สวัสดี พวกเราคือ Gowithgu กลุ่มเพื่อนผู้เสพติดการผจญภัย และ ความงามของธรรมชาติ พวกเราทุ่มเทแรงกาย แรงใจ และ กำลังทรัพย์ไปกับการนอนกางเต๊นในป่า แบกเป้ขึ้นเขา ดำดิ่งสู่ท้องทะเล

ใครรักการพจญภัย ทั้งบนบกและใต้น้ำ ทั้งไทยและเทศ กด like Facebook Page Gowithgu ได้เลยยย

ถ้าคุณเลือกไม่ถูกว่าจะไปทะเลหรือเขา ให้มากับเราแล้วจะพาไปเขาและทะเล
#4teenpeenkhao #2taoteefin
ม่อนทูเล เตร็ดเตร่ ไปม่อนคลุย http://pantip.com/topic/34878685
จิบเบียร์ ชมดาว ขับรถเลาะลาว ไป "สามพันโบก" http://pantip.com/topic/34911201
ลุยเดี่ยว เที่ยวชุมพร ดำน้ำกินนอน แบบชาวเกาะ http://pantip.com/topic/35021089


เมื่อวันที่เสาร์-อาทิตย์ 19-20 มีนาคม 2016 ที่ผ่านมา พวกเราได้มีโอกาสไปดำน้ำที่ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบฯ ตอนแรกที่ได้ยินก็งงๆว่าที่ประจวบฯมีจุดดำน้ำลึกด้วยหรอ เพราะเค้าจะดังเรื่องดำน้ำตื้นมากกว่า ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงตัดสินใจไปอย่างไม่ลังเล

ไดฟ์ไซท์ที่เราไปดำน้ำคือ
วันแรก
-กองหิน SOS
-เกาะร้านเป็ด
-เกาะร้านไก่
*night dive: อ่าวทองหลาง (ค่าO2 tank 120บาท)

วันที่สอง
-เกาะสังข์
-เกาะทะลุ

ค่าใช้จ่าย 7500 บาท (ไม่รวมค่าเช่าอุปกรณ์วันละ 400 บาท)

ในส่วนของการดำน้ำวันแรกนั้นจุดดำน้ำจะห่างจากจังหวัดประจวบ ค่อนไปทางชุมพรละ ชื่อเกาะก็ไม่คุ้นหู ฟังดูแล้วหิวสัตว์ปีกขึ้นมาทันที เกิดคำถามขึ้นในใจว่า ทำไมถึงชื่อเกาะร้านเป็ด เกาะร้านไก่ เอ๊ะ มันยังไงนะ…? ทำได้แค่เพียงเก็บความสงสัยไว้ ส่วนวันที่สอง ชื่อเกาะคุ้นหูมาก หลายคนน่าจะได้มีโอกาสไป snorkel กันมาบ้างแล้ว เพราะด้วยความที่เกาะสวยงาม ธรรมชาติใต้น้ำก็ยังคงอุดมสมบูรณ์ การท่องเที่ยวดำน้ำตื้นจึงเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก

เราออกเดินทางกันคืนวันศุกร์ เดินทางประมาณ 5 ชม. นานพอสมควรเนื่องจากถนนเส้นลงใต้ยังทำไม่เสร็จ
(และไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่) ถึงที่พักก็รีบเข้านอน เพราะต้องไปขึ้นเรือกันตั้งแต่เช้า

เช้าวันเสาร์ ออกเดินทางจากที่พักไปยังท่าเรือซึ่งอยู่ไม่ห่างกันมากนัก รับประทานอาหารเช้าที่ท่าเรือ แล้วก็ลงเรือมุ่งหน้าสู่จุดดำน้ำจุดแรก กองหิน SOS

จากท่าเรือใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงครึ่ง เราก็ไปเตรียมอุปกรณ์กันให้พร้อมก่อนแล้วก็พักผ่อนกัน เมื่อใกล้ถึงจุดดำน้ำ เจ้าหน้าที่ก็จะบรีฟให้ฟัง จึงทราบว่า กองหิน SOS นั้นถูกค้นพบโดยกลุ่มดำน้ำที่ชื่อว่า SOS และได้ตั้งชื่อตามกลุ่มตัวเอง ซึ่งกองหินนี้อยู่ห่างจากเกาะร้านเป็ดและเกาะร้านไก่แค่นิดเดียวเท่านั้น

