สวัสดี พวกเราคือ Gowithgu กลุ่มเพื่อนผู้เสพติดการผจญภัย และ ความงามของธรรมชาติ พวกเราทุ่มเทแรงกาย แรงใจ และ กำลังทรัพย์ไปกับการนอนกางเต๊นในป่า แบกเป้ขึ้นเขา ดำดิ่งสู่ท้องทะเล

ใครรักการพจญภัย ทั้งบนบกและใต้น้ำ ทั้งไทยและเทศ กด like Facebook Page Gowithgu ได้เลยยย

ถ้าคุณเลือกไม่ถูกว่าจะไปทะเลหรือเขา ให้มากับเราแล้วจะพาไปเขาและทะเล
#4teenpeenkhao #2taoteefin
ม่อนทูเล เตร็ดเตร่ ไปม่อนคลุย http://pantip.com/topic/34878685
ดำน้ำอ่านไทย แค่ใกล้ๆเมืองประจวบ http://pantip.com/topic/35000023
ลุยเดี่ยว เที่ยวชุมพร ดำน้ำกินนอน แบบชาวเกาะ http://pantip.com/topic/35021089



วันก่อนเพื่อนส่งคลิป “เขาเล่าว่า" ของ พี่ซันนี่ กับ มาดามมด ตอนหาดชมดาว มาให้ดู ตอนดูทั้งขำ ทั้งยิ้ม ขำ เพราะคลิปน่ารัก ยิ้ม เพราะคิดถึงทริปของเรา ทริปเราทั้งโหด มัน ฮา ไม่แพ้พี่ซันนี่เหมือนกันนะจะบอกให้



พอดีมีวันหยุด 3 วันพอดี เพื่อนเราเลยชวนไปเที่ยวสามพันโบก ด้วยความที่พวเราเพิ่งไปพิชิตยอดโมโกจูมากันมาเมื่อเดือนก่อน เราเลยขอเพื่อนว่า ทริปนี้ชั้นขอสบายๆ ไม่เดินแบกของ ขอชิวๆ เอาแบบให้ชั้นได้กางเต๊นท์บนสามพันโบก ปิ้งมาชเมโล จิบเบียร์ ดูดาว เอาแบบชิวมากๆ สโลว์ไลฟ์มากๆ แล้วเราก็พร้อมส่งรูป reference ให้เพื่อนดู



สามพันโบก - หาดชมดาว


มันคือแกรนด์แคนยอนเมืองไทย อยู่จ.อุบลราชธานี ตรงแม่น้ำโขง เส้นเขตแดนไทย-ลาวเลย ที่มันเป็นหินเยอะๆ แบบนี้ ความจริงแล้วตอนหน้าน้ำหินพวกนี้มันคือแม่น้ำโขงนะ แต่พอหน้าแล้ง ไม่มีน้ำก็เลยเหลือแค่หินๆ ชื่อสามพันโบก โบกเนี่ย ภาษาอิสาน เพิ่นสิเรียกว่า แอ่งน้ำ ที่ม่องนี้มีแอ่งหลายๆ เพิ่นก็เลยเรียกว่า สามพันโบกเด้อค่าาา

เตรียมตัวเดินทาง

เมื่อเรารู้วันที่แน่นอน ดูรูปในกูเกิลให้พออยาก หาข้อมูลการเดินทางโดยคร่าวๆ ระยะทาง 700 กม. ว่าขับรถประมาณ 10 ชั่วโมงจากกรุงเทพ แล้วก็วางแผนหาที่พัก



ช่วงที่เหมาะกับการไปสามพันโบกที่สุดคือช่วงหน้าแล้ง เพราะว่าน้ำที่ลดลงทำให้พวกเราเห็นโบกได้เต็มตาที่สุด เริ่มตั้งแต่ช่วงเดือน พย.-พค.เป็นช่วงที่น้ำแห้งสุดของปีจ้าาาา



โดยแพลนคร่าวๆ ประมาณนี้


-คืนที่ 1: ขับรถจากกทม.ไปอุบล

-วันที่ 1: ขับรถเที่ยวในอุบล-สามพันโบก-หาดชมดาว

-วันที่ 2: สามพันโบก-แก่งตะนะ-โขงเจียม-ผาแต้ม

-วันที่ 3: ผ้าแต้ม-อุบล-ปราสาทหินพนมรุ้ง-กทม.

