ลุยโลกกว้างที่ดานัง (ตอนที่ 10)
highlights:
- ที่พักในฮอยอัน
- ร้านอาหารที่สะพานญี่ปุ่น
- ล่องเรือในแม่น้ำทูโบนตอนกลางคืน
---------------------------------------------------------------------------------
หลังจากตอนที่แล้ว [ลุยโลกกว้างที่ดานัง (ตอนที่ 9)] ที่เรามาถึงฮอยอันด้วยโคโค่ แล้วโคโค่มาจอดให้เราลงที่ไหนก็ไม่รู้ แต่คิดว่าน่าจะแถวๆ เดียวกับที่รถเมล์เหลืองมาจอด ซึ่งดูจากแผนที่แล้วถ้าเราเดินไปถึงที่พักด้วยตัวเอง บวกกับกระเป๋าเป้ที่หนักมากกกกก ประมาณ 7 Kg ตาม Maximum ที่สายการบินให้ถือขึ้นเครื่องได้อะนะ แล้วบวกกับแดดตอนเกือบบ่ายสอง เราก็เลยตัดสินใจเรียก Grab ดีกว่า เน็ตที่เติมมาตั้ง 50.000 VND ได้ใช้แล้วววว
เราก็เรียก Grab ไปที่พัก ระยะทาง 2 km ราคา 32.000 VND ก็ประมาณ 55฿ หารสองก็โคตรถูก ดังนั้นก็เรียก Grab ไปเถอะจ้ะ ถูกมากกกก คือต้องบอกไว้ก่อนว่าที่ฮอยอันมันเป็นเมืองเก่าถ้าจะเข้าเมืองได้ก็ต้องเดินหรือปั่นจักรยานเท่านั้น ทางที่จะไปที่พักมันเลยต้องอ้อมไปอ้อมมาแล้วซอยก็จะเล็กมากกกกแบบที่รถเก๋งเข้าได้คันเดียวก็เต็มแล้วอะ เวลาเล็งที่พักอย่าลืมคิดถึง Grab ที่เข้าไปส่งเราด้วย ถ้าเราเล็งพลาด Grab อาจจะไปส่งได้แค่ปากทางเข้า 55555
พอเรามาถึงที่พักที่หาโคตรยากกก ลึกลับซับซ้อน แล้วมันก็ไม่ได้เจริญเหมือนที่เมืองดานัง ทุกอย่างมันก็จะดูลำบากๆ หน่อย ลงรถมาปุ๊บก็เลยถามเพื่อนว่า "นี่ใช่ที่เราจองกันมาเปล่าวะ" 555555 คือมันไม่ได้ว่าแย่หรืออะไรนะ แค่ข้างหน้ามันไม่เหมือนในรูปที่ดูมา อารมณ์มันเหมือนบ้านคนที่มีหลายๆ ชั้น มีป้ายเล็กๆ ติดอยู่ แต่มีซุ้มไม้เลื้อยๆ ปิดป้ายจนมองไม่เห็นชื่อ เราก็เลยไม่แน่ใจว่าใช่ที่นี่ไหมนะ ทางเข้าก็ดูเล็กเกิ๊น
เราจอง The Corner Homestay แบบมาจ่ายตอนวันเข้าพักทีเดียว ราคา 575.29฿/2คน/1คืน รวมอาหารเช้า แล้วบางสถานที่ในฮอยอันสามารถจ่ายค่าที่พักเป็นเงินดอลล่าร์ได้ เราก็เลยคิดว่าที่นี่จะจ่ายได้ด้วย แต่ปรากฎว่าป้าเขาไม่รับจ้าาา เรากับเพื่อนก็เลยคุ้ยเงินเวียดนามที่มีทั้งหมดออกมานับจ่ายค่าที่พัก 555555 วุ่นวายสุด ดีนะมีลุงมาเลเซียที่พูดเวียดนามได้มายืนคุยกับป้าระหว่างเรานับเงินกัน