แต่แล้วเราก็ต้องเปลี่ยนแผน เนื่องจากหาทุ่นที่กองหิน SOS ไม่เจอ ประกอบกับบริเวณนั้นมีเรือประมงมาตกปลาอยู่ (ภายหลังมาทราบว่าเรือประมงลำนั้นจอดทับทุ่นไว้) จึงย้ายไปดำน้ำที่เกาะร้านไก่กันก่อน หลังจากฟังบรีฟคร่าวๆ ก็ได้ทราบที่มาของชื่อ เกาะร้านไก่ (ล้านไก่) คือ เนื่องจากเกาะเคยเป็นที่อาศัยของฝูงนกทะเลจำนวนมากที่จะเข้ามาทำรังเป็นช่วงๆ ส่งเสียงแจ้วๆกันดังสนั่น ชาวบ้านเลยเรียกว่าเกาะ (ล้านไก่(จะเป็นร.เรือ หรือ ล.ลิง ก็ได้)) ส่วนเกาะข้างๆกันนั้นก็ตั้งชื่อให้เหมือนๆกันไปคือ เกาะร้านเป็ด (ล้านเป็ด) นั่นเอง พื้นที่บริเวณนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วย black coral มากมายหลายสี เป็นเสมือนป่าไม้ใต้น้ำ เป็นที่อยู่อาศัยไว้คอยหลบภัยให้สัตว์น้ำเล็กๆมากมาย
ด้วยเหตุนี้ ทำให้ต้องเปลี่ยนจุดดำน้ำเป็น เกาะร้านไก่ - เกาะร้านเป็ด - กองหิน SOS ตามลำดับ

จุดเด่นของเกาะร้านไก่คือ รูในถ้ำที่เป็นรูปหัวใจ เมื่อมองจากด้านล่างผ่านรูปหัวใจขึ้นไปด้านบน จะเห็นคลื่นผิวน้ำดูสวยงามสุดๆ


ในถ้ำน้ำขุ่นเล็กน้อย


Scorpion Fish พรางตัวได้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมเป็นอย่างดี ถ้าไม่สังเกตดีๆไม่เห็นแน่ๆ


ทากปุ่มสีสันสวยงาม


เกาะร้านเป็ด


ดำเข้าช่อง รอบข้างรายล้อมไปด้วยดอกไม้ทะเล


ลอดช่องมาแล้ว


จุดเด่นที่น่าสนใจของเกาะร้านเป็ดคือ จะมีถ้ำทะลุจากบนลงล่างออกไป


บางครั้งก็ไม่แน่ใจว่า นี่เราอยู่ใตน้ำหรือบนท้องฟ้า


ปลาไหลมอร์เร่ตัวน้อย


เจอ Scorpion Fish อีกครั้ง รอบนี้มุมดีได้หน้าตรงมา


มองหน้าหาเรื่องหราาา ปลาการ์ตูนอินเดียนแดง


แหงนหน้ามองด้านบนกันบ้าง


รายละเอียดของธรรมชาติ


บริเวณกองหิน SOS นี้เรียกได้ว่าเป็นป่า Black Coral เลยก็ว่าได้ สมบูรณ์จริงๆ


หลังจากอิ่มเอมไปกับการดำน้ำทั้งสามไดฟ์ ก็ขึ้นฝั่งกินข้าวเย็น เตรียมตัวไปดำ night dive กัน โดยที่ความพิเศษของ night dive ครั้งนี้คือ เป็น shore dive คือใส่อุปกรณ์กันบนฝั่ง แล้วเดินจากชายฝั่งลงน้ำไปเลย พวกเราเลยสนใจกันเป็นพิเศษ เนื่องจากไม่ค่อยมีโอกาสให้ได้ดำแบบนี้ในประเทศไทย (ปกติต้องนั่งเรือไปไดฟ์ไซท์) และที่พิเศษไปกว่านั้นคือ!!! night dive ครั้งนี้เป็น REAL night dive เลยก็ว่าได้ เพราะว่ากว่าเราจะได้ลงน้ำกับก็ 22:30น. แล้ว!!! เนื่องจากว่าเกิดความล่าช้าของนักดำน้ำบางคนที่ขึ้นเรือช้าในไดฟ์สุดท้ายเมื่อกลางวัน (เป็นนักดำน้ำต้องตรงต่อเวลา!!!) บวกกับระยะทางของจุดดำน้ำ night dive ที่อ่าวทองหลางไกลจากที่พักกว่าชั่วโมงเลยทีเดียว(unexpected) แน่นนอนว่าความอ่อนล้าและความง่วงนอนนั้นถาถมกันเข้ามาเต็มที่ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนที่อยากลองประสบการณ์ใหม่แบบพวกเรา จึงต้อง “ฝืน" เตรียมอุปกรณ์ดำนำกัน


