วันนี้อยากชวนเพื่อนๆมาพักผ่อนด้วยกันบนเกาะเสม็ดค่ะ การมาเสม็ดครั้งนี้ถือเป็นการมาเที่ยวเสม็ดครั้งแรกของเราเลยค่ะ จะเรียกว่าเป็นความโชคดีก็คงไม่ผิดอะไรที่มาเสม็ดครั้งแรกก็ได้มีโอกาสมาเยือนรีสอร์ทที่ได้ชื่อว่าหรูหราที่สุดบนเกาะเสม็ดอย่าง “ปารดี รีสอร์ท" ซึ่งเราได้รับโอกาสจากโครงการ KTC Thailand Boutique Awards 2014 – 2015 ให้ไปสัมผัสประสบการณ์วันพักผ่อนที่นี่ค่ะ



ปารดีรีสอร์ทเป็นหนึ่งในรีสอร์ทระดับ 5 ดาวของเครือ “เสม็ด รีสอร์ท" จุดเด่นของที่นี่คือเป็นรีสอร์ทเดียวบนอ่าวกิ่ว อ่าวที่ขึ้นชื่อในเรื่องความสวยงามของท้องทะเลและหาดทราย ปารดีจึงเป็นรีสอร์ทที่มีความเป็นส่วนตัวมากค่ะ ก่อนจะตามไปเข้าพักที่ปารดีรีสอร์ทพร้อมๆกัน ลองตั้งคำถามกับตัวเองดูนะคะว่า



จะมีสักกี่ที่ที่ทำให้คุณรู้สึกประทับใจได้ตั้งแต่ก้าวแรกที่ไปถึง ...

จะมีสักกี่ที่ที่ทำให้คุณรู้สึกถึงความเงียบสงบได้ตลอดเวลาที่เข้าพัก ...

จะมีสักกี่ที่ที่คุณได้ใช้ชีวิตอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติตลอดเวลา ...

จะมีสักกี่ที่ที่สองเท้าเปลือยเปล่าของคุณจะได้สัมผัสผืนทราย ผืนน้ำทะเลอย่างไร้ซึ่งความกังวล ...

และ ... จะมีสักกี่ที่ที่ทำให้คุณได้รับประสบการณ์การพักผ่อนอย่างเหนือระดับบนเกาะสวยที่ใช้เวลาเดินทางเพียง 15 นาทีจากท่าเรือไปพร้อมๆการนิยามความหรูหราครั้งใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม



ขอบคุณสำหรับทุกคนที่แวะมาชมนะคะ ตามชมแล้วสามารถกด comment ทักทายกันได้นะคะ มีคำถามสามารถถามได้ในรีวิวนี้เลย หรือจะตามไปพูดคุย


กันที่ https://www.facebook.com/PrincessOfNapier ก็ยินดีต้อนรับทุกๆท่านค่ะก่อนไปถึงที่พักขอแวะทานมื้อกลางวันที่ร้านห่อหมกป้าจิ๋ว บ้านเพก่อนนะคะ ร้านนี้ google เจอมาว่าป้าเค้าเป็นคนภูเก็ตที่มาเปิดร้านที่ระยอง เราเองก็ชอบอาหารใต้อยู่แล้วเลยแวะมาลองค่ะ



จานแรกมาเลยค่ะขนมจีนน้ำยา รสชาติแบบที่ทานที่ภูเก็ตเลยแถมด้วยเครื่องเคียงมาอีกเพียบ



ปลาอินทรีทอดราดน้ำปลาหอมฉุย จานนี้กับข้าวสวยร้อนๆเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมนะ



สะตอผัดกะปิใส่กุ้งเราว่าจานนี้สะตอน้อยเกินไปไม่สะใจเลยอะ



ห่อหมกที่นี่ใช้ปลาอินทรีค่ะ อร่อยเลย order ร้านป้าเค้าเยอะมากๆ



ร้านห่อหมกป้าจิ๋วหาไม่ยากค่ะ เจอแยกบ้านเพ เลี้ยวขวาเข้าตลาดบ้านเพ ร้านจะอยู่ฝั่งซ้ายมือสังเกตก่อนถึงตลาดสินค้าบ้านเพประมาณ 50 เมตร ร้านอยู่เยื้องกับตลาดสินค้าครบวงจร



