"มุลาอิ" ที่ไม่ใช่แค่ฟังคำเล่าหรือแค่อ่านจากรีวิวเท่านั้น
หาทริปสิ จะรออะไรละคะ ก่อนจะไปเราก็มีศึกษาข้อมูลอยู่บ้างเล็กน้อย สิ่งที่ควรปฏิบัติดังนี้
-ผู้หญิงต้องนุ่งผ้าถุงให้เรียบร้อย
-ผู้หญิงที่มีประจำเดือนห้ามขึ้นเจดีย์ แต่สามารถขึ้นเขาได้
-ต้องถอดรองเท้าไว้ด้านล่าง
-ห้ามหญิงชายเดินเคียงหรือชิดกัน ให้เว้นระยะห่าง
- สถานที่นี้ กินเจเท่านั้น ดันนั้น ห้ามนำเนื้อสัตว์ขึ้นไปเด็ดขาด
- เป็นสถานที่บริเวณวัด ห้ามนำเครื่องดื่มมึนเมา และการพนันทุกชนิด
- ห้ามส่งเสียงดัง พูดคำหยาบ หรือแสดงกิริยาไม่สุภาพ
-ที่นี่จะมีเจดีย์ให้เราสักการะ 2 ยอด ซึ่งผู้หญิงจะสามารถไปได้แค่เจดีย์แรกเท่านั้น ผู้ชายเท่านั้นถึงจะขึ้นไปเจดีย์ด้านบนได้
จากนั้นเริ่มเดินทางกันในคืนวันศุกร์ ไปถึงที่อ.พบพระ จ.ตาก เช้าวันเสาร์ ล้างหน้าล้างตา ทานข้าว จัดเตรียมข้าวของพร้อมเดินทางต่อด้วยรถ 4wd มุ่งสู่" มุลาอิ "
![](/f/30018/5e28156f90444926534155d7.jpg)
![](/f/30018/5e28157090444926534155d9.jpg)
![](/f/30018/5e281e3e90444926534155f5.jpg)
การเดินทางใช้เวลาราวๆ 4 ชม. ซึ่งทางที่ไปนั้นเป็นทางลูกรัง ค่อนข้างลำบากพอสมควร และจุดไฮไลต์ที่นี่ คือ ฝุ่น เยอะมาก (ผ้าบัฟ ผ้าปิดจมูกพวกเราเตรียมกันมาพร้อมมาก) ระหว่างทางเราเห็นเริ่มมีการสร้างถนนคอนกรีตในบางช่วงสั้นๆ และ อีกไม่นานการเดินทางก็สะดวกขึ้น ผู้คนคงจะมากขึ้น ระหว่างทางมีหมู่บ้านเล็กๆ รถก็มีจอดแวะให้เราได้ลงมายืดแข้งยืดขา หรือจะช้อปปิ้ง เพื่ออุดหนุนชาวบ้าน มีร้านค้าขายน้ำ อาหารขนมอยู่บ้าง ระหว่างทางก็มีกลุ่มจิตอาสานำขนมมาให้เด็กๆกัน ซึ่งในวันนั้นเป็นวันเด็กพอดีด้วยสิ ก็มีพี่ในกลุ่มเราแบกของมาให้เหมือนกันนะ (สวยแล้วใจบุญอีก)
![](/f/30018/5e281e7188bd94264d6cc8d8.jpg)
![](/f/30018/5e281e7188bd94264d6cc8d9.jpg)
เดินทางมาได้สักพักจะถึงจุดบริเวณวัด ที่ให้เราได้พักทานข้าวเตรียมตัว มุ่งหน้าเดินทางไปจุดกางเต็นท์กันต่อ
ยอดเขา "มุลาอิ" เป็นภูเขาสูงที่มีระดับความสูงกว่าน้ำทะเลประมาณ 2,076 เมตร เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเขตการปกครองของกะเหรี่ยงพุทธ DKBA ที่นับถือ ที่นี่เป็นยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวพุทธในพม่าไปแสวงบุญกัน และเป็นยอดเขาสูงที่สุดในบรรดายอดเขาทั้ง 4 แห่ง (โมโกตู หรือ มะม่วงสามหมื่น, ดอยพะวี, เมะลาอะ และ มุลาอิ ) มุลาอินั้น สามารถเดินทางข้ามไปจากฝั่งไทย ที่บ้านวาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก
โดยที่ทางรัฐกะเหรี่ยง DKBA จะอนุโลมให้ชาวไทย เดินทางเข้าไปสักการะพระธาตุเจดีย์บนภูเขาลูกนี้ได้
![](/f/30018/5e2816cb90444926534155dd.jpg)
![](/f/30018/5e2816cb90444926534155de.jpg)
