India...ที่คิดถึง
- แตรรถ
- กลิ่นตัวแขก
- ความวุ่นวาย
- อาหารอร่อยและไม่สะอาด
- ห้องน้ำไม่สะอาด
หลายๆอย่างที่เราเคยได้ยินจากอินเดีย วันนี้เราจะพาเดินทางไปดูอินเดียอีกมุมนึง ที่แน่นอนว่าจะทำให้มองอินเดียได้ต่างออกไป หรือ อาจทำให้รู้จักอินเดียได้มากขึ้นค่ะ
การเดินทางของเรา เดินทางในช่วงเดือน ธันวาคม ซึ่งเป็นฤดูหนาวของรัฐราชาสถาน อักรา เดลี โซนๆนี้ค่ะ ตอนดูตามแอพแสดงอุณหภูมิ อากาศ ประมาณ 10 องศา ก็คิดว่าสบ๊าย ไม่น่าหนาวมาก แต่พอไปถึงเท่านั้นแหละ โอ้โหววววว ความหนาวเข้าไปถึงกระดูก แอพนี่ถูกป่าวว่ะ ใครจะไปช่วงนี้แนะนำ ชุดกันหนาวแบบจัดเต็มเลยนะคะ อากาศหนาวจนจมูกแตก แสบไปทั้งจมูกเลยค่ะ
การเตรียมตัว
- เสื้อผ้ากันหนาว แบบจัดเต็ม
- แผ่นแปะ ให้ความร้อน
- ยาต่างๆโดยเฉพาะยาคลายกล้ามเนื้อ เพราะหนาวจนตะคริวจะกินได้เลยค่ะ
- มาร์สปิดจมูก เพราะฝุ่นแสบคอไปหมดเลยจ้า
- ถ้าใครจะนอนรถไฟ แนะนำเอา ถุงนอน อุ่นแน่นอนค่ะ
- ซื้อน้ำหนักกระเป๋าขากลับด้วย เหลือดีกว่าขาด เพราะที่สนามบินนี้คิดเรตค่าตั๋ว 946 รูปี/กก ซึ่งแพงมากหลายคนโดนเพราะที่นี่ของถูก ช็อปเยอะ อย่างน้อย 30 กก ไปเลยค่ะ // เตือนภัย
การเดินทางเราเดินทางจากสนามบินดอนเมือง เดินทางกับ Air Asia ไปลงที่สนามบิน Jaipur (ชัยปุระ) ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. เราเดินทางไปถึงสนามบิน เป็นเวลา 5 ทุ่ม อย่างหนาวเหน็บ เรียก Uber มารับ โรงแรม
ภาพห้องน้ำในสนามบิน สวยมาก
ภาพแรกของ ชัยปุระ เลยเป็นเมืองเงียบๆ รถไม่เยอะ รถกวาดถนนกำลังกวาดถนน ถนนโลง และภาพที่ต้อนรับเราสู่เมือง ชัยปุระ คือภาพนี้
.
