เวียดนาม (Vietnam) เป็นอีกหนึ่งในประเทศเพื่อนบ้านของเรา ที่สามารถเก็บกระเป๋าไปได้อย่างง่ายๆ กันเลย เพียงนั่งเครื่องแค่ไม่ถึงสองชั่วโมง แถมยังอากาศดี อาหารถูกปาก สถานที่ถ่ายรูปหลากหลาย เช่น วัด ศาลเจ้าจีน โบสถ์สไตล์ยุโรป โดยทริปนี้เราได้เดินทางไปกันที่ ฮอยอัน และ ดานัง ซึ่งอยู่บริเวณกลางตอนใต้ของเวียดนาม

ฮอยอัน หรือ โห่ยอาน (Hoi An) เป็นเมืองขนาดเล็กริมฝั่งทะเลจีนใต้ทางตอนกลางของประเทศเวียดนาม ในอดีตเคยเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจุดเด่นของเมืองจะอยู่ตรงย่านเมืองเก่าที่ได้รับเป็นมรดกโลก โดยมีอาคารบ้านเรือนสไตล์โบราณที่ผสมผสานศิลปะและสถาปัตยกรรมท้องถิ่น และต่างชาติไว้ได้อย่างมีเอกลักษณ์ และอาคารต่างๆ ภายในนั้น ก็ยังได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี ซึ่งเราสามารถถ่ายรูปเช็คอินกันได้เต็มที่เลยนะ สวยทุกมุมบอกเลย

ดานัง หรือ ด่าหนัง (Da Nang) เป็นเมืองท่าสำคัญของเวียดนามกลางตอนใต้ ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลจีนใต้ จัดเป็น 1 ใน 5 เขตการปกครองส่วนท้องถิ่นในเวียดนาม จุดเด่นของเมืองดานัง คือเป็นเมืองที่ติดทะเลมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเวียดนาม เลยทำให้จุดเช็คอินของเมืองก็หนีไม่พ้นทะเลสวยๆ ชายหาดสีขาวที่ทอดยาว และมีเรือที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งมีที่เวียดนามที่เดียวนั่นก็คือ เรือตะกร้า (Basket Boat) นอกจากนั้นภายในเมืองก็ยังไม่วุ่นวายเท่าเมืองใหญ่ๆ อย่าง ฮานอย หรือ โฮจิมินห์ อีกด้วย ดังนั้น ถ้าใครที่คิดอยากจะมาเที่ยวพักผ่อน หรือหลีกหนีจากความวุ่นวายแล้วละก็สามารถบินมาเที่ยวที่ ฮอยอัน และ ดานัง กัน ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวนะ

🗺️ Plan คร่าวๆ 4 วัน 3 คืน 

Day 1 : สนามบินดอนเมือง (ไทย) > สนามบินดานัง > Hoi An > ย่านเมืองเก่า > แม่น้ำทูโบน (Hoi An Night Market)

Day 2 : Hoi An > Da Nang > Da Nang Cathedral > Linh Ung Temple > My Khy Beach > Dragon Bridge & Lock Love Bridge > ตลาดกลางคืน Son Tra 

Day 3 : Ba Na Hills > French Village Ba Na Hills & Golden Hand Bridge 

Day 4 : เดินทางกลับไทย

📍 ค่าใช้จ่าย (ทริปนี้ไปกัน 4 คน)

✈️ ค่าเครื่องบิน Air Asia 4,065 บาท (ไม่ได้โหลดน้ำหนักกระเป๋านะ)

🏨 ที่พัก 

- Home Stay Trang 1 คืน (Hoi An) 920 บาท ตกคนละ 230 บาท
- Gold Hotel 2 คืน (Danang) 3,450 ตกคนละ 585 บาท

🚡 ค่าตั๋วขึ้นกระเช้า Ba Na Hills ไป - กลับ ประมาณ 850 บาท หรือ 7,000,000 ดอง 

📍สามารถจองบัตรเข้าชมบานาฮิลล์ (Ba Na Hills) ในดานัง ผ่านทาง Klook ได้ที่ ➡️ https://bit.ly/2v613Id