พอจ่ายค่าห้องพักป้าก็พาเราขึ้นมาดูห้อง เป็นห้องส่วนตัวมี 2 เตียง อยู่ที่ชั้น 3 แล้วฝั่งที่เราอยู่จะมองไม่เห็นวิวแม่น้ำทูโบน เสียใจสุดๆ TT^TT เราก็เลยถามป้าว่าที่นี่มี "Rooftop" ไหม ป้าบอกไม่มีข้างบนเป็นหลังคาปิด (นึกในใจไม่มีได้ไงฟะ ที่ดูมาในกลูเกิ้ลว่ามีหนิไม่งั้นเพื่อนเราไม่เลือกมาหรอก) ในเมื่อป้าบอกไม่มีก็คงไม่มีจริงๆ ล่ะมั้ง
และที่เจ็บปวดไปกว่านั้นคือมารู้ทีหลังว่าป้าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ที่รู้เพราะไฟในห้องตรงกลางห้องมันไม่ติด เราก็เลยลงไปตามป้าขึ้นมาดู เราบอกป้าว่า "I can not turn on the light" พูดประมาณสามรอบป้าก็ไม่เข้าใจ จนป้าหยิบโทรศัพท์แล้วให้เราพูดใส่ Google Translate เราก็พูดประโยคเดียวกันที่พูดกับป้าลงในโทรศัพท์นั่นแหละ ป้าถึงเข้าใจว่าเราต้องการอะไร TT^TT แสดงว่า ดาดฟ้าที่มองเห็นวิวแม่น้ำทูโบนก็อาจจะมีจริงๆ แค่ป้าฟังเราไม่รู้เรื่อง ฮรืออออออ
เราเข้านั่งอยู่ในห้องได้ไม่นานฝนก็ตกลงมาจริงๆ ด้วยจ้าาา เราก็เลยกะว่าจะนอนเอาแรงก่อนแล้วกันเย็นๆ ค่ำๆ ค่อยออกไปเดินเล่นในเมืองเก่า พอสักสี่โมงเย็นฝนก็หยุดตกแล้ว เราก็ออกจากที่พักมาเดินหาทางเข้าเข้าเมืองเก่า ตอนแรกคิดว่าน่าจะเดินอ้อมไปไกล แต่ปรากฏว่าเดินออกมานิดเดียวก็เจอทางเข้าเลย
ป้ายทางเข้ามันจะเป็นเอกลักษณ์มากๆ หาง่ายมีหลายจุด แต่พอเราเดินเข้าไปในซอยเรื่อยๆ จนเกือบจะถึงเมืองเก่าและ ด้วยความที่ฝนมันเพิ่งหยุดตก น้ำเลยท่วมถนนจ้าาาา จะให้เดินกลับไปหาทางเข้าอื่นก็ดูท้อแท้ เลยพยายามหาทางเดินข้ามไม่ให้รองเท้าเปียก
เพราะเรากับเพื่อนเอารองเท้ามาแค่คู่เดียว ก็คือรองเท้าผ้าใบที่ใส่กันอยู่ถ้าเปียกตั้งแต่ยังไม่ไปไหนไม่สนุกแน่นอน แล้วตอนนั้นเราก็ยังไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่า "สเปรย์กันน้ำ" ด้วย ก็เลยพยายามเดินตามขอบๆ ถนนที่น้ำท่วมไม่ลึกเป็นอะไรที่อนาถกันมาก 5555555
