สวัสดีครับทุกท่าน และแล้วผมก็ได้ฤกษ์มาทำรีวิวต่อเสียทีหลังจากห่างหายไปนานพอดู จริงๆ ทริปนี้ผมไปมาตั้งแต่ช่วงหยุดยาวต้นเดือนธันวาคม (5-9 ธ.ค.) นู่นครับ เพิ่งจะมีเวลาได้ทำรีวิว หยุดยาวไม่รู้จะไปไหน เบื่อๆ เซ็งๆ เรื่องงานที่ Office ด้วย ขี้เกียจอยู่ กทม. อากาศเย็นๆหนาวๆ แบบนี้ เลยเช่ารถออกไปตระเวนเที่ยวใกล้ๆ ดีกว่า เป็นทริปที่ไม่มีจุดหมายที่สุดแล้วครั้งนี้ ค่ำไหนนอนนั้น >_< เริ่มจากไปปากช่อง ขึ้นเขาใหญ่ ทะลุไปออกทางปราจีนบุรี ต่อไปยังสระแก้ว ข้ามไปปอยเปต กลับเข้าไทยไปต่อระยอง แล้วค่อยกลับเข้า กทม. คืองงตัวเองเหมือนกันไปได้ไง ทริปแบบนี้ ลองมาตามดูกันครับว่าผมไปได้ยังไง 555+

รถที่ผมเช่าครั้งนี้เป็นยาริสตัวใหม่ล่าสุดครับ เช่าจาก thairentacar ตกวันละ 500 บาท ขับสบาย

เคลียร์งานที่ Office เสร็จประมาณบ่ายสอง ก็ขับยิงยาวไปปากช่องเลยครับ ประมาณ 2 ชม. ก็ถึง

ก่อนออกจาก Office ผมจองที่พักกับ Agoda ไว้ ชื่อ นอนชิว ปากช่อง เป็นโรงแรมใหม่ ราคาถูก นอนสบายมากเลยครับ อันนี้ด้านนอกบริเวณที่จอดรถครับ

บนห้อง หรูใช้ได้ เตียงนุ่นมาก ชอบๆ

มีบาร์ไว้สำหรับนั่งทำงานด้วย

ถ่ายจากห้องมาบริเวณที่จอดรถครับ วิวดีทีเดียว

พักผ่อนซักหน่อยก็ออกไปชมบรรยากาศแถวนี้ดีกว่า ตั้งหมุดไว้ที่ร้านสเต็กครัว 95 เขาใหญ่ แล้วขับกินลมไปเรื่อยๆ

พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า จอดรถ เปิดกระจกถ่ายรูปหน่อย

สองข้างทางก็วิวดี อากาศเย็นสบาย เปิดกระจกขับช้าๆ ไปเรื่อยๆ ชิลล์ๆ

และแล้วผมก็มาถึงร้านสเต็กครับ ร้านสเต็กครัว 95 เขาใหญ่ บอกเลยครับ ร้านนี้เด็ด

เข้าไปข้างในร้านกันครับ

อันนี้บรรยากาศภายในร้านครับ ถ้าเป็นช่วงกลางวันผมอาจได้สั่งกาแฟเพิ่มอีกเมนู

และแล้วเมนูที่ผมสั่งก็มา ทีโบนเสต็กครับ อร่อยสุดๆ ไปเลย เนื้ออย่างฉ่ำ ซอสเขาก็อร่อยครับ

จากนั้นก็กลับมานอนพักเอาแรงที่ห้อง คืนก่อนเดินทางนอนน้อยเพราะต้องเคลียร์งานที่ค้างอยู่ อีกทั้งพรุ่งนี้ไม่รู้จะไปไหนต่อบ้าง เอาแรงไว้หน่อย สำหรับวันแรกขอจบแต่เพียงเท่านี้ 555+

**** จบวันที่ 1 ****


----- วันที่ 2 ----

วันนี้ตื่นเช้า เนื่องจากเมื่อคืนนอนเร็ว ก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง อากาศโคตรดีเลยครับ จนเกือบสาย ค่อยอาบน้ำ แต่งตัวเตรียมลงไปเช็คเอาท์ ก่อนลง ก็มีกาแฟกับขนม จัดเลยครับ ทั้งหมดนี้ฟรีครับผม 555+

หลังเช็คเอาท์แล้วจุดแรกที่จะไปต้องเอาฤกษ์เอาชัยก่อน ไปไว้พระดีกว่า ไปพุทธอุทยานฯ หลวงปู่ทวด อยู่ไม่ไกลที่พักครับ ขับแป๊บเดียวถึง

มาถึงแล้วครับ ใหญ่โตมโหฬารจริงๆ เดินไปข้างหน้ากันครับ

ข้างในทางเดินไปยังหน้ารูปปั้นหลวงปู่ มีร้านขายของเพียบเลยครับ แวะซื้อได้ตามอัธยาศัย