📱 Sim เราใช้ 4G Vinaphone (ซื้อที่สนามบินดานัง) แต่จริงๆ แล้วทุกยี่ห้อราคาเดียวกันหมดคือ 240 บาท หรือ 180,000 ดอง 

💰 ค่ากิน + ค่ารถ แลกไป 5,300 บาท หรือ 4,000,000 ดอง 

🚖 วิธีเดินทาง
แนะนำให้ใช้ Grab Car โดยสามารถดาวน์โหลด App และลงทะเบียนมาจากไทยได้เลย ถ้ามากันแบบเรา 4 คน หารกันจะคุ้มมากๆ เลย

💰 วิธีคิดเงินสกุล ดอง (Dong)
ตัดศูนย์ออกไป 3 ตัวหลัง แล้วคูณด้วย 1.5 นะ เช่น 700,000 ดอง ก็เอา 700 X 1.5 = 1,050 บาทนั่นเอง (เป็นการคิดคร่าวๆ นะ)

🖱 สามารถติดตาม " น า ย บ้ า เ ที่ ย ว " ได้หลายช่องทางดังนี้

- IG : https://bit.ly/2XtMYRW
- FB Page : https://bit.ly/2mrwto8
- Youtube : https://bit.ly/2Zczh7t
- Web blog : https://ninebatieww.wordpress.com/
- Pantip Website : https://goo.gl/zyjE6w
- Read Me.Me : https://th.readme.me/id/ninebatieww

📱 วิธีการซื้อซิม

พอเราออกมาจาก ตม.ของสนามบิน เราก็จะเจอร้านขาย Sim อยู่หลากหลายร้าน ซึ่งเราเลือกใช้ของ 4G Vinaphone แต่จริงๆ แล้วทุกยี่ห้อราคาเดียวกันหมดคือ 180,000 ดอง หรือประมาณ 240 บาท แค่ยื่นมือถือให้พนักงาน เค้าก็เปลี่ยนซิมให้เราด้วยความเร็วสูง ซึ่งเรายังไม่ทันหยิบเงินเลยด้วยซ้ำ 555 ส่วนสัญญาณถือว่าโอเคเลยนะ

💰 วิธีเดินทาง 

แนะนำให้ใช้ Grab Car โดยสามารถดาวน์โหลด App และลงทะเบียนมาจากไทยได้เลย ถ้ามากันแบบเรา 4 คน หารกันจะคุ้มมากๆ เลย

🌞 Day 1

สนามบินดอนเมือง (ไทย) > สนามบินดานัง > Hoi An > ย่านเมืองเก่า > แม่น้ำทูโบน (Hoi An Night Market)

เราเรียก Grab Car 🚖 จากสนามบินดานังไปที่เมืองฮอยอัน โดยค่าโดยสารจะประมาณ 400,000 – 450,000 ดอง (บวกค่าธรรมเนียมสนามบินอีก 15,000 ดองด้วยนะ) ซึ่งทริปนี้เราไปกัน 4 คน หารกันก็ตกคนละ 100 กว่าบาทเท่านั้น 

⛩️ ฮอยอัน หรือ โห่ยอาน (Hoi An) เมืองแห่งนี้ถูกขนานนามว่าเป็น “The City of Lanterns” หรือ “เมืองมรดกโลกสีมัสตาร์ด” โดยจุดเด่นของเมืองจะอยู่ตรงย่านเมืองเก่าที่ได้รับเป็นมรดกโลก โดยมีอาคารบ้านเรือนสีเหลืองสไตล์โบราณที่ผสมผสานศิลปะและสถาปัตยกรรมท้องถิ่น และต่างชาติไว้ได้อย่างมีเอกลักษณ์ และอาคารต่างๆ ภายในนั้น ก็ยังได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี ซึ่งเราสามารถถ่ายรูปเช็คอินกันได้เต็มที่เลยนะ สวยทุกมุมบอกเลย

🌊 แม่น้ำทูโบน (Thu Bon River) 

