จุดหมายครั้งนี้ของเราคือ สังขละบุรี พม่าและอีต่อง ซึ่งเป็นการเดินทางคนเดียวอีกครั้งหนึ่งที่น่าจดจำมากๆ

เราเริ่มเดินทางโดยการนั่งรถมินิบัสออกจากพระราม 2 - กาณจนบุรี ในเวลา 07.00 น. ค่ารถ 130 บาท เดินทางไปถึงที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกาญจนบุรีในเวลา 10.10 น. เรามองไปรอบๆเจอรถบัสคันสีแดงกาญจนบุรี-สังขละบุรี ที่มีคนขึ้นอยู่เกือบเต็มคันรถ จึงสอบถามพนักงานและเดินขึ้นรถไป รถออกในเวลา 10.20 น. ในราคา 160 บาท

เรามาถึงตลาดทองผาภูมิในเวลา 13.00 น. รถจอดที่นี่ 30 นาที ได้พักทานอาหาร ในราคา 40 บาท

และเราก็เริ่มเดินทางกันต่อเลยค่ะ

เราเดินทางขึ้นเขา วิวเขื่อนขนาดใหญ่สวยๆ เนินเขาชันๆบางทีก็ทำให้รถเราขึ้นไปแบบอืดๆ ในช่วงนี้ก็มีลุ้นบ้าง หลับบ้าง 555

การเดินทางที่นี่ต้องใช้ความสามารถและความชำนาญค่อนข้างมาก เพราะเส้นทางค่อนข้างโค้ง ชัน และแคบๆลัดเลาะไปตามไหล่เขา

เราเดินทางมาถึงที่ตัวตลาดสังขละในเวลา 15.45 น. และได้นั่งพักซื้ออาหารและน้ำดื่มในราคา 50 บาท ก่อนที่จะเปิดเเผนที่และเดินเท้าหาที่พักที่ต่อไป

เราเดินทางมาถึงที่พัก B.็Homestay ซึ่งใช้เวลาในการเดินไม่นาน เป็นที่พักที่อยู่ริมๆตลาดทางด้านข้างของสถานีตำรวจภูธร สามารถเดินเท้าไปไหนมาไหนได้สะดวก

เมื่อเรามาถึงที่นี่ เสียงตอบรับแรกคือ "เรือออกไปแล้วนะคะ ! " เรางงมาก เพราะที่เราจองไว้คือไปเที่ยวพรุ่งนี้ทั้งวันนะ เราจึงการเคลียร์เรื่องนี้กับเจ้าของที่พัก ประสบการณ์แรกพบที่น่าตกใจและไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ต้องรอดูกันต่อไปนะ ^^

อ้อ แพ็กเกจที่เราซื้อที่นี่ ราคา 999 บาท เป็นโปรโมชั่นพาเที่ยว รวมอาหารและที่พักเรียบร้อยแล้ว ที่นี่มีชา กาแฟ ผลไม้ ให้กินกันทั้งวัน สาเหตุที่เราจองเพราะว่าการมาเที่ยวคนเดียวในหลายๆที่ที่เคยไปมาก็จะเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าปกติที่มาหลายคนเพราะคนหารน้อย แต่ที่นี่น่าจะทำให้เราไปไหนมาไหนได้สะดวกและมีคุณพ่อเจ้าของที่พักคอยดูแลและให้ความรู้ด้วย โดยเราจองที่พักเดพิ่มอีก 1 คืน 300 บาท รวม 3 วัน 2 คืนที่นี่ในราคา 1,299 บาท

เมื่อเราพักผ่อนเรียบร้อย ในตอนเย็นนี้เราจะเดินไปเที่ยวที่สะพาญมอญ ที่เป็นสะพานไม้ที่สร้างโดยฝีมือมนุษณ์ที่เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างชาวไทยและชาวมอญที่นี่เอาไว้ เราใช้เวลาเดินจากที่พักมาที่สะพานมอญประมาณ 20 นาที

มาถึงที่นี่ในขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดินพอดีเลย

เราเดินเที่ยวที่นี่ข้ามสะพานไปที่ฝั่งมอญ ข้ามกลับมาก็มืดพอดีเราเลยให้วินมอเตอร์ไซด์มาส่งที่ตัวตลาดในราคา 20 บาท

วันนี้เป็นวันเสาร์มีถนนคนเดิน ของใช้ ของที่ระลึกมากมาย เสื้อผ้าชนเผ่าราคาถูก การแสดงของเด็กๆที่นี่ก็ทำให้เราประทับใจไม่แพ้กัน แต่สิ่งที่มาแแล้วพลาดไม่ได้ก็คือสิ่งนี้ "หมูจุ่มพม่า" ไม้ละ 1 บาท เรายืนสังเกตการณ์อยู่หน้าร้านสักพัก เมื่อโต๊ะว่างเราก็เข้ามานั่ง


