ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังหลงทางอยู่หรือเปล่า?
ขณะขับรถแล่นฝ่าสายหมอกบางๆ ไปท่ามกลางความมืดและอากาศที่หนาวเหน็บบนถนนดินลูกรัง
เหนือระดับน้ำทะเล 1,250 เมตร เลาะเลียบไปตามไหล่เขาอันสลับซับซ้อนในดินแดนลี้ลับ
ที่แม้แต่ในแผนที่กูเกิ้ลยังหาจุดแน่ชัดไม่ได้
ตอนนี้จะมีก็เพียง GPS นำทางเป็นเพื่อนคู่ใจ แต่มันนิ่งเงียบไปซักพักแล้วตั้งแต่ผมขับพ้นเขตหมู่บ้านออกมา
ใช่ว่าไม่มีสัญญาณ หากแต่มันไม่มีทางแยกใดๆ แล้วนอกจากเส้นทางเล็กๆ ที่ต้องกดซูมใน GPS จนสุด
จึงจะมองเห็นถนนสายนี้
ผมออกจากที่พักตรงดอยวาวีมาเพียงลำพังตั้งแต่ตอนตีห้ากว่าๆ และกำลังแข่งกับเวลา
เพื่อไปให้ทันชมพระอาทิตย์ขึ้นเหนือทะเลหมอกบนพื้นที่ที่ถูกขนานนามว่า “ดอยกาดผี"
แต่ข้อมูลของเส้นทางมันคลุมเครือพอๆ กับความมืดที่อยู่เบื้องหน้า
บ้างก็ว่าเข้าไปจากถนนใหญ่ 20 กิโลเมตร บ้างก็ 5 กิโลเมตร บ้างก็ว่ารถเก๋งไปได้ บ้างก็ต้องใช้รถโฟร์วีล
สอบถามจากทางรีสอร์ทก็แนะนำให้จ้างรถชาวบ้าน เป็นรถสองแถวสีเหลืองราคา 700 บาท ซึ่งก็เป็นทางเลือกที่ดีไม่เสี่ยง
แต่ผมคนเดียวเหมาทั้งคันคงไม่คุ้ม อีกอย่างถ้ารถสองแถวไปได้รถผมก็ไปได้ถ้าไม่ใช่หน้าฝน
จะเหลือก็เพียงเรื่องของเส้นทางนี่แหละที่ต้องหวังพึ่งเจ้า GPS เพราะมันมีข้อมูลของดอยกาดผีอยู่
แต่โดยปกติผมจะยึดคติ “อย่างไว้ใจทาง อย่าวางใจ GPS" คือเราต้องรู้มากกว่ามัน
เราต้องศึกษาเส้นทางไปก่อนแล้วค่อยใช้มันเป็นแค่ตัวช่วย แต่ครั้งนี้ผมมองไม่เห็นใครอื่นแล้วจริงๆ
'เลี้ยวขวาไปวนอุทยานดอยกาดผี 5 กิโลเมตร' ป้ายบอกทางชี้ชัด
ขณะที่เจ้า GPS แย้งขึ้นมาว่า “มั่วแล้ว มันยังต้องเข้าไปอีกตั้ง 15 กิโล!!"
เอ่อ เอากับมันสิ! ดีที่อย่างน้อยมันก็พาเลี้ยวมาทางเดียวกับป้าย!
ถนนคอนกรีตสายเล็กๆ พาผมแหวกความเงียบสงัดยามเช้ามืดเข้าสู่หมู่บ้านห้วยชมภูที่ยังไม่มีบ้านซักหลังเปิดประตูออกมา
โชคดีที่มีป้ายบอกทางไปดอยกาดผีอยู่ทุกๆ แยก ซึ่งมันก็ตรงกับที่เจ้า GPS นำทางไปเป๊ะๆ
ทำให้ผมมั่นใจว่ายังไงมันก็พาไปถึงที่หมายได้แน่นอน
ผ่านพ้นเขตหมู่บ้านออกมาสภาพถนนกลายเป็นดินลูกรังแคบๆ ที่พอให้กลุ้มใจว่าหากมีรถสวนมาจะหลบกันยังไง
แต่จะกังวลไปทำไม ในเมื่อทั้งหุบเขาก็มีรถผมอยู่แค่คันเดียว
ขับลึกเข้าไปจนมาไกลเกินกว่า 5 กิโลเมตร ตามที่ป้ายบอกไว้แล้ว ผมยังไม่เห็นวี่แววของดอยกาดผี
ขณะที่ความกังวลเริ่มก่อตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ตามความสว่างของท้องฟ้า
ผมกลัวว่าจะไปไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งหากต้องเข้าไปอีก 10 กิโลเมตร ตามที่ GPS บอกจริง ก็คงไม่ทันแน่ๆ!