พอเราผ่านซอยน้ำท่วมนั้นมาได้ เราก็จะเจอกับสะพานฮอยอัน ซึ่งตรงตีนสะพานมันจะมีจุดขายตั๋วเข้าเมืองเก่าด้วย ตรงนี้เราไม่จำเป็นต้องซื้อตั๋วเข้าก็ได้นะ มันจะเป็นตั๋วเหมาๆ เข้าชมสถานที่ต่างๆ 5 ที่ ราคา 120.000 VND ถ้าคิดว่าตัวเองจะเข้าครบก็ซื้อมาเถอะ แต่เราก็เข้าไม่ครบหรอก ไม่น่าซื้อมาเลยเปลืองเงินเปล่าๆ แล้วตรงที่ขายตั๋วทุกจุดเราสามารถแลกเงินได้ด้วยนะ อันนี้ดีงาม เรทก็ไม่โหดร้ายนะ เราแลกไปพันนึงได้มาประมาณ 769.000 VND ซึ่งเป็นเรทจริงๆ ของวันนั้นเลย ดีงามมมม >///<
ตั๋วที่เราซื้อมาจะใช้ได้ 24 hr. แล้วเขาจะให้มาพร้อมกับแผนที่เมืองเก่าด้วย ซึ่งที่ฮอยอันเราไม่ได้ศึกษาข้อมูลอะไรใดใดมาทั้งสิ้น ไม่รู้อะไรดีอะไรเด่น เดินตามแผนที่ล้วนๆ 555555
พอเราซื้อตั๋วเสร็จ หันกลับมาอีกที อ้าววววฝนตกจ้าาาาา เม็ดหนามากกก แล้วตอนออกมาจากที่พักเราคิดว่ามันไม่มีแดดหรอก เลยไม่ได้ถือหมวกเวียดนามมา แต่ในกระเป๋าหน้าท้องโดราเอม่อนของเรามีร่มหนึ่งคัน กับเสื้อกันฝนอีกหนึ่งตัว เราก็เลยเอาร่มให้เพื่อน แล้วใส่เสื้อกันฝนด้วยความเริงร่า ว่าเสื้อกันฝนที่ฉันหอบมาได้ใช้แล้ว 555555
คืออากาศที่เวียดนามเนี่ยแปรปรวนมาก ตอนที่เราจองตั๋วมาพยากรณ์อากาศยังบอกอยู่เลยว่าฝนจะตกวันสุดท้าย แต่พอใกล้ๆ วันจริงๆ พยากรณ์ก็เปลี่ยนอีกเป็นฝนตกทุกวัน เราก็เลยเตรียมๆ พร้อมเอาไว้ จะได้เที่ยวสนุก
ใส่เสื้อกันฝนเสร็จก็เดินไปจนสุดสะพานฮอยอันมันจะมีทางแยกอยู่สี่ทาง เลยถามเพื่อนว่า "ไปทางไหนก่อนดี" เพื่อนก็เลยชวนเดินไปทางขวาสุดริมแม่น้ำทูโบนก่อน คือระหว่างนั้นฝนมันก็ยังตกอยู่ ทุกคนเขาดูสู้กันมาก 555555 ไม่กลัวฝนกันเลย คนจะเดินก็เดินกันไป รถซิโคว่จะปั่นก็ปั่นกันไป สุดยอดมากกก วิวเมืองเก่าตอนฝนตกเป็นอะไรที่สวยโรแมนติก แล้วก็มีเสน่ห์มากๆ
หลังจากที่ก็เดินวนกันไปเรื่อยๆ จนมาเจอกับสะพานญี่ปุ่นโดยบังเอิญ อ้าววว อยู่ตรงนี้เองหรอ แล้วเราจำได้ว่าแถวสะพานญี่ปุ่นมันจะมีร้านขายของกินจริงจังอยู่ เราก็เลยมองๆ หา เอ๊ะอยู่ตรงไหนน้าาาาา
มันเปิดด้วยยยย เป็นร้าน "เกิ่มกา" กับ "เกาเลา" ที่ราคาถูกมากกกก เราก็เลยสั่ง "เกาเลา" มาชิม ราคา 35.000 VND อร่อยมากกกก ให้เยอะด้วยยย ฟินนน >//< แล้วร้านนี้ก็มีน้ำชาให้กินฟรีด้วย (ส่วนใหญ่ร้านที่เวียดนามจะมีน้ำชาให้กินฟรี) แต่การกินน้ำที่นี่น่ากลัวไปนิดนึง คือมันเป็นแก้วเดียวกันที่กินวนๆ อะจ้ะ ถ้าใครไม่คิดมากก็กินๆ ไปเถอะ 5555555