มีรูปปั้นช้างด้วย

และแล้วก็เดินมาสุดเพิงขายของ ต้องเดินลงไปต่อครับ

ใต้ฐานองค์หลวงปู่ มีจุดให้ทำบุญได้ครับ ผมก็จัดไปตามกำลังศรัทธา

ก่อนกลับขึ้นรถก็ขออีกซักรูป

ถ่ายรูปเสร็จ แวะไปอุดหนุนองุ่นน้องๆ ที่ขายอยู่แถวเพิงหน่อย เอาครึ่งโล 50 บาท น้องล้างให้ด้วย กินในรถยาวๆ ไป

จากนั้นเริ่มหิวอีกแล้ว ใช่สิยังไม่กินข้าวเช้า 555+ ขับไปเรื่อย เอ้าแวะนี่ดีกว่า ป้ายหน้าทางเข้าว่า สเต็กราคาถูก

ถูกจริง เพราะเป็นหมูกับไก่ (นี่เอ็งยังจะกินสเต็กอีกเหรอเนี่ยะ 555+)

สั่งไป ก็รอซักพักครับ เป็นร้านอาหารที่ต่อเติมมาจากที่พักชื่อดังในย่านนี้ครับ

ไม่นานอาหารก็มาครับ อร่อยใช้ได้เลยครับ ทั้งหมดนี้หมดไปร้อยกว่าบาทเองครับ

อิ่มแล้ว ขอทางร้านเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย เราจะยิงยาวเข้าไปในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่กันครับ

ถึงหน้าทางเข้าอุทยานแล้วครับ เราต้องผ่านซุ้มประตูนั้นเข้าไป เสียค่าธรรมเนียมไป 90 บาท (รถ 50 เรา 40 บาท)

วันนี้ถนนโล่ง ขับสบายครับ ไปแบบช้าๆ เปิดกระจก รับอากาศสดชื่นไป

ถึงจุดชมวิวจุดแรก จอดรถลงไปชมหน่อย ถ่ายรูปกับบัตรไว้เป็นที่ระลึกด้วย 555+

แวะตรงนี้เสร็จ เดี๋ยวไปแวะตรงโน่นต่อ ดูคนเยอะดีทางนั้น

ตรงนี้มีห้องน้ำให้เข้านะครับ อยู่หลังอาคารนี้

ไม่มีใครมาจอดกับผมเลย ไปโน่นกันหมด

เลยขับมาดูบ้าง จุดนี้มีที่ถ่ายรูปสำหรับนักท่องเที่ยวหลายจุดเลยครับ

ตรงโน้นจะเป็นหลักแสดงพื้นที่มรดกโลก คนยืนรอถ่ายเพียบ ผมก็ขอบายล่ะครับ 555+

ตรงจุดจอดรถมีร้านกาแฟของเจ้าหน้าที่อุทยาน ดูเข้าและคูลมากครับ ดีๆๆ

เดินไปถ่ายรูปจุดชมวิวหน่อย จะเห็นพื้นล่างตรงที่เราขึ้นมาเลยครับ ขาวๆ นู่นนนน

จากนั้นก็ไปต่อครับ มาเขาใหญ่ทั้งทีต้องไปจุดไฮไลท์ครับ น้ำตกนั้นเอง ไปน้ำตกแรกก่อน น้ำตกเหวสุวัตครับ

ขับช้าๆ ชิลล์ๆ ไป เอะทำไมจุดนี้คนเยอะ ลงไปดูหน่อยดีกว่า มีที่จอดรถให้ด้วยยย

เป็นอ่างเก็บน้ำครับ บรรยากาศดีใช้ได้ กางคืนจุดนี้สัตว์ป่าจะออกมากินน้ำกันครับ

ถ่ายไปยังมุมท้ายอ่างบ้าง คนเยอะเชียวทางนั้น

มีทั้งเดินเล่น นั่งเล่น นอนเล่นก็ยังมีเลยครับ

หามุมถ่ายรูปสวยๆ กัน

หอมปากหอมคอแล้วก็ขับต่อไปอีกเกือบ 10 กม. ครับ ก็มาถึงเสียที

มีเวลาเปิดปิด กฏข้อห้ามต่างๆ ชัดเจน

เดินลงไปกันเถอะครับ ตามทางนี้ไป

เริ่มมองเห็นน้ำตกแล้วครับ ต้องลงไปอีกนะครับ

ทางเริ่มชันจนเป็นบันได แค่คิดถึงตอนขึ้นก็เหนื่อยละ 555+

และแล้วก็ลงมาถึงครับ มีคนบ้างประปราย

เดินเข้าไปถ่ายชัดๆ ซักรูป

นั่งมองดูน้ำตกซักพักแล้วก็เดินกลับขึ้นไปที่จอดรถครับ แค่เห็นก็เหนื่อยแล้ว 555+

ขึ้นมาได้ก็หอบเอาเรื่องครับ >_< เลยที่จอดรถไปหน่อยจะมีทางไปยังน้ำตกอีกแห่งประมาณ 2 โล กว่าๆ ขอบายนะครับตอนนี้ สมัยวัยรุ่นเคยไปแล้ว 555+

