... เชื่อผมสิ ... 

คงมีเพียงไม่กี่แห่งบนโลกใบนี้…ที่จะทำให้เราล่องลอยเหมือนอยู่ในสวรรค์

หนึ่งในเมืองไร้มลพิษใต้เงาของยอดเขา Matterhorn

กับเมืองในฝันอย่าง

Zermatt ประเทศ Switzerland 

.....

เปิดเรื่องด้วยภาพสีสันยามค่ำคืนของเมือง Zermatt

เชื่อว่าที่นี่คือ Dream Destination   อันดับต้นๆของใครหลายคน

ที่สักครั้งในชีวิตคงต้องหาโอกาสมาเยือนให้ได้

.....

หนึ่งในนั้นก็คงเป็นตัวผมด้วยเช่นกัน อิอิ!! 

อ่านรีวิวและเห็นรูปมาก็เยอะ

ว่ากันง่ายๆ

ถ้าใครอยากจะเห็น Matterhorn คงต้องมา Zermatt เท่านั้นเลยครับ

ที่สำคัญยังคงต้องลุ้นพอๆกับการซื้อหวย 55

เพราะภูเขาแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องความขี้อาย ส่วนมากมักไม่ค่อยโชว์ตัวให้ได้เห็นกันเท่าไหร่

.....

ไม่รอช้า เราไปเริ่มต้นการเดินทางกันครับ

ตื่นแต่เช้าออกจากที่พัก เดินทางด้วยรถไฟกันแบบยาวๆจากเมืองวินเทอร์ทัวร์ (Winterthur)

ไปยัง กรุงเบิร์น (Bern) - เมืองทูน (Thun) - เมืองสเปียซ (Spiez) - เมืองฟิสป์ (Visp)

และเมืองฟิสป์ (Visp) แห่งนี้ละครับ

มันคือจุดเริ่มต้นของทริปการเดินทางในฝันของผมครั้งนี้

เมืองฟิสป์ (Visp) เป็นสถานีชุมทางของรถไฟที่มาจากหลากหลายเส้นทาง

รวมไปถึงขบวนที่จะไปขึ้นไปยังเมือง Zermatt ด้วย

.....

บอกเลยตื่นเต้นกับการท่องเที่ยวต่างแดนด้วยประสบการณ์ใหม่ๆ

รถไฟสายนี้มีชื่อว่า Matterhorn Gotthard Bahn

รถไฟระบบล้อฟันเฟืองไฟฟ้าที่จะพาเราค่อยๆไต่เขาสูงขึ้นไปเป็นระยะ

.....

ผ่านหลายสถานี ไม่ว่าจะเป็นStalden-Sass, Kalpetran St. Niklaus Herbriggen Randa Täsch

ตลอดเส้นทางบอกเลยว่า โคตรจะสวยเหมือนในหนังในนิยายเลย

และสุดท้าย ก็จะมาจอดที่สถานีปลายทาง Zermatt

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วกว่าๆ ก็มาถึง

จากสถานี  Zermatt ได้เวลาลากสังขารและกระเป๋าเข้าที่พัก 555

ระหว่างทางเดินไปโรงแรมนั้น เราจะผ่านแม่น้ำที่ตัดผ่านกลางเมืองแห่งนี้

.....

และจุดนี้ละครับ ผมก็ได้เห็นยอดเขา Matterhorn หญิงสาวในฝันของผม

ที่โผล่พ้นขอบฟ้ามาให้เราเห็นแบบไกลลิบๆ

ด้วยความงกไม่ขึ้นแทคซี่ คิดว่าใกล้ๆ

ยอมเดินลากกระเป๋าใบใหญ่ขนาด 30 บวกด้วยน้ำหนักอีก 29 กิโล ขึ้นลงๆ
.....

แถมถนนดันลื่นจากน้ำแข็ง 555 โอ้ยยยยยยยยยย สุดจะบรรยาย  โคตรเหนื่อย

และ การเลือกรองเท้าดีมีชัยไปกว่าครึ่ง มันคือเรื่องจริง

ในที่สุดผมก็พาร่างมาถึง Adonis Hotel จนได้ เหนื่อยหมดแรงเลย

โรงแรมที่นี่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลมากใจกลางเมือง

ระหว่างรอเช็คอิน ขอทิ้งตัวพักขา พักหลังที่โซฟาแบบไม่ทำอะไรเลยสัก 15 นาที ค่อยออกไปเที่ยวกันต่อ

เมือง Zermatt เป็นเมืองที่ปราศจากมลพิษ

เพราะมีกฏห้ามนำเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันมาใช้

ทำให้พาหนะภายในเมืองจึงเป็นพาหนะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

.....