6 โมงเช้า ถนนและสภาพและสภาพภูมิประเทศโดยรอบเริ่มเผยโฉมออกมา แต่ผมยังไม่เห็นวี่แววของจุดหมายปลายทาง
ทั้งๆ ที่เจ้า GPS มันก็ร้องเตือนว่าจวนจะถึงแล้ว! ซึ่งเส้นทางก็น่าจะพาไต่ระดับขึ้นไปตามยอดเขา
ไปยังจุดที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพได้กว้างไกล
แต่นี่ทำไมเหมือนยังลัดเลาะอยู่ระดับเดิม เหมือนยังถูกโอบล้อมอยู่ในขุนเขา!
ไม่กี่อึดใจต่อมาเจ้า GPS ตัวแสบก็โพล่งออกมาว่า “ถึงจุดหมาย จบการนำทาง"
เฮ้ย! ไอ้บ้า! นี่มันกลางทาง! มันจะเป็นจุดหมายได้ยังไง! ทิ้งกันดื้อๆ อย่างนี้เร่อ!!
ผมช็อกเล็กน้อยเหมือนถูกหักหลังไปฟังความคนผิด ท่ามกลางขุนเขาเวิ้งว้างนาทีนี้ผมไม่เหลือใครแล้ว
ทั้งป้าย ทั้ง GPS รวมถึงสัญญาณโทรศัพท์ที่ถูกตัดขาดไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าผมจะหันหลังกลับไม่ได้
เพราะทางมันแคบเกินกว่าจะกลับรถ!!
ผมตัดสินใจมุ่งหน้าต่อไปเรื่อยๆ แม้ไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะต้องเจอกับอะไรและจะไปสิ้นสุดลงตรงไหน
แต่ชีวิตอยู่ได้ด้วยความหวัง ความมุ่งมั่นนำพาผมฟันฝ่าเส้นทางอันขรุขระทุรกันดาร
จนกระทั่งมันมาสิ้นสุดลงตรงลานกลางหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
มองดูรอบๆ ไม่มีทางไปต่อ หรือชีวิตต้องมาเจอกับทางตันแล้วจริงๆ
ผมเชื่อว่าชีวิตคนเราไม่มีวันตันหรอก ตราบใดที่ยังหายใจ ยังมีความคิด ชีวิตก็มีกลไกดิ้นรนค้นหาหนทางของมันเองแหละ
เหมือนในตอนนี้ที่ผมจอดรถลงไปถามคุณตาที่ยืนมองมายังรถคนแปลกหน้าด้วยความประหลาดใจ
“ดอยกาดผีไปทางไหนครับ" คุณตาเหมือนจะพูดไทยไม่ค่อยได้ตอบกระท่อนกระแท่นกลับมาพอจับใจความได้ว่า
"ดอยกาดผีเลยมาไกลแล้วพ่อหนุ่ม ให้ขับย้อนกลับไปทางเดิม"
ผมยกมือไหว้ขอบคุณคุณตาก่อนคิดทบทวนเส้นทางที่ผ่านมาว่าพลาดหลงไปตรงแยกไหน
เอาเป็นว่าถ้าขับย้อนไปเจอก็ดีไป แต่ถ้าไม่เจอผมก็ไม่เสียใจ เพราะสิ่งที่เราได้พยายามเต็มที่แล้วผลจะออกมายังไง
ผมก็ยอมรับมันได้หมด แต่ถ้าเมื่อเช้าผมไม่ยอมตื่นลุกขึ้นจากเตียงเปิดประตูห้องออกมา นั่นแหละคือสิ่งที่จะทำให้ผมเสียใจ
เหมือนกับคนที่ฝันไว้แล้วไม่ยอมลงมือทำ
ระหว่างที่ขับย้อนกลับทางเดิมประมาณจุดที่ป้ายบอกว่าเข้ามา 5 กิโลเมตร จากถนนใหญ่นั่นแหละ
ผมก็สังเกตเห็นมีทางแยกเบี่ยงซ้ายขึ้นเนินไป
จริงๆ ขับเลยไปแล้ว แต่เอะใจเหลือบมองกระจกหลัง ก็เห็นป้ายพร้อมลูกศรเล็กๆ ชี้ขึ้นไป “วนอุทยานดอยกาดผี"
ผมจึงรีบถอยรถกลับหักพวงมาลัยขับขึ้นไปตามป้ายทันที
โห่! พี่เล่นงี้ผมจะมองเห็นมั้ย กับป้ายเล็กๆ ปักหลบๆ แถมตอนขามามันมืด
แล้วยังต้องเลี้ยวหักศอกแทบจะกลับรถขึ้นเนินไป มันจะไม่ให้หลงได้ยังไง!