Night dive ครั้งนี้ ตื้นไม่ถึง 3 เมตร ทำให้เราได้รับผลกระทบจากคลื่นบนผิวน้ำพอสมควร พื้นทรายเต็มไปด้วยขยะเพราะว่าอยู่ใกล้ชายฝั่ง น้ำขุ่นเต็มไปด้วยตะกอนส่งผลให้พื้นที่ในการดำสำรวจคับแคบมาก เพราะว่าไฟฉายไม่สามารถส่องผ่านตะกอนได้ ทำให้เราต้องดำเกาะกลุ่มกัน สิ่งมีชีวิตที่เจอก็น้อย แถมเจอคลื่นจากผิวน้ำทำให้ถ่ายรูปสวยๆไม่ได้อีก ผมจึงคิดว่า “เอาวะ!! อย่างน้อยก็เป็นที่ลอง uv light ของไฟฉายใหม่ไปละกัน" ซึ่งคุณสมบัติของแสงยูวีนั้นเมื่อกระทบกับปะการัง, ดอกไม้ทะเล และสัตว์น้ำบางชนิด จะทำให้เราเห็นแสง fluorescent สีสวยๆสะท้อนกลับมา เป็นภาพที่ประทับใจ (แน่นอนว่าถ่ายออกมาไม่สวย เพราะคลื่นน้ำที่ส่งผลต่อการลอยตัว ทำให้ภาพสั่นดิ๊กๆ)


ดำได้เพียงแค่20นาทีไม่น่าเกิน ผมก็ต้องรีบกลับเข้าฝั่งและเรียกเพื่อนขึ้นจากน้ำ เพราะว่าเมาคลื่น!!! ลืมกินยาแก้เมามาก่อนนั่นเอง (ฮา)


สุดท้าย ล้างอุปกรณ์ กลับที่พัก กว่าจะได้นอนก็ตีสอง เตรียมตัวดำน้ำพรุ่งนี้อีก…


**note สำหรับคนที่มีอุปกรณ์เป็นของตัวเอง แนะนำให้พยายามหลีกเลี่ยง shore dive ให้มากๆ เพราะว่าทรายจะมีโอกาสเข้าไปตามซอกตามร่องของอุปกรณ์สุดรักของเราได้เยอะมากกกกกก…...แบบที่พวกผมเจอ



และแล้วก็ถึงวันสุดท้ายของทริป วันนี้เรามีแพลนดำน้ำที่เกาะสังข์และเกาะทะลุ ซึ่งเป็นที่ขึ้นชื่อเรื่องดำน้ำตื้นอยู่แล้ว เมื่อเราถึงจุดดำน้ำ ก็มีเรือนักท่องเที่ยว snorkel จอดไว้อยู่ แต่เราดำคนละจุดกัน ก่อนดำน้ำก็โดดลงไป snorkeling กันซะหน่อย

+

+

+

dive site ที่เกาะสังข์นั้น ตื้นเพียงแค่ 7 เมตร ทำให้เรามีเวลาอยู่ใต้น้ำได้นานมากๆ โดยไดฟ์นี้ใช้เวลาไปทั้งหมด 81 นาทีเลยทีเดียว น้ำไม่ได้ถือว่าใสมาก แต่ของเยอะมากๆ!!! ดำน้ำถ่ายรูปกันสนุกสนาน

แนวปะการังปลูก


ตัวนี้น่ารัก นอนหล่อให้ถ่ายรูปเลย


ดงดอกไม้ทะเลสีแดงเพลิง


งูทะเลตัวน้อย


และก็มาถึงเกาะทะลุ ซึ่งเป็นไดฟ์ไซท์สุดท้ายของเราในวันนี้ เกาะสวยงามน่าขึ้นฝั่งไปเก็บแสงสุดๆ และเช่นกันกับเกาะสังข์คือ มีเรือนักท่องเที่ยว snorkel มาจอดไว้อยู่แล้ว บนเรืออัดแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัย แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร เพราะพวกเค้าเตรียมตัวกลับกันละ



ไดฟ์ไซท์นี้ลึกเพียงแค่ 8 เมตร ไม่ต่างกับเกาะสังข์ซักเท่าไหร่ รอบนี้เราประเดิมด้วยการโดดน้ำ Free Diving กันไปเล้ยยยย

++

++

หลังจากเหนื่อยจากการฟรีไดฟ์แล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาก็เข้าชุดเตรียมดำน้ำกันต่อ ไดฟ์นี้จัดไป 63 นาที ของเยอะมากๆเช่นกันกับเกาะสังข์ สภาพแวดล้อม ความลึก และสิ่งมีชีวิตที่เจอ ทำเอาผมอยากมาดำ night dive ที่จุดดำน้ำทั้งสองจุดนี้ซะเหลือเกิน



พอดีว่าแดดมันร้อน!!!