โบราณว่าทานคาวแล้วต้องทานหวาน จัดไอศครีมกะทิ ไข่เค็มหมูหยองมาลองค่ะ เพื่อนบอกมาว่ามิควรพลาด


แต่เราชิมแล้วก็ยังคิดว่ามันแปลกๆอยู่ดี แต่ตัวไอศครีมอร่อยนะคะ



อิ่มพร้อมจะไปรอขึ้นเรือเพื่อที่จะข้ามไปเกาะเสม็ดแล้วค่ะ เรือสปีดโบ้ทของปารดี รีสอร์ทจากฝั่งท่าเรือไปปารดีมี 2 รอบคือ 14.00 และ 17.00 ค่ะ แน่นอนว่าต้องเลือกรอบ 14.00 จะได้มีเวลาอยู่รีสอร์ทนานๆ ท่าเรือชื่อ "ท่าเรือจเด็จ" ค่ะ



ลูกค้าของปารดี รีสอร์ทจะทำการเช็คอินที่ท่าเรือจเด็จนี้ ภายในจะมีห้องรับรองพร้อมน้ำผลไม้ ชา กาแฟให้บริการค่ะ



ในขั้นตอนการเช็คอินพนักงานจะให้เราเลือกไวน์จาก list คือ White wine ,Red wine และ Sparkling wine



นอกจากนี้ยังมีสบู่มากมายหลายกลิ่นและน้ำมันหอมระเหยให้เลือกสำหรับใช้ในห้องพักค่ะ หอมๆทั้งนั้นเลย สำหรับสบู่สามารถเลือกได้ 2 กลิ่นค่ะ



จากนั้นก็ไปลงเรือสปีดโบ้ทส่วนตัวเฉพาะแขกของปารดีกันค่ะ นั่งเรือเพียงแค่ 20 นาทีเราก็มาถึงสถานที่แห่งความงดงาม “ปารดี"กันแล้วค่ะ



คุณคือคนพิเศษ ... ทันทีที่มาถึงปารดี รีสอร์ทพนักงานจะมาตั้งแถวรอรับที่ท่าเรือและเชื้อเชิญเราไปพักผ่อนที่ห้องพักค่ะ ถ้าเป็นช่วง High season สปีดโบ้ทจะจอดที่ฝั่งตะวันตกค่ะ แต่ในช่วงมรสุมจะเข้าทางหน้าหาดฝั่งตะวันออกเลย ที่นี่ไม่ได้ทำท่าเรือให้มาบดบังทัศนียภาพของหาดสวยๆนะคะ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ปล่อยให้แขกต้องลุยน้ำทะเลลงมาแน่นอนค่ะ แต่จะมีรถลากท่าเทียบเรือชั่วคราวให้แขกได้ก้าวลงจากสปีดโบ้ทลงมาสู่หาดค่ะ



ก่อนจะเข้าห้องพักขอแวะชมบรรยากาศตรงสระว่ายน้ำก่อน เห็นแว้บแรกเหมือนถูกสะกด บรรยากาศตรงนี้สวยมากจริงๆค่ะชายหาดขาวน้ำทะเลใสอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะมีรีสอร์ทสวยๆตั้งอยู่ที่นี่ด้วย



นับว่าปารดี รีสอร์ท เป็นที่พักที่ตั้งอยู่บนชายหาดที่สวยที่สุด ที่ใช้เวลาในการนั่งเรือน้อยที่สุดเลยค่ะ



ชื่อปารดี มีความหมายว่าสวรรค์ชั้นที่ 6 เดี๋ยวเตยจะพาชมนะคะว่าที่นี่จะสวยงามจนทำให้คุณรู้สึกราวกับว่ากำลังพักผ่อนอยู่บนชั้นสวรรค์จริงๆรึเปล่า



ห้องพักที่นี่จะเป็นวิลล่าทั้งหมดเลยนะคะ มี 40 วิลล่าแบ่งออกเป็น


- Garden Villa

- Garden Pool Villa

- Beach Front Pool Villa

- Beachfront Pool Villa (Room no. 101, 102)