จากนั้นก็ไปยังจุดไฮไลท์ถัดไป น้ำตกที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ "น้ำตกเหวนรก" ที่มีช้างพลัดตกตายไปหลายเชือกมาก ในปีที่ผ่านมา

ระหว่างทางก็เจอสัตว์ป่าออกมาหากินข้างถนนบ้าง ดังนั้นขับรถกันช้าๆ หน่อยนะครับ

ตอนนี้ 16:00 น. แล้ว แสงเริ่มสลัวๆ อากาศเย็นสบายเชียว

เจ้าถิ่นเพียบเลยครับ ขับระวังกันนิดนึงนะครับ อย่าให้อาหารลิงนะครับ ถูกชนมาเยอะแล้ว สงสารเค้า

และแล้วผมก็มาถึงครับ ดูเจ้าถิ่นตัวนั้นสิ ขึ้นไปรื้อของเขาด้วย ดังนั้นใครจะมาก็เก็บของดีๆ นะครับ

ถึงปากทางเข้าแล้วครับ ต้องเดินเท้าต่อเข้าไปอีกประมาณ 1 กม. ครับ

ตอนนี้ก็ 16:15 น. แล้ว มีเวลา 45 นาทีในการไปกลับ เอ้าวิ่งสิครับ 555+

บรรยากาศระหว่างทางที่ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไป

ร่มรื่นดีแท้ ก็หนาวๆ ขนลุกๆ ไป 555+

เจอมนุษย์แล้ว แต่พวกเขากำลังกลับ มีผมที่สวนชาวบ้านไป

สะพานไม้ข้ามห้วยนี้สวยดีครับ มุมพระอาทิตย์ได้เลย

เดินเข้าไปเรื่อยๆ จะไปเจอเสาที่เอาไว้กันไม่ให้ช้างป่าเดินผ่านเข้าไป ไม่ให้ไปตกหน้าผาตายครับ

มีบ้านพักสำหรับเจ้าหน้าที่เพื่อเฝ้าระวังด้วยครับ

ตัวลำธารก่อนจะไหลไปลงหน้าผาเป็นน้ำตกครับ

ลงจุดนี้ไปก็เป็นหน้าผาแล้วครับ เดี๋ยวเราลงไปดูข้างล่างกัน

นี่คือทางลงครับ ขนาดลงยังเหนื่อย แล้วตอนขึ้นล่ะ 555+

แต่ลงมาแล้ว คุ้มค่ามากครับ สวยงามมากจริงๆ

มีจุดให้ถ่ายรูปด้วยนะครับ โชคดียังคงมีมนุษย์หลงเหลืออยู่ ไม่งั้นวังเวงแย่ 555+

ขออีกซักรูปนะ แต่พอหันกลับมาเพื่อนๆ หายหมดแล้ว 555+

จากจุดนี้ลงไป ยังมีน้ำตกอีกหลายชั้น สูงกว่านี้อีกครับ ตรงจุดที่ช้างตกลงไปตายก็ถัดจากจุดนี้ไปครับ

จะ 5 โมงเย็นแล้ว ได้เวลาเดินกลับแล้วครับ แค่มองดูก็เหนื่อยแล้วครับ ขึ้นมาได้หอบรับทานทันที 555+

พักเหนื่อยซักหน่อยก็ออกเดินทางต่อครับ ตัดสินใจตอนเดินขึ้นมาว่าคืนนี้จะไปนอนสระแก้ว กดมือถือจองโรงแรมผ่าน Agoda App เรียบร้อย ขับรถยาวๆ ไป

ผมมาถึงสระแก้วเกือบ ทุ่มครับ ดีที่จองโรงแรมไว้แล้วไปถึงก็เช็คอินได้เลย คืนนี้ผมนอนฮอปอินครับ โรงแรมใหม่ ห้องใหญ่ สะอาด นอนสะบายมากครับ

ได้ชั้น 1 มองออกไปเห็นรถจอดเลย 555+

เก็บของแล้วก็อาบน้ำ แต่งตัวออกไปหาของกินดีกว่า ไปเดินตลาดกันครับ ไม่ไกลๆ

ตอนนี้เกือบ 2 ทุ่ม คนเริ่มน้อยแล้วครับ บางร้านก็เริ่มเก็บแล้ว ทำไมทีนี้นอนกันเร็วจัง 555+

