ท่าปอม คลองสองน้ำ Unseen Thailand กระบี่ เป็นแหล่งศึกษาเชิงนิเวศวิทยาความสมบูรณ์ของธรรมชาติ ทั้งทางน้ำใต้ดิน และพืชพรรณที่สามารถเติบโตได้ทั้งในน้ำ และบนดิน



คลองสองสายน้ำมีลักษณะพิเศษของระบบนิเวศในช่วงขึ้น 12 ค่ำไปจนถึง แรม 5 ค่ำ เมื่อน้ำทะเลหนุนขึ้นสูงซึ่งชาวบ้านในพื้นที่เรียก กันว่า "น้ำใหญ่" น้ำทะเลจะหนุนสูงเข้ามาในคลองท่าปอม ถึงศาลาเล่นน้ำ และผสมกับน้ำจืดในคลองกลายเป็นคลองน้ำกร่อยสีฟ้าค่อนข้างขุ่น แต่ก็เป็นเวลาไม่นาน เมื่อน้ำทะเลลง และน้ำจืดไหลมาแทนจะใสเห็นเป็นสีเขียว ซึ่งเกิดจากการที่ลำธาร มีต้นกำเนิดจากเขาหินปูนที่มีี้สารแคลเซียมคาร์บอเนตที่มีคุณสมบัติในการจับตะกอน และสารแขวนลอยให้จมตัวเมื่อสายน้ำไหลผ่าน หินปูน สารตัวนี้จะละลายปนมาพร้อมกับจับสารแขวนลอยไหลไปจมตัวในน้ำนิ่งน้ำในลำคลองท่าปอม จึงใส มองเห็นปลา และพืชใต้น้ำได้ชัดเจน


หลังจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ยกให้ป่าท่าปอม เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ ก็ทำให้มีคนแวะเวียนมาเที่ยวป่าท่าปอมกันไม่ได้ขาด ท่าปอมคลองสองน้ำ สามารถเที่ยวชม คลองสองน้ำได้ตลอดทั้งปี ในเวลาที่น้ำลงน้ำจะสวยใสมาก เมื่อน้ำจืดที่ใสโดนแสงแดด จะส่องประกาย บางช่วงใต้ท้องน้ำจะงดงามด้วยสีเขียวสดจากพืชใต้น้ำที่มองเห็น ได้อย่างชัดเจน พร้อมฝูงปลาที่แหวกว่ายในสายน้ำ โดยความงามของทั้งสายน้ำจืดและ สายน้ำกร่อยนั้น ทาง อบต.เขาครามสร้างทางเดินชมความงามได้ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติขึ้นเป็นระยะ ทาง 700 เมตร ซึ่งนอกจากคลองสองน้ำแล้ว ป่าท่าปอมก็ยังมีป่าธรรมชาติถึง 3 ป่า ให้ชมในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ คือ

-ป่าชายเลนจะเห็นเป็นจุดแรกตั้งแต่ก่อน เข้าสู่เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ซึ่งจะเห็นรากของ ต้นโกงกางที่เป็นดังพระเอกของป่าชายเลน ขึ้นโชว์รากระโยงรยางค์อยู่ ทั่วไป


-ป่าพรุน้ำจืด เมื่อเดินไปทางขวาบนสะพานประมาณ 20 เมตร ก็จะได้เห็น ป่าพรุน้ำจืด ที่เป็นป่าหาดูได้ยากโดยป่าพรุ ท่าปอมมีลักษณะต่างจากป่าพรุทั่วไป คือเป็นป่าพรุบนดอนที่น้ำไม่ท่วมขัง เหมือนป่าพรุอื่นๆ แต่ว่าใครอย่า เผลอ ลงไปเดินในป่าพรุเข้าให้หละ เพราะดินแฉะๆ ที่ดูไม่น่าลึกไหร่ แต่ว่าหากลงไปเดินก็จะจมไปครึ่ง ค่อนตัวทีเดียว ซึ่ง ทางที่ดีควรเดินชมเสน่ห์จะไม่มีของป่าพรุบนสะพานดีที่สุด สำหรับพืชพันธุ์ที่เด่น แห่งป่าพรุท่าปอมก็คง อะไรเกิน ตังหนใบเล็ก (วงศ์ GUTTIFERAE) ไม้ยืนต้นขนาดกลาง ที่มีรากรูปร่างพิลึก คือเป็นรากที่ดูคล้ายหัวเขาที่งอพับโผล่พ้นพื้นดินขึ้น มาประมาณ 20 ซ.ม.ดู แปลกตาน่ามอง



-ป่าดิบชื้น หลังจากผ่านป่าพรุ ก็จะเข้าสู่ ป่าดิบชื้น ที่ลักษณะ ของป่านี้ก็สังเกตไม่ยาก เพราะ 2 ป่าที่ผ่านมาจะเป็นป่าที่ส่วนมาก เป็นต้นไม้เล็กๆและเป็นป่าโปร่ง แต่ว่าพอเข้าเขตป่าดิบชื้นจะสัมผัสได้ ถึง ต้นไม้อันร่มครึ้มที่เต็มไปด้วยไม้ยืนต้น ขนาดใหญ่



นอกจากนี้ที่ป่าท่าปอมยังมีแก่งหินที่มีสีเหลืองคล้ายมัสตาร์ดที่เป็นความมหัศจรรย์ธรรมชาติอย่างหนึ่ง โดยแก่ง หินเหลืองนี้เกิดจาก หินดินดานทำปฏิกิริยากับอากาศจนเกิดเป็นโขดหินสีเหลืองทั่วไปในลำน้ำ เรียกได้ว่าในผืนป่า ท่าปอมนี่มีธรรมชาติที่ชวนให้ อัศจรรย์ใจอยู่มากหลายซึ่งคิดว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผืนป่าท่าปอมคง ความมหัศจรรย์ มาถึง ทุกวันนี้ เสน่ห์ของท่าปอมอีกอย่างหนึ่งคือ รากไม้ให้ชวนมองอยู่ทั่วไปตาม ริมตลิ่ง สองฝั่งคลองโดย รากของต้นไม้หลาย ประเภทจะปรับตัว ด้วยการโผล่รากขึ้นมาหายใจ ส่วนใครที่อยากสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ แห่งป่าท่าปอมในความรู้สึกที่แตกต่างไปจากการเดินชมบนสะพาน ก็สามารถพายเรือแคนูชมความงาม ของคลองสองน้ำและ ป่าท่าปอมได้

ค่าเข้าชม คนไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท

ค่าเช่าเรือแคนู ชั่วโมงละ 100 บาท วันละ 700 บาท


สอบถามเพื่มเติม อบต.เขาคราม โทร. 0-7569-4198, 0-7569-4165 หรือ ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยว จังหวัดกระบี่ โทร. 0-7562-2163

เครดิตข้อมูลเพิ่มเติมจาก https://www.paiduaykan.com/76_province/south/krabi...

ฝากติดตามผลงานอื่นๆได้ที่ทางเพจ #เที่ยวไทยกับAn และช่องทางยูทูป ขอบคุณมากครับ

ความคิดเห็น