ทางขึ้นไปช่วงแรกค่อนข้างชัน ถ้ามาตอนฤดูฝนคงต้องโฟร์วีลหรือไม่ก็จ้างรถชาวบ้าน
ผมประคับประคองรถไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ จนมาถึงบริเวณลานกางเต็นท์ของวนอุทยานดอยกาดผี
แม้ตอนนี้จะสายแล้ว ดวงอาทิตย์ลอยสูงเด่นส่องแสงสว่างจ้าอยู่บนท้องฟ้า
แต่มันยังไม่สายเกินไป เมื่อทะเลหมอกเบื้องหน้ายังรอคอยผมอยู่
มันยังรอตอบแทนความมานะพยายามของ "คนหลงทาง" ให้แปรเปลี่ยนไปเป็น “คนหลงใหลในความงดงามของธรรมชาติ"
แม้วันนี้ผมไม่ได้ภาพดวงอาทิตย์ขึ้น ไม่มีภาพแสงทไวไลท์สวยๆ ตามที่ตั้งใจ
แต่เบื้องหลังทุกภาพที่ได้มามันกลับเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวและความหมาย
การเดินทางครั้งนี้มันได้สอนอะไรให้กับผมมากมาย โดยเฉพาะสิ่งสุดท้ายที่มันย้ำบอกกับผมว่า
“จงอย่ากลัวที่จะหลง แต่จงกล้าที่จะออกเดิน"
เส้นทางของไอฟายน้อยสู่ดอยกาดผี
ออกจากกรุงเทพฯมุ่งหน้าสู่จังหวัดเชียงราย ปกติผมถนัดเส้นกำแพงเพชร-ตาก-ลำปาง-งาว-พะเยา
ซึ่งอาจจะอ้อมหน่อย แต่เป็นถนนสี่เลนตลอดขับง่ายๆ สบายๆ
เมื่อเข้าเขตจังหวัดเชียงรายบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 806-807 ให้เลี้ยวซ้าย
เข้าทางหลวงหมายเลข 118 มุ่งหน้าไปทาง อ.แม่สรวย ประมาณ 25 กิโลเมตร
ถึงตัวอำเภอแม่สรวยให้เลี้ยวขวาไปตามป้ายดอยช้าง-ดอยวาวี บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 134-135
ตรงขึ้นเขาไปยังบ้านวาวีประมาณ 50 กิโลเมตร เลยหมู่บ้านไปอีก 5 กิโลเมตรจะเห็นเลาลีฮิลล์รีสอร์ทอยู่ทางขวามือ
(อาจจะเลือกพักที่นี่เหมือนผมก็ได้ หรือจะไปกางเต็นท์นอนบนดอยกาดผีเลยก็ตามสะดวก)
ขับเลยเลาลีฮิลล์รีสอร์ทขึ้นไปประมาณ 3 กิโลเมตร จะเจอป้ายให้เลี้ยวขวาไปวนอุทยานดอยกาดผีอีกประมาณ 5 กิโลเมตร
ช่วงแรกถนนเป็นคอนกรีต แต่พอพ้นหมู่บ้านห้วยชมภูไปแล้วถนนจะเป็นดินลูกรัง สังเกตป้ายดีๆ โดยเฉพาะจุดสุดท้าย
หากเลยไปจะไม่มีป้ายบอกทางใดๆ แล้วจะหลงไปไกลเหมือนกับผม
ป้ายสุดท้ายที่ให้เลี้ยวรถจะเลี้ยวขวาแบบหักศอกขึ้นเนินสูงชันกำลังรถต้องดี ถามว่ารถเก๋งขึ้นได้ไหมผมเห็นเค้าเอาขึ้นกัน
แต่ถ้าเป็นคนสงสารรถแนะนำว่าอย่า หากมาฤดูฝนใช้รถโฟร์วีลน่าจะดีที่สุด
รวมระยะทางจากรุงเทพฯถึงดอยกาดผีประมาณ 890 กิโลเมตร หากขับรวดเดียวใช้เวลาประมาณ 12-13 ชั่วโมง
แนะนำให้นอนแถวอำเภอแม่สรวยหรือตัวเมืองเชียงรายก่อนซักคืน
เช้าค่อยไล่เที่ยวขึ้นมาตั้งแต่เขื่อนแม่สรวย ดอยช้าง ดอยวาวี แล้วมากางเต็นท์นอนบนดอยกาดผีก็ได้
ด้านบนวนอุทยานดอยกาดผีเป็นลานกางเต็นท์มีเจ้าหน้าที่ มีห้องน้ำให้ แต่ไม่มีร้านอาหาร ไม่มีไฟฟ้า
จากลานกางเต็นท์มีจุดชมวิวด้านบนอีกจุด แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าทัศนียภาพด้านบนอาจมีต้นไม้บดบัง
ตรงลานกางเต็นท์นี่แหละวิวสวยที่สุดแล้ว ผมเลยไม่ได้ขึ้นไป
หากใครแวะไปตัวเมืองเชียงรายอยากหาร้านอาหาร ร้านกาแฟ นั่งทานชิล ชิล ราคาสบายกระเป๋า ลองแวะไป
ที่ร้านชีวิต ชีวา Art Coffee Tea Bar ดูครับ
http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=642560.0
ขอบคุณ Link จาก chiangraifocus.com
https://m.facebook.com/chivitchivaatchiangrai/?locale2=th_TH
Link จาก page ของทางร้าน Chivit Chiva
ติดตามผลงานบทความของไอฟายน้อยเรื่องอื่นๆ ได้ที่ http://bloggang.com/mainblog.php?id=ifind
I-FINDNOI
วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 08.03 น.