พอกินอิ่มมีแรงแล้วเราก็เดินสำรวจเมืองกันต่อ *0* จนไปเจอร้านน้ำดอกบัวที่ดังมากกกกกกกกกในฮอยอัน คือใครมาจะต้องซื้อน้ำอันนี้ถ่ายรูปลงโซเชียล แต่คนหน้าร้านคือเยอะมากกกกกกกกกกกกกกก เพื่อนเราก็เลยเข้าไปนั่งที่ร้านตรงข้ามรอ เป็นร้านของคนพิการทางการได้ยิน หลังจากเรารอคนที่ร้านน้ำดอกบัวน้อยๆ ในที่สุดเราก็แทรกตัวเข้าไปซื้อจนได้
น้ำดอกบัวที่เราซื้อมาราคาแก้วละ 12.000 VND รสชาติของร้านนี้ ก็จะออกแนวหอมๆ หวานๆ ไม่มีกลิ่นของขิงเท่าไหร่ เป็นร้านที่รสอ่อนที่สุดตั้งแต่เราชิมมาแล้ว น่าจะถูกปากคนต่างชาติมากกว่า
พอเริ่มค่ำคนก็ยิ่งเลยเยอะขึ้น แบบเยอะมากอะแกรรรรร แล้วตามข้างทางก็จะมีของมาขายเต็มเลย มีร้านอาหารจริงจังให้นั่งชิวด้วย แถมเบียร์ที่นี่ก็ราคาถูกมากกก พูดไปงั้นแหละเราไม่ได้กินหรอกบอกไว้เฉยๆ 5555
เดินกันจนเหนื่อย เราก็มานั่งพักแถวๆ ริมน้ำ คือถ้ามาช้าจะไม่มีที่นั่งนะจ๊ะบอกไว้ก่อน
เรานั่งอยู่ที่นี่นานมากกกกกกกกกก และคนก็เริ่มเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เราคิดว่าเราได้รูปตอนช่วงโพล้เพล้ไปเยอะมากแล้ว เราก็เลยนั่งมองวิวริมแม่น้ำจนฟ้ามืดสนิทเราถึงเดินชมเมืองกันต่อ
พอฟ้ามืดสนิทไฟจากโคมที่เขาติดไว้ทั่วเมืองก็จะเริ่มเปล่งประกายย มันสวยมากกกก *0* นางเจิดจ้าในตอนกลางคืนสุดๆ เราก็ถ่ายรูปเล่นมุมนู้นมุมนี้ไปเรื่อยๆ
ถ่ายรูปกันเล่นแถวๆ ริมแม่น้ำนั่นแหละ จะมีคนยืนขายกระทงยืนขายแพ็คเกจล่องเรือเต็มไปหมด ด้วยความสงสัยของเพื่อนเรานางก็เดินเข้าไปเฉียดๆ ป้าที่ขายแพ็คเกจล่องเรือ ว่าราคาเท่าไหร่ ถามมาครั้งแรก 300.000 VND ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณห้าร้อย โอ้ววววห้าร้อยกับแค่สามสิบนาที ไม่จ้าาาา
เราก็ยังคงไปเดินถ่ายรูปเล่นกันต่อ คือถ่ายรูปที่ฮอยอันตอนกลางคืนเป็นอะไรที่สวยมากก ขนาดเราเป็นมนุษย์ผู้ซึ่งถ่ายรูป Portrait ไม่สวย และไม่เคยถ่ายได้ดีเลยยยย แต่คือฉันก็ถ่ายรูปนี้มาได้จ้าาาา น้ำตาจะไหลลล เป็น Portrait ที่สวยสุดในชีวิตแล้วมั้ง 55555 เพราะถ้าใครสังเกตดีๆ จะไม่ค่อยเห็นเราถ่ายรูป Portrait เลย ก็คือมันไม่สวยนั่นแหละจ้ะ 55555 ช่วงหลังๆ เราก็พยายามฝึกถ่ายนะ แต่ไม่ได้ดีเท่าอันนี้