เป็นแม่น้ำสายนี้มีความสำคัญตั้งแต่สมัยครั้งโบราณ ก่อนที่ฮอยกันยังเป็นเมืองท่าสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีชาวต่างชาติจำนวนมากล่องเรือเข้ามาททำการค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าที่เมืองแห่งนี้ ทำให้ฮอยอันเป็นเสมือนศูนย์กลางของการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างตะวันออกกับตะวันตก แต่ภายหลังที่แม่น้ำเริ่มตื้นเขิน เรือเดินสินค้าไม่สามารถมาจอดเทียบท่าได้ เมืองดานังจึงถูกสร้างขึ้นมาแทนที่ฮอยอัน แต่อย่างไรก็ดี สายน้ำทูโบนแห่งนี้กลับมิได้สูญหายไปพร้อมกาลเวลา แต่ยังคงทำหน้าที่หลักไหลหล่อเลี้ยงชาวฮอยอันอยู่เรื่อยมา

สะพานญี่ปุ่น (Japanese Covered Bridge)

เป็นอีกจุดเช็คอินสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองฮอยอันเลยทีเดียว โดยได้รับการก่อสร้างโดยชุมชนชาวญี่ปุ่นเมื่อ 400 กว่าปีที่แล้ว รูปทรงโค้งของสะพานและหลังคามุงกระเบื้องสีเขียวและเหลืองเป็นคลื่น ตรงกลางสะพานมีเจดีย์ทรงจัตุรัสที่สร้างอุทิศให้แก่ดั๊กเดและตรันหวู

ร้าน Bánh Mì Phượng 🥖

เป็นร้านขายขนมปังแบบฝรั่งเศสที่สอดไส้ผักและเนื้อสัตว์ต่างๆ โดยพัฒนาการมาจากอาหารฝรั่งเศสที่ผสมผสานกับอาหารเวียดนามจนกลายมาเป็น บานหมี่ (Banh Mi) ถ้ามาที่ฮอยอัน ร้านนี้ดังที่สุดของเมือง โดยราคาจะอยู่ที่ประมาณ 30,000 – 50,000 ดอง โดยแล้วแต่ไส้นะ

📍 พิกัด https://goo.gl/maps/JrnMfDE18opjTVCd9

ร้าน Mót Hội An 🌷

เป็นร้านที่ขาย น้ำดอกบัว 🌷 ซึ่งรสชาติคล้ายๆ ลูกอมฮอลล์สีเหลืองบ้านเรา จะรสหวานนำ ออกเปรี้ยวนิดๆ มีกลิ่นของตะไคร้นิดๆ ใครชอบก็คือชอบเลย ใครไม่ชอบก็จะบ่นว่ามันหวานๆ รสกลิ่นแปลกๆ นะ แต่มาที่ฮอยอันทั้งทีก็ต้องซื้อมาลองกันสักหน่อยนะ 

📍 พิกัด https://goo.gl/maps/rjn15otkb1FWkv348

🍕 พิซซ่าเวียดนาม (Vietnam Pizza)

เป็นอีกนึงอาหาร Street Food ที่ควรชิมเลย เพราะรสชาติกรอบอร่อย หวานๆ เค็มๆ หอมกุ้งแห้ง ถือว่าเป็นอาหารไฮไลท์ของประเทศนี้ก็ว่าได้ 

ยังมีอาหารอีกหลากหลายให้เราได้ลองชิม ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะคล้ายๆ บ้านเรา แค่วิธีการทำและน้ำจิ้มที่ราดจะแตกต่างกันออกไปนั่นเอง

สมชื่อเลยที่ถูกขนานนามว่าเป็น “The City of Lanterns” หรือ “เมืองมรดกโลกสีมัสตาร์ด” เพราะจุดเด่นตรงอาคารบ้านเรือนสีเหลืองมัสตาร์ดสไตล์โบราณที่ผสมผสานศิลปะและสถาปัตยกรรมท้องถิ่น และต่างชาติไว้ได้อย่างมีเอกลักษณ์ โดยถ่ายรูปอย่างไงก็สวยมาก

