เค้าว่ากันว่า คนที่ไปทะเล ไม่หนีร้อน ก็หนีรัก

.. แต่ไม่ใช่สำหรับเรา ..

เราหนีความวุ่นวายในเมืองหลวงมาใช้ชีวิตที่สงบ อยู่กับตัวเองในวันธรรมดาๆ

อย่างเช่นวันนี้ ที่ เขาแหลมหญ้า


เขาแหลมหญ้า หรือเรียกเต็มๆว่า อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ... ถ้าถามว่า 'ระยอง' มีอะไรน่าเที่ยว? หลายๆคนคงนึกเป็นความคิดแบบเดียวกัน ก็ 'เกาะเสม็ด' ไง .. บางทีนี่คงเป็นอีกเหตุผลนึง ที่ทำให้เขาแหลมหญ้านี้ ยังคงเป็นที่ที่สวยงาม สงบ และมีธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์ ...


เราเลือก ... ที่จะออกเดินทางคนเดียว
เราเลือก ... ที่จะออกเดินทางวันธรรมดา
เราเลือก ... ที่จะออกเดินทางมาที่แห่งนี้


ไม่แปลกใช่ไหมค่ะ? .. ที่ผู้หญิงจะแบกเป้ลุยเดี่ยว .. ทริปนี้เป็นทริปแรกของเราค่ะที่ตัดสินใจลุยเดี่ยวในวันธรรมดาแบบเช้าไปเย็นกลับ ทำไมน่ะหรอ! เหตุผลง่ายๆค่ะ อยากหลบความวุ่นวายในชีวิตเมืองกรุง วิถีของมนุษย์เงินเดือน .. พักร้อนเหลือ ทริปนี้จึงบังเกิด !!!


ในระหว่างเดินทางที่เราจะไปยังจุดหมายแรก .. อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ .. เรากวาดสายตามองวิถีชีวิตคนเมือง ชีวิตที่มีแต่ความเร่งรีบ รถติดบีบแตร่สนั่น รถสาธารณะอัดแน่นอย่างกับปลากระป๋อง .. คนต่างจังหวัดก็อยากเข้ากรุงเทพ คนกรุงเทพก็อยากออกต่างจังหวัด .. เราเองก็เป็นมนุษย์เงินเดือนคนนึงที่ออกจากบ้านมาทำงานตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เดินทางด้วยรถเมล์ต่อด้วยรถไฟฟ้า กลับถึงบ้านอีกทีก็มืดค่ำแล้ว .. เป็นแบบนี้เดิมๆทุกวัน มันก็น่าเบื่อไม่ใช่น้อย ~

เราออกจากบ้านตั้งแต่หกโมงครึ่ง เลทตัวเองไปตั้งครึ่งชั่วโมงแหนะ ตั้งใจจะออกตอนหกโมงเช้า .. แต่ไม่เป็นไร เรามาถึงอนุสาวรีย์ตอนเจ็ดโมงสิบห้า รีบบึ่งไปซื้อตั๋วรถตู้วิน BH ระยอง บ้านเพ เกาะเสม็ด อยู่ตรงข้างๆเซนจูรี่ รถออกทุกๆ 40 นาที ในราคาค่าตั๋ว 200 บาท บอกเค้าว่าลงที่ 'เขาแหลมหญ้า' นะ (อย่าลืม ขอเบอร์โทรไว้ด้วยนะ จะได้โทรให้เค้ามารับที่หน้าอุทยาน) ...


บทสนทนาตอนระหว่างที่ซื้อตั๋ว

คนขับรถตู้ A : ไปกี่คนครับ?

เรา : ไปคนเดียวค่ะ

คนขับรถตู้ A : ไปคนเดียวไม่กลัวหรอ?

เรา : (ยิ้ม) .. ไม่กลัวค่ะ

คนขับรถตู้ B : น้องเค้าจะกลัวก็ตอนพี่ถามนั่นแหละ ฮ่าๆ .. เอ้า! น้องเชิญขึ้นรถได้เลยครับ



รถตู้ที่เราขึ้นออกจากวินที่อนุสาวรีย์ตอน 8.00 น. หลับมาตลอดทาง มีจอดให้แวะเข้าห้องน้ำครั้งนึงแถวๆเขาไม้แก้ว ก่อนจะวิ่งยาวจนมาส่งเราที่หน้าอุทยาน ใช้เวลา 3 ชั่วโมงสำหรับการเดินทาง เรามาถึงหน้าอุทยานตอน 11.00 น. พอดีเป๊ะเลย ... จัดแจงซื้อตั๋วหน้าทางเข้า 20 บาท ช่วงนี้มีโปรโมชั่น เที่ยวอุทยานวันธรรมลดค่าเข้า 50% เฉพาะคนไทย จนถึงปลายปีนี้นะจ๊ะ ..


