละ

บรรยากาศบนรถไฟ ตู้นอนของเรา

เริ่มเข้า เขต3จังหวัดชายอแดนภาคใต้อย่างจริงจังแล้วหละครับ เริ่มตื่นเต้น
พี่ๆทหารก็ตรวจตรากันเข้มขึ้น ขอดูบัตรถามว่าจะลงไหน มีเช็คกระเป๋ากันนิดหน่อยครับ
แต่พี่ๆเค้าก็ใจดีบอกว่าให้เราไปเที่ยวตรงนู้นตรงนี้สิสวยนะ

11 โมงกว่าๆ เราก็มาถึงสถานีใต้สุดของประเทศไทยแล้วหละครับ
กับการเดินทาง20กว่าชั่วโมงจากสถานีบางซื่อถึงสุไหงโกลกจังหวัดนราธิวาส
การเดินทางของจริงๆ กำลังจะเริ่มแล้วหละครับ

ตอนที่ 1 สุคิริน ดินแดนแห่งขุ่นเขา จังหวัดนราธิวาส


จากสุไหงโกลก จะมีรถรับจ้าง มายังอำเภอสุคิริน

อยู่ ที่ด้านหน้า สถานีเลยครับ บางวันจะมีรถประจำทาง

เป็นรถสองแถวครับ ราคาอยู่ที่ 80 บาท

แต่ถ้าบางวันไม่มีคน ขึ้นมา รถจะไม่วิ่งครับ

เราจำเป็นต้องเหมารถ ขึ้นมา

ในราคา 400-500 บาท ราคาต้องลองคุยดูนะครับ

หรือจะ เช่า มอเตอร์ไซร์ขับมาเลยก็ได้

ระยะทาง สุไหไกลก - สุคิริน ประมาณ 40 กิโลได้

ส่วนเรื่องของที่พัก สุคิริน จะมีที่พัก แบบโฮมสเตย์

อยู่ที่ หมู่บ้าน หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา12

ราคาจะอยู่ที่ ประมาณ 500 บาท พร้อมอาหาร ครับ

และก็จะมี ที่พักแบบรีสอร์ท อยู่หลายจุดเหมือนกัน

ราคา 500-2000 บาท



บรรยากาศยามเช้าที่สุคิรินครับ



เช้านี้เราเริ่มต้นด้วยการ ใสบาตรครับ

ไอ้หนุ่ม!!!! อย่าเพิ่งถ่าย พี่ขอจัดหมวกแปป โถ่เอ้ยตกใจหมดเลย 5555

ที่อำเภอ สุคิริน คนส่วนใหญ่จะเป็น หมู่บ้านไทย-พุทธ ครับ



จากหมู่บ้าน จุฬาภรณ์พัฒนา12 ไม่ไกล

จะมีสวนดอกไม้สุคิรินครับ ที่นี่ ยามเช้าๆ สวยมาก

หมอกลง แถมอากาศ ก้ยังหนาว



สวนดอกไม้สุคิริน บรรยากาศก็ดีครับ

เส้นทาง ใน อำเภอสุคิริน ก้จะประมาณนี้ครับยังกับอยุ่ภาคเหนือครับ

มีต้นไม้และ หมอกตลอดทาง สวยดีครับ

ศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ

ยามเช้าๆ มาดูพระอาทิตย์ ขึ้นที่นี่ บอกว่า สวยมากๆครับ

ขับรถมาไม่ไกล จากศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ

เรามาต่อกันที่บ้าน ภูเขาทอง

ที่นี่เป็น อีกหมู่บ้าน ที่สวยงามมากๆ

ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติ และ ภูเขา

สิ้นสุดประเทศไทยอำเภอสุคิริน มีชายแดนติดกับประเทศมาเลเซีย

ที่นี่คือ จุดผ่อนปรนบ้านภูเขาทอง

น่าจะเป็นชายแดนที่สวยงามอีกที่หนึ่งของประเทศไทย

ก็หวังว่า ที่นี่จะกลับมาเปิด อีกครั้งครับ

ในหมู่บ้านภูเขาเรามาต่อกันที่ ป่าบาฮาลา พื้นป่าที่อุดมสมบูรณ์อีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย

และที่นี้ก็มี ต้นกระพง ยักษ์เค้าว่ากัน 27 คนโอบเลยหละครับ



หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12

ที่นี่ เป็นหมู่บ้านที่ เราสามารถมาเรียน

รู้วิถีชีวิตชุมชนของอดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์มาลายา กรมที่ 10

และมี เมนูขึ้นชื่อ ที่เรียกว่า

“เมนูกรม 10” ซึ่งเป็นอาหารดั้งเดิม

ที่วัตถุดิบที่หาได้ในป่า บอกเลยว่ารสชาติไม่ธรรมดา

ที่นี่ก็มีที่พักแบบ โฮมสเตย์ด้วยนะครับ

และมีเรื่องราวให้เรียนรู้ ที่ พิพิธภัณฑ หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12 ด้วยนะครับ

ติดต่อเบอร์ 088-393-3519

หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12

หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12

หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12

มาเยี่ยมชมกันได้นะครับพี่ๆที่นี่ใจดีมากๆครับ



วังหินงาม ขับรถย้อนกลับมาทางหมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12 ไม่ไกล