ใครอยากลอง กุ้งล็อบสเตอร์ ก็สามารถลองมาเลือกร้านกันดู ซึ่งราคาไม่แพงมาก ถูกกว่าที่ไทยแน่นอนนะ 🦞🦀🦪

วิวยามค่ำคืนที่พอไฟจากโคมมากมายถูกเปิดก็สวยไปอีกแบบนะ

ร้านแบบนั่งโต๊ะริมแม่น้ำทูโบน ซึ่งจะเป็นโต๊ะและเก้าอี้เตี้ยๆ ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบนะ อาหารก็จะเป็นพวกเนื้อย่าง หมูย่าง ทานกับผักต่างๆ และน้ำจิ้มสูตรของแต่ละร้าน

🥤 ร้าน Gong Cha 

เป็นอีกหนึ่งร้านชานมไข่มุกเจ้าดังของโลก แต่จุดเด่นของร้านชาเจ้าดังสาขาฮอยอันนี้ คือ ตึกสีเหลืองโบราณที่ประดับด้วยโคมไฟมากมาย และที่นั่งแบบโต๊ะเก้าอี้เตี้ยๆ ใครผ่านมาก็ควรแวะชิลล์สักหน่อยนะ

📍 พิกัด https://goo.gl/maps/Yv7zLpJxMmyVrBAg6

🌞 Day 2
Hoi An > Da Nang > Da Nang Cathedral > Linh Ung Temple > My Khy Beach > Dragon Bridge & Lock Love Bridge > ตลาดกลางคืน Son Tra

กาแฟไข่ (Egg Coffee)

ใครมาที่เวียดนามก็ต้องอยากลองกันสักหน่อย แต่ความเห็นส่วนตัวเราว่ามันหวานไปนะ แต่ความมัน ความเข้มข้น นี่อร่อยเลยละ คิดว่าควรมีขนมปัง หรือ ปาท่องโก๋ มาจิ้มทานด้วยกัน 555

วันที่สอง เรานั่งกลับมาที่เมืองดานัง (Da Nang) โดยทางที่พัก Home Stay Trang ได้จัดรถไปส่งให้เรา โดยได้ราคาที่ถูกกว่าเรียก Grab Car มากกก...กกกก ประมาณ 250,000 ดอง ซึ่งเป็นรถแวนขนาด 6 คน นั่งกันสบายเลยละ

💒 โบสถ์คริสต์ (Danang Cathedral) หรือ โบสถ์สีชมพู (Pink Church) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองดานัง จุดเด่นของโบสถ์ดานังแห่งนี้คือ ตึกสไตล์กอทิธสีชมพูสวยที่สร้างขึ้นให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศของเมืองดานัง ภายนอกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยลวดลายอันประณีต แต่อดเข้าเพราะวันที่เราไปปิดซะงั้น แหะๆ (หัวเราะแห้ง)

ร้าน Bánh Xèo Ba Duong

เป็นร้านแหนมเนืองและขนมเบื้องญวนเจ้าดังที่สุดของดานัง Bánh Xèo (แบ๋งแส่ว) หรือที่คุ้นเคยในชื่อขนมเบื้องญวนเป็นเมนู แพนเค้กเวียตนาม (Vietnamese Pancakes) ที่ถ้ามาดานังประเทศเวียดนามและต้องการจะลองชิมเมนูนี้ก็ต้องมาร้าน Bánh Xèo Bà Dưỡng ของคุณยาย Trương Thị Lai ที่เปิดให้บริการมากว่า 30 ปี

📍 พิกัด https://goo.gl/maps/1zx2qvxn3VCWeWNQ

เจ้าแม่กวนอิม (Linh Ung Bai But Pagoda)

ซึ่งเป็นวัดใหม่ของเวียดนาม สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 2010 ใช้เวลาสร้างนาน 6 ปี โดยรูปปั้นองค์เจ้าแม่กวนอิมแกะสลักด้วยหินอ่อนสีขาว