หมูจุ่มพม่าจะเป็นลัษณะของหมูพะโล้ ไส้หมู หัวหมู ลิ้นหมู กะเพาะหมู หูหมูหั่นป็นชิ้นเล็กๆเสียบไม้ให้เราจุ่มลงในหม้อน้ำซุปร้อนๆแล้วนำมาจิ้มกับน้ำจิ้มแซ่บๆ เราหมดไปกับร้านนี้ 30 บาท

ร้านหมูจุ่มพม่าในคืนวันเสาร์จะมี 4-5 ร้าน เลือกกันได้ตามสบายเลยนะคะ

เมื่อเรากลับมาที่ที่พัก คุณแม่เจ้าของที่พักก็ให้มาลองชุดมอญ เพื่อใส่ไปตักบาตรพรุ่งนี้เช้า

เรานัดกัน 06.00 น. เพื่อเป็นใส่บาตร คุณพ่อเจ้าของที่พักมาส่งเาที่ทางเข้าแต่เรายังไม่ใส่บาตรกันตรงนี้นะ เราเดินมาเรื่อยเพื่อข้ามสะพาญมอญไปฝั่งมอญและจะมีการเริ่มใส่ในเวลา 07.00 น.

ระหว่างทางเจอเด็กๆขายดอกไม้ เราก็ซื้อดอกไม้ชุดละ 10 บาท แต่เราซื้อ 2 ชุดนะ

คนมาร่วใใส่บาตรวันนี้เยอะมากๆ เราก็เดินกลับมาเที่ยว ถ่ายภาพกันที่สะพานต่อ

ฝนช่วงเช้าเรามาพร้อมกับครอบครัวหนึ่ง มีสมาชิกอยู่ 5 ช่วยกันเดิน ถ่ายภาพให้กัน เมื่อเสร็จจากที่นี่ก็นัดรวมตัวกันให้คุณพ่อเจ้าของที่พักมารับกลับที่พักเพื่อกลับไปเตรียมตัวและรับประทานอาหารเช้า

09.00 น. เรามารอรถที่หน้าบ้าน รอบนี้เราไปกับอีกครอบหรัวหนึ่งที่มีสมาชิก 4 คน และมีอีก 1 คนที่มาคนเดียวเหมือนกันด้วย เรานั่งรถและมาลงเรือกันต่อเลย


ช่วงสายนี้เราจะไปนั่งเรือเล่นชมความงามของโบสถ์ใต้น้ำกันค่ะ เรือที่เรานั่งเป็นเรือท้องตื้นๆที่นั่งกันลงมาแล้วปริ่มน้ำเชียวละ 555



ที่นี่คือวัดใต้น้ำ วัดศรีสุวรรณ หลวงพ่ออุตตมะ หลังเก่าเป็นวัมอญที่จะจมอยู่ใต้น้ำ เรามาในเดือนตุลาคมน้ำก็จะเยอะเป็นพิเศษ ถ้าใครอยากมาดูตัววัด โบสถ์เต็มๆให้มาในเดือนเมษายนนะคะ


เรานั่งเรือต่อมาที่วัดสมเด็จ เป็นวัดไทย จะมีการเดินขึ้นเขานิดหน่อย ได้เดินลงจากเรือกันแล้วค่ะ



แล้วเราก็เดินลงเรือไปที่ต่อมา เราเหนแค่ยอดธงชาติไทยนิดเดียว ซึ่งเราอยากเอาภาพมาให้ดูนะ แต่ภาพหาย ! หายไปไหนเราหาไม่เจอ ><

เราใช้เวลาเพียง 1.30 ช.ม. ในการนั่งเรือชมความงามและรับความสดชื่นของความกว้างและน้ำกระเซ็นที่เรือ

กลับมาถึงที่พักเราก็ไปหาอาหารกลางวันทาน น้ำและข้าวในราคา 60 บาท แล้วกลับมาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปพม่าในช่วงบ่ายกันต่อ

13.30 น. คุณพ่อเจ้าของที่พักก็มารับเรา รอบนี้เราเดินทางกับคู่แฟนๆที่น่ารัก 2 คู่และพี่ที่มาคนเดียวเหมือยกันอีก 1 คน เราเริ่มต้นด้วยกานเดินทางไปที่Outletขายรองเท้าหนัง และร้านก๋วยเตี๋ยวที่อร่อยและถูก เย็นตาโฟ 30 บาทเอ๊งงงง

แล้วเราก็ฟังประวัติของที่นี่ ของสะพานรถฟ ของชาวบ้าน การอพยพ การใช้ชีวิตต่างๆของคนไทยและพม่าที่นี่

เรามาจอดรถพักที่ด่านเจดีย์ 3 องค์ โดยที่คุณพ่อเจ้าของที่พักทำเรื่องการผ่านข้ามแดนให้พวกเราเรียบร้อยเลย