ที่นี่เราเรียกว่า Blue lagoon ของสุคิริน เลยก็ว่าได้ครับ

น้ำอย่างใส

ธรรมชาติสุดๆครับ

ใสๆแบบนี้ใครจะไป อดใจไหวหละครับ โดดสิครับรออะไร

ล่องเรือง ชมวิถีชีวิต ของคนลุ่มแม่น้ำสายบุรี

ที่นี่ ยังมี การร่อนทองอยู่ด้วยนะครับ

ยังมีทองอยู่จริงๆครับ

และกิจกรรมที่พลาดไม่ได้หากมากันที่ สุคิริน

นั่งก็คือ การล่องแก่ง ไปตามแม่น้ำสายบุรี

ที่สุคิริน ก็มีจุดหล่องแก่ง อยุ่หลายจุด เหมือนกัน

และที่เรา กำลัง ล่องกันอยู่จุดนี้ เรียกว่า บ้านลีนานนท์

ราคา ตามระยะทางครับ อย่างระยังทางเรามานี้ราคา 250 บาท

ติดต่อ : 094 419 8715

ธรรมชาติสุดๆครับ

ระหว่างเราพายเรือมาเรื่อยๆ ก็เจอชาวบ้านเค้ากำลังหาปลาอยู่ครับ

เค้าก็ชวนเรากินปลาย่างด้วยกันครับ

ด้วยภาษา บ้านเรา "มากินข้าวนำกันเด้อ"

กินกันง่ายๆ แบบนี้หละครับ อย่างวิถีชีวิต

พี่แก บอกว่า

ปลานี้เค้าเรียกว่า ปลาซูโม่

น้ำอย่างใสครับ

ทีนี่ อำเภอสุคิริน ก็มี เขาให้ได้ พิชิต ยอดดอย

อยุ่นะครับ กับเขาที่มีชื่อว่า ผานับดาว

เป็น เขาหลังบ้าน ของคนแถวนี้หละคัรบ

แต่ตรงนี้บอกเลยครับ ว่า วิวไม่ธรรมดา

มีบริการ รถรับ-ส่ง อยู่ที่ 500 บาท

หรือว่า จะเดินขึ้นมาเองเลยก็ได้นะครับ

คืนนี้เรามากางเต็นท์ นอนกันที่ผานับดาวครับ

วิวตอนกลางคืนของผานับดาวอย่างสวยครับ

ตอนเช้าที่นี่มีทะเลหมอกด้วยหละครับ บอกเลยว่าเด็ด!!!



ผานับดาว



ที่นี่ มี ความสูงประมาณ 8 ร้อยกว่าเมตร

เหนือระดับ น้ำทะเล ได้ครับไม่สูงมาก แต่ วิวบอกเลยครับ ว่า ไม่ธรรมดา



ผานับดาว ที่นี่ สามารถ มองเห็นมองได้ แบบ 360 องศา เลยครับ

และนี้ก็คืออำเภอ เล็กๆ ที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาของจังหวัด นราธิวาส

จริงๆ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดครับ อยาก ให้ลองมาดู

มาสัมผัส กันดูแล้วจะรู้ว่าทีนี่ สวยงามขนาดไหน



สรุปค่าใช่จ่าย คร่าวๆ สำหรับจังหวัด นราธิวาส

ค่ารถไฟ กรุงเทพ - สุไหง-โกลก 676 บาท

ค่ารถ สุไหง-โกลก - สุคิริน 80 บาท

ค่าที่พัก 3วัน2คืน 1000 บาท

ค่ารถขึ้นผานับดาว 500 บาท

ค่าล่องแก่ง 250 บาท

ค่าอาหาร ตลอดทริป 370 บาท

รวมค่าใช้จ่ายโดยประมาณ 2876 บาท



ยังไงฝากรายการ ตอนนี้ไว้ด้วยนะครับ



แต่การเดินทางของเรายังไม่จบครับ

และปลายทางที่เรากำลังจะเดินทางต่อ ก็คือ สายบุรี จังหวัดปัตตานี ครับ

เค้าว่ากันว่าทะเลที่นี่สวยมากๆ บ้านเมืองสวย และมีเรื่องราวมากมายครับ

เอาจริงๆ ผมเคยมาที่นี่แล้วรอบหนึ่ง รู้สึกว่าชอบที่นี่มากๆเลยกะว่าจะกลับมาที่นี่อีกสัครั้งหนึ่ง

ไปครับ เดินทางกันต่อ



เรามาขึ้นรถกันที่ ขนส่ง สุไหงโกลก ไปสายบุรี ในราคา 150 บาท

ตอนที่ 2 สายบุรี ปัตตานี


2 ชั่วโมงกว่าๆ จากสุไหงโกลก เราก็มาถึง อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานีกันแล้วครับ

รถจะมาจอดแถวๆ หอนาฬิกา เทศบาลนี้หละครับ



จากหอฬิกา จะมีรถ ที่คนแถวนี้เรียกว่ารถ "โชเล่" หรือที่บ้านเราเรียก ซาเล้งนี้หละครับ