สำหรับใครที่มีเล่ม Passport อุทยานมาปั๊มตราประทับ แนะนำให้มาปั๊มที่ที่ทำการอุทยานนะ อย่าปั๊มตรงที่ซื้อตั๋วเด็ดขาดไม่อย่างนั้นจะเป็นแบบนี้ ฮือๆ

เราก็เลยแก้ปัญหาโดยให้ทางอุทยานปั๊มตราใส่กระดาษแยกเอาไว้ให้ แล้วค่อยมาตัดแปะเอา อย่างน้อยก็ได้เห็นเป็นรูปเป็นร่างดีกว่าอันเดิมล่ะกันเน๊อะ ^^

สำหรับใครที่อยากพักค้างคืนที่อุทยาน อุทยานก็มีบ้านพักและเต็นท์ไว้ให้บริการ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ที่ทำการอุทยานได้เลยค่ะ หรือใครจะแบกเต็นท์มาเองก็ได้นะ ชำระค่าใช้สถานที่ คนละ 30 บาท/คืน เท่านั้นเอง ...

บริเวณที่ทำการอุทยานค่อนข้างร่มรื่นค่ะ แต่ตอนที่เราเดินเข้ามาแดดเปรี้ยงร้อนเอาการอยู่ เลยมานั่งพักคุยกับพี่ๆเจ้าหน้าที่ มาคนเดียวก็ดีอย่างนี้แหละ เรื่อยๆเอื่อยๆเหนื่อยก็พัก พอพี่ๆเค้ารู้ว่าเรามาคนเดียวพี่เค้าก็แนะนำว่าเราควรไปชมอะไรบ้างในอุทยาน และเราก็เลยสอบถามเรื่องที่พักมาให้เพื่อนๆด้วยค่ะ


บ้านพัก ทางอุทยานมีด้วยกัน 4 โซน ประกอบด้วย

โซนที่ 1 อยู่บนฝั่งเขาแหลมหญ้า

โซนที่ 2 อยู่บนเกาะเสม็ด (บริเวณอ่าวลูกโยน)

โซนที่ 3 อยู่บนเกาะเสม็ด (บริเวณอ่าวพร้าว ไม่ติดชายหาด)

โซนที่ 4 อยู่บนเกาะกุฎี

แผนที่คร่าวๆ เซฟมาจากเว็บของอุทยานโดยตรงนะคะ http://www.dnp.go.th

เราขอพูดถึงบ้านพักเฉพาะที่ฝั่งเขาแหลมหญ้าล่ะกันนะคะ .. ถ้าหากใครอยากจะสอบถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ 085-812-9366 (8.30 น.- 16.30 น.) ... บ้านพักบนเขาแหลมหญ้า จะมีบ้านพักด้วยกัน 2 ชุด และหากมาเข้าพักระหว่างวันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดี ที่เป็นวันธรรมดาไม่ใช่วันหยุดนักขัตฤกษ์ จะได้รับส่วนลดอีก 30% ...


บ้านชุดที่ 1 บ้านเกาะแก้ว ราคารวม 4,800 บาท พักได้ 11 คน แยกเป็นห้องๆ ได้ดังนี้

- เกาะแก้ว 1 ราคา 2,000 บาท/คืน พักได้ 4 คน มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องโถง (พัดลม ตู้เย็น กระติกน้ำร้อน)

- เกาะแก้ว 2 ราคา 2,800 บาท/คืนพักได้ 7 คน มี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ (พัดลม ตู้เย็น กระติกน้ำร้อน)

บ้านชุดที่ 2 บ้านสินสมุทร (บ้านแฝด) จำนวน 2 หลัง ราคาหลังละ 2,000 บาท/คืน พักได้ 5 คน มี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ (พัดลม ตู้เย็น กระติกน้ำร้อน)

เต็นท์ ถ้าจะมากางเต็นท์แนะนำให้โทรมาสอบถามก่อนดีกว่านะคะ เพราะ ทางอุทยานจะงดให้บริการในช่วงฤดูฝน


