Mardi Himal Trek ชื่อนี้กำลังเป็นที่สนใจของคนไทย และในช่วงนี้ถือว่าเป็นเส้นทางสุดฮิตที่คนไทยนิยมไปมากๆ เพราะเส้นทางไม่ยาวมาก ใช้เวลาไปกลับ 7-8 วันได้
การเดินทางของเราช่วงเวลา 16-26 เม.ย 2024
Day0 การเดินทางของเราเดินทางด้วยการบินไทย จากสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นการเดินทางไปเนปาลอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เดินทางมานานมาก แต่ประเทศเนปาลก็เป็นจุดหมายที่เราไม่เคยเบื่อเลย เดินทางสูสนามบินตรีภูวัน เมืองกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล สนามบินมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เยอะเลย แต่ ตม. ยัง slowlife เหมือนเดิม คนไทย สามารถทำ Visa on arrival (VOA) ได้ที่สนามบิน แต่เราไปทำวีซ่ามาก่อนเพราะขี้เกียจต่อแถว แล้วช่วงเวลาที่เราไปเป็นหน้า high season การต่อแถว VOA จะยาวมาก วันแรกที่เราไปถึง ก็หาซื้อข้าวซื้อของที่ขาดเหลือ อะไร มีขายที่ทาเมลหมด
บรรยากาศทาเมล อากาศดีไม่หนาวมาก ไม่ร้อนมาก
Day1 เราเดินทางไปเมือง โพคารา (Pokhara) โดยเครื่องบิน บินแปปเดียวก็ถึงโพคารา
มาถึงที่โพคารา นั่งรถจี๊ฟไปยัง หมู่บ้าน Kande (1770 m) หมู่บ้านที่เราจะเริ่ม trekking เป้าหมายของเราคือหมู่บ้าน Deurali (2100 m)
เป็นการเดินขึ้นบันได ที่ต้องตะโกนว่า บันดายยยยยย คือเดินค่อนข้างยากเพราะเขาทำบันไดให้ คือบันไดหินเดินยากว่าขึ้นเนินดินปกติ ตลอดทางของ Day1 บอกเลยจพเดินขึ้นรัวๆ เดินขึ้น และเดินขึ้น ตลอดทางก็จะเจอหมู่บ้านระหว่างทาง เราหยุดพักบ่อย หยุดดื่มน้ำบ่อย และเราใช้เวลา 3-4 ชม. ถึงที่พักคืนนี้คือหมูบ้าน Deurali ที่ความสูง 2100 และเรื่องระทึกของคืนแรกที่นอนที่นี่ เราทำตามบรีฟของไกด์ที่บอกว่ามาถึงแล้ว ต้องรีบใส่เสื้อฟลีต เสื้อดาวน์เลยนะครับ เดี๋ยวอากาศเปลี่ยน จะทำให้เราป่วยและอาจมีอาการ AMS ได้ ไอ้เรากับเพื่อนก็ทำตาม สักพักสองทุ่ม เราเกิดอาการหายใจไม่ออก กลัวมากว่าจะเกิด AMS และรู้สึกร้อนมาก ทีนี้เลยคุยกับเพื่อนเอาไงดี นอนไม่ได้เลยอึดอัดมา และแล้วเราสองคนเลยเริ่มปลดเสื้อดาวน์ออก ค่อยๆปลดสัมภารกที่ใส่อยู่ออกทีละชั้น แล้วความรู้สึก หายใจออกก็กลับมา บ้าบอมาก หายใจโล่งเลย นี่เราทำตามบรีฟละนะ 555555 นึกว่าป่วย ที่ไหนได้หายใจไม่ออก และคืนที่ 1ในการ trek ก็ผ่านพ้นไป และหลับสบายมาก
Day2
ตื่นเช้ามา เจอวิวหลังบ้าน ที่มอบพลังในยามเช้าให้เรามากๆ เขา Annapurna โผล่มาให้กำลังใจในการเดินวันนี้
ในวันนี้เราจะเดินทางจาก Deurali 2100m ถึง lowcamp 2600 m เส้นทางจะเป็นป่าสน มีมอสส์ขึ้นเต็มไปหมด แต่เป็นมอสส์ที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัวจากหิมะที่เพิ่งผ่านไป แต่ให้ความรู้สึกชื้นๆ
กล้วยตากช่วยชีวิต เพิ่มพลังงานดีมาก
การเดินทางไป lowcamp จะผ่านป่าสน ตอนเดินวันนี้เหนื่อยมาก รู้สึกแบบจะบ้าตาย มันเดินขึ้นอย่างเดียว หน่อยตรงตามทางมีดอกกุหลายพันปีบานสะพรั่งตลอดทาง
ยาดมหงส์ไทย ช่วยชีวิตตลอดทริป โนสปอนนะใช้จริง ใช้เอง