มาส่งที่พักได้เลยครับ ราคา 20 บาท และคืนนี้เราพักกันที่ สายบุรีรีสอร์ทครับ

ราคาคืนละ 500 บาทเท่านั้นหละครับ ห้องอย่างดีแอร์เย็นใกล้แหล่งของกิน

เจ้าของใจดีมากๆครับ ติดต่อจองห้องพัก 086-693-1691

ห้องตกแต่ง สไตล์ ธรรมชาติครับมีร้านค้าอยู่หน้า รีสอร์ทด้วย

ภายในห้องครับ ของสายบุรี รีสอร์ท



ตกกลางคืนหิว ข้างๆโรงแรมเรามีร้านโรตี อยู่ครับ ก็กะว่าจะไปนั่งชิวๆ กันสักหน่อย

ที่นี่ คงไม่มีผับบาร์ ครับแต่ผู้คนก็ยังคึกคัก ตามร้านโรตีบรรยากาศ แบบชาวบ้านจริงๆครับ

กาแฟ 10 โรตี 10 บาทยังมีอยู่จริงครับ



ตื่นเช้าเราปันจักรยานที่ยืมมาจากที่พัก ปั่นขึ้นเขาสลินดง-บายู มาดูวิวสายบุรียามเช้าสักหน่อยครับ



สายบุรี เป็นอำเภอเป็นอำเภอเล็กๆที่ตั้งอยู่ ที่ปากอ่าว

และมีเรื่องราวและเรื่องเล่าเยอะเยะมากมายครับ ที่อยู่กันแบบ

หลายเชื้อชาติมากๆ เพราะเป็นปากอ่าวและ อดีตเคยเป็นท่าเรือสำคัญ

และที่นี่ ยังเคยเป็นหัวเมืองเก่าที่รุ่งเรื่องมากๆอีกด้วยหละครับ



เราปั่นกันมาต่อกันที่ หาดวาสุกรี ซึ่งเป็นหาดแลนด์มาร์คของสายบุรี

แอบขยะเยอะนิดหน่อยครับอาจจะเป๋็นเพราะ ช่วงมรสุมครับ ขยะจากในทะเล

พัดขึ้นฝั่ง ยังไง คนรักทะเล ชอบทะเลอย่านำขยะลงทะเล กันนะคัรบ

หาดทรายขาวๆแบบนี้จะได้สวยขึ้นกว่านี้ครับ

ไม่ไกลจากเมืองสายบุรีมีจุดชมวิวที่เราอยากจะแนะนำอีก 1 จุดครับ

"พลับพลาร่วมใจประชา"ที่นี่ สันนิษฐาน ว่าในอดีตเคยเป็น เมืองสายบุรี

เพราะร่องรอยทางวัตถุโบราณ ที่เจอตามป่าโกงกาง

เราก็ปั่นกลับเข้าเมืองสายบุรี เพราะเริ่มหิวกันแล้วหละครับ

เราแนะนำ ให้ไปตามหัวมุม สายบุรีต่างๆร้านกาฟงกาแฟ เยอะมากครับ กินกันแบบชาวบ้านๆ

นี้หละครับ แก้วละ 10 บาท เท่านั้นหละครับ ชิวดี

เราอยากจะหาความเป็นวิถีชีวิตบ้านๆ คนแถวนั้นแนะนำให้เรามาที่นี่ครับ

บ้านปะเสยะวอ ที่นี่จะเป็น ศูนย์เรียนรู้ การทำปะมงพื้นบ้านครับ

ด้วยความที่เมืองนี้ เป็นปากอ่าวปลาที่นี่จึงเยอะเป็นพิเศษครับ

ถ้าใครมา 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้ลอง กือโป๊ะหรือหัวเกรียบ

ถือว่ามาไม่ถึงจริงๆ อะครับ เราเลยมาถึงโรงงานการทำเลยทีเดียวครับ ที่บ้านปะเสยะวอ

ก็ที่นี่ติดกับทะเล คนส่วนมากที่นี่ เลยมีอาชีพหาปลา

ประมง อะไรแบบนี้หละครับและอยากจะบอกว่า หอยนี้เอาไปทำแกงกะทิ มันจะหร่อยแรง

ศาลเจ้าตี่ฮู้อ่องเอี่ย บางตะโล๊ะ

เค้าว่ากันว่า ศาลนี้เป็นศาลที่เก่าแก่กว่า 100 ปีเลยนะครับ

ใครจะคิดหละครับ ว่า ชายหาดขาวๆ น้ำใสๆเงียบๆ สงบๆ มีร้านค้าเล้กๆ 4-5 ร้าน

แบบหาดสววรค์ หรือ หาด พาราไดร์ อะไรพันธ์นั้นจะอยุ่ที่ จังหวัด ปัตตานี ที่นี่ หาดแฆแฆ

