สำหรับมนุษย์ทำงานอย่างเรา การจะได้ไปเที่ยวพร้อมหน้าพร้อมตา กับทุกคนในบ้าน ช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็นยิ่งนัก

แต่ต้องขอบคุณวันหยุดยาวๆในช่วงปีใหม่ และ ตั๋วโปรโมชั่นดีๆ ที่ออกมาให้เรา สามารถกัดฟันซื้อ สำหรับทุกคนในครอบครัวได้สำเร็จ

เมื่อทุกคนในบ้าน say yes!

และแม่ ที่ไม่ค่อยจะยอมไปเที่ยวต่างแดนกับเรา ก็ say yes เช่นเดียวกัน

ทริปธรรมดาๆ ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของคนในครอบครัว และรอยยิ้มของแม่ ในอากาศอันหนาวเหน็บของประเทศญี่ปุ่น จึงได้เกิดขึ้น...


รอยยิ้มที่1
Nagoya


เราออกเดินทางจากสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน Vietnam Airline ที่ช่วงหลังมักมีโปรโดนๆ ออกมาให้เสียตังกันอยู่บ่อยๆ
ถึงแม้เราจะต้องไปต่อเครื่องที่ เวียดนาม แต่ก็ถือว่าคุ้ม เพราะเราถึง Nagoya ตอน 7โมงเช้า ซึ่งถือว่าเป็นเวลาที่ดีทีเดียว


Nagoya เป็นเมืองใหญ่อันดับ3 ของญี่ปุ่น
สิ่งที่เราคุ้นตากัน คงหนีไม่พ้น ตึกรามบ้านช่องที่สูงไม่แพ้เมืองไหนๆ แต่ในเมืองอันแสนวุ่นวายนี้ จริงๆแล้ว ยังมีถนนสายเงียบสงบแอบซ่อนอยู่ ให้เราได้เดินลัดเลาะ ชมวิถีชีวิตของชาวบ้าน ร้านขายของที่ระลึกที่คุณลุงเจ้าของ ยังใช้ลูกคิด คิดเงินให้เรา ภาพบรรยากาศบ้านเรือนเก่าๆ ที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ ให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม

เดินชมเมืองได้ซักพัก ก็ถึงเวลาที่เราต้องขึ้นรถไฟ Shinkansen เพื่อเข้าสู่ Osaka ที่ที่เราจะใช้พักอาศัย ในช่วงครึ่งทริปแรก

goodbye Nagoya...



รอยยิ้มที่2
Osaka


กว่าจะมาถึง Osaka ก็เริ่มเย็นแล้ว เราเข้าที่พัก เก็บกระเป๋า และพักผ่อนกันเล็กน้อย ก่อนที่จะเริ่มเดินชมแสงสีของ Osaka ยามค่ำคืนที่แรกที่เราจะไป คงหนีไม่พ้น Dotonbori ที่ที่มีแสงสีมากที่สุดย่านนึง ของ Osaka


ร้านขนม Pablo เป็นร้านที่เรายอมต่อคิวรอนานแสนนาน เพื่อให้ได้ชิมเจ้า best seller อย่าง cheese cake เนื้อนุ่ม และแป้งทาร์ตกรอบๆ

ใช้เวลาต่อคิวเกือบ 20 นาที ก็ได้ cheese cake มาอยู่ในมือ ว่าแล้วก็เปิดกล่อง ยืนกินมันตรงริมแม่น้ำนี่ซะเลย
จริงๆแล้ว ความอร่อยอาจจะอยู่ตรงที่แย่งกันกินรึเปล่าก็ไม่รู้


อิ่มท้องจากย่าน Dotonbori เราก็ย้ายตัวไปที่ Namba Park
ในช่วงเวลาที่เราไปนั้น ด้านบนของตึก Namba Park ได้มีการจัดงานแสดงไฟชุดใหญ่ ที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า Illumination
งานแสดงไฟแบบนี้ เป็นที่นิยมมากในหมู่คนญี่ปุ่น สำหรับเราที่ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับงานประเภทนี้นัก ยังอดรู้สึกทึ่งไม่ได้ เพราะงานเค้าไม่ได้ไก่ๆกาๆ แบบโชว์ไฟไปวันๆ แต่งานเค้าเล่นทั้ง แสง สี เสียง และ animation จากหลอดไฟเล็กๆเหล่านี้ ทำเอาเรายืนอึ้งไปซักพักใหญ่อยู่เหมือนกัน


หลังจากอิ่มจากแสงไฟมาพอสมควร ก็ถึงเวลาที่เราต้องพักผ่อนเอาแรง สำหรับวันต่อไป
เช้าวันรุ่งขึ้น เราเริ่มต้นกันที่ Umeda แหล่งช๊อปปิ้ง ที่คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก ทุกคนก็คงรู้จักย่านนี้เป็นอย่างดี
เพราะ Umeda เป็นแหล่งช๊อปปิ้งย่านใหญ่ ที่ไม่ว่าจะเพศไหน อายุเท่าไร ก็สามารถเดินเล่นกันได้เป็นวันๆเลยทีเดียว


เมื่อกระเป๋าเริ่มฟีบ ก็ถึงเวลาบอกลา Umeda และหาอะไรลงท้องซักที
เราย้ายตัวมาที่ตลาดสดแห่งใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณ Namba ตลาดแห่งนี้มีทั้งอาหารพร้อมกิน อาหารสด ขนม ผลไม้ รวมทั้งร้านขายของชำ ที่สำคัญ ตลาดที่นี่ สะอาด ไม่เหม็น เดินเล่นกันได้เพลินๆเลยทีเดียว

ปิดท้ายวัน ด้วยการหยอดตู้ไข่ ที่ไม่ว่าใคร ก็ต้องขอซักฟอง 2ฟอง... ไม่เว้นแม้แต่แม่




รอยยิ้มต่อๆไป...

รอยยิ้มที่ 3 Kyoto
https://th.readme.me/p/3043

รอยยิ้มที่ 4 Kurashiki
https://th.readme.me/p/3044

รอยยิ้มที่ 5 Tokyo

Rawinview

 วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 22.36 น.

ความคิดเห็น