สวัสดีครับ พบกับ#เขียดคุง คนเดิมอีกแล้วจ้าา วันนี้จะพาเพื่อนๆไปเที่ยวกัน 1 วันเต็มๆ ทริปนี้ความจริงก็นานมากแล้ว ถ้าย้อนเวลากลับไปก็เป็ช่วงที่ผมไป Work and Travel ที่อเมริกา เมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา

สำหรับเพื่อนๆที่ยังไม่ได้อ่านบันทึกประสบการณ์การไป WAT , USA ของผมย้อนหลัง สามารถคลิกเข้าอ่านได้ที่ลิงค์นี้นะครับ : https://th.readme.me/p/28096


ต้นกำเนิดทริปในครั้งนี้ @MT.RAINIER NATIONAL PARK

เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วง Sumer หรือช่วงโลซีซั่นของอเมริกา ประกอบกับเด็ก WAT อย่างเราที่เข้ามาหาประสบการณ์ต่างแดน ก็จะได้ใช้เวลาว่างจากการทำงาน หรือช่วงวันหยุดออกไปท่องเที่ยว ทริปนี้เกิดขึ้นได้เพราะวันนี้เป็นวันที่ 4 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันชาติของอเมริกาเขานั่นเอง 

เมเนเจอร์ที่ทำงานเลยแจ้งให้เด็กๆ WAT หยุดงานทั้งหมด (สงสัยไม่อยากจ่ายค่าแรง x2 แน่ๆ 555) เด็กไทยจำนวน 6 คน เลยมานั่งจับเข่าคุยกันว่าเราจะไปเที่ยวไหนกันดี เพราะโอกาศหยุดงานพร้อมกันมาถึงแล้ว เลยตัดสินใจตกลงกันว่าเราจะไป One day Trip ที่ @MT.RAINIER NATIONAL PARK


@MT.RAINIER NATIONAL PARK

Mount Rainier มีชื่อเสียงในเรื่องการเป็นฉากหลังที่งดงามให้กับเส้นขอบฟ้าของซีแอตเทิล และภูเขาไฟลูกใหญ่แห่งนี้โอบอุ้มสมบัติอันมีค่าไว้ที่ผืนดินด้านล่าง นั่นก็คืออุทยานแห่งชาติที่สวยงาม

ตัวภูเขาลูกนี้สูงมากกว่า 14,000 ฟุต (เกือบ 4,400 เมตร) และยอดเขาถูกปกคลุมด้วยหิมะอย่างถาวร Mount Rainier เป็นแหล่งน้ำสำคัญของภูมิภาคนี้ โดยมีธารน้ำแข็งหลักๆ 25 แห่งและทุ่งหิมะขนาดใหญ่ที่ละลายทุกฤดูใบไม้ผลิ 

#อ้างอิง และอ่านเพิ่มเติมได้จากลิงค์นี้นะครับ : https://bit.ly/2sRyflO


.... เริ่มออกเดินทาง ....

เราออกเดินทางจากที่พัก ในเมือง Lynwood,Seattle,Washington เช้ามืดของวันที่ 7 กรกฎาคม โดยรถยนต์ส่วนตัว 2 คัน แบ่งเป็นคันละ 4 คน โดยคันที่ผมนั่งไปมีเพื่อนคนไทย รวม 4 คน และอีกคันมีเพื่อนคนไทย 2 คนและเพื่อนชาวจีนอีก 2 คน

ลืมบอกไป เรื่องรถเช่า เราเช่ารถกันที่สนามบิน Seattle In't Airport โดยจองผ่านบริษัทรถเช่า AVIS มีเอกสารการเช่ารถตามที่บริษัทระบุ เพียงเท่านี้เราก็ได้รถมาครอบครองแล้วจ้า (แต่แค่ชั่วคราวนะครับ) 5555

ปลายทางของเราอยู่ที่ MT.RAINIER NATIONAL PARK ผมจะขอเรียกสั้นๆว่า Mount Rainier นะครับ ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ คนขับรถในวันนี้เป็นอีแฟร้งเพื่อนเมทของผมเอง

Mount Rainier ตั้งอยู่ในรัฐวอชิงตัน เป็นรัฐเดียวกับที่เราทำงานอยู่ ถนนเส้นทางส่วนใหญ่จะเป็นแบบ 4 เลนส์กว้าง ยูเทรินไม่ต้องถามคือโคตรไกล จุดนี้เรากับเพื่อนอีกคันหลงทางกันจ้า เลยทำให้อีกคันที่ขับตามมาเหมือนจะไปกันอีกคนละเส้นทางหรือยังไงไม่รู้