ไม่ไกลจากเมืองสายบุรี ประมาณ 10 กิโลกว่าๆ

หาดที่เป็นที่นิยม ของคนปัตตานีและเป็นหาดที่เคยติดอันดับ

ความสวยงามของภาคใต้ที่นี่..คือหาดแฆแฆ

คำว่า แฆแฆ เป็นภาษา มลายูท้องถิ่นมีความหมายว่า อึกทึกครึกโครม

โขดหิด รูปร่างแปลกตา รวม กับน้ำทะเล ใสๆมันช่างเข้ากันได้อย่างดีเลยหละครับ

หาดแฆ มีจะมีลักษณะ เป็นห้องๆ

แต่หละห้องจะมีอ่าวเล็กๆ สวยงามมากๆครับ

เราต้องขอบคุณ พี่ซูแบ มากๆครับ ที่เห็นเรางงๆ ในเมืองสายบุรี

จริงอาสา พาเรามาเที่ยว หาดแฆแฆ



ระหว่างทาง จากสายบุรี ไป หาดแฆแฆ ถนนจะเลียบชายหาดไปตลอดครับ

เป็นเส้นทางที่สวยงามอีกเส้นนึงเลยหละครับ



มาใต้ ทั้งที จะไม่มากินก๋วยเตี๋ยวได้ยังไง 5555

มันใช่หรอ ก็ไม่ใช่ครับแต่ได้รับคำแนะนำ

เราถามจากคนพื้นที่ ว่า อยากกินอะไรอร่อยๆ

ที่ชาวบ้านเค้ากินกันเค้าก็แนะนำก่วยเตี๋ยวเตาถ่านตรงนี้หละครับ เค้าบอกว่าอร่อย

ที่นี่จะใช้ไม้ฝืน การทำก๋วยเตี๋ยวครับ

มันหอมมาก ได้ฟิวเตาถ่าย

location : ตรงสามแยกบ้านหลุ้ม

ที่นี่ใช้ไม้ฝืนในการก๋วยเตี๋ยวครับ

มันจะได้ฟิวไปอีกแบบครับ

รา้นจะอยู่แยกบ้านลุ่มครับ ถามคนสายบุรีก็ได้

ร้าน ก๊ะอ๊ะ อยุ่ตรงไหน คนพื้นที่รู้จักกันดีครับ

เครื่องเต็ม 50 บาท เท่านั้นหละครับ



อย่างที่บอกครับ ว่าสายบุรี มีหลายเชื่อชาติมากๆที่อยู่ที่นี่ และนี่ก็คือ ชุมชนจีนเก่า

ถ้าใครเคยไป ภูเก็ตไปดูย่านเมืองเก่าเราจะบอกว่าที่เก่ากว่า และดั่งเดิมเลยครับ

สไตล์ แบบชิโนโปรตุกีส ที่นี่แบบดั่งเดิมเหมือน 200-300 ปีที่แล้ว และที่สำคัญ ยังมีคนอยู่จริงๆครับ

ชุมชนจีนเก่า

ที่นี่เป็น แลนดมาร์คอีที่ของเมืองสายบุรีครับ

ใครมาก็มาแวะถ่ายรูปกันเป็นบ้านจีนทรงเก่าแบบดั่งเดิม

ที่เค้าเรียก ว่า ประตูมังกร ครับคือ 1 ประตู 2 หน้าต่าง

การสร้านบ้านแบบคนจีนสมัยก่อนเลยครับแล้วยิ่งกว่านั้น ที่นี้ ไม่ใช่บ้านคนจีนธรรมดา

มีประวัติอีกเยอะครับ บ้านนี้ เป็นบ้านของตระกูล"เลาหกุล" เป็นบ้านทรงจีน

ลักษณะของบ้านหลังนี้สร้างออกมาเป็นแบบจีนแท้ๆเลย อย่างที่บอกคือ

แบบมังกร 1 ประตู 2 หน้าต่างนั้นหละครับ

และอีก 1จุดสำคัญของสายบุรี ก็คือที่นี่หละครับ วังพิพิธภักดี

อาคารเก่าแก่หลังนี้มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น สถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลทั้งจากชวา จีน มลายู

สวยงามมากๆ เลยครับ แต่ที่แปลกใจ คือ มันกี่ร้อยปีแล้วนิ แล้วทำไม สภาพมันยังคง สมบูรณ์มากๆ

เหมือน ท่านยังอยู่จริงๆ



วังพิพิธภักดี เป็นโบราณสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของอำเภอสายบุรี

สมัยอดีตเป็นสถานที่อยู่ของพระพิพิภักดีบุตรชายคนโตของเจ้าเมืองยะหริ่ง

(1 ในวัง 7 หัวเมือง)



ที่นี่ ทุกวันอาทิตย์ จะมีตลาดเลียบชายหาด วาสุกรี

ด้วยหละครับ ถือว่าเป็นตลาดนัดที่ชิวเอามากๆครับ ขายกันริมทะเล

มีทั้งของกิน และ เสื้อผ้ามือ1และมือ2 ครับ อยากให้ลองมาเดินดูครับ ตลาดนัดหาดวาสุกรี

มีทุกวันอาทิตย์ครับ บอกเลยว่าฟิวอย่างดีครับ



พระอาทิตย์ ตกยามเย็นที่สายบุรีครับ



ตกดึก ก็ยังมีร้านโรตี เปิดอยู่ตามหัวมุมครับเป็นเมืองที่ไม่เงียบนะครับ ร้านโรตีร้านกาแฟ