พอถ่ายรูปเสร็จกลับมาก็มาเจอป้าขายแพ็คเกจล่องเรือคนเดิม นางลดราคาเหลือสองแสนแล้วจ้าาา เราก็เลยบอกเพื่อนว่าถ้าเหลือแสนนึงจะลง แล้วเพื่อนก็ไปต่อมาได้แสนนึงจริงด้วย ต่อโคตรเก่งอะ 55555
คือถ้าใครได้มานะ แนะนำให้มาล่องเรือตอนกลางคืนเถอะ โคตรรรรรรรรรรโรแมนติก มีแฟนก็พาแฟนมา ขนาดเรามากับเพื่อนยังรู้สึกได้เลยว่ามันโรแมนติกอะ นี่แหละเสน่ห์ของฮอยอันตอนกลางคืน ถ้าเทียบบรรยากาศที่ได้กับราคานี่คุ้มเกินคุ้ม หาที่ไหนก็คงไม่โรแมนติกขนาดนี้ ชอบบบ >////<
แล้วเรือเขาก็จะมีกระทงให้เราลอยฟรีด้วย ถ้าซื้อแยกต่างหากก็อันละประมาณห้าหมื่น แพงเอาเรื่องอยู่ ก่อนจะเราจะลอยเราก็นับ 1 2 3 เป็นภาษาเวียดนาม คนขับเรือก็บอก โอ้วววรู้ภาษาเวียดนามด้วย 55555
พอล่องเรือกันเสร็จเราก็ไปเดินเล่นที่ Hoi an night market ต่อ เพิ่งรู้ว่าไอ้ซอยเล็กๆ แคบที่ Grab เข้ามาส่งเราตอนบ่ายมันคือพื้นที่ของตลาดจ้าาา อยู่ใกล้ที่พักเรามากๆ แล้วก็ไปเจอร้านขายน้ำดอกบัวอีกร้านนึง เราก็เลยลองชิม ร้านนี้รสชาติไม่เหมือนกับร้านก่อนหน้า มันจะมีรสชาติของขิงเข้มกว่า อร่อยกว่า แล้วราคาก็ถูกกว่าด้วย 10.000 VND เอง เดินวนทั้งตลาดก็เหมือนกับที่ดานัง แค่ที่นี่จะมีร้านขายโคมเยอะกว่าเท่านั้นเอง
แล้วด้วยความเดินกันเพลินๆ ยังไม่ได้กินข้าวเย็น ก็เลยเลือกไปกินข้าวเย็นที่ร้านนึงแถวๆ ตลาดนั้นแหละ กินอิ่มก็พากันเดินกลับที่พัก ตรงทางเดิมที่เราออกมานั่นแหละ แต่น้ำมันแห้งแล้วเราก็เลยไม่อนาถเหมือนตอนขามา 5555
พอก่อนจะนอน เราจะ Back up รูปไว้ตลอดด้วย Wi-fi ของที่พักตั้งแต่มาเวียดนามวันแรกแล้ว เพราะเราใช้มือถือถ่าย เมมเครื่องก็มีไม่เยอะ บวกกับมาเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกในชีวิต ก็กลัวรูปจะหาย เลยทำไว้ตลอด ขนาดฉันทำขนาดนี้ยังมีประเด็นอีกจนได้ 55555 ส่วนจะเป็นอะไรนั้นโปรดติดตามตอน [ลุยโลกกว้างที่ดานัง (ตอนที่ 11)] หรือติดตามการเดินทางอื่นๆ ของเราได้ที่ เพจ "Try to Try ก็แค่ออกไปลอง" แล้วจะรู้ว่าการก้าวออกจาก Comfort zone ของตัวเองมันสนุกแค่ไหน
Try to try ก็แค่ออกไปลอง
วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.09 น.