📍 พิกัด https://goo.gl/maps/gjk7bCi1nCwEQEGE8

โดยรูปปั้น องค์เจ้าแม่กวนอิม มีความสูง 67 เมตร ตั้งอยู่บนฐานดอกบัวกว้าง 35 เมตร นับเป็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของ ความสูงเท่ากับตึกขนาด 30 ชั้น จุดรวมสายตาจากทุกมุมของเมืองดานัง

⛵ เรือตะกร้า (Basket Boat) เป็นเรือไม่ไผ่ รูปทรงคล้ายกะลามะพร้าว ตัวเรือมีความเบา และดูโคลงเคลงมาก โดยการพายนั้นต้องใช้ความชำนานเป็นอย่างมาก เราสามารถไปนั่งเรือแบบนี้ได้ที่บริเวณแม่น้ำทูโบน (Thu Bon River) ของเมืองฮอยอัน และ แถวชายหาดของเมืองดานัง (My Khy Beach)

สะพานมังกร 🐉 (Dragon Bridge) ที่แม่น้ำ River Hàn เป็นจุดท่องเที่ยวที่ไม่ว่าใครที่มาดานังต้องแวะมาถ่ายรูป เพราะมีวิวที่สวยและเป็นจุดเด่นที่บอกได้ว่าเราได้มาถึงเมืองดานังแล้วนั่นเอง

Lock Love Bridge Da Nang (สะพานแห่งรัก) โดยจะเป็นอีกนึงสถานที่ที่นักท่องเที่ยวชอบไปถ่ายรูป โดยเฉพาะคู่รักที่อยากให้ชีวิตรักสมหวัง ก็จะชอบมาคล้องกุญแจกันที่สะพานแห่งนี้ โดยสะพานจะอยู่ไม่ไกลจาก สะพานมังกร (Dragon Bridge) สามารถเดินมาได้ และตรงนี้ยังเป็นจุดถ่ายรูปตัวมังกรพ่นน้ำและสะพานมังกรที่สวยสุดยอดอีกด้วย โดยข้างๆ จะมีร้านกาแฟอยู่ เราสามารถซื้อเครื่องดื่มเค้าแล้วก็ขึ้นไปถ่ายบนชั้นดาดฟ้าของทางร้านก็ได้นะ(แนะนำให้มาเช้าถึงบ่าย เพราะเย็นถึงค่ำคนจะเยอะมากๆ)

มาลองร้านอาหารทะเลสไตล์เวียดนาม ก็อร่อยแบบเวีดนามนะ น้ำจิ้มอาจจะไม่ถูกปากเราเท่าไร หอยนางรมก็ใส่ถั่วลิสงมาด้วย แปลกดีแต่รสชาติไปกันได้เลย

ตลาดกลางคืน Son Tra ก็จะคล้ายๆ ตลาดนัด ตลาดรถไฟบ้านเราเลย มีทั้งเสื้อผ้า ของที่ระลึก ของฝาก รวมไปถึงอาหารท้องถิ่นต่างๆ มากมายให้เราเดินช้อป เดินกินก็ได้ตามสนุกสนาน

มาลองชิมกุ้งกัน สดดี แต่เราว่าน้ำจิ้มยังไงก็ต้องน้ำจิ้มซีฟู้ดบ้านเรานี่ดีงามสุดแล้ววว...ววว 

🌞 Day 3
Ba Na Hills > French Village Ba Na Hills & Golden Hand Bridge

ร้าน The Coffee House ☕

จะเป็นร้านขายกาแฟแบบ Cold Brew พอดีร้านอยู่ใกล้ที่พัก เราเลยลองเดินมาลองซะหน่อย ปรากฏว่าอร่อยเฉย โดยกาแฟจะมีรสเข้ม หอม มีรสเปรี้ยวนิดๆ สามารถจิบได้เรื่อยๆ ที่สำคัญบรรยากาศภายในร้านตกแต่งแบบสวนหินสวยงาม สามารถแวะมาจิบกาแฟ ถ่ายรูปเก่ๆ ภายในร้านได้เลย