เราเดินทางกว่า 9ชม.ในการเดินสู่ lowcamp เพราะเราเดินค่อนข้างช้ามาก ทำให้เดินทางเกือบจะถึงเย็นแล้วและช่วงท้ายๆต้องรีบเดินด้วยเพราะฝนจะตก พอเราถึง lowcamp แทบบ้ามากฝนตกหนักหลังจากเราถึงที่พักทันที เป็นวันที่เหนื่อยมาก เหนื่อยสลบ
Day3 ตื่นเช้ามาด้วยความชุ่มฉ่ำของฝน ที่วันนี้จะเดินจาก lowcamp 2600m ไป Highcamp 3550m การเดินเส้นนี้ จะมีการเปลี่ยนระดับความสูง ทำให้สภาพแวดล้อมเปลี่ยน ยิ่งสูงดอกกุหลาบพันปียิ่งบานสะพรั่งเต็มภูเขาเลย ใจฟูมาก
พอให้ได้ชุ่มชื่นหัวใจ นี่ไม่ใช่ภูลงโลเด้อ 5555 และเป้าหมายเราคือในเมฆหมอกแหละ
สภาพแวดล้อมจากป่าสน สู่ ป่ากึ่งอัลไพน์ ที่เป็นทุ่งหญ้า
เดินเข้าสู่ดงหมอกและฝน
หมอกตลอดทาง กังวลมากว่า พรุ่งนี้ฟ้าจะเปิดไหม
ฝนและหมอก มองทางไม่เห็นเลย แต่งตัวธีมเทเลทับบี้
เราเดินทางถึง Highcamp ใช้เวลาประมาณ 4 ชม. และห้ามนอนกลางวัน เตรียมตัวเพื่อเดินขึ้นสู่ View Point ตอนตี 2 การเตรียมตัวก่อนขึ้น view point ต้องวัดระดับออกซิเจนในร่างกาย และสิ่งที่เรากังวลก็เกิดขึ้น เพราะระดับ ออกซิเจนเราต่ำมาก และขาเราเริ่มจะไม่ไหว เราเลยตัดสินใจไม่ขึ้น แต่เพื่อนเราขึ้นไปถึง view point
Day4 เพื่อนๆ ก็ตื่นขึ้นไป view point ตอนตี2 แต่เรานอนต่อ ตื่นตอนตี 5 ออกไปดูสิว่าฟ้าจะเปิดไหม สิ่งที่โผล่ขึ้นมาหลังจากที่เปิดประตู มาเจอ
Annapurna ค่อยๆ มองเห็นหลังจากที่ฟ้าเพิ่งสว่าง
พอฟ้าค่อยๆสว่าง ความยิ่งใหญ่ของหิมาลัยก็โผล่มาเต็มสายตา น้ำตาค่อยๆไหลออกมา นี่เราพาตัวเองมาถึงที่นี่จริงๆหรอ ในทุกวันที่เดินมาถึงตรงนี้ เราอยู่กับตัวเอง ตีกับตัวเองเยอะมาก ว่าเรามาทำไมกัน แต่พอเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันเกิดบรรยายมากๆ เรามนุษย์ตัวเล็กๆ หรือจะสู้ความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ
ขอบคุณที่พาตัวเองมาถึงตรงนี้มากๆ
Day5 ตามแผนคือเราต้องเดินลงมานอนที่ lowcamp แต่ความห้าวเพราะอยากกลับเร็วๆแล้ว เลยตัดสินใจเดินลงมาที่ sidhing 1700m ทางเดินลง sidhing โอ้โห แบบ ลงอย่างเดียวดิ่งลงอย่างเดียว ไม่ใช่เดินง่าย เป็นการเดินลงแบบบันไดหิน ขาสั่นมาก การเดินลงนี่ปวดน่องมาก เดินยากมาก เป็นการเดินยากสุดๆ พอถึง sidhing สภาพขาคือสั่นมาก ปวดแบบขยับยากมาก คืนนั้นดีที่สภาพที่นอน ดีและที่สำคัญคือ ได้อาบน้ำแล้ว 555555
เป็นการร่ำลาหิมาลัยแบบที่ฟินมาก ภูมิใจในตัวเองสุดๆ
สรุปค่าใช้จ่าย
ค่าทริป 780 USD รวมอาหาร ที่พัก ตั๋วเครื่องบินในประเทศ ค่าไกด์ ลูกหาบ (ราคาต่อคน)
ค่าตั๋วเครื่องบิน การบินไทย 14900 บาท
ค่าวีซ่า 1200 บาท
ทิปไกด์กับลูกหาบ วันละ10 USD
เราแลกเงินไป 5000 บาท (พกเงินขึ้นเขาไปเยอะๆ ใช้ซื้อน้ำ ยิ่งสูงน้ำยิ่งแพง) แต่ไปกดเงินเพิ่มที่นู้นอีก 5000 บาท
เราอยู่เที่ยวต่อที่กาฐมาณฑุอีก 4 วัน จริงๆที่จองกลับช้าเพราะเพื่อสภาพอากาศที่เนปาล อาจทำให้เราไม่สามารถกลับตามวันเวลาเดิมได้ เลยเลือกจะจองเผื่อๆ
ขอบคุณสำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ ดีใจมากๆค่ะ
นังทัวร์ดี
วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 เวลา 17.50 น.