- Suite Villa



พามาชมห้องพักแบบ Beachfront Pool Villa กันก่อนเลย

พื้นที่ภายนอกมีสระว่ายน้ำพร้อมสวนสวยและศาลาให้ได้ออกมานั่งเล่นนอนเล่นรับลม



หรือจะทอดตัวลงผ่อนคลายตรงจากุซซี่ภายในสระว่ายน้ำก็สบายไม่แพ้กันค่ะ



วิลล่าของที่นี่ถูกสร้างให้กลมกลืนไปกับธรรมชาติและโดดเด่นด้วยสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ การออกแบบสไตล์โมร๊อกโค ผสมกับเมดิเตอร์เรเนี่ยน



การตกแต่งของปารดีโดยรอบจะเน้นโทนสีเหลืองทอง และสีม่วงค่ะ



เตียงนอนสไตล์ฟรุ้งฟริ้งแบบเจ้าหญิง ดูโรแมนติกน่านอนมากๆเลยค่ะ



ขาวนุ่มนอนสบาย ลืมบอกไปว่าก้าวแรกที่เข้ามาในห้องพักทุกอย่างถูกเตรียมไว้พร้อมมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิของแอร์ที่เย็นกำลังดี กลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหยและเสียงเพลงสไตล์บอซซ่าที่แผ่วเบาตามจังหวะชวนให้เคลิบเคลิ้ม



ไวน์ที่เลือกไว้จากบนฝั่งมารออยู่ในห้องพักเรียบร้อยค่ะ



พร้อมด้วย welcome fruit



Garden Pool Villa และ Beachfront Pool Villa ห้องพักออกแบบคล้ายๆกันค่ะ ต่างกันที่วิว แต่ layout ห้องพักหลักๆจะแบ่งเป็น 2 แบบคือแยกส่วนห้องนอนกับห้องนั่งเล่น กับแบบที่ส่วนนั่งเล่นอยู่ปลายเตียง



ส่วนของห้องน้ำก็ออกแบบได้กว้างขวางมีการแยกสัดส่วนห้องน้ำและส่วนอาบน้ำแบบ open air



อีกส่วนที่ต่างคืออ่างอาบน้ำห้อง 2 แบบนี้จะมีทั้งแบบที่อ่างอาบน้ำอยู่ด้านในและด้านนอกแบบโอเพ่นเลยค่ะ บีชฟร้อนท์พูลวิลล่ายังมีห้องอาบน้ำที่สามารถเห็นวิวทะเลได้ด้วยค่ะ



ส่วน Beachfront Pool Villa หมายเลข 101 และ 102 หลายคนอาจจะสงสัยว่าแตกต่างจากหลังอื่นยังไง หลักๆคือตำแหน่งของวิลล่าค่ะ อยู่ตรงปลายสุดเลยเห็นวิวโค้งๆของหาดแบบนี้ค่ะ



เดี๋ยวจะพาไปชมห้องพักแบบที่หรูหราที่สุดนะคะ Suite Villa ห้องนี้ตั้งอยู่ทางสุดโค้งของอ่าวกิ่วเลยค่ะ



Suite Villa นี้ถือเป็นอาณาจักรส่วนตัวได้เลยค่ะ ออกแบบได้กว้างขวางแบ่งสัดส่วนได้อย่างยอดเยี่ยม



สระส่วนตัวของห้องนี้กับบรรยากาศของทะเลงามๆ



ไม่แปลกเลยที่ Suite villa 100 นี้จะเป็นห้องพักที่หรูหราที่สุดเพราะนอกจากความกว้างขวาง การออกแบบที่สวยแล้ว วิลล่านี้ยังตั้งอยู่ในโลเคชั่นที่สุดยอดมากค่ะ คืออยู่สุดปลายของอ่าวกิ่วทำให้วิวนั้นงามจริงๆ ค่ะ



เตียงนอนของห้องนี้หันหน้าออกสู่ทะเลทำให้แม้เวลาพักผ่อนอิริยาบถอยู่บนเตียงก็ยังสามารถมองเห็นทะเล



ห้องน้ำของ Suite villa กว้างขวางมากแถมด้วย sea view เพิ่มสุนทรียภาพในการนอนแช่อ่าง



ส่วนของห้องนั่งเล่นถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่ามีการออกแบบการสร้างให้หลบเลี่ยงมุมต้นไม้โดยเลือกที่จะรักษาต้นไม้ไว้ค่ะ นั่นคือแนวคิดอย่างหนึ่งของปารดี คงความเป็นธรรมชาติไว้ให้มากที่สุด