วันที่สาม เรามาเที่ยวกันที่ บานาฮิลล์ (Ba Na Hills) ที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองดานัง โดยสามารถนั่ง Grab Car มาได้โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที ราคาประมาณ 300,000 ดอง หรือประมาณ 400 บาทนั่นเอง

บานาฮิลล์ (Ba Na Hills) เป็นที่เที่ยว สวนสนุก หมู่บ้านสไตล์ฝรั่งเศส และมีโรงแรม Mercure Ba Na Hills อยู่บนบนยอดเขาสูง ในเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม วิธีการขึ้นไปบนบานาฮิลล์ก็คือนั่งกระเช้าไฟฟ้า ที่สูงและยาวที่สุดในโลกเลยทีเดียว

🚡 ค่าตั๋วขึ้น Cable Car ไป - กลับ ราคาจะอยู่ที่ 700.000 ดอง แต่ถ้าพักที่โรงแรม Mercure Ba Na Hills ก็จะจ่ายค่าตั๋วเพิ่มอีกแค่เพียง 400.000 ดอง เท่านั้น แต่ช่วงที่เราไปโรงแรมราคาแพงเอาเรื่องอยู่ เราก็เลยไม่ได้ขึ้นมานอนที่นี่ ก็แอบเสียดายเล็กๆ อยู่ แต่ก็ต้องดูงบในกระเป๋าตัวเองด้วย 555

📍 สามารถจองบัตรเข้าชมบานาฮิลล์ (Ba Na Hills) ในดานัง ผ่านทาง Klook ได้ที่ ➡️ https://bit.ly/2v613Id

🏎️ รถไฟเหาะ นิวอัลไพน์ (New Alpine Coaster) ผู้นั่งสามารถเดินทางไปตามเส้นทางที่ยาวถึง 2,400 เมตรด้วยตัวเองได้อย่างปลอดภัย! ล่องลอยไปในป่าและแวะชมน้ำตกดาตันลาที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งคุณสามารถถ่ายรูปเพื่อเก็บภาพประทับใจ

🚡 ค่าตั๋วขึ้น Cable Car ไป - กลับ ราคาจะอยู่ที่ 700.000 ดอง แต่ถ้าพักที่โรงแรม Mercure Ba Na Hills ก็จะจ่ายค่าตั๋วเพิ่มอีกแค่เพียง 400.000 ดอง เท่านั้น แต่ช่วงที่เราไปโรงแรมราคาแพงเอาเรื่องอยู่ เราก็เลยไม่ได้ขึ้นมานอนที่นี่ ก็แอบเสียดายเล็กๆ อยู่ แต่ก็ต้องดูงบในกระเป๋าตัวเองด้วย 555

📍 สามารถจองบัตรเข้าชมบานาฮิลล์ (Ba Na Hills) ในดานัง ผ่านทาง Klook ได้ที่ ➡️ https://bit.ly/2v613Id

จุดแรกที่เราเดินนั่นคือการมาเดินเล่นที่

🕍 หมู่บ้านฝรั่งเศส (French Village Bana Hills) ซึ่งเป็นหมู่บ้านสไตล์ฝรั่งเศสสมัยยุคกลางที่ตั้งอยู่บนยอดเขา จะมีทั้งโรงแรม ร้านอาหาร โบสถ์ ร้านขายของที่ระลึก เรียกได้ว่าถ้าอากาศดีๆ เย็นๆ ใส่เสื้อโค้ชแบบไปเที่ยวยุโรปมาถ่ายรูป เชื่อเถอะว่าเช็คอินว่าอยู่ประเทศฝรั่งเศส อิตาลี สเปน คนก็เชื่อแหละ แต่อากาศจะมีทั้งแดด สลับกับหมอก และอาจจะมีฝนตกบางในบางช่วง ยังไงแนะนำติดชุดกันฝน ร่ม มาด้วยก็จะดีนะ