ภาพของ Hawa Mahal อันโด่งดัง ในช่วงกลางคือไม่มีผู้คน ไม่มีใครแย่งถ่ายรูป ถ้าไม่ติดว่าหนาวมากจะยืนซึมซับนานๆเลยค่ะ สวยงามมากก
คืนนี้เรารีบนอนพัก เพราะเช้าวันต่อมาเรามีภาระกิจ ต้องไปทำ Workshop ทำผ้าพิมพ์ ที่หมูบ้านทำผ้า ชื่อหมู่บ้าน Bagru ตอนเช้า ด้วยความที่เราสนใจเรื่องผ้าพิมพ์ลายพื้นเมืองของอินเดีย เราจึงสนใจที่จะไปทำ workshop เพื่อเรียนรู้งานฝีมือ ที่มีคุณค่าของอินเดีย
รถขายผักหน้าตอนเช้า hostel
เรานัดรถ 9.00 ที่ hostel เพื่อที่จะเดินทางไปหมู่บ้าน Bagru เราอ่าน บากรู คนขับบอกว่า ไช่ต้องอ่านว่า บาการู ออกเสียง รรรรรร ให้ชัดด้วย 555555
หมู่บ้านบาการู เป็นชุมชนเก่าแก่ที่ทำผ้าพิมพ์ลายพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงมากๆของเมืองชัยปุระ โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า Block Print เราจะไปเรียนรู้พร้อมๆกันค่ะ
ผ้าพิมพ์ลาย หรือ Block print fabric เป็นการแกะลายลงบนไม้ (wood cut) เพื่อพิมพ์ลงบนผ้า เป็นเทคนิคหนึ่งของงานภาพพิมพ์ ซึ่งเป็นวิธีการพิมพ์ลายแบบโบราณของอินเดีย
ฺBlock Print ของอินเดีย พิมพ์ด้วยสีธรรมชาติ ลงบนผ้าฝ้าย
ช่างพิมพ์ผ้า
สีดำจากเหล็ก เอาไว้พิมพ์ลงลาย ลงดีเทล
ช่างผู้มาสอนเราทำ workshop ครั้งนี้ ชื่อ Ram Dosaya ทายาท โรงพิมพ์ผ้า Dosaya Feb&Print ของเมือง Bagru
ลายผ้าของข้าพเจ้าเอง
หลังจากพิมพ์ผ้าเสร็จ ตากให้แห้ง 2 ชม. จากนั้นเอามาต้ม เพื่อเอายางไม้บนผ้าออก
ซักผ้า แบบฟาด โกรธใคร คิดถึงหน้าคนนั้น 55555
ตากผ้ากันบนพื้นกันเลย
ย้อมคราม Indigo
การมาเรียนวันนี้สร้างความปรับทับใจกับเรามากๆ ใครจะมาเดี๋ยวทิ้งชื่อเบอร์โทร สำหรับทำ workshop ให้นะคะ แนะนำว่าถ้าสนใจต้องอุทิศให้กับการทำผ้าเต็มๆ 1 วันเลยค่ะ
อาหารอินเดียมื้อแรก จ้า
หลังกินอาหารอินเดีย ต้องกินเครื่องเทศ ขัดฟัน และดับกลิ่น รสชาติเหมือน แฮคส์ ที่เราอมตอนเด็กๆ มันดีจริงๆ เย็นๆ
หลังจากที่เรากลับจากบาการู ต้องรีบนอนเพราะมีแพลนจะไปเมืองต่อไปโดยรถไฟ และรถไฟ ออกตอน ตี 4 และต้องออกจาก hostel ตี3 เลยต้องรีบนอนเอาแรง และเมืองต่อไปที่จะไปคือ
เมือง Agra อักรา หลายคนอาจไม่รู้ แต่ที่นี่คือเมืองที่เป็นที่ตั้งของทัชมาฮาล นั่นเองจ้า
สถานีรถไฟ อากาศที่หนาวเหน็บ
เราจองรถไฟ ชั้น3 แบบปรับอากาศ AC3 tier เอาจริงๆสบายเลยนะ ไม่ลำบากอย่างที่คิด นอนกันไปยาวๆ (ตั้งนาฬิกาปลุกด้วย) เดี๋ยวเลย 55555
ถุงผ้าเช็ดตัว ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ที่สะอาดมากๆ
น้องเตียงฝั่งตรงข้าม ตื่นแต่เช้าเลย ตื่นมาดูหมอก
พอใกล้ถึงสถานีต่างๆคนที่จะเตรียมตัวให้พร้อม เพราะรถไฟจอดแปปเดียวเท่านั้น ต้องรีบลง รีบขึ้น ภาพน้องคนเดิมที่ไม่ยอมแต่งตัวซะที จนพ่อต้องดุ และบอกใส่เสื้อได้แล้วมันหนาว 55555
และแล้วเราก็ถึงเมืองอักรา เมืองนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวขั้นสุดเราต้องระวังตัวเองขึ้นอีกระดับ เพราะจะมีคนใจดี คอยช่วยเราแบบเยอะเกินไป พอเดินออกมาพบว่า การจัดการแท็กซี่ดีเลย ไม่ให้เข้ามาในเขต ไม่จู่โจมนักท่องเที่ยว แนะนำให้เดินไปตามป้าย Gov.taxi อันนี้จัดระเบียบโอเค หรือเรียก Uber แต่ของเราหมุดมันงง โดนยกเลิกไป 3 ครั้ง (การยกเลิกเราต้องเสียค่าเสียเวลาให้คนขับ ต้องไปแจ้งว่าคนขับยกเลิกไม่ใช่เรา)