พื้นที่โดยรอบจึงเขียวขจีด้วยต้นไม้



จริงๆให้ใช้เวลาอยู่ในวิลล่าทั้งวันยังไม่รู้เบื่อเลยนะคะ ไม่แปลกใจเลยที่ปารดีจะมีนักท่องเที่ยวจากทั้งแถบเอเชียและยุโรปมาใช้เวลาพักผ่อนมากมาย


แต่ด้วยความที่บรรยากาศด้านนอกวิลล่าที่ปารดีนั้นสวยสมชื่อสวรรค์ชั้น 6 จะมัวอยู่แต่ในห้องก็คงไม่ได้

เดี๋ยวพาออกมาเดินเล่นชมบรรยากาศรอบๆกันต่อค่ะ



นอกจากพูลวิลล่าสวยๆแล้ว จุดสำคัญของการพักผ่อนคือบริเวณสระว่ายน้ำของรีสอร์ทที่ตั้งติดริมชายหาดค่ะ



เตียงอาบแดดใต้ร่มสีขาวหันหน้าออกสู่ทะเลมองไปเบื้องหน้าเห็นน้ำทะเลใสๆ ฟินเกินบรรยาย



จริงๆเราตกหลุมรักปารดี ตั้งแต่เห็นมุมนี้แล้วล่ะค่ะ รักแรกพบเลยก็ว่าได้



ที่ปารดียังมีความสนุกรอบกายรอเราอยู่ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมพายเรือคายัค ดำน้ำ ล่องเรือใบ


รู้สึกขอบคุณธรรมชาติและสภาพอากาศที่เป็นใจ ถึงแม้เราจะไปเยือนปารดีในช่วงฤดูฝนทว่าชายหาดยังคงงดงาม แสงแดดที่สาดส่องยิ่งขับให้น้ำทะเลและชายหาดของอ่าวกิ่วสวยงามยิ่งขึ้น ทรายที่นี่ขาวและเนียนละเอียดจริงๆค่ะ



ช่วงบ่ายๆทางปารดีจะมีบริการ Afternoon tea set บริการให้กับแขกฟรีค่ะ ชาสามารถเลือกสั่งได้ทั้งร้อนและเย็น



สามารถมาทานตรงริมสระว่ายน้ำ ห้องอาหารหรือจะให้เสิร์ฟที่วิลล่าก็ได้ค่ะ ช่วงเวลา 15.00 -17.00



นอกจากนั้นที่ริมสระนี้ยังมี Refreshment @ Pool Bar ให้บริการยามบ่ายเป็นผลไม้เย็นชื่นใจหรือไอศครีม จริงๆแค่ได้มายืนอยู่ตรงสระว่ายน้ำ นั่งอ่านหนังสือสักเล่มหรือลงเล่นน้ำก็สดชื่นมากๆแล้วว่ามั้ยคะ



ชายหาดฝั่งตะวันออกของปารดีนั้นหาดทรายขาวละเอียดมากๆเลยค่ะ อยากเปรียบเทียบให้เห็นภาพถ้าใครเคยไปเกาะตาชัย หาดตรงอ่าวกิ่วนี้งดงามไม่แพ้กันเลยค่ะ ถึงได้บอกว่าปารดีนี่เหมือนมีใครยกเอารีสอร์ทสุดหรูมาตั้งไว้บนเกาะสวย



ในเวลาที่นั่งเรือมาแค่ 20 นาทีแบบนี้ถือว่าสุดยอดแห่งความประทับใจจริงๆค่ะ คนรักทะเลแบบเรามีความสุขมากที่ได้มาเยือน ณ ที่แห่งนี้คือแดนมหัศจรรย์ของคนรักทะเล