สะพานทอง (Golden Hand Bridge) เป็นสะพานที่ตั้งอยู่ที่ บานาฮิลล์ (Ba Na Hills) ซึ่งอยู่ที่เมืองดานัง (Da Nang) โดยจะเป็นสะพานลอยฟ้าสีทอง ทรงครึ่งวงกลมในอุ้งมือหินยักษ์ ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2561 เราสามารถนั่ง Cable Car ขึ้นไปชมความสวยงามของสะพาน และวิวที่สวยงามของเมืองดานังได้อีกด้วย

สวนดอกไม้ Le Jardin D’amour Gardens

🌷🌹🥀🌺🌸🌼

ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสกลมกลืนระหว่าง ภูมิทัศน์ธรรมชาติและภูมิอากาศของเนินเขา Ba Na Hills Le เป็นสวน 9 แห่งที่ เป็นเรื่องราวเทพนิยายที่น่าสนใจทั้ง 9 เรื่องที่ตั้งอยู่ใน 9 รูปแบบสถาปัตยกรรมที่ไม่ซ้ำกันสร้างพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยรสชาติ

วัด Linh Chua linh Tu

เป็นเจดีย์ตั้งอยู่ที่ระดับความสูงเกือบ 1,400 พระพุทธรูปตั้งอยู่ในฉากที่งดงามของท้องฟ้าเมฆลม และภูเขา จากที่นี่คุณสามารถเห็นทุกด้านของเมืองดานัง เมืองชายฝั่งที่ทอดยาวจาก Hai Van ผ่านไปยังคาบสมุทร Son Tra หาด My Khe และภูเขาหินอ่อน

Beer Plaza 🍻

เป็นอีกหนึ่งมุมสำหรับเรามานั่งปักหลักกันเลยทีเดียว เพราะมีเบียร์ฝรั่งหลากหลายยี่ห้อทั้ง Paulaner , Hoegaardar และเบียร์เยอรมันอีกหลาหลายตัวในราคาที่ถูกกว่าบ้านเราเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นยังมีอาหารทานแกล้มเบียร์อีก อาทิเช่น พิซซ่า , บาร์บีคิว และ ไก่ย่าง เป็นต้น

Cheerrrrrr 🍻

🥢 ร้าน Quán Nướng Ui Chao

เป็นร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลีผสมเวียดนามที่คนเวียดนามมาทานกัน โดยเฉพาะเบียร์ อิอิ
อร่อยมาก แนะนำเลย ไม่แพงด้วย เพราะกินกัน 4 คนแบบอิ่มๆ จุๆ ดูราคาสิ ตกคนละ 250 บาทเท่านั้น !!

📍 พิกัด https://goo.gl/maps/vBcBrPkTj6bFY1yn8

🥤 ร้านชานมไข่มุก Gong Cha

ร้านชานมไข่มุกยอดฮิตของที่นี่ ดูจากจานวนคนที่มานั่งดื่ม นับร้อยคน แถมคิวยาวด้วย อยู่ใกล้ๆ กับร้าน Quán Nướng Ui Chao นะ ทานอาหารเสร็จแล้วมาดื่มชานมไข่มุกต่อได้เลย

🥤 ร้านชานมไข่มุกกวาง The Alley

เป็นที่ฮอตฮิตในประเทศไทยเป็นอย่างมากในช่วงนึง ซึ่งที่เวียดนามก็ดังไม่แพ้กัน แต่ร้านของเค้าใหญ่โตมโหฬารมากๆ มีตั้ง 2 ชั้น ซึ่งราคาก็ถูกกว่าไทยนิดหน่อย แต่ความอร่อยเหมือนกันเป๊ะ

🖱 สามารถติดตาม " น า ย บ้ า เ ที่ ย ว " ได้หลายช่องทางดังนี้

- IG : https://bit.ly/2XtMYRW
- FB Page : https://bit.ly/2mrwto8
- Youtube : https://bit.ly/2Zczh7t
- Web blog : https://ninebatieww.wordpress.com/
- Pantip Website : https://goo.gl/zyjE6w
- Read Me.Me : https://th.readme.me/id/ninebatieww

น า ย บ้ า เ ที่ ย ว

 วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 13.13 น.

ความคิดเห็น