การจัดการแท็กซี่ ไม่น่ากลัวเท่าไหร่นะ ดูปลอดภัยขึ้น
ในวันนี้หมอกลงจัดมากตอนที่เรามาถึง 9 โมงกว่าหมอกยังลงจัด น่าจะมีทั้งหมอก และ pm 2.5 ที่ปนๆกัน 5555 ที่นี่หนาวกว่าที่ชัยปุระมาก เราไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ เนื่องจากหนาวจัดและหมอกลง ได้ออกไปเที่ยวอีกที ตอนช่วงบ่าย
วันนี้ทังวันเราจะไปเดินทาง ไป "ทัชมาฮาล" อนุสรณ์สถานแห่งความรัก และเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
ทัชมาฮาล เป็นสุสานของพระนาง มุนตาส มาฮาล พระชายาอันเป็นที่รักของ พระเจ้า ชาห์ชะฮัล สร้างด้วยหินอ่อน และประดับตกแต่งด้วยอัญมณีมากมาย การก่อสร้างใช้เวลานานกว่า 22 ปี ถือว่าเป็นการออกแบบที่สวยงาม และ สมมาตร การออกแบบทัชมาฮาลได้รับการยกย่องทั้งเทคนิค วัสดุ ที่ถือว่าน่าอัศจรรย์ มากค่ะ
ทางเข้าทัชมาฮาล ทำจากหินทราย และหินศิลาแลง มีหินอ่อนที่ประดับด้วยอัญมณีประดับตกแต่งให้เป็นลายพฤกษา สวยงามมากๆค่ะ
การออกแบบทัชมาฮาล ถูกออกแบบการมองตั้งแต่เข้าประตู เราจะมองไม่เห็นทัชมาฮาลจากด้านนอกประตู แต่ทัชมาฮาลจะค่อยๆเผยให้เราเห็นในทุกๆก้าวที่เราก้าวเข้าไป (ตอนที่เราไป หมอกลงเยอะมากค่ะ) ตื่นเต้นมากๆค่ะ
ทัชมาฮาลในวันที่หมอกหนา
คนรอต่อแถวขึ้นทัชมาฮาล กันเยอะมากๆ
ทัชมาฮาลตั้งอยู่ริมแม่น้ำยมุนา ถ้ามาช่วงเวลาอื่นอาจได้นั่งเรือในแม่น้ำ แต่มาฤดูนี้หนาวมาก มีแต่หมอก และไม่มีเรือสักลำเลยค่ะ
นี่บ่ายคล้อยแล้ว หมอกยังไม่จางเลยจ้า เพลงพี่เบิร์ดก็ลอยมาเลย หมอกจางจางและควัน...
ที่ต่อไปที่จะพาไปคือ ป้อมอักรา ที่เป็นสถานที่สำคัญเป็นมรดกโลก ทางสถาปัตยกรรม
ป้อมอักรา เป็นป้อมปราการขนาดใหญ่สร้างจากอิฐและหินทราย เป็นป้อมของพระราชวัง ที่มีการสร้างต่อเติมกันมาหลายยุคหลายสมัย จุดเด่นของที่นี่ คือ สถาปัตยกรรม ที่สวยงามเป็นศิลปะแบบโมกุล สถาปัตยกรรมโมกุลเป็นรูปแบบหนึ่งของสถาปัตยกรรมอินโด-อิสลาม (Indo-Islamic architecture)
สถาปัตยกรรมแบบนี้เป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของจักรวรรดิก่อน ๆ ในอินเดีย เช่น สถาปัตยกรรมอิสลาม สถาปัตยกรรมเปอร์เซีย สถาปัตยกรรมตุรกี และ สถาปัตยกรรมอินเดีย ลักษณะสำคัญคือโดมทรงบัลบัสขนาดใหญ่ หอมินาเรตที่ขอบบาง โถงขนาดมหึมา ทางเข้าที่เป็นหลังคาทรงโค้ง และการตกแต่งที่วิจิตร
พระราชวัง พระราชวังพระเจ้าชายหันกีร์
พระราชวังหินอ่อน
ดิวัน-อิ-อัม (Diwan I Am) หรือ ท้องพระโรง
ที่นี่เดินเพลินๆ ถ่ายรูปสวยทุกมุม ด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ถ่ายมุมไหนก็สวยค่ะ
หลังจากที่เราเพลิดเพลิน อยู่พักใหญ่ๆก็ถึงเวลากลับ เพราะคืนนี้เรามีคิวเดินทางไกล ใช้เวลากว่า 16 ชม. โดยรถไฟอินเดียอีกครั้ง ครั้งนี้เราจะกลับเข้าไปแคว้นราชาสถาน ไปเมืองที่ได้ชื่อว่าพระอาทิตย์สวยที่สุด และโรแมนติกที่สุด เมือง Udaipur อุทัยปุระ...