พาชมฝั่งตะวันออกของที่พักมากันเยอะแล้วเดี๋ยวพาข้ามไปชมอ่าวกิ่วอีกฝั่งนึงบ้างนะคะ


ปารดียังมี Sunset bar ที่รอมอบบรรยากาศยามเย็นที่สุดแสนประทับใจ



อากาศสบายมากๆเลยค่ะ เหมาะกับการมานั่งรับลมเย็นๆรอชมพระอาทิตย์ตก



ความประทับใจยังไม่ได้หมดแค่นั้นนะคะ ที่เห็นน้ำผลไม้ ไวน์ในห้องพักทั้งหมดนั้นยังไม่ใช่ Welcome drink แต่แขกทุกคนของปารดี ย้ำว่าทุกคนเลยนะคะ สามารถมาเลือก welcome drink ด้วยตัวเองที่มุมนี้ค่ะ สามารถเลือกอะไรก็ได้เลยในเมนูที่มูลค่าไม่เกิน 500 บาท



ถือว่าน่าจะเรียกความประทับใจจากแขกที่เข้าพักได้พอสมควรเลย ได้มานั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆท่ามกลางบรรยากาศดีๆ แบบนี้



บรรยากาศช่วงที่อาทิตย์กำลังตกค่ะ สุดยอดมากๆ จริงๆแล้ว Location ของปารดีเนี่ย สามารถชมทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้เลยค่ะ โดยช่วงเช้าสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นได้ตรงบริเวณสระว่ายน้ำ



ด้านในของ sunset bar



ฝั่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของ Fitness center ด้วยค่ะ



ฝั่งตะวันตกจะไม่มีส่วนของวิลล่านะคะมีเพียง Sunset Bar ,Fitness และห้องประชุม กลับมาชมบรรยากาศตอนค่ำของปารดี รีสอร์ทกันนะคะ



พามาดู Lobby กันบ้างดีกว่า จริงๆแล้วแทบไม่ได้มาใช้บริการส่วนนี้เลยค่ะเพราะการเช็คอินสะดวกเรียบร้อยมาตั้งแต่บนฝั่ง แต่ถ้าใครอยากหา DVD ไว้ชมในห้องก็มาเลือกดูที่ Lobby ได้เลยค่ะ



Paradee spa เดี๋ยวจะพาชมด้านในวันพรุ่งนี้นะคะ



ห้องอาหาร The Restaurant ซึ่งตั้งอยู่ใกล้สระว่ายน้ำเสิร์ฟอาหารทั้งนานาชาติและอาหารไทย



พากลับมาชม Suite villa สุดหรูในตอนกลางคืนกันบ้างค่ะ กลางวันว่าสวยแล้วกลางคืนยิ่งว้าวเลยค่ะ



สระว่ายน้ำวิวแบบนี้จะแช่น้ำชมวิวกลางวันหรือกลางคืนก็ฟิน



ภายในวิลลามีส่วนที่เป็นดาดฟ้า ไว้นอนเล่นชมดาวยามค่ำคืน



ระเบียงที่กว้างขวางมองเห็นวิวทะเล 180 องศา



ห้องนั่งเล่นของ Suite villa กับบรรยากาศตอนกลางคืน



โซฟาตัวยาวปลายเตียงไว้ให้นอนเล่นชมทะเล



เห็นเตียงแล้วง่วงเลยค่ะ



แต่ขอพาไปดินเนอร์ก่อนดีกว่า


มื้อค่ำนี้ขอเพิ่มความพิเศษด้วย Private Dinner on the beach หน่อยนะคะ เป็น Romance Package ที่ทางปารดีจัดเตรียมไว้ให้



บรรยากาศดีสุดๆไปเลยค่ะ ทานอาหารแบบใกล้ชิดติดทะเลแถมยังเป็นทะเลที่สวยมากๆแม้ในยามค่ำคืน



Starters เริ่มต้นด้วย Gratinated New Zealand Mussels



Salmon จานนี้อร่อยมากค่ะ



Truffle Cream Soup สุดยอดเลย เป็นโรงแรมบนเกาะที่ทำอาหารได้รสชาติดีทีเดียว



คั่นด้วย Sherbet Mango



Main Course Poached Tasmanian Salmon เสิร์ฟมาพร้อมผักโขม มันบดและเลมอนครีมซอส



อีกเมนูเป็น Sautéed Tiger Prawns



ของหวานเป็น Brownie Served with vanilla ice cream and chocolate sauce



ส่วนของห้องอาหาร The Restaurant เป็น All-day dining นำเมนูอาหารเย็นอีกคืนมาให้ชมด้วยเลยแล้วกัน เริ่มที่รวมมิตรปารดีค่ะ