และแล้วผมก็ได้เป้าหมาย ไข่ปลาหมึกนั้นเอง แวะร้านตรงข้ามของเฟรนฟรายอีก 1 ชุด

ราดด้วยชีส อร่อยเลยทีเดียว ไข่ปลาหมึกก็แซบ เดินไปกินไป แป๊บเดียวหมด 555+

ต่อด้วยยำปลาแซลมอน 80 บาทเอง ถูกแฮะ จัดไปอีก 1 ถ้วย

กระหายน้ำเหรอ มีน้ำขายแถวนั้น จัดไปเก๊กหวยเย็นๆ 2 ขวด เล่นเอาซะอิ่มเลย 555+

เมื่อคืนเรานอนเต็มที่ ดังนั้นคืนนี้มีแรงแล้ว เราต้องออกล่า 555+ เอาร้านนี้ละกันอยู่ไม่ไกลโรงแรมพอดี เมาแล้วจะได้กลับห้องได้ ชื่อร้าน "เลฟ อัพ" ครับ มี 2 โซน โซนนั่งชิลล์กับโซนผับด้านใน

ผมเลือกโซนนั่งชิลล์ข้างนอกครับ กะว่าสั่งเบียร์แล้วนั่งฟังเพลงชิลล์ๆ ไป แต่คือตอนนี้อุณหภูมิประมาณ 16-17 องศา คือหนาวมากครับ กินเบียร์ไป เป่าปากไป 555+

แต่แล้วก็มีนางฟ้ามาถามว่าพี่มาคนเดียวเหรอ ให้หนูนั่งเป็นเพื่อนไหม รีบตอบอย่างไว ก็มาดิคร๊าบบบบ 555+ (คือน้องน่ารักมากกก และน้องก็หนาวมากจนต้องหาผ้ามาห่มเลยทีเดียว >_< )น้องบอกพี่ หนูจะไม่ไหวแล้ว ย้ายไปข้างในกันเถอะ ข้างในอุ่น ผมก็ใจง่ายไปไหนก็ไปครับ 555+ แต่ข้างใน (โซนผับ) อุ่นกว่าจริงๆ ครับ แต่เสียงแอบดัง

มีนักร้องคนนึงสวยและน่ารักมาก (คนที่ใส่ห่วงยาง) ร้องเพลงก็เพราะ คือดีมากกก ชอบ 555+

เข้ามาข้างในน้องไม่หนาวแล้ว เต้นได้ 555+

เมาได้เรื่องแล้วก็กลับห้องไปนอนดีกว่า 555+ พรุ่งนี้ต้องไปต่ออีก แต่จะไปไหนก็ยังไม่ได้คิด ตื่นมาค่อยว่ากัน สำหรับคืนนี้ ราตรีสวัสดิ์ >_<

**** จบคืนที่ 2 ****


---- วันที่ 3 ----

ตื่นมาแบบงัวเงียๆ มองดูนาฬิกา เฮ้ยยยย 9 โมงแล้ว รีบอาบน้ำแต่งตัว เพื่อไปเช็คเอาท์ ก่อนไปขอจัดกาแฟฟรีซักหน่อย แก้แฮงค์เมื่อคืน คือหน้าผมยังไม่ตื่นเต็มที่เลยครับ 555+

อันนี้บรรยากาศหน้าโรงแรมครับ เพิ่งได้มาถ่ายตอนกลางวัน 555+

ระหว่างนั้งกินกาแฟไป ก็หาที่จะไปต่อ สรุปได้ว่าจะไปวัดถ้ำเขาฉกรรจ์ ลงไปทางใต้ประมาณ 20 กม.

ขับเลยมาเพื่อมาเติมน้ำมันก่อนครับ มีปั้ม ปตท. อยู่ มีจุดถ่ายรูปด้วย ด้านหลังนั้นคือเขาฉกรรจ์ครับ

จากนั้นก็ไปกลับรถเพื่อเข้าไปยังวัดครับ ตรงข้ามนั้นคือปั้ม ปตท. ที่ไปแวะเมื่อกี้ครับ แต่... ไปกลับรถโคตะระไกลเลยครับ 555+

