โฆ๊ะผะโด๊ะ????

คืออีหยัง?

เมื่อเพื่อนชวนไป โฆ๊ะผะโด๊ะ กันไหม เพื่อนจะไปทำงานอาสาทำถนนขึ้นเขาที่ วัดโฆ๊ะผะโด๊ะ ที่ว่านี้ ด้วยความเป็นคนดี ความดีในตัวก็ต้านทานไม่ไหว ตัดสินใจไปเข้ากลุ่มแก๊งอาสากับเขาไปแบบงงๆ??

โฆ๊ะผะโด๊ะ (ภาษากะเหรี่ยงแปลว่าวัดใหญ่) เป็นชื่อวัดที่อยู่บนดอยอมก๋อย หรือคนแถวนั้นเรียกเจดีย์โลกะวิทู

การมาที่โฆ๊ะผะโด๊ะนั้นลำบากเอาเรื่อง แต่ด้วยทริปนี้เป็นทริปคนดีช่วยเหลือสังคม คนจิตใจดีอย่างเราย่อมอดทน และต้องทำให้ได้

การเดินทางขึ้นเขาโฆ๊ะผะโด๊ะ เราขึ้นทางอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก คนแถวนั้นบอกว่า เดินได้ แค่ 16 เอง แค่นี้สบายยยมาก บอกเลย

นี่คือเส้นทาง ที่เราต้องเดินทางไป คนแถวนี้บอกว่าเป็นเส้นทางที่ชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่ใช้เดินทาง ถนนที่เห็นเป็นถนนที่มีอาสาสมัครมาทยอยช่วยกันสร้าง ปีละหลายกิโล จนกว่าจะครบ 16 กิโล ตอนที่เราไปนี่สร้างถึง กม.7 แล้ว

พาหนะ ของเราจาก กม.0 - กม.ที่ 7 สบายๆๆ รถขนทราย นั่นเอง การขับขี่ที่เป็นทางโค้งภูเขา ที่เป็นทางโค้ง และชัน สลับๆกันไป บวกกับแรงรถที่คิดว่าน่าจะเข้าเกียร์ได้ 2 เกียร์นั้น ทำเราปวดเมื้อยไปทั้งตัวเลยจ้า

ที่เห็นอยู่นั่น หาใช่หมอกเมืองหนาว แต่เป็นฝุ่น!!! รัวๆๆ แไปเลยจ้า

ตลอดเส้นทาง จะเจอบ้านเรือนของชาวบ้าน อยู่ตามทางไม่ขาดสาย เป็นหมู่บ้าน สลับไร่

ศาลาหมู่บ้านเล็กๆระหว่างทาง มีธงปัก เพื่อให้รู้ว่าเรายังอยู่ในเขตประเทศไทยนะ เผือเดินเพลิน

และแล้วเราก็มาถึง ...กม.7 ที่เห็นไกลๆ นั้นคืออีกหนึ่งหมู่บ้าน

เราขนทรายลงไว้เสร็จ รถก็กลับลงไป แต่เส้นทางสู่โฆ๊ะผะโด๊ะ ยังต้องไปต่อ อีก 9 กม. เราคิดว่าสบายๆ แค่นี้เอง เดินไม่นานก็ถึง

จุดเช็คอิน ก.ม 11 ดอยเปเปอร์ เป็นหน่วยจัดการต้นน้ำ ที่นี่เป็นจุดแวะพัก วิวที่นี่ก็สวยไม่แพ้กัน แต่เบื่องหลังคือจาก กม.7 มาถึง 11 เหมือนจะตายเลย เหนื่อยมาก แทบหมดเรี่ยวแรง ใช้เวลาเกือบ 2ชม. และเราต้องไปถึงโฆ๊ะผะโด๊ะ ก่อนค่ำไม่งั้นจะมืดและอันตรายด้วย

วิวข้างทาง ก็ทำให้เราหายเหนื่อยไปได้เป็นพักๆ แต่ถึงกระนั้นก็ยังเหนื่อยอยุ่ดี แต่อยู่ดีๆ เราก็ได้ยินเสียงรถยนต์ผ่านมา โอ้วววว สวรรค์โบกสิค่ะ รออะไร เป็นรถของพี่เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนของที่นี่ค่ะแต่พี่เขาบอกว่า พี่เขาไปถึงโฆ๊ะผะโด๊ะไม่ได้ ต้องเป็นรถโฟร์วีลเท่านั้น เกียร์ธรรมดาไม่สามารถไปได้ เราเลยบอกว่าขอติดไปถึงตรงไหนก็ได้ พี่เจ้าหน้าที่เล่าว่า ที่สี่ส่วนใหญ่ทำไร่ข้าวโพดเป็นหลัก สลับกับปลูกข้าวไร่

