สำรวจตาดเซคำพอ สปป.ลาว ตอนที่ 1 ..ทุกครั้งเมื่อนึกถึงที่ท่องเที่ยวลุยๆที่ประทับใจช่วงหน้าฝน มักมีชื่อของลาวใต้ผ่านเข้ามาในห้วงความคิดคำนึงแทบทุกครั้ง และเมื่อนึกถึงลาวใต้ก็จะหนีไม่พ้นทีมงานที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอย่างกลุ่ม "คนแบกเป้" ซึ่งนำทีมโดย "พี่กัณฑ์" จากทีมงานส่องโลก ที่ผันตัวเองมาเป็นคนนำทริปแห่งเว็บ "คนแบกเป้" ที่ได้เข้าไปสำรวจป่าลาวใต้มาเป็นเวลา 10 กว่าปีแล้ว และมักจะพาทีมงานคนคอเดียวกันเข้าไปผจญภัยกันอยู่แทบทุกปีไม่ได้ขาด นำรายได้เข้าประเทศลาวหลายร้อยล้าน (กีบ) เข้าไปแล้ว |
.ทริปนี้เริ่มต้นด้วยพี่กัณฑ์ได้เปิดทริปสำรวจเส้นทางใหม่ไปยัง "ตาดเซคำพอ" ในช่วงหยุดยาวเข้าพรรษา สืบเนื่องจากปี 54 ที่กลุ่มคนแบกเป้กลุ่มแรกได้เข้าไปสำรวจมาก่อนหน้านั้นและได้พบว่าตาดตัวนี้มีศักยภาพพอที่จะได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของลาวใต้ แต่การเข้าถึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก ปีนี้ทางพี่กัณฑ์ คนแบกเป้จึงได้วางแผนสำรวจเส้นทางใหม่เพื่อย่นระยะเวลาในการเข้าถึง พวกเราทีมงานคนแบกเป้ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ต่างชักชวนกันมาร่วมทริปกันอย่าคับคั่ง เหมือนกับเป็นวันคืนสู่เหย้า
วันเดินทางทราบข่าวล่วงหน้าแล้วว่าพี่กัณฑ์ไม่สามารถนำทริปได้เพราะประสพอุบัติเหตุ จึงให้ "ไอ้คล้าวผจญภัย" หรือ หนึ่ง ผู้ช่ำชองในการเล่นแร่แปรธาตุสินค้าเดินป่ามือสอง เป็นผู้นำทริปและคอยดูแล จัดการทุกอย่าง ในทริปแทนพี่กัณฑ์ พวกเราพร้อมกันที่ด่านช่องเม็ก-วังเต่า ผ่านพิธี แสกน-กรรม ของ ตม.ลาว ใครโชคดีก็เสียค่าผ่านแดน 40 ใครโชคร้ายก็ 100 นึง เป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับตม.ลาว พวกเรานั่งรถสองแถวที่เหมาจากด่าน ข้ามสะพานมิตรภาพลาว-ญี่ป่นไปยังเมืองปากเซต่อไปปากซ่อง รวมระยะทางจากด่านไม่เกิน 110 กิโล สภาพเมืองปากซ่องเป็นที่ราบเชิงเขา ภูมิอากาศมีความหนาวเย็นตลอดทั้งปี มีความชื้นสูง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าธรรมชาติ และไร่กาแฟ ถนนหนทาง เส้นทางหลักลาดยางแล้ว แต่ทางแยกเข้าหมู่บ้านต่างๆยังเป็นถนนลูกลังอยู่ จากทางแยกเข้าบ้านหนองหลวงมาที่บ้านหลักห้าอีกประมาณ 5 กม.เราพบรถ GMC ยุคสมัยโซเวียต และรถจี๊บในยุครุ่นราวคราวเดียวกัน จอดเด่นเป็นสง่าดูน่าเกรงขาม และด้วยสภาพของบ้านเมืองประกอบกันแล้วมันทำให้นึกถึงหนังสงครามรุ่นเก่าอย่าง Good Morning Vietnam ยังไงยังงั้นเลย
"เจ้าคุณปู่นี่คันนี้น่ะหรือที่จะนำเราไปยังจุดหมายปลายทาง" เราตั้งชื่อให้เจ้า GMC รุ่นสงครามโลกคันนั้น "แม่นแล้ว" เสียงจากคนขับซาติลาว ตอบมาอย่างอารมณ์ดี พวกเราไม่รอช้าจัดแจงขนสัมภาระขึ้นยัง พาหนะที่สุดแสนจะ classic นี้ สภาพรถถูกดัดแปลงเพื่อใช้ในงานขนซุงท่อนใหญ่ๆ ซึ่งยังคงมีสัมปทานให้ทำไม้ได้ นอกจากนั้นยังใช้ขนแเมล็ดพันธ์กาแฟชั้นดีออกจากป่าลึกจากที่ราบสูงโบโลเวนสู่คอกาแฟที่รู้จักกันดีในชื่อ ดาว คอฟฟี่ ที่ชาวบ้านนิยมปลูกกันแทบทุกครัวเรือน ถือว่าเป็นรายได้หลักของคนที่นี่เลย ด้วยภูมิประเทศ และสภาพอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปีทำให้กาแฟพันธุ์อราปิกาและทรอปิกา ให้ผลผลิตได้เป็นอย่างดี
พวกเราทั้งหมดจัดแจงขนสัมภาระขึ้นรถเพื่อเข้าไปยังจดหมาย จากปากทางบ้านหลัก 5 ทีมงาน 42 ชีวิตอัดแน่นกันอยู่บนหลังเจ้าคุณปู่ เหมือนกับรถขนแรงงานเถื่อนควบปุเลงๆ มุ่งหน้าสู่ผืนป่าใหญ่เบื้องหน้าซึ่งยังไม่รู้ว่าเหตุการณ์เบื้องหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง..