ค่าใช้จ่ายรวมทุกคนโดยคร่าวๆ

-ค่าน้ำมัน 4,000

-ค่าที่พัก (นอนเต๊นท์ตัวเอง) 0

-ค่าอาหาร 2,800

-ค่าขนมและแอลกอฮอล 1,600

-ค่าเข้าอุทยาน 200

รวม 8,600

พวกเรามา 4 คนเลยตกคนนึงประมาน 2,150 บาท

อย่างที่บอก “ชั้นขอกางเต๊นท์ริมน้ำ ปิ้งมาชเมโล จิบเบียร์ ดูดาว" ทริปนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้ได้ แต่พอวันจะไป เราเพิ่งมารู้ว่า อ้าว สามพันโบก ไม่ใช่อุทยาน ไม่มีลานกางเต๊นท์แบบเขาใหญ่ ภูหินร่องกล้า คนส่วนใหญ่เขานอนรีสอร์ท หรือ บ้านพักกัน แต่เราไม่ยอมปล่อยให้ความฝันเราหลุดมือไปง่ายๆหรอกนะ เราจึงโทรหาททท. จ.อุบล ปรึกษาว่า ถ้าเรามีเต๊นท์เราจะนอนที่ สามพันโบกได้ไหม เจ้าหน้าที่ก็เตือนว่า “สามพันโบกไม่ใช่อุทยานแห่งชาติ ไม่มีลานกางเต๊นท์ มันอันตรายนะ เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแล แต่ถ้าคุณจะนอน ก็นอนได้ แต่เราไม่แนะนำ" ฮั่นแน่ มีชี้โพรงให้กระรอก

เมื่อวางสาย ความฝันเหมือนจะสลาย แต่เราเลยรีบเล่าเรื่องที่คุยให้กับเพื่อนๆ พวกเราต่างไม่เข้าใจว่าอันตรายคืออะไร เราก็อยู่ในเต๊นท์ สัตว์ป่าจะทำอะไรเราได้ เนื่องจากความดื้อ และ sense of secure ต่ำของเราและเพื่อน เลยตกลงกันว่า เอาวะ! เอาเต๊นท์ไป ไม่ต้องจองที่พัก ค่ำไหนนอนนั่น เป็นไงเป็นกัน ไปลุ้นกันดาบหน้า

เมื่อเตรียมตัวพร้อมเราก็ออกเดินทาง

พวกเราออกจากกทม. ตอนสี่ทุ่ม เพราะกะว่าขับประมาณ 10 ชั่วโมง น่าจะถึงตัวเมืองจ.อุบล น่าจะสักแปดโมง เวลากินข้าวเช้าพอดี

ระหว่างทางก็สลับกับขับบ้าง ชวนกินคุยบ้าง ร้องเพลงไปบ้าง ไม่แน่ใจว่าเพราะความตื่นเต้น หรือเพราะความสุข 10 ชั่วโมงก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อยตูดบ้างนิดๆ

8 โมง ก็ถึงเมืองอุบล ตามแผน อุบล เมืองใหญ่จังง มีโรบินสัน เซนทรัล รถติด แล้วเพื่อนเราก็โพร่งออกมาว่าอยากกินไข่กระทะ มันขอมา พวกเราก็ต้องจัดให้ (ไม่ใช่สิ มันขับรถ คุมพวงมาลัยการตัดสินใจอยู่ที่มัน) พวกเราก็หาร้านไข่กระทะจนเจอ ซึ่งก็เจอร้านสามชัย ขับรถข้ามคืนกันมาเหนื่อยๆ ซัด ไข่กระทะ ไข่ลวก ขนมปังญวณ กันหนำใจ แรงพวกเราก็กลับมา พร้อมลุยต่อ…. ซะเมื่อไหร่ เพราะพวกเราติดกาแฟต้องจิบกาแฟกัน วิญญานถึงจะเข้าร่าง



ผีฮิปสเตอร์เข้าสิง อยากจะจิบกาแฟ สโลว์ไลฟ์ พวกเราจึงหาร้านกาแฟน่านั่งในอุบล โชคดีมาก เราเจอร้าน Goose Cafe เป็นร้านกาแฟและโฮสเตล เล็กๆ ที่ตกแต่งด้วยอีสานรุ่นใหม่ น่ารักมากกกกกก กาแฟก็มีให้เลือกหลายเมนู เหล่าซอมบี้ใช้เวลาเสพความสโลไลฟ์ และ ได้เรียกดวงวิญญานเข้าร่างเรียบร้อย ก็พร้อมที่จะออกเดินทาง (จริงๆแล้วนะ)