เลยทำให้ไม่ได้เจอกันในที่สุด เพราะ Mount Rainier จะมีเส้นทางเดินเที่ยวที่กว้างมาก แล้วแต่เป้าหมายที่เราปักหมุดไปฟังดูงงๆ เอาเป็นว่าตามไปเที่ยวกับผมทีละสเต็บๆดีกว่านะครับ 55555

ขับตาม GPS มาประมาณครึ่งทาง เห็นวิวยอด Mount Rainier ไกลๆ เอาวะใกล้จะถึงแล้วคุยกับเพื่อนในรถที่นั่งมาด้วยกัน ด้วยอากาศช่วง Sumer ของที่นี่จะสบายๆแต่ก็ค่อนข้างจะหนาวสำหรับพวกเรา ประมาณ 10 องศา ก่อนถึงทางเข้าอุทยานแวะเซลฟี่กันก่อนรูปนึง



เริ่มเข้าสู่เขตอุทยานของ Mount Rainier จอดรถแวะถ่ายรูปตรงป้ายทางเข้าอุทยาน เพื่อเป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งเราได้มาถึงที่นี่แล้ว แชะ แชะ แชะ และขับรถไปต่อ

เส้นทางจะเริ่มคดเคี้ยวเป็นช่วงๆและขึ้นลงภูเขาสลับกันไปเรื่อยๆ แต่วิวสองข้างทางคือบอกได้คำเดียวว่าฟินสุดๆครับ เข้ามาถึงจุดตรวจค้นและชำระค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน

ผ่านด่านชำระเงินเราแวะพักรถอีกครั้งตรงบริเวณตีนเขา ซึ่งวิวสวยงาม อากาศเย็นสดชื่น บวกกับรอเพื่อนอีกคันที่ขับหลงกันในทีแรก รอไปรอมาปรากฎว่าเพื่อนไปอีกเส้นทางนึง เลยตกลงกันว่าจะแยกเที่ยวเรื่อยๆกันก่อน เผื่อจะเจอกันด้านบนก็เดี่ยวค่อยว่ากัน

Mount Rainier จะมีหลายจุดให้เราได้แวะศึกษาเส้นทางธรรมชาติ หรือว่านักเดินป่าเขาจะเรียกกันว่า เทววว พวกเราก็ไม่ได้พิธีรีตองอะไรมาก ผ่านอะไรสวยๆเราก็แวะ แต่ถ้าให้เดินไกลๆก็ไม่ได้เตรียมตัวมาขนาดนั้น เอาเป็นว่าเก็บไปเรื่อยๆตามทางละกันเนาะ แต่จุดยอดก็คงจะเป็นยอดเขาข้างหน้านี้เอง

เริ่มเข้ามาลึกสัญญาณมือถือก็เริ่มหายจ้า ติดต่อรถอีกคันไม่ได้ เราเลยมุ่งไปยังจุดรวมพลเป็นจุดหลักของการเริ่มต้นเดินเทวสั้นๆ บนยอดเขา Mount Rainier ระยะทางคดเคี้ยวแต่วิวรอบข้างหลักล้าน

ถึงบริเวณลานจอดรถ มีรถเยอะมากหลายร้อยคัน เริ่มหิวแล้วด้วยก็เอาข้าวเหนียวไก่ย่างที่เตรียมมากินจนเกลี้ยง อะไรจะฟินขนาดนี้ ไม่เคยกินข้าวที่มีวิวสวยขนาดนี้มาก่อนจริงๆ นึกภาพว่าตัวเองอยู่สวิตแปป 5555

เวลาประมาณ เกือบๆบ่ายโมงผมและเพื่อนรวม 4 คน ก็เริ่มเดินขึ้นภูเขาหิมะลูกนี้ เดินไปตามทางเรื่อยๆ ตอนที่อยู่ที่จอดรถ รู้สึกได้ถึงความหนาวของลมที่ผ่านกระทบหน้าอันหนาๆของฉัน แต่พอเริ่มเดินเท่านั้นแหละเหงื่อเริ่มไหลครับ

จากเสื้อกันหนาวหนาๆที่คลุมอยู่ ก็เริ่มถอดออกมาทีละชิ้นๆ ต้องบอกก่อนว่าบนภูเขาหิมะความจริงแล้วก็ไม่ได้หนาวเสมอไป

คงอาจเป็นเพราะที่นี่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลมาก และเป็นตอนเที่ยงด้วยเลยทำให้ความร้อนปะทะกับความเย็นจึงทำให้อุ่นขึ้น อันนี้คิดเอง เออเองทั้งหมด ไม่ได้มีวิทยาศาสตร์มาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด 555