จากจุดเริ่มเดินไปจนถึงจุดกางเต็นท์ระยะทางประมาณ 1 กม.กว่าๆ เมื่อเราขึ้นไปถึงแล้ว
ก่อนอื่นสื่งใดคือการเริ่มหาจุดกางเต็นท์ ไม่งั้นเราจะไม่มีที่นอน เพราะวันนั้นเป็นวันที่ผู้คนเดินทางมาที่นี่ประมาณ 500 คน มีผู้จัดหลายเพจมากมาย และสถานที่บนยอดเขานี้เป็นพื้นที่ที่มีแต่หิน เป็นหลุมหาพื้นที่ราบแทบจะไม่มีเลย (ดั่งคำว่า นอนไหลกองมารวมกัน)
![](/f/30018/5e28176e88bd94264d6cc8c5.jpg)
![](/f/30018/5e28176f88bd94264d6cc8c6.jpg)
จากนั้นพอมีเวลาเราก็ถ่ายรูปกัน เพราะที่นี่สามารถมองเห็นวิวรอบๆ 360 องศาเลยนะ และก็จะเดินมาเรื่อยๆกลับมาตรงจุดบริเวณวัด ที่เรามาถึงครั้งแรกอีกครั้ง( บวกไปอีก1 กม.กว่าๆ) เพื่อขึ้นบนพระธาตุมุลาอิ โดยทางขึ้นจะมี 2 ทาง คือ ทางโดยทั่วไปที่เป็นทางปรกติจะเป็นทางบันได แต่เราไม่ปรกติ ก็เลือกทางที่ฝ่าดงพงไพร ซึ่งระยะทางสั้นกว่า (แต่เหนื่อยเอาเรื่องนะ) หลังจากนั้นเราก็เดินลงเพื่อกลับมาจุดกางเต็นท์ เพื่อให้ทันได้ชมพระอาทิตย์ตก ซึ่งในวันนั้น เป็นวันที่พระอาทิตย์ดวงใหญ่โตมาก (พระอาทิตย์ ฤดูหนาว สวยที่สุด ดวงใหญ่ที่สุด มีคนเคยกล่าวไว้)
![](/f/30018/5e281b2b90444926534155ed.jpg)
![](/f/30018/5e281b2c90444926534155ee.jpg)
![](/f/30018/5e291f9288bd94264d6ccfab.jpg)
ที่นี่ “มุลาอิ” เราต้องทานอาหารเจกันเท่านั้น ห้ามนำเนื้อสัตว์ใดๆขึ้นไป แต่ดีพวกเราพกบะหมี่ไวไว และบนยอดเขาก็มีเซเว่นเคลื่อนที่ (คนพื้นที่นำน้ำอัดลมมาจำหน่ายถึงเต็นท์เลยค่ะ) ซึ่งพวกเราก็จัดกันไปคนละกระป๋อง และทุกคนที่อยู่บนยอดเขาก็ลุ่มกันเหมาหมด จนคนขายต้องวิ่งไปเอามาอีก แต่ก็คงไม่พอขายอยู่ดีค่ะ เพราะน้ำอัดลมนี่ ทำให้เรามีพลังงานมากขึ้นเลยทีเดียวนะคะ อิอิ
พูดถึงอากาศในช่วกลางวันหรอ แดดแรง แต่มีลมพัดเย็นสบายไม่ร้อนนะ และในคืนนั้นกลางดึกอากาศ 7 องศา หนาวได้ใจจริงๆค่ะ บางคน บอกว่าหนาวจนนอนไม่ได้เพราะเจอลมพัดแรงตลอด ไม่รู้ว่าพี่เค้าไปนอนจุดไหนกันนะ แต่ถือว่าเราโชคดี นอนหลับกอดหินสบาย
![](/f/30018/5e28185290444926534155e4.jpg)
![](/f/30018/5e28185390444926534155e7.jpg)
![](/f/30018/5e281df288bd94264d6cc8d4.jpg)
ดูจากภาพถ่ายสวย ของจริงยิ่งสวยกว่า มองไปทางไหน มุมไหน ก็สวยทุกมุมมอง
ชอบถ่ายรูป ชอบเก็บความทรงจำดีๆ ชอบวิว ชอบเขา ชอบธรรมชาติ ในเมื่อมีโอกาสก็อยากทำสิ่งที่เราชอบ ถ้ามันคือความสุขของเรา
และเขาไม่เคยทำร้ายเรา มีแต่เราที่ทำร้ายเขา รักเขาก็ควรช่วยดูแลเขากันด้วยนะคะ
#ทุกภาพคือการเล่าเรื่องที่ดี
#ทุกภาพคือความทรงจำที่ดี
#ทุกภาพคือความสุขของเรา
#ท่องเที่ยวเก็บเรื่องราวผ่านเลนส์
#ขอบคุณผู้ร่วมเดินทางไปกับเรา
#มูลาอิ #มุลาอิ #มอลาอิ #ม่อนลาอิ #Mulayit
ครั้งหนึ่ง
วันพฤหัสที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2563 เวลา 09.56 น.