เนื่องจากเรากูเกิลมา พอรู้ว่าอุบล เป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตว์ยาวนาน เราเลยผันตัวเอง เปลี่ยนแนวมาเที่ยวเชิงวัฒนธรรมบ้างโดยเข้าชมวัดต่างๆ



(วัดแจ้ง)



(วัดหนองบัว)



พวกเราเข้าไป 2-3 วัดเท่านั้นแหละ ก็ตระหนักได้ว่า เที่ยวสายวัด สายวังนั้นไม่ใช่สายเรา พวกเราต้องดิบต้องเถื่อน กว่านี้! ทุกคนจึงตัดสินใจ ขับรถไปสามพันโบกกันเลยยยย



สามพันโบกห่างจากอุบลประมาณ 120 ก.ม. ขับรถประมาณ 2 ชั่วโมง



พอใกล้ถึงสามพันโบก จะเจอทางแยกที่มีป้ายเขียนว่า สามพันโบก และ ร้านอาหารสามพันโบก เราเลือกมาทางร้านอาหารสามพันโบก เพราะที่อ่านรีวิวมา โบกมิกกี้เม้าส์ ที่เห็นคนถ่ายรูปเยอะๆ เขาต้องมาทางนี้กัน



พวกเราถึงสามพันโบกตอนเที่ยงตรง ร้อนค่ะ ร้อน แดดเปรี้ยง และแดดสะท้อนกับหิน ร้อนคูณสองค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น หินยังเก็บความร้อน คลายความร้อนออกมาอีก โอยยย ร้อนคูณสามไปเล้ยยยย



พวกเราที่มาผิดเวลา เลยพักกินข้าว อยู่ในร้านอาหารข้างๆ สามพันโบก กินส้มตำ ลาบ น้ำตก แซ่บหลายเด้ออ



ทำใจสักพัก เราก็ยังไม่พร้อมที่จะไปหาโบกมิกกี้เม้าส์กลางแดดเปรี้ยงๆ เราเลยหันมาหาที่นอนกันดีกว่า ตรงข้างๆ ร้านอาหารเขามีป้ายเขียนว่าลานกางเต๊นท์ 50 บาท แต่ต้องนอนข้างๆ อยู่บนเนินริมสามพันโบก ไม่ได้นอน-บน-โบก เหมือนที่เราวาดฝัน เห้ออ เราเลยขอเจ้าหน้าที่กางเต๊นท์บนสามพันโบกเลยได้ไหม เขาก็ยืนยันคำเดิมว่า ไม่ได้ มันอันตราย แต่เขาก็ไม่ได้อธิบายอยู่ดีว่า อันตรายยังไง ทำไงได้ ร้อนก็ร้อนไปเที่ยวไม่ได้ เต๊นท์ก็ไม่ได้กางนอนบนสามพันโบก เชอะ ไปที่อื่นก็ได้



เราเลยขับรถต่อ ไป แต่ไม่ได้ไปไกลหรอกนะ ขับรถต่อไปอีก 20 นาทีก็ถึง หาดชมดาว ระวัง! ที่นี่ป้ายไม่ค่อยมี แนะนำให้เปิด google map ตลอดทางนะจ๊ะ เพราะขนาดทางแยกเข้า หาดชมดาว เป็นป้ายเก่าๆ สนิมขึ้นเขรอะจนมองไม่เห็นตัวหนังสือแล้ววว พวกเราใช้แปดตาช่วยกันมองหา ยังเบรกแทบไม่ทัน



พอถึงหาดชมดาว แดดก็เริ่มอ่อน และตรงนี้เป็นส่วนตัวมากกก มองเห็นนักท่องเที่ยวอีก 2 กลุ่มไกลๆ พวกเราเลยเริ่มปฏิบัติการณ์ถ่ายรูป



พอเราก้าวเข้าไปในสารพัดโบก เราก็รู้สึกว่า ตัวเราเหลือเล็กนิดเดียว ท้องฟ้า และ ก้อนหิน ดูใหญ่สุดลูกหูลูกตา