บนเขา Mount Rainier จะมีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี เทวที่ผมมาเดินวันนี้เป็นรูทสั้นๆ วนไปมาประมาณ 4-5 ชั่วโมงก้เดินจบแล้ว และใครที่ชอบเดินป่าหรือเทรคกิ้งต่างๆ มีเทวสำหรับ 1 วันเต็ม ค้างคืนก็มีให้เลือกแล้วแต่ความชอบเลยจ้า

ขณะนี้เราอยู่กันบนยอดเขาเป็นลานกว้างๆ มองไปรอบๆก็มีแต่หิมะที่ปกคลุม ท้องฟ้าสดใส พลาดไม่ได้ที่จะยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูป ก็มันสวยจริงๆ การ์ดหมดก็น่าจะวันนี้แหละครับ อิอิ

รูปเดี่ยวผ่านไป รูปคู่ผ่านไป ต่อไปก็รูปหมู่ครับ ตอนนี้มีกันอยู่ 4 คน ที่เหลือยังไม่สามารถติดต่อได้ ก็ถ่ายกันแค่นี้ก่อน แต่ถ่ายธรรมดาโลกไม่จำ ถ่ายแบบขำๆโลกก็ไม่จำอยู่ดี 5555

เดินต่อไปเรื่อยๆจนเจอทางขึ้นภูเขาหิมะอีกลูก เราบอกกับเพื่อนว่าคงไปต่อไม่ไหวแล้วหละ รองเท้าเริ่มเปียกแล้ว ฟาเริ่มครึ้มๆด้วย ไม่รู้ว่าฝนจะตกหรือหิมะจะตก เลยตัดสินใจกันว่าอะอยู่เพียงแค่นี้ก็ได้จ้า

มีคนรักชาติด้วย ก็คงจะเป็นอีแฟร้งนี้หละ (แต่คนอื่นก็รักนะ) ถึงกับพกธงชาติไทยติดตัวมาด้วยจ้า ไหนๆก็เอามาแล้วขอเอาเป็นพร๊อบถ่ายเกร๋ๆหน่อยละกัน แชะ แชะ แชะ ลงครับ

เริ่มเดินลงจากภูเขาหิมะที่เดินขึ้นมาตอนแรก เอาจริงถ้าเดินเป็นวงกลมก็จะออกอีกทางหนึ่ง แต่ด้วยความที่หวังว่า จะเจอเพื่อนอีกกรุ๊บนึง ก็เลยเดินย้อนกลับทางเดิม 

แต่ก็ยังไม่เจอกับเพื่อนเลยจ้าไม่รู้ไปคลาดกันตอนไหน อะไม่เป็นไร เดินกันต่อไป บางช่วงที่เป็นเนินยาวๆก้นั่งและสไลด์เดอร์กันเหมือนเด็กไปเลยจ้า

กลับมาที่จอดรถ รองเท้าเปียก กางเกงเปียก เสื้อมีแต่เหงื่อ แต่ทุกคนก็คิดแผนสำรองเอาไว้แล้ว ว่ามันต้องเป็นเช่นนี้แน่ๆ เลยเปลี่ยนชุดจ้า รองเท้าแตะ เกงขาสั้น เสื้อยืดแบบอากาศไม่ได้หนาวเลย อิอิ

ขับรถวนหาเพื่อนอีกครั้งบริเวณที่จอดรถ เผื่อเจอจะได้เขียนโน๊ตเอาไว้ที่หน้ารถ แต่ก็วนหาไม่เจออีกแล้ว เลยขับลงมาเรื่อยๆเผื่อจะมีสัญญาณมือถือจะได้โทรติดต่อ หรือส่งข้อความหา

ขับรถมาถึงบริเวณทางเข้าที่เป็นป้าย MT.RAINIER NATIONAL PARK สัญญาณมือถือเริ่มมีอีกครั้ง และโทรหาเพื่อนไม่ติดอีกแล้วจ้า คิดว่าเพื่อนอีกคันน่าจะกำลังเดินเขาอยู่หรืออยู่ข้างบนแน่ๆ

เราเลยตัดสินใจส่งข้อความไปหาอีกคัน และเจอกันที่สนามบินตอนคืนรถเลยจ้า เราไม่ได้กลับทางเดิม จะขับกลับอีกทางนึง ซึ่งเป็นทางอ้อมภูเขาหิมะลูกนี้แหละครับ ทำไมถึงอ้อม?