แขกขายถั่ว ริมถนนจาก ป้อมอักรา
เราเป็นคนที่ชอบ ถ่ายรูปร้านค้าเล็กๆ และผู้คน
การขึ้นรถไฟอินเดียเดียวเราเขียนรีวิวแยกอีกอีกรีวิวนึงนะคะ แต่โดยรวมแล้วรถไฟอินเดีย เราโอเคมากเลยนะ
คุณลุงเพื่อนร่วมทางที่รอขึ้นรถไฟเหมือนกัน
ในระหว่างที่รอรถไฟ อยู่ดีๆน้องวัว ก็เดินเข้ามาในชานชลาเกือบชนข้าพเจ้าค่ะ คืองงมากจ้า มาได้ไง น้องข้ามทางรถไฟมาได้ยังไงเอ่ยยย
เมือง Udaipur ได้ชื่อว่า City of lakes เมืองแห่งทะเลสาบ มีทะเลสาบ โดยเป็นเมืองที่มีทะเลสาบล้อมรอบ เป็นเมืองที่สุดแสนจะโรแมนติกมากๆเลยค่ะ
บนรถไฟ แดดยามเช้าก่อนถึงเมือง udaipur ที่เราเลือกรถไฟเที่ยวเย็น เพราะจะเดินทางมาที่เมืองนี้ตอนเช้าพอดี สถานีรถไฟที่นี่ขนาดเล็กๆ ที่มีงานจิตรกรรมฝาผนังมากมาย เมืองนี้มีชื่อเสียงด้านภาพวาดจิตรกรรม
เมือง Udaipur บนดาดฟ้าของที่พักเราเอง
บนดาดฟ้า คนเมืองนี้ก็จะออกมาทำกิจกรรมบนดาดฟ้า ซักผ้า ตากผ้าบ้าง
2หนุ่ม ที่กำลังตากผ้า และยิ้มให้เรา
สถานที่ท่องเที่ยวของที่นี่ คือพระราชวัง วันนี้จุดหมายเราคือการเข้าชมพระราชวัง และ ไปชมพระอาทิตย์ตกริมทะเลสาบค่ะ
พระราชวังที่นี่เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ ให้เข้าชม เพื่อดูความงามของสถาปัตยกรรมที่นี่ ที่นี่ร้างด้วยหินอ่อนบ้าน ตกแต่งด้วยอัญมณีบ้าง สวยงาม วิจิตตระการตามากๆค่ะ
ช่องประตู หน้าต่าง ระเบียง สลักไว้อย่างสวยงาม
ภายในจะมีห้องสีต่างๆ สีฟ้า สีเหลือง เพื่อใช้พักผ่อน หรือ เป็นห้องบรรทม
หน้าต่างที่มองเห็นเมืองทั้งเมือง
จากพระราชวัง เราก็หาร้านนั่งกินข้าวเพื่อชมวิว พระอาทิตย์ตกริมทะเลสาบ
ยิ่งพอพระอาทิตย์จะตกดิน เมืองนี้ทั้งเมืองก็ให้ความรู้สึกโรแมนติกมากๆๆ อบอุ่นมากๆค่ะ
พระราชวังกลางน้ำยามค่ำคืน มือสั่นไปหน่อยยยค่ะ
ท่าน้ำริมทะเลสาบ คู่ใครคู่มัน โลกทั้งใบเป็นสีชมพู บอกแล้วเมืองนี้โรแมนติก
เมืองนี้เอาจริงๆความงามของที่นี่คือการนั่งให้ลมเย็นๆพัดหน้า แล้วมองเมืองสวยๆอย่างช้าๆ เราว่าเมืองนี้มีเสหน่ห์มากๆเลยค่ะ
จากเมืองนี้เราจะเดินทางต่อไปอีกเมืองหนึ่ง ที่คนไทยคุ้นหูกันอย่าง