ที่นี่ ฟ้าเป็นสีฟ้า ฟ้าเหมือนที่คนกรุงไม่ค่อยได้เห็น ฟ้าที่เขาว่ากันว่า ไม่มีเทคโนโลยีใด เลียนแบบได้



ที่นี่มันใช่จริงๆค่ะ ชิวมาก เหมาะกันการกางเต๊นท์ ดูดาว จิบเบียร์ เราต้องนอนที่นี่ให้ได้ พอพวกเราถ่ายรูปเสร็จ เดินไปเจอคุณป้าร้านอาหารพอดี พวกเรายังไม่ทันอ้าปาก คุณป้าก็บอก “ตรงนี้กางเต๊นท์นอนได้นะ วันก่อนผู้ว่าก็เพิ่งมานอน" ขอบคุณคุณป้าที่ทำให้ฝันหนูเป็นจริง



พวกเราสั่งอาหารคุณป้า แล้วรีบหยิบเต๊นท์ไปกาง-บน-สาม-พัน-โบก คุณป้าน่ารักและใจดี ส่งเด็กๆ มาเป็นลูกสมุนให้เราสองคน คอยช่วยกางเต๊นท์ ยกของ หาฟืน จุดไฟ พวกเราอาบน้ำที่บ้านคุณป้า แล้วก็มากินข้าวกับเด็กๆ หน้าเต๊นท์



กินข้าวเย็นเสร็จ ฝันเป็นจริง เต๊นท์ริมน้ำ ปิ้งมาชเมโล จิบเบียร์ ดูดาว



หาดชมดาว เหมาะกับการชมดาวสมชื่อ ดาวเต็มฟ้า รอบตัวเรามีแค่แสงดาว ไม่มีแสงไฟบ้าน มารบกวน มีแค่ดาวเต็มฟ้า และพวกเรา



บอกตามตรง เราไม่เคยเห็นดาวเยอะขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะที่อื่นไม่ได้มืดขนาดนี้ และที่สำคัญ เรารู้สึกว่าเราใกล้ท้องฟ้ามาก ใกล้ธรรมชาติมาก ที่นี่มีแค่พวกเรา มองไม่เห็นอะไรอีกแล้ว



ทริปนี้ ไม่ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร คืนนี้ก็ทำให้เรารู้สึกว่า การเดินทางครั้งนี้ คุ้มค่าแล้ว



เช้าวันที่สอง


เพียงแค่เราลืมตาเปิดเต๊นท์ก็เห็นพระอาทิตย์ค่อยๆ ขึ้นจากขอบฟ้า พวกเราถ่ายรูป กินอาหารเช้า และบอกลาเด็กๆ และจ่ายเงินค่าอาหารคุณป้า แล้วก็ออกเดินทางต่อ



-หาดชมดาว ชื่อที่เราไม่เคยได้ยิน แต่กลับทำเราประทับใจ จนไม่สามารถจะลืมได้ลง-

วันนี้เริ่มจากไปถ่ายจุดไฮไลท์ของสามพันโบก โบกมิกกี้เมาส์ หินหัวหมา แนะนำว่าให้รีบไปแต่เช้า ก่อนแดดจะร้อน เพราะเราต้องเดินนานอยู่เหมือนกัน ให้เด็กๆ มัคคุเทศก์น้อย ช่วยพาเดินก็ดีนะ เพราะสามพันโบกค่อนข้างใหญ่ เดินเองอาจจะหา โบกมิ้กกี้เมาส์ไม่เจอ พวกเราใช้เวลาเดินเล่นและถ่ายรูปไม่นาน เพราะร้อน และรู้สึกว่าเดินๆ ไปสักพักหินก็คล้ายๆ กันหมด



เมื่อ Mission กางเต๊นท์ริมน้ำ ปิ้งมาชเมโล จิบเบียร์ ดูดาว ถ่ายรูปกับโบกมิกกี้เม้าส์ ปีนหินหัวหมา Completed แล้ว เวลาอีก 1 วันที่เหลือเราก็ถือว่าเป็นของแถมแล้วกัน