- โดมเล็ก พักได้ 2-3 คน ราคา 150 บาท/คืน

- ถุงนอน ถุงละ 30 บาท/คืน

- แผ่นรองนอน แผ่นละ 20 บาท/คืน

- หมอน ใบละ 20 บาท/คืน

สำหรับจุดกางเต็นท์บนเขาแหลมหญ้า จะมีด้วยกัน 3 จุด คือ จุดที่ 1 ลานครองราชย์ 60 ปี (ใต้ต้นมะขาม) , จุดที่ 2 ท่าเรืออุทยาน , จุดที่ 3 อาคาร 80 พรรษา ทุกจุดจะมีห้องน้ำไว้ให้บริการค่ะ

หลังจากที่เราพักพอหายเหนื่อย เราก็เดินมาตามทางที่พี่เจ้าหน้าที่บอก ไม่ต้องกลัวหลงเลยค่ะ มีป้ายบอกทางตลอด ไม่ว่าจะเลี้ยวทางไหนเดี๋ยวทางก็มาบรรจบกันอยู่ดีค่ะ .. เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราจะเริ่มต้นกิจกรรมแรกกันเลย .. เดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ..


เส้นทางศึกษาธรรมชาติ .. เราจะต้องเดินเท้าขึ้นไประยะทางประมาณ 1.4 กิโลเมตร ชิลล์ๆเน๊อะสำหรับผู้หญิงร่างบางแบบเรา .. เส้นทางนี้มีด้วยกัน 9 สถานี ใครจะเดินไล่จากสถานีที่ 1 หรือจะเริ่มจากสถานีที่ 9 ก็แล้วแต่ตามสะดวกเลยค่ะ แต่เราเริ่มจากต้นทางละกันนะ ดูสิทางจะโหดขนาดไหน ... อ๋อ! ลืมบอกไปเส้นทางเส้นนี้แหละ ที่จะทำให้เราค้นพบว่า เขาแหลมหญ้า มันมีดีอะไร .. 'เที่ยวที่เดียว ครบทั้ง ป่า - ภูเขา - ทะเล' ..ลุย!สถานีที่ 1 ป่าดิบแล้งฝั่งทะเล


สถานีที่ 2 การแบ่งชั้นเรือนยอดของต้นไม้


สถานีที่ 3 อุโมงค์ป่า


และก่อนที่เราจะออกจากอุโมงค์ป่า สิ่งที่ทำให้เราต้องร้อง 'WOW' กับสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้า คือ สวยจนแทบอธิบายไม่ถูก .. พื้นน้ำทะเลกว้างไกลสุดสายตา น้ำทะเลสีฟ้าครามจรดกับท้องฟ้า .. แต่ๆๆ ต่อจากนี้ไปก่อนที่จะถึงสถานีที่ 4 เราต้องลุยดงหญ้า ลงไปยังแหลมที่ยื่นออกทะเลตรงเบื้องล่าง (ถ้ามาหน้าอื่นหญ้าคงเตียนค่ะ แต่เรามาหลังหน้าฝน หญ้าขึ้นพรึบพั่บ) .. เอิ่ม รองเท้าพร้อมลุยนะ แต่บังเอิญใส่ขาสั้นมาค่ะ คันเลยทีนี้ แต่มาทั้งที อย่าไปกลัวค่ะ จิบๆ ลุยลงไปเลย !!!


สถานีที่ 4 เขาแหลมหญ้า เราใช้เวลาอยู่ตรงจุดนี้นานพอสมควร แถมอยู่คนเดียวด้วย ท่ามกลางแดดจ้าพระอาทิตย์ตรงหัว แต่บรรยากาศตรงหน้าทำให้หายร้อนเลยค่ะ .. มาจุดนี้ไม่ถ่ายเซลฟี่ก็กระไรอยู่ จัดไปงามๆค่ะ (งามรึป่าว ไม่รู้ คนเจ้าของกระทู้ว่างามค่ะ ฮ่าๆ) .. แอบหลงตัวเองนิดๆ .. ถ้าได้ชมพระอาทิตย์ตกดินที่จุดนี้นะ คงโรแมนติกน่าดู แต่น่าเสียดาย วันเดย์ทริปแบบเราไม่มีสิทธิ์ได้เห็น -"-