จอดห์ปูร์ Jodhpur เมืองสีฟ้า
ไปเมืองนี้เราเดินทางด้วยรถยนต์เช่า เพราะไม่ได้ห่างกันมากใช้เวลา 4ชม. และเผื่อจะถ่ายรูปที่ต่างๆ เลยคิดว่ารถน่าจะเหมาะกว่า
ด้วยวันที่เราเดินทางคือวันที่ 31 ธ.ค. วันสิ้นปี คนขับรถเลยขอลงไปจอดให้อาหารวัว ข้างทางเพราะวัวเป็นพาหนะของพระศิวะ ที่ชาวฮินดูนับถือ เพื่อเป็นศิริมงคลใน วันสิ้นปี
จอดห์ปูร์ เป็นเมืองที่สิ่งก่อสร้าง นิยมทาสีฟ้า โดยเริ่มต้นจากความเชื่อ เพราะสีฟ้าเป็นสีผิวของพระศิวะ
วิวบนดาดฟ้า คือดีย์
วิวที่มองเห็น clock tower โบราณและ Umaid Bhawan Palace
ช่างเย็บผ้า
เมืองนี้เสน่ห์คือการเดินชมเมือง ชมวัง ชมป้อมปราการที่สวยงามเพลินๆ
Mehrangarh fort (ป้อมเมห์รานการห์)
Mehrangarh fort ในวันที่หมอกลง
ทางขึ้น นั่งพักเหนื่อยแปป
เมืองต่อไปที่เราจะไป หลายคนคิดว่าถ้าจะไปขี่อูฐ ทะเลทรายต้องไปเมือง Jaisalmer แต่เราจะพาไปเมืองอีกเมืองที่มีอูฐให้ขี่ และอยู่ไม่ไกลจาก Jaipur นั่นคือเมือง ...
Pushkar พุชการ์
เมืองนี้เป็นเมืองของชาวฮินดู สถานที่สำคัญต่างๆจะศาสนสถานฮินดู และมีทะเลสาบ ที่สวยงาม ไฮไลท์ๆ คือการไปขี่อูฐ
พุชการ์ เป็นเมืองเล็กๆที่คนไม่ค่อยผ่าน หรือแวะ แต่เรารู้สึกได้ว่าเป็นเมืองเล็กๆน่ารักๆ สงบ และอากาศหนาวขั้นสุด
ถ้าอากาศไม่หนาวมาก เย็นๆจะเห็นคนมาไหว้ท่าน้ำ และอาบน้ำที่นี่
วัดซิกส์ ที่อยู่ในเมืองพุชการ์
เทวสถานฮินดู เราเข้าไปไม่ได้ต้องอยู่แค่ข้างนอก
หลังจากเที่ยวเมืองรอบนอกหลายวัน จนถึงวันที่เดินทางกลับ Jaipur เรามีเวลาถ่ายเมือง Jaipur ไม่มาก แต่เราจะส่งท้ายรีวิว ด้วยภาพสุดคลาสสิค ที่ได้ชื่อเป็น เมืองมรดกโลก ปี 2019 ที่ผ่านมา
Hawa Mahal เมือง Jaipur
รีวิวนี้เขียนยาวมากๆ ต้องขอขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ หวังว่าจะชอบสิ่งที่เราเขียนไปนะคะ ตรงไหนเราเขียนงงๆ อ่านไม่รู้เรื่องก็บอกกันได้นะคะ
ขอบคุณที่ติดตาม และทริปต่อไปจะไปที่ไหน รอติดตามนะคะ
ปล.
ภาพเราเอง อิอิ
นังทัวร์ดี
วันศุกร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2563 เวลา 23.32 น.