สลัดกุ้งและอโวคาโด้



กุ้งกระเทียมพริกไทย



ปลาฟูผัดพริกขิงจานนี้อร่อยมากๆค่ะ



น้ำผลไม้สดชื่น



ในบางวันจะมีการ set up โต๊ะมื้อค่ำริมสระหรือริมชายหาดด้วยค่ะ



บรรยากาศริมสระว่ายน้ำในอีกช่วงเวลาที่งดงามที่สุด



สระว่ายน้ำที่นี่ขนาดใหญ่น่าว่าย เป็น Infinity edge pool ริมสระมี Pool Bar ไว้คอยให้บริการเครื่องดื่ม



ความเศร้าเพียงหนึ่งอย่างของเราในการเข้าพักปารดีคือการที่เราไม่มีโอกาสจะได้ชมพระอาทิตย์สวยๆขึ้นที่หน้าชายหาดของที่นี่เลยค่ะ เมฆเยอะมากๆๆๆ อ่อเศร้าอีกครั้งตอนที่จะต้องกลับ แบบว่าไม่อยากกลับเลย



อาหารเช้าของที่ปารดีมีทั้งส่วนที่เป็นไลน์ buffet และสั่งจากเมนูขอพาเดินชมเลยนะคะ


ผักสลัดกับ cold cuts แบบต่างๆ



ไลน์อาหารเช้าที่นี่คุณภาพค่อนข้างดีเลยนะคะ เมนูที่ให้สั่งจากเมนูก็หลากหลาย ไลน์ผลไม้สด โยเกิร์ต ชีสคุณภาพดี



ทันทีที่มานั่งที่โต๊ะพนักงานจะเสิร์ฟขนมปังพร้อม Homemade jam ของปารดีเองให้แบบนี้ทุกโต๊ะเลยค่ะ



อาหารที่สั่งแบบ A la carte มีให้เลือกหลายเมนูและที่สำคัญสามารถสั่งได้เรื่อยๆไม่จำกัดค่ะ


ซึ่งมีตั้งแต่ American breakfast สเต็ก



อาหารเช้าแขกของปารดีสามารถมาทานที่ห้องอาหารหรือให้จัดไปรับประทานภายในวิลล่าก็ได้ไม่มีชาร์จค่าใช้จ่ายเพิ่มค่ะ อันนี้ก็เป็นอีกจุดที่น่าประทับใจที่นี่รีสอร์ทนี้มีให้ เมนูอาหารไทยก็มีให้สั่งไม่ว่าจะเป็นข้าวต้ม เกี๊ยวน้ำหรือข้าวผัด



ความสดชื่นในยามเช้าที่ปารดี



ที่ปารดียังมีห้องสมุดเล็กๆรวบรวมหนังสือจากหลายๆประเทศไว้ให้กับผู้ที่รักการอ่านด้วยค่ะ



ขอพาทุกคนไปผ่อนคลายที่ปารดี สปากันต่อ



การนวดแบบฉบับปารดีจะเน้นการนวดตามธาตุ ห้องสปายังออกแบบแตกต่างกันตามธาตุด้วยค่ะ


ห้องสีแดงเป็นตัวแทนของธาตุไฟ



สปา Four Elements Massage Signature ของ Paradee Spa เป็นการนวดตามธาตุนวดผสมผสานโดยใช้เทคนิคพิเศษระหว่างการนวดไทยกับการนวดอโรม่าเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อปรับสมดุลของร่างกายและจิตใจคุณให้อ่อนโยน