เพราะอยากจะขับรถผ่านวิวสวยๆ อย่างช้าๆ และเราก็เจอวิวสวยอีกแล้วจ้า ด้านหลังเป็นภูเขาหิมะ ลูกที่เราขึ้นกันไปมาเมื่อเที่ยงนี้เอง หน้าเริ่มป่วยแล้ว เอาธงชาติไทยมาโบกเป็นพร๊อบหน่อยละกัน อิอิ

ขับต่อไปตามทางเรื่อยๆ จะเป็นสะพานข้ามภูเขาทั้งสองลูก ข้างล่างจะเป็นน้ำตกที่ไหลมาจากด้านบนเขา เราก็จอดอีกแล้วสิครับ หามุมถ่ายรูป 1 2 3 เอาจริงคือคุ้มมาก มีแต่วิวสวยๆแวะไม่ทันจ้า 5555

ถึงเวลาอันสมควรที่จะออกจากอุทยาน Mount Rainier เพราะเวลาประมาณ 5 โมงเย็นแล้ว ถ้าออกค่ำว่านี้เดี่ยวจะขับรถอันตราย ระหว่างทางเราบังเอิญเจอน้องกวางนอนตายอยู่ริมถนน ไม่แน่ใจว่าโดนอุบัติเหตุหรือว่าตายเพราะอะไร แต่ก็อดสงสารน้องไม่ได้ ขอให้น้องไปสบายนะครับ ....

จากนั้นมุ่งหน้า จับ GPS ปลายทางสนามบิน Seattle In't Airport เพื่อคืนรถเช่าให้ทันตามเวลา ก่อนคืนเราต้องเติมน้ำมันรถให้เต็มถังเหมือนตอนเรารับรถมาที่น้ำมันก็เต็มถังเช่นกัน

การเติมน้ำมันที่อเมริกาต้องช่วยเหลือตัวเองนะครับ ไม่มีคนมาเติมให้ และรูดบัตรชำระเงินด้วยบัตรเดบิต หรือเครดิตเท่านั้น

คืนรถตามกำหนดเวลา จอดรถและทิ้งกุญแจเอาไว้ในรถ รอเจ้าหน้าที่มาตรวจรับรถและทุกอย่างก็เสร็จสิ้น โบกแท๊กซี่หรือเรียก Uber จำไม่ได้แล้ว แต่แพงมากๆๆๆ เพื่อให้ไปส่งยังสถานีบัสเพื่อต่อกลับไปยังที่พัก

ต่อรถเมลล์รอบสุดท้ายกลับมายังที่พัก Lynwood,Seattle จำได้ว่าถึงห้องประมาณ เที่ยงคืนนิดๆ ร่างกายอ่อนหล้ามาก แต่ก็สนุกที่สุด คงจะเป็น One Day Trip ที่น่าจดจำของเด็กไทยที่มา WAT อย่างผม คงต้องนอนแล้ว รู้สึกว่าวันถัดไปต้องตื่นไปทำงานกะเช้าซะด้วย 5555 สู้กันต่อไปครับ .... ><

เป็นไงกันบ้าง ขอบคุณเพื่อนๆที่ทนอ่านกันมาถึงตอนจบนะครับ กับ One Day Trip ของผมในอเมริกา จริงๆอยากเขียนมาตั้งนานแล้ว ดองมาประมาณปีกว่าแล้ว ถ้าเพื่อนๆมีโอกาสไป WAT ที่ Seattle

แนะนำหาวันหยุดชวนเพื่อนออกเดินทางไปท่องเที่ยวกันสักวันนะครับ คงจะได้ประสบการณ์ที่ดีมากแน่ๆ จริงๆรายละเอียดหยิบย่อยเยอะมาก แต่เอาเท่าที่ผมนึกไหวแค่นี้พอนะครับ เพราะนานแล้วเหมือนกันจำไม่หมดจริงๆ

ขอบคุณอีแฟร้งที่ช่วยขับรถ ขอบคุณจีจี้ที่คอยแทคแคร์ ขอบคุณอีอิ่มที่คอยเติมสีสันให้กับชีวิต ขอโทษเพื่อนหงษ์ น้องอุ้ม และเพื่อนชาวจีนในรถอีกคันที่ไม่ได้เจอกันทั้งๆที่ออกมาพร้อมกัน สัญญาณมือถือติดต่อไม่ได้ เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด และทำให้เราพลาดการเดินเที่ยวด้วยกันในวันนี้ แต่ทุกคนก็น่ารัก ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน

สำหรับบันทึกฉบับนี้ ผมก็ขอจบเพียงเท่านี้ ขอบคุณสำหรับการติดตาม และฝากติดตามอ่านในฉบับต่อๆไป จะพยายามหาสาระดีๆมาแบ่งปันให้กับทุกคนนะครับ สำหรับวันนี้ Have a good night คราบบบ ..... :D

#เขียดคุง


@เขียดคุง in Mount Rainier,USA

เซน เท่านั้น

 วันพฤหัสที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2563 เวลา 10.05 น.

ความคิดเห็น