แถวๆ นั้นมีสถานที่ท่องเที่ยว แนวธรรมชาติที่น่าสนใจหลักๆ มีผาแต้ม น้ำตกสร้อยสวรรค์ และ แก่งตะนะ อุทยานแห่งชาติผ้าแต้ม มีลานกางเต๊นท์ พวกเราตกลงกันว่ากลางคืนมานอนที่ผ้าแต้มแล้วกัน เลยจะขับรถไป เที่ยวน้ำตกสร้อยสวรรค์ก่อน แล้วค่อยไปเที่ยวแก่งตะนะต่อ แล้วกลับมาผาแต้มเย็นๆ



(ระหว่างทาง เจอจิ๊กโก๋กลางซอย)



(ไหนๆก็ทางผ่าน แวะมาเซลฟี่กับเสาเฉลียงสักหน่อย)



(ร้อนไม่กลัว กลัวแต่ไม่ร้อนนนน เย้ยย ไม่ใช่ละ)



น้ำตกสร้อยสวรรค์อยู่ห่างจากสามพันโบก 50 กี่โล ขับรถประมาณเกือบๆ ชั่วโมงก็ถึง เราเพิ่งเที่ยวหินมาแห้งๆ ร้อนๆ ตอนนี้ขอเล่นน้ำตก แบบเย็นๆ ขอให้หนำใจ พอขับรถไปถึงที่ เพื่อนเราคนนึงก็เปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำเลยจ่ะ บอกต้องได้ว่ายน้ำแน่ ส่วนเพื่อนเราอีกคน ก็รีบลื้อ ground sheet แผ่นรองเต๊นท์มา บอกจะเอาไปนอนชิวริมน้ำตก



(พ่อแม่ลูกจูงมือกันไปน้ำตก น่ารักจุง)



พวกเราเดินตากแดดนิดหน่อยก็ถึงน้ำตก แต่ไหนเหรอน้ำตก ไหนเหรอจริงๆ ฝักบัวที่บ้านอาจจะแรงกว่า พวกเราลืมไป นี่มันหน้าแล้ง! น้ำตกจะมีน้ำไหมเล่า!!!



(ตาตุ่มเด็กยังสูงกว่าน้ำ)



(ร้อนมาก ไม่ไหวแล้ว หลับเลยละกัน)



เมื่อเราเฟล จากน้ำตก เลยขับรถต่อไปแก่งตะนะ โดยผ่านอ.โขงเจียม แวะดูแม่น้ำสองสี “โขงสีปูน มูลสีคราม" ร้อนค่ะ ร้อนมาก ทำไมเราไม่มาตอนเย็นเนอะ ไม่เป็นไร ขับรถต่อไปแก่งตะนะ



แก่งตะนะ มีทางเดินสำรวจธรรมชาติสองเส้น คือ ถ้ำพระ กับ ลานผึ้ง ฟังจากชื่อแล้วถ้ำพระต้องเย็นกว่าลานผึ้งแน่ๆ พวกเราเลยไปดูถ้ำพระกัน ถ้ำพระ ก็มีแต่ถ้ำกับพระสมชื่อ แต่ด้วยเหตุผลอะไรไม่ทราบเหมือนกัน เรากลับรู้สึกประทับใจถ้ำนี้ รู้สึกว่ามันขลังอย่างบอกไม่ถูก ประทับใจจนเดินกลับขึ้นรถแล้วต้องกูเกิลต่อ ว่าถ้ำนี้มันมีที่ไปที่มายังไง จนเรารู้ว่าที่นี่มันมีอายุมาตั้ง 1,300 ปีแหนะ โอ… หลายชั่วโคตรมากๆ ค่ะ



ออกจากถ้ำมาก็มาถ่ายรูปกับสะพานแขวน เราก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ไม่ต้องไปสะพานข้ามแม่น้ำแคว ก็มีรูปสะพานแขวนเกร๋ๆ ได้เหมือนกันน้าา



เสร็จแล้ว พวกเราก็แวะกลับเข้าโขงเจียมซื้อเสบียงสำหรับเย็นนี้ และยิงรถยาวไปผาแต้มเลยยย



ที่ผาแต้มมีลานกางเต๊นท์ พวกเราหาก้อนหินมาล้อมเป็นวงเพื่อตีเขตกองไฟ หาฟืนมาก่อไฟ อาบน้ำในห้องน้ำอุทยาน กางเต๊นท์ ปิ้งมาชเมโล ปิ้งข้าวโพด จิบเบียร์ และมาอีสานทั้งที ขาดไม่ได้เลย ปิ้งข้าวจี่