ศาลานวดไทย



บรรยากาศของสระว่ายน้ำในตอนกลางวันเป็นศูนย์รวมความสุขของครอบครัวเลยก็ว่าได้ค่ะ



ปิดท้ายด้วยอาหารมื้อเที่ยงนะคะ ยำวุ้นเส้นแซ่บๆ



ปูนิ่มผัดพริกไทยดำ



ปลาอินทรีทอดยำมะม่วง



ต้มยำกุ้ง



ปิดท้ายด้วยขนมหวาน Blueberry cheesecake ค่ะ



ก่อนหน้าที่จะมีโอกาสได้มาพักที่ปารดี เพื่อนคนหนึ่งที่ไปพักรีสอร์ทหรูบ่อยๆเคยพูดว่าที่นี่บริการดีที่สุดเท่าที่เคยไปมาเลย ตอนนั้นก็คิดว่าคงดีมากในระดับหนึ่งจนได้มีโอกาสมาพักด้วยตัวเองก็ต้องขอชื่นชมในการให้บริการจริงๆค่ะ โดยทุกอย่างต้องขอขอบพระคุณท่าน GM ตลอดเวลาที่เข้าพักเห็น GM ลงมาดูแลแขกทุกๆท่านด้วยตัวเองตลอด เดินดูทุกอย่างด้วยตัวเองตลอดเวลาขนาดหลายครั้งที่เรากลับเข้าไปพักผ่อนในห้องแล้วเดินออกมาก็ยังเห็น GM คอยเดินดูแลความเรียบร้อยทุกๆด้านด้วยตัวเองตลอด



ในทุกๆครั้งที่ต้องส่งแขกกลับพนักงานปารดีจะมายืนตั้งแถวโบกมือลาจนกว่าสปีดโบ๊ทจะลับสายตาไป ตอนที่มาถึงก็เช่นกันค่ะจะมาตั้งแถวต้อนรับรอมอบผ้าเย็นและพวงมาลัย



การมาเยือนเสม็ดครั้งแรกของเรานั้นต้องขอบอกว่าต้องมนต์เสม็ดเสร็จปารดีเข้าจริงๆค่ะ กลับมาแล้วก็ยังคงคิดถึง ตลอดการเข้าพักเรียกได้ว่า 3 วันเต็มๆก็พยายามจะหาข้อติของที่นี่นะคะเพราะเดี๋ยวจะดูเหมือนมีแต่ข้อดีไปซะหมด แต่ยอมรับว่าหายากจริงๆค่ะ นอกจากเรื่องทำเลที่ตั้งอยู่เป็นส่วนตัวอาจจะเดินทางไปเที่ยวหาดอื่นลำบากหน่อย แต่ส่วนตัวเรากลับคิดว่านั่นคือข้อดีเพราะมาพักปารดีเหมือนมาพักผ่อนบนเกาะส่วนตัวเลยค่ะ ที่เหลือก็อาจจะสามารถพบแมลงหรือสัตว์บางประเภทได้บ้างแต่ภายในห้องมีข้อความแจ้งผู้เข้าพักไว้ค่ะว่าที่ที่เราอยู่อาศัยก็เป็นบ้านของสัตว์เหล่านั้นตามธรรมชาติเหมือนกัน ตอนไปก็ไม่เจออะไรนะคะ มีความสุขตลอดการเข้าพักค่ะ



กลับจากปารดีแล้วจะพาทุกคนไปเที่ยวสนุกอิ่มอร่อยกับผลไม้หลากหลายชนิดที่สวนสุภัทราแลนด์ด้วยกันค่ะ


เดินทางมาถึงสวนสุภัทราแลนด์จอดรถภายในบริเวณลานจอด รถ แล้วแลกซื้อบัตรเข้าชมสวนพร้อมทานผลไม้บุฟเฟ่ต์ที่ด้านหน้าค่ะ การชมสวนเขามีรถไว้บริการให้นั่งชมสวน ตอนแรกคิดว่าค่าบัตร 300 บาทดูแพงนะคะแต่พอได้ชมรอบๆสวนแล้วคุ้มค่ามาก ครอบครัวที่มีเด็กๆมาด้วยก็น่าจะสนุกและได้ความรู้กลับไปค่ะ ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สร้างสรรค์



ว่าแล้วก็ออกเดินทางชมสวนกันเลย


"สวนเงาะ" มีเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมสวนและเก็บเงาะสดๆรับประทานจากต้น โดยทางสวนจะเตรียมอุปกรณ์ไว้ให้ เปิดบริการเฉพาะเดือน เมษายน - เดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่เงาะยังให้ผลผลิต



จุดที่สอง ซุ้มกระท้อน เป็นซุ้มผลไม้รวม มีตั้งแต่ ทุเรียน มังคุด สละ แก้วมังกร ส้มโอ มะม่วง ลำไย ลองกอง มะเฟืองหวาน ชมพู่ สับปะรด เป็นต้น ซึ่งผลไม้ทั้งหมดนี้จะหมุนเวียนให้ผลผลิตตาม ฤดูกาลและจะมีพนักงาน บริการปอกผลไม้ให้ทานทุกชนิด นักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาอยู่ในสวนได้นานเท่าไรก็ได้ตาม ความต้องการ ของนักท่องเที่ยว โดยทางสวนไม่ได้จำกัดเวลาในการชม