ไม่แปลกใจทำไมมีแต่คนบอกว่า มาถึงที่นี่แล้วเราจะได้ฟินกับอากาศดีดี

พักหายเหนื่อย เราไปเดินรอบๆเมือง Zermatt กันต่อ

ถ้าให้พูดถึงบรรยากาศภายในเมือง Zermatt

มีถนนเส้นหลักชื่อ Bahnhofstrasse ที่เต็มไปด้วยบ้านไม้ที่เป็นทั้งร้านค้าและโรงแรม

แถมจุดต่างๆของเมืองสามารถมองเห็น Matterhorn ได้อย่างชัดเจน

โดยเฉพาะรอบๆสะพานที่มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมือง

โบสถ์ St. Mauritius

โบสถ์เก่าแก่ที่สวยงาม ด้านบนประดับด้วยนาฬิกาขนาดใหญ่

Gronergrat Bahn the Matterhorn Railway

ตรงข้ามกับสถานีรถไฟ Zermatt

คือสถานีรถไฟจุดเริ่มต้นที่จะพาเราขึ้นไปชมวิว Matterhorn

.....

ไปถึงแล้วก็ซื้อตั๋วที่เคาเตอร์ได้เลย 

(จ่ายด้วยบัตรเร็วกว่า สะดวกกว่า เงินสดคนเยอะมาก และควรไปแต่เช้า)

เก็บ ticket ที่ได้รับไว้ดีๆเพราะหลังจากนี้ ในทุกๆจุดด้านบนจะต้องใช้ ticket ในการผ่านเข้าออก

เดินผ่าน Gate เตรียมเข้าแถว

พยายามยืนรอที่หน้าประตู บอกเลยว่าคนเยอะมาก เฉพาะคนเล่นสกีก็มหาศาลล่ะ

.....

ไหนจะเด็ก ผู้ใหญ่ นักท่องเที่ยว หรือกรุ๊ปทัวร์ บันเทิงใจสุด 55

อย่าลืม นั่งทางฝั่งขวาของขบวนนะครับ จะได้ชมวิวสวยๆ

ภายในขบวนรถไฟหน้าต่างถูกออกแบบกว้างขวาง

เพื่อให้เราได้ชมวิวตลอดเส้นทาง

.....

ส่วนการถ่ายรูปก็ลำบากเหมือนกัน ต้องถ่ายผ่านกระจก กดรัวๆไปค่อยว่ากัน 

ผมมีเวลาไม่มากสำหรับที่นี่

วันที่ขึ้นไปด้านบน โชคไม่ค่อยเข้าข้าง

.....

อากาศไม่ค่อยเป็นใจ ลมด้านบนค่อนข้างแรง เดินถ่ายรูปไม่ไหว เกล็ดหิมะตีเข้าหน้าแสบตา

 มือ เท้า หู เย็นยะเยือก ไปหมด

เลยไม่สามารถเดินแวะทุกจุดเพื่อไปเก็บบรรยากาศความสวยงามได้อย่างที่ตาเราเห็นจริงๆ

ไว้คราวหน้าค่อยจะมาแก้ตัวใหม่ 

ต้องได้รูปถ่ายในมุมที่สวยงามเหมือนคนอื่นๆให้ได้

ที่บอกว่าลมแรงจริงๆ แรงขนาดไหน ดูได้จากรูป 55 ปลิวครับ

 ยอมแพ้วิ่งหนีเข้าอาคารที่พัก

ลมหยุดก็วิ่งออกไปถ่ายรูป ลมมาก็ยืนนิ่งๆ ไม่ไหวก็วิ่งเข้าหลบ

ด้านบนในแต่ละจุดจะมีอาคารสำหรับให้เราเข้าไปพักได้ มีทั้งอาหาร เครื่องดื่มไว้คอยบริการ 

หลังจากเดินเล่นตามสถานีต่างๆด้านบนตั้งแต่เช้าจนถึงบ่ายๆ

(แอบเสียใจหน่อยๆ บางจุดไม่ได้แวะลง เพราะสภาพอากาศไม่เป็นใจ ไม่มีรูปสักใบ)

.....

ถึงเวลานั่งงรถไฟกลับลงไปยังสถานีเดิมล่ะ

เพื่อไปเดิน ถ่ายรูปเล่นรอบๆเมืองในช่วงเย็นๆกันต่อ เค้าว่าสวยไม่แพ้กัน

  ช่วงเย็นในเมืองแถวๆหน้าสถานีจะครึ้กครื้นเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว

ร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ ก็เปิดให้บริการ

แถมอากาศช่วงเย็น อุณภูมิก็จะเริ่มหนาวๆ ยิ่งดึกยิ่งติดลบ -

จากนั้นเราจะเดินขึ้นเขาไปตามถนนเส้นหลัก วกไปเวียนมา

เพื่อไปยังจุดชมวิวจากมุมสูง ที่เราสามารถมองลงไปเห็นเมือง Zermatt ทั้งเมือง

.....

บอกเลยใครไปถึงที่นี่แล้ว

ถ้าไม่ได้เดินขึ้นไปเสียดายมากๆ เพราะวิวโคตรสวย

บรรยากาศโดยรวมๆ ตลอดเส้นทางการเดิน ❞

ทางเดินอาจจะสูงและเดินเหนื่อยหน่อย

.....