สถานีที่ 5 ร่องรอยจากปล่องภูเขาไฟ


สุดทางจากตรงนี้ไป เราจะเดินเลาะริมผา เดินเลียบทะเลไปเรื่อยๆ ไปยังสถานีต่อๆไป .. บางช่วงจะมีสะพานไม้ให้เราเดิน บางช่วงที่ไม่มีเดินดีดีนะคะ เท้าพลิกได้ง่าย เราแอบพลิกมาแล้ว ดีนะ ไม่ได้เป็นอะไรมาก ...สถานีที่ 6 การก่อกำเนิด ... เกาะเสม็ด (เกาะแก้วพิสดาร ในวรรณคดีนั่นเองค่ะ)


สถานีที่ 7 น้ำทะเลกับปรากฏการณ์น้ำขึ้น-น้ำลง


สถานีที่ 8 ระบบนิเวศชีวิตแนวน้ำขึ้น-น้ำลง


สถานีที่ 9 สิ้นสุดเส้นทางอุทยานฯในวรรณคดี


เราใช้เวลากับการเดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติ อยู่ประมาณ 2 ชั่วโมงเห็นจะได้ .. เราก็เดินมาถึงตรงท่าเรือเก่า ตรงนี้มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร และขาดไม่ได้ คือ แลนด์มาร์กของที่นี่ .. หอคอยสีขาว .. เดี๋ยวก่อนจะไปถ่ายรูปกับหอคอย ขอพักสักนิด เดินกลางแดดเปรี้ยงมาค่อนชั่วโมงล่ะ หาอะไรใส่ท้องสักหน่อยดีกว่า .. เราฝากท้องกับร้านอาหารที่อุทยานชื่อร้าน 'ครัวสีวิกา' ราคาค่าอาหารเริ่มต้นที่ 50 บาท .. มาทะเลเราสั่งง่ายๆ กระเพราหมูสับไข่ดาว โค้กอีกหนึ่งขวด ค่าเสียหายอยู่ที่ 75 บาท .. รสชาติอร่อยดีนะ เอ๊ะ! หรือว่าหิว ฮ่ะฮ่าฮ่า ณ จุดๆนี้ อะไรก็ได้แล้วขออิ่มไว้ก่อน ..


เอาล่ะ ! มีแรงแล้ว ลุยกันต่อเลย ... ต่อไปเรามุ่งสู่ หอคอยสีขาว ใครมาที่นี่ก็ต้องถ่ายจุดนี้กันทุกราย .. แต่วันที่เราไป เค้ามีถ่ายพรีเวดดิ้งกันด้วย โหย .. หวานซะ แอบอิจฉา >///<


ในที่สุด ... 1 วัน 1 คน 1 การเดินทาง ก็จบลง เราเดินกลับมายังหน้าอุทยานเช่นเดิม โทรหารถตู้ให้มารับ และก้าวออกไปพร้อมกล่าว 'ขอบคุณ' สถานที่ในใจเบาๆ .. 'คนเดียว' .. ขอบคุณจริงๆ


ทริปนี้เราไม่ได้วางแพลนอะไรไว้มาก แค่รู้ว่า ไปยังไงกลับยังไงก็พอ ..


สรุปค่าใช้จ่ายของทริปนี้ ...

- ค่ารถตู้ขาไป 200 บาท

- ค่ารถตู้ขากลับ 200 บาท

- ค่าเข้าอุทยาน 20 บาท

- ค่าอาหารอุทยาน 75 บาท

รวมทั้งสิ้น 495 บาท


ปล. ขอบคุณ SONY A6000 ที่ทำให้เราได้ภาพสวยๆตลอดทริปนี้ (รูปทั้งหมดไม่ผ่านการแต่งใดๆทั้งสิ้น อยากให้รูปออกมาสดจริง ตามคุณภาพของกล้อง)


ถ้าถามว่า 'เหงาไหม'

ฉันตอบเลยว่า 'มาก'

ประสบการณ์อยู่ข้างนอก ถ้าไม่ออกก็ไม่เจอ

พี่คนนึงเคยบอกกับฉัน และทำให้ฉันกล้าที่จะออกเดินทางคนเดียว


การเดินทางพาเราไปถึงเป้าหมาย เป้าหมายบางคนมีคนคอยอยู่

แต่บางคน เป้าหมายคือไปในที่ใหม่ๆ ที่ที่ตัวเองไม่รู้จัก

แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง มันจะกลายเป็นความทรงจำที่มีค่าเสมอ

In My Eye

 วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 22.19 น.

ความคิดเห็น