กว่าจะวนกลับมาได้ เอาซะเพลีย และแล้วผมก็มาถึงแล้วครับ 555+

ด้านในครับ ลิงเพียบเลย ขับรถระวังและเก็บของดีๆ ด้วยนะครับ

อันนี้คือบันไดที่เราจะขึ้นไปครับ รู้สึกว่าทริปนี้เดินขึ้นบันไดจังเลย 555+

ชันเอาเรื่องนะเนี่ยะ พักหน่อย

ขึ้นมาตรงโถงถ้ำจะมีพระพุทธบาทจำลองและพระสงฆ์อยู่ครับ

จากนั้นก็เดินขึ้นไปต่อยังจุดสูงจุดบันได จุดนี้ชันมากครับ

และแล้วก็ขึ้นมาถึง มีพระพุทธรูปอยู่ด้านบน แล้วก็เป็นหน้าผาลงไปเลยครับ

แบบนี้ คนที่ขึ้นมาก็มานั่งพัก ถ่ายรูปกัน ก่อนที่จะทำใจเพื่อเดินลงครับ

เอ้าว ขออีกซักภาพ ไหนๆ ก็ขึ้นมาแล้ว 555+

และแล้วก็ได้เวลาเดินลงครับ คือชันมาก และเสียวมากครับ ดูน้องที่ลงก่อนผมได้เลยครับ ต้องนั่งเกาะบันไดลงเลยทีเดียว

ผมลงไปถึงโถงแล้วก็ทำบุญซักหน่อย พระท่านให้พรแล้วก็เดินลงครับ ขากลับเจ้าถิ่นวิ่งเต็มถนนเลย ขับได้แค่ 10-20 เอง 555+

จุดถัดไปที่วางแผนไว้คือเขื่อนนฤบดินทรจินดา โครงการในพระราชดำหริสุดท้ายของในหลวง ร.9 ครับ

ใจผมอยากมาที่นี้ตั้งนานแล้วแต่ไม่มีโอกาส ครั้งนี้ไม่พลาดครับ ยิ่งทำงานสายนี้ด้วยแค่เห็นป้ายผมก็อินแล้วครับ

เส้นทางร่มรื่น สวยงาม

และแล้วก็มาถึงครับ ยิ่งใหญ่สวยงามมากครับ

อีกมุมครับ ก่อนไปยังสันเขื่อน

มีที่จอดรถให้เดินไปถ่ายรูปได้ด้วยนะครับ

มีถนนขับไปยังอีกฝั่งของสันเขื่อนได้ครับ จุดนั้นเป็นจุดไฮไลท์ของที่นี้เลย ตามไปดูกันครับ

ถึงแล้วครับ จะมีตัวหนังสือแสดงชื่อเขื่อนอยู่ตรงหน้าผาบริเวณสันเขื่อนพอดี

เดินไปถ่ายรูปบนสันเขื่อนก็ได้

หรือจะเดินขึ้นบันไดไปตรงป้ายชื่อเพื่อถ่ายลงมาก็ได้ ผมว่ามุมนี้สวยดีครับ เห็นภาพรวมทั้งหมดของเขื่อนเลย

ด้านบนนี้จะเป็นพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติทับลานนะครับ มีป้ายด้วย

พอสมควรแก่เวลาแล้วผมก็ไปยังสถานที่ถัดไปครับ คิดไว้ว่าคืนนี้จะไปนอนอรัญประเทศแล้วพรุ่งนี้ค่อยข้ามไปฝั่งกัมพูชา ผมเลยเลือกไปที่ละลุครับ ไม่ไกลจากอรัญมากนัก จากที่นี้ก็เดินทางยาวๆ ไปครับ

มาถึงนี่ก็เกือบบ่าย 3 แล้ว ที่นี้ไม่อนุญาตให้ขับรถเข้าไปชมเองนะครับ ต้องใช้บริการรถนำเที่ยวของหมู่บ้าน ถ้ามาหลายคนก็คุ้มหน่อย แต่ผมมาคนเดียว 200 บาท ก็ถือว่าไม่แพง ลองไปดูครับ

จ่ายเงินเสร็จ ก็จะมีรถอีแต๊กนำเที่ยวครับ แบบนี้เลยครับ สุดคลาสสิค

นั่งกินลมชมวิวไปครับ เห็นแดดจร้าๆ แบบนี้ ไม่ร้อนเลยครับ หนาวเสียอีก

ประมาณ 10-15 นาที รถก็ได้นำเรามาถึงแล้วครับ

เป็นสภาพภูมิประเทศของชั้นดินที่ถูกน้ำและลมกัดเซาะครับ สวยไปอีกแบบ

อีกมุมครับ

มุมนี้เห็นว่ามีในโฆษณาหลายๆ ตัวด้วย

ได้เวลาให้น้องถ่ายรูปให้ละทีนี้ 555+

พื้นที่ส่วนใหญ่ได้ถูกทำลายเพื่อเอาที่ดินมาทำเกษตรแล้ว เหลือเพียงบางส่วนเท่านั้นที่เก็บไว้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ดังจะเห็นมีการมาปลูกข้าวในพื้นที่ด้วย

เดินเก็บภาพจนหน่ำใจแล้ว ก็เดินมาขึ้นรถเพื่อกลับไปยังจุดที่เรามาครับ รถมาจอดรออยู่แล้ว