ฤดูกาลผลไม้จะอยู่ในช่วงเดือนเมษายน–เดือนมิถุนายน ซึ่งจะเป็นช่วงที่มีผลไม้ออกมาพร้อมกันมากที่สุด



ทีเด็ดคงอยู่ที่ทุเรียนใครชอบทานคงปลื้มค่ะ ทุเรียนสวนนี้เองอร่อย



ระหว่างที่รถวิ่งไปเรื่อยๆก็จะเจอสวนผลไม้นานาชนิดค่ะ อยากแวะจุดไหนบอกคนขับได้



ที่สวนสุภัทราแลนด์ยังมีไร่องุ่นด้วยค่ะ ช่วงที่ไปกำลังออกผลเลย



"ศาลาองุ่น" มีองุ่นสดๆให้ชิม พร้อมเสิร์ฟด้วยส้มตำอันเป็นเมนูยอดนิยม



ที่สวนยังมีการปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกส์ และนำผักมาทำสลัดให้นักท่องเที่ยวทานด้วยค่ะ



นอกจากนี้ยังมีการสาธิตวิธีการเลี้ยงผึ้งและวิธีการพิสูจน์ว่าน้ำผึ้งแท้ดู กันยังไงเผื่อหลายๆท่านอยากจะไปซื้อ น้ำผึ้งตาม ตลาดมาทานจะได้รู้ว่าน้ำผึ้งนั้นของแท้หรือเปล่า



การเดินทางไปสวนสุภัทราแลนด์


1. โดยรถยนต์ส่วนตัว

- สายมอเตอร์เวย์(สาย 7 ) มุ่งหน้าสู่จังหวัดระยอง ท่านสามารถเลี้ยวซ้ายเข้าถนน 3138 บ้านบึง-บ้านค่าย ถึงบ้าน ค่ายเลี้ยวขวาสามแยกโรงพยาบาลบ้านค่ายหลังจากนั้นจะผ่านโรงพยาบาล บ้านค่ายให้เลี้ยวซ้ายสามแยก เลยโรงพยาบาลมุ่งหน้าสู่อำเภอนิคมพัฒนาระยะทาง 8 กม.

- มาจากตัวเมืองระยองให้ใช้ถนนสาย 3138 มุ่งหน้าสู่ตัวอำเภอบ้านค่าย ระยะทาง 9 กม.จะถึงทางเบี่ยง ขวาไป บ้านบึงให้ตรงเข้าตัวอำเภอบ้านค่าย หลังจากนั้นจะผ่านโรงพยาบาลบ้านค่ายเลย โรงพยาบาลมา จะถึงสาม แยกให้เลี้ยวซ้าย มาอีก 8 กม. สวนจะอยู่ทางด้านขวามือปิดท้ายรีวิวด้วยอาหารทะเลสุดอร่อยที่ร้านแหลมเจริญซีฟู้ดนะคะ



เมนูที่แทบทุกโต๊ะต้องสั่งเมื่อมาแหลมเจริญ ปลากะพงทอดน้ำปลาค่ะ



ปลาหมึกแดดเดียวอร่อยมากเลยค่ะ ทอดมาร้อนๆไม่เหนียวเลย



หอยตลับผัดน้ำพริกเผา



อีกเมนูที่ฟินมากๆ ปูม้านึ่งค่ะ ฟินตรงแกะมาให้แล้ว ทานกับข้าวสวยและน้ำจิ้มซีฟู้ด อร่อยมากๆ



ปิดท้ายด้วยปลาหมึกย่าง สรุปทานกันไม่หมดเลยค่ะ แต่ชอบมากอาหารสดอร่อยทุกอย่าง



ราคาอาหารมื้อนี้ค่ะส่วนตัวคิดว่าสมราคา อาหารไม่ได้แพงเวอร์ สำหรับวันนี้ขอบคุณทุกคนที่แวะมาเที่ยวด้วยกันนะคะ



พากันเที่ยว

 วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 21.58 น.

ความคิดเห็น