เราจะเดินผ่านช่องนี้ เพื่อไปขึ้นรถที่พม่ากันแล้วค่ะ ที่แรกที่เราแวะคือ Cuty free มีเหล้า ไวน์ เบียร์ และขนมขายมากมายเลย เราซื้อของที่นี่ไป 190 บาท แล้วเราก็มาต่อกันที่ตลาดพม่า ซึ่งเป็นตลาดชายแดนปกติๆเลย


แล้วเราก็ไปที่วัดตะมะเทโวเป็นการเปิดทริปทำบุญกับเด็กกำพร้า ที่นี่มีเด้กมาเข้าค่ายเยอะมาก และล้วนเป็นเด็กกำพร้าทั้งสิ้น



นั่งรถมากันต่อที่วัดเสาร้อนต้น หลวงพ่ออุตตมะ



ลืมบอกไปเราได้หมวกมา 1 ใบด้วยนะ เป็น Mission เล็กๆที่เราตั้งใจไว้ว่า ไปลาวเราต้องซื้อ ไปเวียดนามเราต้องซื้อ มาพม่าเราก็ต้องซื้อ ตอนนี้เรามีครบ 3 ใบแล้วนะ


เรานั่งรถกันต่อมา ... ผ่านรูปปั้นพระบิณฑบาตรนับร้อยองค์


และมากันต่อที่วัดเจดีย์ทองเป็นวัดที่ให้เรามาไหว้พระตามวันเกิดและมีจุดชมวิวสูงๆสวยๆ





เรามากันต่อที่วัดพระนอน (พระตาหวาน) แต่เรามาถึงก็ค่อนข้างเย็นแล้ว ช่องรับน้ำมานต์ปิดนะคะ






และเรามากันที่วัดตองไว เป็นวัดพระพุทธรูปหินอ่อน เทพทันใจและพระธาตุอินแขวนจำลอง




เรามาถึงที่นี่ก็ประมาณ 17.30 น. ต้องรีบกลับกันก่อนด่านปิด 18.00 น.

เมื่อเรามาถึงฝั่งไทยก็แวะน้ำตกนพพิบูลย์ในเวลา 18.00 น. คือใกล้มืดแล้ว แต่คุณพ่อเจ้าของที่พักก็พาเราเข้าป่าได้ 5555


เราเดินเท้ากลับด้วยความมือดและนั่งรถไปที่ห้วยซองกาเลียกันต่อ แตี่ที่นี่มืดแล้วไม่ได้ลง เรากลับมาถึงที่พักเวลา 19.30 น. ก็ไปหาอะไรกินกันต่อ

รอบนี้เราเดินมากับน้องๆที่ไปทริปด้วยกันในช่วงบ่าย หมดค่าอาหารคือหมูจุ่มพม่าไป 35 บาท แตต่วันนี้มาลองร้านใหม่ ร้านดังของที่นี่


เราพักผ่อนที่นี่อีก 1 คืน แล้วตอนเช้าก็เดินทางไปที่อีต่องกันต่อติดตามในรีวิวต่อไปนะคะ

อยากจะบอกว่า เช้าวันต่อมาที่เรากำลังไปอีต่อง เราออกจากที่สังขละตั้งแต่ 06.00 น. หมอกหนาดีมากเลยนะคะ ดีกว่าวันที่เราอยู่ใส่บาตรอีก ><


อ้อ ความรู้สึกงงของการต้อนรับ "เรือออกไปแล้วนะคะ" มันหมดหายไปกับความน่ารัก เป็นกันเองของคุณพ่อ คุณแม่ และพี่เจ้าของที่พักไปหมดแล้ว ที่นี่ดูแลดีมากๆ มีความเป็นกันเองเหมือนได้นอนเล่นอยู่ที่บ้าน แล้วอีกอย่างเราอยากให้ทุกคนมาที่นี่นะ การันตีว่าที่พักที่นี่ถูกที่สุด 1 ใน 3 ของที่สังขละเลย แต่ถึงแม้จะถูกขนาดนี้ก็บริการดีระดับล้าน

สรุปค่าใช้จ่ายที่นี่ก่อนนะคะ รวมแล้ว 2,064 บาท

ค่าเดินทาง 310 บาท

ค่าทริปและที่พัก 1,299 บาท

ค่าอาหาร 245 บาท

ของฝากและอื่นๆ 210 บาท

ยังเหลืออีก 1,076 บาทที่เราจะไปอีต่อง จะเป็นยังไงน้า รอติดตามกันนะคะ


ลิ้งตอนที่ 2 มาแล้วนะคะ https://th.readme.me/p/28230/edit

ME' Art X Traveller.

 วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เวลา 20.06 น.

ความคิดเห็น