ตอนกลางคืนนี้ คนเยอะทุกร้านครับ ยามเย็ยควรจะมาหาร้านชิวๆ นั่งกินครับ

เอาจริงๆ ข้างๆโรงแรมที่เราพักนี้หละ ชิวสุดหละ เพราะรา้นอยุ่ติดริมแม่น้ำครับ



และนี้หละครับคือ...เมืองสายบุรี ที่เราได้มาสัมผัสกัน ตลอด 3วัน2คืน



สรุปค่าใช่จ่าย คร่าวๆ สำหรับสายบุรี

ค่าสุไหงโกลก - สายบุรี 150 บาท

ค่าที่พัก 3วัน2คืน 1000 บาท

ค่าอาหาร ตลอดทริป 270 บาท

รวมค่าใช้จ่ายโดยประมาณ 1420 บาท



ยังไงฝากรายการ ตอนที่2นี้ไว้ด้วยนะครับ สายบุรี ปัตตานี



เราก็เดินทางต่อ ไปยังจังหวัดสุดท้ายของทริปแล้วนะครับ

ก็คือจังหวัดยะลา จังหวัดที่มีอำเภออยู่ใต้สุดของประเทศไทย

ใช่แล้วครับ เบตง คือปลายทางของเรา



จากสายบุรี ก็ง่ายแล้วครับ มี 2 แถว ถึงจังหวัดยะลาเลย

ไม่ไกลครับ 60 กว่ากิโลได้ ใช่เวลาประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ

ก็มาถึง กันที่จังหวัดยะลาแล้ว ค่ารถ 40 บาท

พี่บนรถเค้าก็ถามกันน้องมาทำอะไรที่สายบุรี

มาทำงานหรอ ? ผมบอกมาเที่ยว เค้าก็งงกัน 555

ผมเปิดภาพ หาดแฆแฆ ให้พวกพี่เค้าดู

พี่เค้าบอกว่าพี่เคยไป ตอนสมัยวัยรุ่น เป็นหาดที่สวยมากๆ

ไม่ได้ไปนานมาก คิดถึงหาดนี้จัง พี่ต้องกลับไปแล้วหละ

เป็นบท สนทนาสั้นๆ ที่ผมมีความสุขมากๆ ครับ



ไปครับเดินทางไป จังหวัด ยะลากันต่อครับ

ตอนที่ 3 ยะลา ทะเลหมอกที่ใต้สุดประเทศไทย


จากอำเภอสายบุรีเราใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ บนรถ2แถว เราก็มาถึงจังหวัดยะลากันแล้วครับ

รถสองแถวจะมาจอดแถวๆ หน้าสถานีรถไฟครับ

ปลายทางของเราวันนี้ อยุ่ที่อำเภอใต้สุดของประเทศไทย ใช่แล้วครับ...."เบตง"



ถ้าอยากจะนั่งรถคลาสสิคแบบชิคๆคูลๆ ไม่ต้องบินไปไกลครึ่งโลกถึง คิวบา

มาที่ยะลา นี่แหละครับเพราะนี่ มีบริการ รถแท็กซี่เส้นทาง ยะลา-เบตง

เป็นแท็กซี่ แบบแชร์นะ สามารถนั่งได้ ประมาณ 4-5 คน

ถ้าคนเต็มคัน ราคาจะอยุ่ที่ประมาณ 130 บาท หรือถ้าจะเหมา ก็ต้องคุยราคากันเอาครับ

ตรงยะลา รถจะจอดอยู่บริเวณ สถานีรถไฟยะลาครับ

ส่วนที่เบตง รถจะจอดอยู่ทั่วเมืองเลยลองไปสัมผัสความคลาสสิคที่ยะลาดูนะครับ

แต่ลุงก็ใจดี ขาไปนิไป vios นี้หละครับ นั่งสบายแอร์เย็นรถออกพอดี

เราก็เลยต้องไป Vios อด คลาสสิคเลยคัรบ !!!!

ส่วนระยะเวลาจากยะลาถึงเบตง ใช้เวลาประมาณ เกือบๆ3ชั่วได้ครับ

ทางนี้โค้งไม่แพ้เส้นทางที่ไปเมืองปายเลยครับ 555 เผลอๆ โค้งหนักกว่าอีกเนี่ย !!



