'ดื่มด่ำ'

คงไม่มีคำจำกัดความอากัปกิริยาใดได้ดีไปกว่าคำนี้ ณ ช่วงเวลานี้อีกแล้ว

ผมกำลังเพลินกับการนอนมองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนท่ามกลางอากาศหนาวๆ

ที่ลานกางเต็นท์ริมหน้าผาของหน่วยจัดการต้นน้ำน้ำค้าง หรือเรียกสั้นๆ ว่า 'ดอยวาว'

ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาตินันทบุรี อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน



คืนนี้ฟ้าสวยเหลือเกินดวงดาวระยิบระยับพร่างพราย ได้จิบเบียร์เย็นๆ สลับกับบทสนทนาเฮฮากับเพื่อนๆ

มันช่างเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขกับการเดินทางอย่างแท้จริง



แต่กว่าพวกเราจะมายืนกันที่จุดนี้ได้มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

หากตัดภาพกลับไปเมื่อตอนกลางวัน บรรยากาศทุกอย่างมันพลิกกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือ



“วิออสก็ขึ้นได้"

เพื่อนส่งอักษรตอบไลน์มาระหว่างผมสอบถามข้อมูลในการวางทริปจังหวัดน่าน

'ดอยวาว' คือหนึ่งในสถานที่ที่เพื่อนแนะนำให้ไป เพราะนอกจากจะมีทิวทัศน์อันสวยงามแล้ว

ที่นี่นักท่องเที่ยวยังไม่แออัดเหมือนกับดอยเสมอดาว

ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการเดินทางที่ยากลำบากกว่า เพราะตามข้อมูลบอกว่าเส้นทางช่วงสุดท้ายเป็นทางลูกรังขึ้นเขาประมาณ 4 กิโลเมตร

แต่ถ้าวิออสขึ้นได้ รถ SUV ของผม แม้จะไม่โฟร์วีลก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร



“ซ้ายๆ ปีนขอบซ้ายเลย!!"

เพื่อนยืนตะโกนบอกไลน์ล้ออยู่นอกรถ ขณะที่ผมเหงื่อตกตบเกียร์ 1 เหยียบคันเร่งพยุงรถขึ้นเนินไปตามคำบอก

บรื้นนนน ฟรืดดด!!

เสียงเครื่องยนต์คำรามตามมาด้วยเสียงล้อฟรี ท้ายรถปัดเสียการทรงตัว!!

ผมตั้งสติเหยียบเบรกใส่เกียร์ถอย ค่อยๆ ตั้งลำใหม่

“อย่าให้ล้อหลังตกร่อง!!" เพื่อนตะโกนบอกอีก

เวลานี้ผมรู้แล้วว่าทำไมต้องโฟร์วีล แล้วก็นึกพาลไอ้เพื่อนคนที่มันบอกว่าวิออสก็ขึ้นได้

เพราะถ้าวิออสมาน่าจะจมโคลนไปตั้งแต่กิโลเมตรแรกแล้ว ไอบ้า!!



อาจจะโชคไม่ดีที่เมื่อคืนคงมีฝนตกลงมา ทำให้ถนนทางขึ้นที่ทำการอุทยานฯดูชื้นแฉะ

บางช่วงเป็นโคลนลึกราวๆ ครึ่งแข้ง บางช่วงค่อนข้างชันต้องอาศัยทักษะการบังคับรถพอสมควร

กว่าจะตะกายมาถึงบริเวณที่ทำการฯได้ก็ราวกับรอดตายมาจากอะไรซักอย่าง!



ผมลงจากรถไปยืดเส้นยืดสายยังไม่ทันหายตื่นเต้นดี เพื่อนก็เดินมาบอก

“ตรงนี้ยังไม่ใช่ดอยวาว!"

แม่จ้าว!! บริเวณที่ทำการฯคือจุดชมวิวดอยผาจิผาช้าง ส่วนดอยวาวต้องขึ้นไปอีก 1 กิโลเมตร!

ผมสารภาพกับเพื่อนตรงๆ ขอกางเต็นท์นอนตรงนี้แหละ ไม่เอาแล้ว!

เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่าหากขึ้นไปต่อต้องย้อนลงเนินชันที่เกือบขึ้นไม่รอดเมื่อครู่

จากนั้นจะเจอโจทย์ยากตรงบริเวณทางแยก ซึ่งแคบแล้วต้องเลี้ยวหักศอกขึ้นเนิน

"แล้วแต่อะ แต่ถ้าเป็นกู กูไปต่อ" เพื่อนโยนประโยคนี้มาก่อนผมจะบอกให้ทุกคนขึ้นรถ

ใช่เราต้องไปให้สุด!!



ดึกๆน้ำค้างเริ่มลงหนัก แต่ผมยังไม่อยากลุกไปไหน ยังอยากดื่มด่ำสัมผัสกับบรรยากาศของดอยวาวนี้ต่อไป

มันเหมือนเป็นรางวัลแห่งชัยชนะ ซึ่งหากตอนนั้นผมยอมถอดใจก็คงจะรู้สึกเป็นผู้แพ้ไปตลอด

ชีวิตคนเรามีจุดเปลี่ยนแค่เสี้ยววินาทีจริงๆ ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกที่จะสู้หรือไม่สู้

และคุณค่าของชัยชนะจะมากจะน้อยแค่ไหนมันก็ไม่ได้วัดกันที่รางวัลสุดท้าย

คล้ายกับคนเราที่ชอบมองคนที่ประสบความสำเร็จแค่บนจุดสูงสุดที่เขายืน

แต่หากลองมองย้อนดูเส้นทางที่เขาปีนป่ายขึ้นมา คุณก็จะสัมผัสได้ถึงคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ของความสำเร็จนั้น

นาทีนี้จะมีสักกี่คนเชียวที่มองเห็นดอยวาวได้ยิ่งใหญ่งดงามเหมือนกับที่ผมสัมผัส




เส้นทางของไอฟายน้อยสู่ดอยวาว


ก่อนขึ้นดอยวาวจำเป็นต้องตระเตรียมเสบียงไปเอง เนื่องจากบนอุทยานไม่มีร้านค้าร้านอาหาร แต่มีห้องน้ำสะดวกสบาย

(ได้อาบน้ำเย็นๆ ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น)

ผมแวะซื้อเสบียงที่ตัวอำเภอท่าวังผา แล้วขับขึ้นเหนือไปทางอำเภอสองแควตามทางหลวงหมายเลข 1148 ประมาณ 2 กิโลเมตร

จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1082 ตรงขึ้นเขาไปประมาณ 27 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาไปตามป้ายทางเข้าที่ทำการอุทยานแห่งชาตินันทบุรี ซึ่งเป็นทางลูกรังอีก 4 กิโลเมตร

จากที่ทำการอุทยานฯขับต่อขึ้นไปอีก 1 กิโลเมตร จึงจะถึงดอยวาว

ฤดูฝนต้องใช้รถโฟร์วีล หากเป็นฤดูแล้งสามารถนำรถวิออสขึ้นไปได้จริงๆ (เพื่อนไม่ได้หลอก ขอโทษเผลอด่าไปเยอะ!)




I-FINDNOI : I Believe. You can find.




I-FINDNOI

 วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 09.18 น.

ความคิดเห็น