สิ่งจำเป็นที่เราต้องมีคือ

รองเท้าที่มีดอกยางกันลื่น ไว้จิกน้ำแข็งหรือหิมะ

เรียกได้ว่าเกาะพื้นแน่นมากแค่ไหนใส่ไปเลย เพราะใช้ปีนเขาสูง หรือเดินบนเนินที่มีทางลาดเยอะๆ

ผมไม่มีใส่แต่รองเท้าปกติ บอกเลยเข็ด

ใช้เวลาประมาณนึง

ในที่สุด ผมก็มาถึงจุดชมวิวด้านบนสุดแล้วครับ ว้าวววว สุดจริงๆ

(ตามจริง ทางคงเดินขึ้นไปได้อีก แต่ขี้เกียจ เพราะพระอาทิตย์ใกล้จะตกแล้ว)

ถ่ายรูปเล่น แต่ต้องอดใจรอสักนิด เพราะหลังจากพระอาทิตย์ตกหลบสันเขาไป

เมืองทั้งเมืองก็จะเริ่มเปิดไฟ

มันสวยมากเกินที่จะบรรยายให้เห็นภาพจริงๆ

เอาเข้าจริงๆไม่อยากละสายตาไปจากความสวยงามนี้เลย

ในใจก็บอกกับตัวเองว่า ขออยู่ต่อเลยได้มั๊ย 555 

แต่ทำไม่ได้

ส่วนตัวคิดว่า ถ้าสวิสเซอร์แลนด์คือ ดินแดนในฝัน

Matterhorn - Zermatt

.....

ก็คงเป็นหนึ่งในเมืองที่มียอดเขาที่สวยงามที่สุดที่ผมหวังไว้

เพราะมันสวยจนไม่อาจละสายตาจริงๆ 

เราเคยดูภาพภูเขาสามเหลี่ยมแห่งนี้ แล้วบอกตัวเองว่า วันนึงจะต้องมาเมืองนี้

เพื่อมาดู Matterhorn แบบใกล้ๆเต็มๆตาให้ได้

.....

แล้วทริปในฝันของผมก็เป็นจริงแล้วครับ ขอบคุณนะ

และสัญญากับตัวเองว่า ถ้ามีโอกาสจะกลับมาเยือนอีกครั้งหนึ่ง

Tips เล็กๆ 

  • ภูเขาทรงสามเหลี่ยมปิรามิดที่มียอดโค้งลงเล็กน้อย เรียกว่า Horn (ฮอร์น) แปลว่า เขาสัตว์
  • ความสูงอยู่ที่ 4,447 เมตร ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ บริเวณพรมแดนระหว่างเมือง Zermatt ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กับ Breuil - Cervinia ประเทศอิตาลี
  • รูปทรงที่แปลกตาและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้ภูเขาแห่งนี้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของบริษัทชื่อดัง     เช่น ช็อคโกแลต Toblerone หรือบริษัทผู้ผลิตหนังอย่าง Paramount Pictures
  • ใครชื่นชอบการเล่นสกี แนะนำเส้นทาง คือ ที่สุด 
  • เช็คสภาพอากาศบ่อยๆ ถ้าลมแรงมากๆ ถ่ายรูปไม่ค่อยได้ หาวันที่ฟ้าโปร่งๆ ด้านบนสวยมาก
  • ใช้เวลาพักค้างคืนอยู่ที่นี่สัก 2 - 3 วัน กำลังดี (แค่ถ้าใครไม่ชอบเล่นสกี ไม่รู้จะเบื่อไหม) สำหรับบรรยากาศแต่วันคงไม่แตกต่าง
  • การเดินทางนั่งรถไฟจากเมืองใหญ่ต่างๆไม่ว่าจะเป็น Zurich, Luzern, Bern และ Geneva มาลงที่เมือง Visp เพื่อต่อรถไฟมายังเมือง Zermatt
  • ส่วนที่พักไม่ต้องพูดถึง เมืองนี้คือเมืองแห่งที่พัก มีทั้งโรงแรม โฮลเทล ให้เลือกเยอะมากตามเงินในกระเป๋าเลยครับ ช่วงที่ไปก็แอบราคาสูงพอควร ค่าครองชีพแพงมหาโหด แต่ยอม 55 (รีบๆจองด้วยนะ เพราะเต็มเร็วมาก) 

∴☻∴
บางทีคำพูดที่สวยหรู
อาจจะสู้การไปสัมผัสด้วยตนเองไม่ได้

สามาถแวะเข้าไปท่องเที่ยวแบบเท่ๆกับผมได้ที่

https://www.facebook.com/JACKxTraveller/

https://www.instagram.com/iam_superjack/

มือใหม่หัดรีวิว ขอบคุณคร้าบที่เข้ามาอ่าน

► ทุกความชอบที่ว่าใช่ เป็นไปได้จากการเที่ยวแบบเท่ๆ ◄
สถานเที่ยวที่ดีต่อใจให้คุณไปเที่ยวตามรอยกันให้ฟินไปเลย

JACK's x Traveller

 วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 16.49 น.

ความคิดเห็น