ในส่วนของเรื่องที่พัก เมืองเบตงบอกเลยครับว่ามีเพียบบบบ

ร่วมไปถึงที่พักแบบ Hostel แบบ Dorm ที่เบตง

ก็มีครับ ใครมองหาที่พักราคาถูก สไตล์Backpacker ที่นี่มี ชื่อว่า

Foto Hostel โฟโต้โฮสเทลเบตง ที่พักในเบตง

พี่เจ้าของที่พักใจดีมากครับ และชื่นชอบในการถ่ายรูป

อยากจะสอบถามการเดินทางท่องเที่ยวในยะลา หรือจะหามุมถ่ายภาพเจ๋งๆ

ก็สามารถเข้าไป ผู้คุยได้เลยครับ พี่เค้าใจดีครับ



ที่พักราคาคืนละ 380 บาท

อยู่ใกล้กับหอนาฬิกาครับ ลองไปพักกันดูนะครับ



เก็บข้าวเก็บของก็เดินเล่นในเมืองกันสักหน่อยครับ

แน่นอนครับ พอมาถึง เบตง สิ่งที่เราอยากจะสัมผัสเป็นอย่างแรก นั้นก็คือ

ข้าวมันไก่ เบตงนี้หละครับ และร้านที่เรากินอยู่มีชื่อว่า

เจริญข้าวมันไก่ ตำนานแห่งการเดินทาง

ราคาจะอยู่ประมาณ 40-50 บาท ต่อจานครับ

ลองมาลิ่มลองรสขาติข้าวมันไก่กันได้ครับ รสชาติก็อร่อยดีนะ



เมืองเบตง เป็นเมืองที่อยู่ใต้สุดของประเทศไทย มีชายแดนติดกับประเทศมาเลเชียครับ

เป็นเมืองที่ไม่ใหญ่ และก็ไม่เล็กครับ เมืองเบตง ยังคงมีคววามเป็นวิถีชีวิตดั่งเดิมอยู่ครับ

ตึกราบ้านช่องยังมีความเก่าแบบชิโนโปรตุกีส ใครที่ชื่อชอบ สถาปัยกรรม เมืองเบตงเหมาะเลยครับ

ตู้ไปรษณีย์ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่เมืองเบตงครับก็ถือว่าเป็น แลนมากค์ ของเมืองเลยก็ว่าได้ครับ



พี่ฟลุ๊ค เจ้าของที่พก อาสาพาเราไปเที่ยวรอบๆ เมืองเบตงครับ

วิวแถวๆเมืองเบตงบอกเลยว่าสวยมากๆครับ

ไม่ไกล จากตัวเมืองเบตงที่นี่ก็มี บ่อน้ำพุร้อนด้วยนะครับ



ตกดึก night life ของเมืองเบตง ไม่ธรรมดาครับ สีสันเมืองใต้สุดแดนสยามบอกเลยครับ

ว่าไม่ธรรมดา ผับบาร์ มีหลายจุดเหมือนกันครับ

และที่น่าจะเป็น ไฮไลท์ที่สุดของเมืองเบตงก็น่าจะเป็น หอนาฬิกา ที่ตั้งอยุ่กลางเมืองนี่หละครับ

ตกกลางคืน ตรงนี้ จะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารเพียบเลยครับ และมีฝูงนก จำนวนมาก

สำหรับ สาย Night Life คอดื่ม คอเบียร์

ที่เมืองเบตงนี้ก็มีครับ ส่วนมากร้านจะอยู่ โซนๆ นี้หละครับ กับตรงนี้ อุ

โมงค์เบตง อุโมงค์นี้ เป็นอุโมงคืรถลอดแห่งแรกของประเทศไทยด้วยนะครับ

ที่นี่ถูกตกแต่งประดับ ไปด้วยแสงสีเสียงครับยังไง ลองไปเดินถ่ายรูป กันได้ครับ สวยมากๆๆครับ

เช้านี้ เราตื่นกันเช้า เพื่อที่จะไปดู ทะเลหมอก ณ ใต้สุดแดนสยามกันครับ

บรรยากาศยามเช้าที่เมือง เบตงครับ บอกเลยว่า ตอนเช้าที่ี่ หนาวมากๆ

และหมอกหนาจัดเลยครับ เบตงเค้าว่ากันมาเป็นเมือง3หมอกด้วยนะครับ เพราะมีหมอกทุกฤดู

จุดนี้ ถ่ายจากหน้า พิพิธภัณฑ์เมืองเบตง



ทะเลหมอก ยามเช้า ที่เบตงครับ

เบตงใต้สุดสยามเมืองงามชายแดน

และด้วยที่เมืองนี้ มีความหลายหลากทางวัฒนธรรม ที่เห็นๆ ก็น่าจะเป็น วัฒนธรรมจีนนี้หละครับ

และเมืองนี้ เป็นเมืองที่มีติ่มซ่ำ อร่อยมากครับซึ่งก็มีอยู่หลายหลาย หลายจุด

ตอนเช้าๆ ลองมาเดินหาดูนะครับเราเลือกร้านนี่เพราะได้เห็นวิวหอนาฬิกา

เห็นผู้คนเดินไปเดิน กินไปดูวิถีชีวิตครับ

ราคาอยู่ที่ประมาณ เข่งละ 20-30 บาท



เดินสำรวจเมืองต่อกันอีกหน่อย

ที่นี่ น่าจะเป็นตลาดเช้าที่โค-ตะ-ระ เท่ห์ อีกแห่งของเมืองไทยเพราะตลาดมี กราฟิกตี้ด้วยหละครับ