ด้วยสภาพเส้นทางเป็นทาง offroad ไม่ว่าจะยืนหรือนั่งก็ไม่มีความสุขนัก จากทางแยกบ้านหลัก 5 มาถึงหมู๋บ้านห้วยซอย 2 ข้างทางจะเต็มไปด้วยไร่กาแฟระยะทางประมาณ 15 กิโลได้ไม่ต้องบอกว่าใช้เวลานานขนาดไหน เพราะสภาพถนนที่เป็นดินโคลน และเป็นหลุมเป็นบ่อทำให้ทำเวลาไม่ค่อยได้
พอผ่านหมู่บ้านจะเริ่มเต็มไปด้วยไม้ป่าตามธรรมชาติบางช่วงต้องมุดผ่านพุ่มไม้เข้าไป คนนั่งหัวรถจะคอยบอกให้ระวังซ้ายทีขวาที บางช่วงก็ต้องนอนราบบนหลังคารถเพราะหลบไม่พ้นโดนไม้ดีดหน้ากันเป็นแถว แถมบรรดามดแมลงต่างที่อยู่บนกิ่งไม้ก็กระเด็นกระดอนลงมาตกใส่หัวหูเมื่อรถวิ่งผ่านคันคะเยอกันไปตามกัน ยังดีที่ไม่มีงุเงี้ยวเขี้ยวขอตกลงมาด้วย ยังนึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าตกลงมากลางกลุ่มคนที่อยู่บนรถ ไม่รู้ว่างูหรือคนที่จะตายก่อน !!
ในที่สุดก็ผ่านพ้นความลำบากมาได้จุดนึง รถแล่นออกมายังทุ่งหญ้าซาฟารี ให้ได้หายใจหายคอกันได้อย่างเต็มปอดสักหน่อย หลังจากผจญภัยเล็กๆกันมา
ขับรถมาสักระยะนึงยังไม่ถึงครึ่งทาง เจ้าคุณปู่เริ่มมีอาการไม่สู้ดี กำลังชักเริ่มไม่พอ ทางคนขับ check อาการแล้ว คงต้องหาที่พักแถวนี้ก่อนเพื่อพยายามต่อลมหายใจเจ้าคุณปู่ และช่วงเวลาก็ใกล้ค่ำแล้วเลยจัดแจงตั้งแคมป์กันริมลำธาร โดยให้เจ้าคุณปู่ทำหน้าที่ปรับพื้นที่ป่าให้ราบเรียบโดยการขับลุยเข้าไปในบริเวณที่จะตั้งแคมป์ ขับเดินหน้าถอยหลังไม่กี่ที่เราก็ได้พื้นที่ในการตั้งแคมป์ หุงหาอาหารสำหรับคืนแรกกันแล้ว
แคมป์กลางถูกสร้างขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพราะช่วยกันคนละไม้คนละมือ พวกมีฝีมือทำอาหารก็ไปช่วยกันทำ หน่วยหุงข้าวหาฟืนก่อไฟก็จะเป็นทีมงานย่างป่าจากบ้านหนองหลวงซึ่งเป็นลูกหาบคู่ใจที่ทีมคนแบกเป้ใช้บริการกันมานมนาน ทริปนี้สบายหน่อยไม่ต้องแบกสัมภาระอะไรกันเพราะนั่งรถอย่างเดียว จัดการทำอาหารกินกันเสร็จแล้วก็พูดคุยสังสรรค์เฮฮากันตามประสาคนคอเดียวกันและไม่ได้เจอกันนานกว่าจะได้หลับนอนก็ล่วงเข้าไป 2 ยามกว่าๆโดยที่ยังไม่รู้ว่าจะเผชิญเหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนซึ่งพวกเราไม่รู้กันมาก่อนในวันพรุ่งนี้….
clip สำรวจตาดเซคำพอตอน 1
-ขอขอบคุณเพื่อนๆที่ได้เข้ามาชม และ กด like กด share เป็นกำลังใจน่ะครับ
-แลกเปลี่ยนข้อมูล หรือพูดคุย สอบถามข้อมูลการเดินทาง ได้ที่ Fanpage : สตั๊ดดอยร้อยเรื่องราว
-ติดตามบทความเก่าๆ ได้ที่นี่ครับ ทริปเดินทางทั้งหมด
สตั๊ดดอย ร้อยเรื่องราว
วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 10.25 น.