หลังจากพูดคุยกันมาตลอดทาง แล้วพี่เขาก็ส่งเราถึงทางเข้าโฆ๊ะผะโด๊ะ เดินต่ออีกไม่ไกล แต่เราลืมถ่ายรูปและถามชื่อพี่เขาซะงั้น

และแล้วเราก็เดินทางมาถึง โฆ๊ะผะโด๊ะ

ในเวลายามเย็น ที่นี่เป็นวัดเล็กๆสงบๆ เรียบง่าย ไฟฟ้ามีจำกัด ต้องรีบกางเต้นท์ อาบน้ำ เตรียมทำอาหารเย็นกันที่นี่

พระอาทิตย์ตกที่โฆ๊ะผะโด๊ะ

Camping ที่เงียบ สงบ กลางคืนอากาศที่นี่หนาวจัดเลยนะคะ ต้องขอความอบอุ่นจากกองไฟ

อาหารเย็นคืนนี้ คือ มาม่าคัพ มันช่างอร่อยมากๆเลย รู้สึกได้ว่าเป็นมาม่าที่อร่อยที่สุดเลย

ที่นี่ดาวเยอะมาก ใครชอบถ้ายดาวน่าจะชอบเลยนะคะ

ที่ค่ำเร็วมาก สี่ทุ่มทุกอย่างเงียบสงัดมืดมิด

ตื่นเช้ามารับอรุณแรก ที่โฆ๊ะผะโด๊ะ บรรยายความงามไม่ถูกเลยค่ะที่นี่

แสงแรก


คณะผู้ก่อการดี ทุกคนล้วนเป็นคนดี กับแสงแรก ที่หน้าไม่ล้างและฟันยังไม่แปรง 55555

ใกล้ๆวัดก็มีบ้านคนอาศัยอยู่ เขามีรั้วกั้น ไม่ให้วัวเข้า เลยเข้าไม่ได้ 55555


และแล้วก็ขอเข้าจนได้ ขอเข้าไปถ่ายรูปในดงเฟิร์นหรือป่าวไม่แน่ใจ แต่เหมือนเฟิร์นนะ

การได้ไปยืนจุดนี้เราได้เห็นความกว้างใหญ่ของแผ่นดิน ความรู้สึกใกล้ฟ้า มันเป็นแบบนี้เอง

บอกลาโฆ๊ะผะโด๊ะ ด้วยภาพนี้ กับเพื่อนใหม่ แมวสีดำ

ปล.โฆ๊ะผะโด๊ะอยู่ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ นี่งงมากเดินข้ามจังหวัดเลยหรอ และรู้มาอีกว่ามีถนนลาดยางมาถึงอมก๋อยด้วยจ้า แต่ข้าพเจ้ามาทางที่ทรหดมากๆ แต่ชอบมากๆๆเลยนะ รู้สึกสนุกมากๆ ที่มาพร้อมคณะอาสาครั้งนี้

ปล.2 เส้นทางนี้เขานิยมมาขับรถโฟร์วีลกัน ไม่ค่อยมีใครมาเดิน (สลับโบกรถ) แบบนี้

สำหรับใครที่จะมา บอกทางไม่ถูกเลย ถ้ามาเองก็ google map โลด

เครื่องบิน ลงสนามบินแม่สอด แล้วหารถจากแม่สอด มาที่ท่าสองยาง มาหาวัดคูบาศรีวิชัย แล้วเริ่มจากตรงนั้นแหละ

ทางขึ้นมี2ทาง คือขึ้นทาง จ.ตาก แบบเรา กับ ขึ้นทางอมก๋อย เชียงใหม่

อาจมายากมากๆๆ แต่ถ้าได้มาแล้วจะหลงรักที่นี่เลยค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ เดี๋ยวจะทยอยเขียนเล่าเรื่องเที่ยวของเราอีกเรื่อยๆค่ะ

ขอบคุณเพื่อนลุย ที่ถ่ายรูปให้ และ ชวนไปงานอาสานี้ ขอบคุณมากๆเด้อ


ความคิดเห็น