ป้าๆๆถ่ายรูปหน่อย หง่อออออออออออ

เมืองเบตง เต็มไปด้วย กราฟิกตี้ อยู่รอบเมืองเลยครับ

ใครที่ชื่อชอบงาน ศิลปะ Artๆ กราฟิกตี้ เดินรอบเมืองบอกเลยว่าเพลินดีครับ

มัสยิดกลางเบตง ที่นี่ก็สวยครับ เป็น มัสยิด สีฟ้าอ่อนๆ สวยมากๆครับ

วัดกวนอิม เมืองเบตงครับที่ก็เป็นจุดถ่ายรูปอีกที่หนึ่งครับ

มี viwe point ที่สามารถมองเห็นเมืองเบตงได้อีกมุมหนึ่งหละครับ

วัดพุทธาธิวาส เป็นอีกวัด ที่สวยมากๆ อีกวัดหนึ่งเลยหละครับ

และบริเวณหน้าวัด เราจะได้เห็น วิหารหลวงปู่ทวด ขนาดใหญ่ สามารถเข้าไปกราบไหว้ด้วยหละครับ

วัดคาทอลิก นักบุญเปโตร



เราพอจะมีเวลาอีกประมาณ ครึ่งวันในการ เดินเล่นที่เมืองเบตงครับ

บอกเลยว่าเมืองเบตง นิ ถ่ายรูปเล่นสนุกมากครับ เป็นอีกเมืองที่สวยดีครับ



โรงเรียนจงฝามูลนิธิ เป็นโรงเรียนที่เก่าแก่อีกที่หนึงของประเทศไทยครับ

นี่ก็เกือบ 100 ปีแล้วครับ ที่โรงเรียนนี้ก่อตั้ง และปัจจุบันก็ยังเปิดสอนอยู่



เมืองเบตง



เที่ยวทั่วเมืองเบตงกันหละครับวันนี้เราก็กะว่าจะเขาป่าเข้าเขา ของจังหวัด ยะลา กันหน่อย

ก็เดินทางด้วย แท็กซี่แบ็นซ์ เบตงนี่หละครับ ได้นั่งแล้วโว้ยยยยย!!!

ราคา 130 บาทตลอดสาย

วันนี้เราจะเดินทางออกจากตัวเมือง ไป 28 กิโลไปขึ้นเขาที่นั้นกัน



เราใช้เวลาไม่นาน ด้วยรถแบ็นซ์คลาสสิก สักครึ่งชั่วโมงได้ครับ เราก็มาถึง บ้าน กม.28

หมุ่บ้านที่ห่างตัวเมือง เบตงมา 28 กิโลเราก็เตรียมตัวเข้าป่ากันครับ แต่ก่อนจะไปลำบาก

ขอกินอะไรดีๆ สักหน่อย ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ทีเด็ดเลยหละครับ



บ้าน กม.28



ถ้าพร้อมเราก็ เดินทางเข้าป่ากันครับ

การเดินทางครั้งนี้ เราไม่เหงาครับ เพราะมีน้องๆ

ที่มาเดินทางเข้าป่า วันเดียวกับเรา พอดี

ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ เราจะเดินทางไปที่

ยอดเขาฆูนุงซีลีปัต ซึ่งการเดินทางก็ไม่ยากครับ

จากเมืองเมืองเบตง เราเดินทางมากันที่ บ้าน กม.28

แล้วติดต่อพี่เฮง ไกด์ท้องถิ่นประจำหมู่บ้านที่นี่

ซึ่งค่าบริการ จะอยุ่ที่ 900 บาทต่อคน

ถ้ามาแบบคนเดียวนะ แต่ถ้าวันนั้นมีคนอื่นไปด้วย

แบบวันนี้ ราคาก็จะลดลง หารกันไปครับ

ส่วนในวันนี้ เราจ่ายค่าทริป อยู่ที่ 600 บาท

พร้อมอาหาร เย็น และ อาหารเช้าครับ

รถจิ๊บที่จะพาไปส่งเราถึงตีนเขา ทางขึ้นสู่ยอด

ยอดเขาฆูนุงซีลีปัต

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

หรือพี่เฮงไกด์ท้องถิ่น : 081-093-8549



รถไม่สามารถขึ้นถึงยอดดอยครับ

จากนั้นเราต้องเดินทาง เท้าประมาณ 3-4 กิโลได้ครับ

ซึ้งตรงนี้หละ เล่นเอาเหนื่อยเลยครับ 5555

และวันนี้เราเดินทางแบบรีบๆ กระปงกระเป๋า จัดเต็ม

ไม่ได้ ถ่ายออก กระเป๋าเสื้อผ้า 18 กิโล

และกระเป๋ากล้อง+โน็ตบุ๊ก เกือบๆ 10 โลได้

ตายๆๆๆๆ ครับ โชคดีที่วันนี้เราเดินทางกับพวกน้องๆ พอดี

ถ้าไม่ได้ พวกน้อง ช่วย แบกของคนละชิ้น 2ชิ้น

เราคงเดินไม่ถึงยอด และพี่ไกด์นำทาง ที่ช่วยเราแบกกระเป๋าครับ

กราบขอบคุณจริงๆ จากใจครับ

เรามาถึงกันแล้วยอดเขาฆูนุงซีลีปัต

เป็นยอดเขาที่สามารถมองเห็นวิวได็แบบ 360 องศา

รอบทิศเลยหละครับ และที่นี่ก็มีความสูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 670เมตรครับ