จากนั้นก็ไปยังสถานที่ถัดไปครับ "ปราสาทหินสด๊กก๊อกธม" ห่างไปประมาณ 45 กม. ครับ

ถึงแล้วครับผม

ดูจากรถที่จอดแล้ว คนไม่น่าจะเยอะ ดีเลยครับ จะได้เก็บภาพสวยๆ มาฝาก

เนื่องจากเปิดให้เข้าชมฟรี แต่ต้องลงชื่อเยี่ยมชมหน่อยนะคร๊าบบบ

อันนี้ทางเข้าไปยังภายในตัวปราสาทครับ แต่ก่อนบริเวณนี้เต็มไปด้วยกับระเบิด เพิ่งจะมีการเคลียร์พื้นที่ไปไม่นานนี่เองครับ

มาดูผังปราสาทกับบ้างดีกว่า ตามแบบการสร้างของขอมเลยครับ ตัวปราสาทจะมีทางเชื่อมไปยังบาราย (หนองน้ำขนาดใหญ่)

ตรงที่คนยืนอยู่โน่นจะเป็นบารายนะครับ เดี่ยวเดินขึ้นไปดูกัน

แหล่งน้ำขนาดใหญ่ แต่ก็ดูตื้นและแห้งในบางจุดครับ สมัยก่อนน้ำคงอุดมสมบูรณ์น่าดู

เอาหล่ะ ได้เวลาเดินไปยังตัวปราสาทแล้วครับ

เสาหินวางเรียงเชื่อมไปยังตัวปราสาท ดูขลังมากครับ

อีกมุม (ด้านข้าง)

คนไม่มีแล้ว ขออีกซักภาพ

มีการบูรณะใหม่ ก่อขึ้นให้คล้ายของเดิมครับ ดูจากสีของศิลาแลงจะไม่เหมือนกัน

ประตูเชื่อมระหว่างตัวอาคารครับ

ถัดจากซุ้มประตูเข้ามาด้านในครับ

เข้ามาภายในตัวปราสาทสุดท้ายก่อนถึงพระปรางค์

บรรยากาศรอบๆ ครับ

อันนี้องค์พระปรางค์ครับ

พื้นที่รอบๆ พระปรางค์

เดินออกมาชั้นนอกบ้าง จะเห็นมีคูน้ำด้วย

ก่อนกลับขอเก็บภาพอีกซักหน่อย ไหนๆ ก็ได้มาแล้ว

เสียดายจริงๆ แสงไม่ค่อยได้ มาช่วงบ่ายแก่ๆ ถ้ามาช่วงเช้าน่าจะสวยกว่านี้ครับ

เอาหล่ะ ได้เวลาไปตัวเมืองอรัญประเทศแล้ว จองโรงแรมผ่าน Agoda App ไว้เรียบร้อยแล้ว ไปเช็คอินเลยดีกว่า ไม่ไกลเท่าไหร่

วันนี้ผมนอนที่โรงแรมมายรูม บาย เสริมทรัพย์ ครับ โรงแรมใหม่ สวย นอนสบายอีกเช่นเคย โรงแรมมีที่จอดรถ 2 แห่ง ด้านหน้ากับฝั่งตรงข้าม ผมจอดรถไว้ฝั่งตรงข้ามแล้วก็เดินข้ามถนนมาครับ

อันนี้บรรยากาศภายในห้องครับ ตกแต่งได้สวยจริงๆ ครับ

จัดสรรพื้นที่ได้ OK ทีเดียว

อาบน้ำ พักผ่อนซักพัก ก็แต่งตัวออกไปหาอะไรกินซักหน่อย เจ้าของโรงแรมแนะนำให้ไปร้านเทอมินอล ดลยจะลองไปดู ไม่ไกลกันเท่าไหร่ครับ ไปทางด่านเลย

มาถึงแล้วครับ เป็นร้านนั่งชิลล์ครับ มีดนตรีสด เพลงเพราะ ฟังสบาย

นักร้องหน้าตาดี มี FC มาให้กำลังใจด้วย

อากาศหนาวๆ แบบนี้ กินเบียร์แก้หนาวดีกว่า จัดไป 1 โปร

กับแกล้มก็มา ข้าวไม่ต้องละวันนี้ 555+

ยิ่งดึกคนก็ยิ่งเยอะครับ เพลงก็เพราะ ประมาณ 5 ทุ่มกว่า ผมก็ไม่ไหวแล้ว ทั้งหนาว ทั้งง่วง กลับห้องนอนดีกว่า 555+

**** จบคืนที่ 3 ****


---- วันที่ 4 ----

วันนี้มีอาหารเช้าด้วยเลยต้องรีบตื่นมากิน (เหมือนจะเห็นแก่ของฟรี 555+) ไม่ใช่สิ เอาจริงๆ คือต้องรีบเช็คเอาท์ แล้วไปทำเรื่องข้ามด่านไปฝั่งกัมพูชาที่ปอยเปตต่อ

