หลวงพ่อโต องค์ใหญ่หน้าวัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร สิงห์บุรี
มาถึงอำเภอบางระจัน สิงห์บุรี ทั้งที จะไม่แวะวัดพระนอนจักรสีห์ วัดคู่บ้านคู่เมืองก็ดูจะกระไร แม้นเวลาจะล่วงเลยมาจนเย็นแล้วก็ตาม แต่ของแวะกราบพระเสียหน่อยเถอะ เพื่อเป็นสิริมงคล
ตำหนักพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๕)
นอกจากองค์พระนอนจักรสีห์ ที่ประดิษสถานอยู่ในวิหารพระนอนฯ แล้ว ภายในวัดยังมีสิ่งต่าง ๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น ตำหนักพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๕) หรือบรรดารูปปั้นจำลองของเกจิอาหารต่าง ๆ ของประเทศไทย
เรือแข่งด้านข้างอุโบสถ
วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ตั้งอยู่ที่ตำบลจักรสีห์ อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ห่างจากตัวเมืองสิงห์บุรีไปตามเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3032 (สายสิงห์บุรี - สุพรรณบุรี) ระยะทางประมาณ 4 กม.
รูปปั้นจำลอง เกจิอาจารย์
สันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างสมัยก่อนกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ มีพุทธลักษณะแบบสุโขทัย ที่มีความงดงามมาก มีความยาวทั้งสิ้น 1 เส้น 3 วา 2 ศอก 1 คืบ และ 7 นิ้ว ลักษณะ พระพักตร์หันไปทางทิศเหนือ พระเศียรหันไปทางทิศตะวันออก พระกรขวายื่นไปด้านหน้า ไม่งอพระกรขึ้นรับพระเศียร เหมือนแบบไทย
นอกจากนี้ยังมีพระแก้ว พระกาฬ เป็นพระพุทธรูปนั่งศิลา ลงรักปิดทอง และพระนั่งขัดสมาธิเพชร อันศักดิ์สิทธิ์ และมีพุทธลักษณะงดงาม ด้านหน้าวิหารมีต้นสาละลังกาใหญ่ ต้นไม้สำคัญในพุทธประวัติ ผลิดอกบานสะพรั่ง อยู่เสมอ
"หลวงพ่อพระนอนจักรสีห์ " เป็นรูปของพระพุทธเจ้าปางไสยาสน์เทศนาปาฏิหาริย์ แก่อสุรินทราหู ผู้เป็นยักษ์ เพื่อลดทิฎฐิของอสุรินทราหูที่ถือว่ามีร่างกายใหญ่โตกว่ามนุษย์ พระพุทธเจ้าจึงเนรมิตร่างกายให้ใหญ่กว่ายักษ์ "หลวงพ่อพระนอน" จึงเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่และยาว สร้างโดยท้าวอู่ทอง มีความยาว ๓ เส้น ๓ วา ๒ ศอก ๓ คืบ ๗ นิ้ว ( ๔๗.๔๐ เมตร ) พระเศียรชี้ไปทางตะวันออก หันพระพักต์ไปทางทิศเหนือ มีความงดงามอย่างมาก
ภายในวิหารพระนอนจักรสีห์
มีเรื่องเล่าสืบกันมาว่า สิงหพาหุมีพ่อเป็นสิงห์พอรู้ความจริงคิดละอายเพื่อนว่าพ่อเป็นสัตว์เดรัจฉานจึงฆ่าสิงห์ตาย ภายหลังรู้สึกตัวกลัวบาปและเสียใจเป็นอย่างมาก จึงสร้างพระพุทธรูป โดยเอาทองคำแท่งโต ๓ กำมือ ยาว ๑ เส้น เป็นแกนขององค์พระ เป็นการไถ่บาปและพระพุทธรูปมีอยู่ให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชามาหลายชั่วอายุคน
พระบาทพระนอนจักรสีห์ และพระประจำวัน
จนองค์หลวงพ่อพระนอนได้พังทลายลงเป็นเนินดิน กาลนานต่อมา ท้าวอู่ทอง ได้นำพ่อค้าเกวียนผ่านมาทางนี้ แล้วพบแกนทองคำฝังอยู่ในเนินดิน และทราบเรื่อง สิงหพาหุ เกิดความเลื่อมใสและเห็นเป็นประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา จึงชักชวนพ่อค้าเกวียนก่อสร้างพระพุทธรูปนี้ขึ้น โดยใช้ทองแท่งทองคำที่พบนั้นเป็นแกนองค์พระ
พิพิธภัณฑ์ของทางวัดด้านหลังองค์พระ
จน พ.ศ. ๒๒๙๗ และ พ.ศ. ๒๒๙๙ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แห่งกรุงศรีอยุธยา ได้เสด็จมานมัสการและซ่อมแซมองค์พระพร้อมทั้งได้สร้างพระวิหาร พระอุโบสถ และเสนาสนะต่าง ๆ ขึ้นใหม่ พ.ศ.๒๔๒๓ และ พ.ศ. ๒๔๔๔ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้เสด็จมานมัสการ และวันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลปัจจุบัน ได้เสด็จมานมัสการพร้อมพระบรมวงศานุวงศ์
พระพุทธรูปในพระวิหาร
จึงนับได้ว่า " หลวงพ่อพระนอนจักรสีห์ " เป็นปูชนียวัตถุที่ทรงไว้ซึ่งปาฏิหาริย์ล้ำค่า เป็นที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะแม้แต่การสร้างองค์หลวงพ่อพระนอนในครั้งที่ ๒ ก็ยังไม่ทราบเวลาที่แน่นอน แต่องค์พระยังสมบูรณ์ขนาดนี้ จะป่วยการกล่าวไปใยถึงประวัติในการสร้างครั้งแรกที่ทรุดโทรมลงจนมีสภาพเป็นเนินดินธรรมดา ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใด
หลวงพ่อพระนอนจักรสีห์
เพราะเหตุนั้น " หลวงพ่อพระนอนจีกรสีห์ " จึงเป็นที่เคารพศรัทธาเลื่อมใสของพุทธศาสนิกชนให้การเดินทางมากราบไหว้บูชา เพื่อเป็นพุทธานุสสติ ในอันจะน้อมนึกถึงคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ เสมอมาไม่เคยขาดมานานแสนนานแล้ว และเพื่อให้สมพระเกียรติของ " หลวงพ่อพระนอนจักรสีห์ " และการเป็นอารามหลวงชั้นตรี ชนิด วรวิหาร " ท่านเจ้าคุณพระเมธีปริยัติโยดม " จึงได้วางแนวทางในการพัฒนาพระอารามออกเป็น เขตพุทธาวาส เขตสังฆาวาส เขตฆราวาส
นอกจากนี้ ทางวัดก็ยังมีนโยบายที่จะเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั้งปริยัติ ปฏิบัติแก่พระภิกษุสามเณร ตลอดถึงพุทธศาสนิกชนให้มีความเข้าใจในคำสอนของพระพุทธศาสนา
พระสงฆ์และแม่ชี กำลังทำวัตรสวดมนต์
การเดินทาง มีรถประจำทาง สาย 462 (สุพรรณบุรี - โคกสำโรง) และรถสองแถวประจำทาง สายสิงห์บุรี - ดอนปรู และสิงห์บุรี - ท่าช้าง ผ่านหน้าวัด
ขอบคุณข้อมูลจาก :: http://www.dhammathai.org
สายลม ที่ผ่านมา
วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เวลา 13.31 น.