ข้าวจี่สูตรดั้งเดิม

ปั้นข้าวเหนียวให้พอดีคำ

เสียบไม้เสียบลูกชิ้น

ชุบไข่

ปิ้งให้ไข่สุก

ผลลัพธ์: ไข่จะสุก สีเหลืองทอง กรอบเกรียบ ข้าวเหนียวจะเนียนนุ่ม (เพราะผ่านมือการปั้นมาแล้ว) กำลังอุ่น กรอบนอกนุ่มใน ร้อนๆ และได้กลิ่นควันไฟนิดๆ บรรยากาศลูกทุ่งมาเอง



(รู้ว่าเพื่อนจบวิศวะ ก็เพิ่งมารู้วันนี้เนี่ยแหละ ว่ามันเรียนวิศวะเอกการปิ้ง อยู่ๆ สร้างเตาเฉยเลย)



(ง่อวววว เตาดีมีชัยไปกว่าครึ่ง)



วันที่สาม


พวกเราตื่นมาก็รีบขับรถไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผาแต้ม คนเยอะนิดหน่อย ตามสไตล์ที่เที่ยวดัง แล้วพวกเราก็ยิงรถยาวมากินอาหารเวียดนามที่ตัวจ.อุบล



เราก็ไม่เข้าใจหรอกนะ ว่าอุบล ก็ติดลาว ติดเขมร แต่ทำไมอาหารเวียดนาม ร้านที่เรากินอร่อยม้ากกกกก พวกเรากินร้านอาหารเวียดนามชื่อร้าน อินโดจีน เรามาก่อนร้านเปิดนิดหน่อย แต่พนักงานก็ให้เราเข้ามากิน อาหารอร่อยมากค่ะ แนะนำปากหม้อญวน แป้งนิ่มมาก ราคาก็ไม่ได้สูงมากด้วย



และพวกเราคนติดกาแฟ ก็ต้องหากาแฟเสพสักนิด เลยไปร้าน Saloon Coffee and Bar ร้านนี้มีกาแฟดิ๊บ ฮิปสเตอร์ สโลไลฟ์มากๆ มาอุบลไม่ซื้อหมูยอไปฝากที่บ้านได้ยังไง พวกเราเลยถามพี่ที่ร้านกาแฟ พี่เขาแนะนำมาร้าน หมูยอแม่ฮาย ซื้อมาฝากคนที่บ้าน คนที่บ้านดีใจกันใหญ่ บอกรสชาติไม่เหมือนกินในกรุงเทพ



เถลไถลเสร็จ พวกเราก็ไปต่อปราสาทหินพนมรุ้งกัน พวกเราขับยาวจากอุบล ใช้เส้น 24 ขับมาเรื่อยๆ จนเข้าเขตบุรีรัมย์ จะเจอแยกใหญ่ แยกไปเส้น 219 ขับไปอีกสักพักก็ถึงปราสาท



ชื่อปราสาทหินพนมรุ้งมาจากภาษาเขมร ที่แปลว่า ปราสาทที่ยิ่งใหญ่ พอเราไปก็ยิ่งใหญ่สมชื่อเลยนะ คนเยอะมากด้วย แต่ก็สวยมากเช่นกัน



แล้วเราก็ยิงยาวเข้ากรุงเทพ เอ้ะ เราไม่ยอมจบง่ายๆหรอก แวะกินข้าวต้มที่สระบุรีเป็นมื้อส่งท้าย



กินเสร็จก็ขับรถเข้ากรุงเลยจ้าาา ถึงกทม. สองทุ่มกว่าๆ วันรุ่งขี้นพร้อมทำงาน



ทริปนี้เราตั้งใจไปเที่ยวสามพันโบก แต่เอาเข้าจริง เรากลับใช้เวลาที่สามพันโบกแค่ไม่กี่ชั่วโมง เพราะเราได้เจอสิ่งข้างทางที่ดึงดูดเรา ทั้งหาดชมดาว เมืองอุบล แก่งตะนะ และปราสาทหินพนมรุ้ง จนทำให้เรารู้ว่า บางทีเป้าหมาย ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด แต่เพราะระหว่างทางต่างหาก ที่น่าจดจำ



Gowithgu

 วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 15.32 น.

ความคิดเห็น