ด้วยความที่มาคนเดียว แต่ได้คูปองอาหาร 2 ใบ เลยสั่งได้ 2 อย่างเลย อิ่มแปล้

ก่อนจะออกจากโรงแรมขอถ่ายรูปหุ่นพี่แกอีกซักภาพ 555+

จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่ด้านเลยครับ

ไปจอดรถที่จุดจอดรถตลาดโรงเกลือ เสียค่าจอดแบบไม่ค้างคืน 100 บาท

มีทางลัดเดินออกไปด่านพรมแดนได้เลยครับ ตามป้ายไปเลย

เดินไปเรื่อยๆ จะผ่าน ตม. ฝั่งไทยแล้ว เดินข้ามสะพานไป ถือว่าข้ามไปฝั่งกัมพูชาแล้วนะครับ

ไปขอหนังสือเข้าเมืองจากเจ้าหน้าที่แล้วนำมาเขียนก่อนไปยื่นให้ ตม. ฝั่งกัมพูชา ครับ

หลุดจากด่านมาก็คาสิโนเลยครับ เรียงกันเป็นตับ เลือกเข้าตามอัธยาศัยเลย

ผมก็เดินชมวิวมาเรื่อยๆ เลยได้มาเข้าที่นี้ครับ

เข้าไปกันเลยยยยย นี่มันคาสิโนเขมรหรือไทยครับเนี่ยะ ภาษาไทยทั้งนั้นเลย 555+

นั่งกด Slot ไปเกือบ 1 ชม. ลงทุนไป 300 บาท ได้กลับมา 1,000 บาท ก็เอาแล้วครับ เดี๋ยวไปที่อื่นไม่ทัน 555+

หลังจากแลกเงินเสร็จ ก็ออกมาเพื่อไปเดินชมเมืองต่อ มีรถรับส่งฟรีด้วยนะครับ

ก็ลองเดินชมบรรยากาศบ้านเมืองเขาดูครับ คนจีน คนเสียดนามเยอะมากกว่าคนกัมพูชาอีกนะ ผมว่า

เดินดูซักพักก็กลับครับ ถ้าไม่รีบกลับก่อนบ่าย แถว ตม. ขาออกคนจะยาวมากครับ อันนี้ขอเตือน 555+

กลับมาสู่ประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ออกนอกประเทศไปไม่ถึง 3 ชม. 555+

มองดูนาฬิกาแล้ว ยังไม่อยากกลับ กทม. คิดตอนนั้นเลยว่าจะไประยองต่อดีกว่า (จันทบุรีไปบ่อยแล้ว >_< ) คิดปุ๊บไปปั๊บ ขับยาวๆ ไป 2 ชั่วโมงครึ่ง 555+

ออกจากด่านประมาณเที่ยง มาถึงปากแม่น้ำประแสตอนบ่ายสองครึ่ง ทำเวลาสุดๆ 555+

มาดูเรือรบประแสที่ปลดระวางแล้วยกขึ้นมาให้ชมบนบกกัน ยิ่งใหญ่ทีเดียว

มีคนมาเล่นกีฬาพารามอเตอร์ด้วย

บริเวณปากแม่น้ำครับ

เก็บภาพแบบพาโนรามาไว้เป็นที่ระลึก >_<

จุดที่ยืนถ่ายพาโนรูปข้างบน เดี๋ยวจะไปยังทุ่งโปร่งทองต่อ ขับรถไปไม่ไกลครับ

มาถึงแล้วต้องจอดรถไว้ที่จุดจอดครับ มีหลายเจ้าให้เลือก เสียค่าจอด 20 บาทครับ

จากนั้นก็นั่งรถสามล้อเข้าไป

ค่าบริการอย่างถูกเลยครับ มาคนเดียว 10 บาท หลายคน 5 บาท ครับ

รถสามล้อก็พามาถึงทางเข้าครับ

เดินข้ามสะพานมาจะเจอทางเข้าครับ เดินเข้าไปเลยยยย

มีเรือรับจ้างสามารถนั่งเรือชมบรรยากาศได้นะครับ ไปตามคลองนี้เลยครับ

ส่วนผมนั้นขอเดินดีกว่า เข้าไปตามทางเรื่อยๆ เหนื่อยก็มีจุดให้นั่งพักตลาดทาง

เป็นศาลาแบบนี้

มีม้านั่งให้ด้วย หรือจะนอนยาวเลยก็ได้ 555+

เดินต่อมา มาดูป้ายบอกทางกันหน่อย

จุดมหาชน มุมถ่ายรูป คงต้องรอคนไปหมดก่อนนนนน

ถ้ามาช่วงเช้าหรือช่วงเย็นที่ดวงอาทิตย์ทำมุมเฉียง เขาว่าจะสวยมาก เออ ผมมาผิดเวลาใช่ไหมเนี่ยะ 555+