ถือว่าเป็นวิวที่สวยอีกที่หนึงของจังหวัดยะเลเลยหละครับ พรุ้งนี้ เราจะมาดูทะเลหมอกยามเช้าของที่นี่กัน



บนนี้สามารถ กางเต็นท์ได้ครับ

ทีนี่ก็มีถ่าน มีห้องน้ำให้บริการครับมีฟรายชีท หรือใครไม่มีเต็นท์ ถุงนอน

อะไรอย่างนี้ ที่นี่ก็มีบริการนะครับ

ดาวที่นี่ สวยไม่แพ้ที่อื่นเลยหละครับ ฆูนุงซีลีปัต



บรรยากาศยามเช้าที่ ยอดเขาฆูนุงซีลีปัตหมอกลงหนาจัดเลยครับ เราขึ้นไปดุที่ยอดกันดีกว่าครับ



สุดทางนั้น คือยอดเขาฆูนุงซีลีปัต



หมอกเต็มไปหมด ครับ กินอาหารเช้าบนยอดเขา ก้ไม่เลวครับฟินมากๆครับ



ทะเลหมอก ที่ ยอดเขาฆูนุงซีลีปัต

และนี่ก็คือยอดเขาฆูนุงซีลีปัตที่มีความสูง เหนือระดีบน้ำทะเล ประมาณ 670 เมตร

สามารถมองวิวได้ แบบ 360 องสา รอบทิสเลยหละครับ

เป็นไงบ้างครับ กับจังหวัด " ยะลา " จังหวัดที่อยุ่ใต้สุดของประเทศไทย

การเดินทางไม่ได้ยากเลยและไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด อยากให้ลองมาสัมผัส ทะเลหมอกกันที่นี่



สรุปค่าใช้จ่าย 3วัน2คืน กับ ยะลา

ค่ารถสายบุรี - ยะลา 40

ค่าแท็กซี่ขึ้นเบตง 200

ค่าที่พัก 380

ค่าอาหาร 579 บาท

ค่าแท็กซี่ - บ้าน กม. 28 130 บาท

ค่าขึ้น+ไกด์ เขาฆูนุงซีลีปัต 600 บาท

ค่ารถตู้บ้านกม.28 - หาดใหญ่ 380 บาท

รวมค่าใช้จ่ายโดยประมาณ 2309 บาท

ค่าเครื่องบินกลับหาดใหญ่-กรุงเทพ 1430 บาท



ก็นี่หละครับ คือเรื่องราว 10 วัน ที่เราได้ ไป สัมผัสกันมา กับ 3 จังหวัด

นราธิวาส ปัตตานี และ ยะลา เราอยากจะรู้มาตั้งนานแล้ว ว่า 3 จังหวัดชายแดนนี้

มันมีอะไรเที่ยวบาง แล้วเราก็ได้คำตอบแล้วหละ ว่าที่นี่ มีสถานที่ ท่องเที่ยว เยอะจริงๆครับ

เที่ยวไม่หมดหรอก อยากให้ลองเปิดใจดู 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้นี้ จะเป็นอย่างที่หลายคน

ใครจะนั่งรถไฟกลับก็กลับเถอะ เราขอบินกลับหละกัน 5555

คิดไว้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้มา เราไม่มีทางรู้หรอก 10 นี้ เราใช้ งบไป 8000 กว่าบาท

เราเริ่มต้นการเดินทาง ที่ จังหวัดนราธิวาส

เพราะเป็นปลายทางของสุดทางรถไฟเราเดินทางไป ยังอำเภอเล็กๆ

ที่ถูกภูเขาโอบล้อมเอาไว้ ที่มีชื่อว่า สุคิริน อยากจะบอกว่าที่นี่

ธรรมชาติสุดๆเลยหละครับไม่คิดว่าจังหวัดนี่จะหนาว

จากนั้นเราไปชิว กันที่ จังหวัดปัตตานี

อยากจะบอกว่าจังหวัดนี้ ทะเลสวยสุดๆเลยหละครับ

อาหารอร่อยมากๆ แถมเมืองยังสวยอีก

แล้วเรามาจบกันที่จังหวัดสุดท้ายกับเมือง

ใต้สุดของประเทศไทย เบตง ยะลา

เมืองนี้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

จริงๆหรอนี้ ทำไม มัน ศึกครื่น อะไรขนาดนี้

แถมไม่ไกลจากตัวเมือง มียอดเขาที่ทำให้เราได้เห็นวิว แบบ

360 องศา แบบเหนือเมฆกันเลยทีเดียวครับ

ยอดเขาฆูนุงซีลีปัต



แล้วเจอกันใหม่ในในการเดินทางครั้งหน้านะครับนะครับ



อย่าให้เรื่องเงินมาเป้นข้ออ้างของการเดินทาง
ถ้าอยากเที่ยวก้ออกมา ไม่กี่บาท หรอกครับ
เดินทางไปกับเรานะครับ

สอบถามการเดินทางเพิ่มเติมได้ที่..
เพจ : https://www.facebook.com/maikeebaht/
IG : https://www.instagram.com/mr.konr/


ไม่กี่บาทBackPacker

 วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เวลา 23.00 น.

ความคิดเห็น