นูดี้(ทากทะเล)ตัวนี้ตัวเล็กและเดินเร็วมาก ถ่ายยากสุดๆ


ระวังหลัง!!!!!


แฮ่!!!! ปลากะรังหัวโขน


ปลาผีเสื้อเหลือง Weibels Butterfly fish


ปลาการ์ตูนอินเดียนแดงในบ้านแสนรัก


ปลากระบอก ปกติเห็นอยู่แต่บนโต๊ะไหว้บรรพบุรุษเนอะ


ผมหล่อมั้ยฮ๊าฟ


ถ่ายปลามาเยอะละ เซลฟี่บ้างดีกว่า


ปกติตามชายหาดเราจะเจอปูเสฉวนตัวเล็กๆเนอะ แต่ถ้าเราดำน้ำลงไปก็จะเจอตัวใหญ่กว่ามืออีก!!


เห็นช่วงนี้คนไปดูซากุระบานที่ญี่ปุ่นกันเยอะมาก เราก็ทำได้แค่ดูซากุระใต้ทะเลไปก่อน...


ลากันไปด้วยเจ้าปลาสีเขียวสะท้อนแสงตัวนี้ละกันครับ สีมันแจ๊ดมากกกกกกกกกกกกกกก


ภาพทั้งทั้งหมดนี้เป็นแค่บางส่วนจากทริปดำน้ำในฝั่ง “อ่าวไทย" ความสวยงามจากมุมมองใหม่บนโลกใบเดิมที่พวกเราอยู่นั้นช่างมหัศจรรย์และน่าค้นหาจริงๆ


ช่วงนี้ผมได้อ่านข่าวเกี่ยวกับการฟอกขาวของปะการังที่เพิ่มและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งปีนี้จะเป็นปีที่ร้อนมากที่สุด ล่าสุดก็ได้ทราบข่าวที่น่าสลดใจมากสำหรับผม คือแนวปะการังที่ Great Barrier Reef อันโด่งดังของประเทศ Australia นั้นได้ฟอกขาวไปแล้วจำนวนมาก…
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(ซ่อน) เนื้อหาข่าวบางส่วน
http://gizmodo.com/a-nightmare-is-unfolding-in-the-great-barrier-reef-1767702006
http://www.vox.com/2016/3/30/11332636/great-barrier-reef-coral-bleaching
http://www.slate.com/blogs/the_slatest/2016/03/29/widespread_coral_bleaching_in_australia_s_great_barrier_reef.html

เนื่องจากปะการังนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอุณหภูมิ ค่าน้ำที่เปลี่ยนไป (ค่าความเค็ม, ค่า pH) และตะกอนต่างๆ ทั้งหมดล้วนส่งผลให้ปะการังตายได้ง่ายๆ ทีนี้เมื่อแนวปะการังตายและพังทลายลง ก็จะส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหลายใต้ท้องทะเล ทัศนียภาพที่งดงามก็จะหายไป สิ่งที่ตามมาคือเราจะสูญเสีย ecosystem service ที่ได้มาฟรีๆไป ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเท่ียว แหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ ป้อมปราการที่ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง และนี่ยังไม่รวมถึง butterfly effect ที่จะส่งผลกระทบต่อไปเป็นทอดๆไปอีก ตั้งแต่แพลงค์ตอน…..จนไปถึงฉลามวาฬ และมนุษย์เรานี่เอง

สุดท้ายนี้ก็อยากจะฝากทุกคนว่า ภาวะโลกร้อนที่เราเคยพูดถึงกันมานับสิบปี มันยังคงเกิดขึ้นและเป็นอยู่ และยังคงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ วิธีป้องกันหรือลดภาวะโลกร้อนผมคงไม่ต้องพูดถึง ทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว ขอจงให้เชื่อมั่นว่าพวกเราทำได้ อย่างน้อยก็ชะลอความเลวร้ายนี้ให้มาช้าลงได้…..ซักนิดนึงก็ยังดี

เพิ่มเติมครับ


ขอขอบคุณพี่ต้นนีโม่ นักดำน้ำสายเทคไดฟ์สุดเท่ ที่เป็นไดฟ์ลีทให้กับพวกเราในทริปนี้ครับ

และพี่ปัด ไดฟ์ลีทสุดสวย ตาดีชี้ของให้ผมถ่ายตลอด สุดยอดจริงๆ


ไม่ได้ถ่ายรูปบนบกด้วยกันเลย มีแต่รูปใต้น้ำ แหะๆ

Gowithgu

 วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 15.30 น.

ความคิดเห็น