คนไปหมดแล้วครับ ถ่ายได้ >_<

จากนั้นไปยังหาดแหลมแม่พิมต่อครับ ไม่ไกลกันนัก ทางเข้าเมืองพอดี

ถนนเดี๋ยวนี้สะดวกสบายเลาะชายหาดไปเลยครับ

ถึงแล้วคร๊าบบบ และแล้วก็ถือว่ามาถึงทะเลแบบจริงจังซะที 55+

อันนี้น่าจะเป็นรูปปั้นสุดสาครรึเปล่า ไม่มั่นใจเลย 555+

ทะเล...... ฉันเป็นทะเล...ไม่ใช่เขา.... ต่อให้ทำยังไงเธอคงจะไม่รักเรา (มาเป็นเพลงได้ไง 555+)

ผู้คนก็เริ่มมาเล่นน้ำกัน ส่วนเรานั้นนั่งจ้องมองคลื่นอยู่พักนึง สบายใจแล้วก็เดินกลับ 555+

จากนั้นก็ขับต่อไปยังโรงแรมที่จองไว้ โรงแรมโอโย 286 ในตัวเมืองระยอง

จองกับ AgodaApp มาเช่นเคย เตียงใหญ่ นอนสบายมากครับ

เดินออกมาหน้าโรงแรมมีร้านสเต็กด้วย ผมนี่ตัวกินสเต็กเลย จัดสิครับรออะไร 555+

มีผักโขมอบชีสด้วย โคตะระฟิลเลยครับ >_<

ตกดึกหน่อยก็ค่อยออกไปหาร้านชิลล์ๆ นั่งกินเบียร์ (เมาทุกวันเลยผม 555+) และแล้วก็ไปจบที่ร้าน Zoods & Virtigo Bar บรรยากาศโคตรดีเลยครับ

นักร้องก็ร้องดี

เบียร์ก็อร่อย

อาหารก็ถูกปาก

ได้ที่แล้วก็กลับไปนอน 555+

**** จบคืนที่ 4 ****


---- วันสุดท้าย ----

วันนี้ตื่นสายได้ ไม่มี Plan ไปไหนเป็นพิเศษ เกือบ 11 โมงค่อยออกจากห้องเพื่อเช็คเอาค์ เลยอยากจะไปไหว้พระก่อนกลับเสียหน่อย ไปวัดละหารไร่ (หลวงปู่ทิม) ดีกว่าเส้นทางกลับเลย แต่ระหว่างทางเจอร้านกาแฟน่าสนใจ เลยเข้าไปชมเสียหน่อย

พอเข้ามาถึงได้รู้ว่า ที่นี้เป็นเรือนจำชั่วคราวครับ พึ่งเคยเห็นเรือนจำเป็นแบบนี้ ดูดีเลยครับ

กาแฟ และเค๊กส้มอร่อยมากครับ

บรรยากาศรอบๆ ครับ ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าเป็นเรือนจำเลย

อีกมุมครับ

มีฟาร์มเลี้ยวสัตว์ด้วยนะครับ กระต่ายน่ารักดี

จากนั้นก็ได้เวลาเดินทางต่อไปยังวัดละหารไร่แล้วครับ อยู่ถัดไปไม่ไกล

มาถึงแล้วครับ ขึ้นไปกราบหลวงปู่กัน

เข้าไปถวายสังฆทานในนี้นะครับ

อิ่มบุญแล้วก็ยิงยาวกลับ กทม. เลยครับ

**** จบการเดินทาง *****

ทริปนี้เป็นทริปแก้เบื่อ แก้เครียดของผมเองครับ หาสาระไม่ค่อยได้ ไปแบบไม่มีแผน ไม่ได้วางอะไรไว้เลย วางแผนวันต่อวันเลย แต่ก็ได้อะไรเยอะอยู่นะครับ ที่สำคัญได้ขับรถเล่น เพลินๆ ไป คลายเครียดดีครับ ได้พบเจอประสบการณ์ใหม่ๆ แอบได้ออกนอกประเทศด้วย แป๊บนึง 555+ กลับมารู้สึกสดชื่นขึ้นเยอะเลยครับ พร้อมจะลุยงานต่อได้เลย อยากแนะนำให้คนที่เครียดๆ อยู่ ลองไปแบบผมดูครับ แล้วพบกันใหม่รีวิวหน้านะครับ สำหรับครั้งนี้ ขอขอบคุณมากๆ ครับ ที่ตามอ่านกันมาและ สวัสดีครับ


ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ได้ที่

Blog : https://goalonetravel.blogspot.com/

FB Page : https://www.facebook.com/คนเดียวก็ไปเที่ยวได้-1238634139627858/


GoAloneTravel

 วันอังคารที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2563 เวลา 17.29 น.

ความคิดเห็น