วิวพระอาทิตย์ตกริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา

highlights:

  • อีเว้นท์รถติดปิดถนน
  • ขึ้นรถลงเรือต่อ MRT
  • วิวพระอาทิตย์ตกริมแม่น้ำเจ้าพระยา

---------------------------------------------------------------------------------

จุดเริ่มต้นของเรื่องราวก็คือเรากะเวลาผิดจ้าาา 55555 เพราะเรามัวแต่ไปตามหาแผ่นรองรองเท้าที่ CTW ซึ่งมันเป็นสถานที่ที่เดินไกลจากสถานี BTS มากกกกกกกกกกก พอออกมาก็จะสี่โมงเย็นแล้ว แล้วสี่โมงเย็นวันศุกร์อะแกรรรร บวกกับติดอีเว้นท์ปิดถนนแถวเยาวราชที่เราจะต้องไป (แล้วประเด็นคือเรารู้ล่วงหน้าก่อนแค่ 1 อาทิตย์ มันก็ทำอะไรไม่ทันแล้วไง เพราะทุกอย่างมันถูกจองไปหมดแล้ว TT^TT) มันจะบันเทิงกันมากแค่ไหนกันนะ 5555555

แพลนเดิมของเราคือจะนั่ง BTS ไปลงที่ท่าเรือแล้วต่อเรือไป แต่มันสี่โมงเย็นแล้วไง กว่าจะไปถึงท่าเรือกว่าจะได้ลงเรืออีก คนเยอะแน่นอน เราก็เลยลองเปิด Grab ดูเผื่อว่ามันจะเป็นทางเลือกที่ดี ซึ่งมันก็เป็นทางเลือกที่ดีให้กับเราจริงๆ เพราะมันมีส่วนลดมาให้เราพอดี เหลือราคา 76 บาท เราก็กดเลยจ้ารออะไร 5555

ทีนี้ด้วยความที่มันเป็นเย็นวันศุกร์ บวกอีเว้นท์ปิดถนนทำให้อะไรๆ มันก็ช้าาาาาาออกไปอีก

เราก็นั่งแกรบมาเรื่อยๆ แบบไม่รีบและถึงที่พักเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ แต่ แต่ เราก็นั่งมาเรื่อยๆ จนเหลืออีกนิดเดียวจะเลี้ยวเข้าที่พักและประมาณสามร้อยเมตร (วงกลมสีแดง) ปรากฏถนนปิดจ้าาาาาา เขาไม่ให้รถยนต์เข้าเลย Grab ก็เลยต้องขับต่อไปเรื่อยๆ 

Grab บอกเราว่าเขาไม่ให้เข้าเอายังไงดี จะให้ไปส่งที่ไหนถ้าวนไปมันก็จะปิดถนนเหมือนเดิม คือ ณ ตอนนั้นสมองเราคิดเร็วมากว่าจะลงไหน เอาไงดีๆ เพราะ Grab ก็ขับห่างออกมาจากที่พักเราเรื่อยๆ แล้วถ้าลงผิดที่ไปลงในที่ที่ต้องเดินไกลตายแน่นอน ตื่นเต้นมากตอนนั้นอะ ระหว่างนั้น Grab ก็ยังจะขับรถต่อไปเรื่อยๆ

เราก็พยายามเค้นสมองว่าแถวนี้คือที่ไหน ใกล้อะไรบ้าง ภาพที่เรามองเห็นตรงนั้นคือถนนแถวหน้าวัดซิกข์ที่เคยมาหนิ [เที่ยวในกรุงเทพแบบไม่มีรถ รอบ 2 (ตอนที่ 1)] แล้วแถวนั้นมันใกล้กับสถานี MRT ที่เราสามารถนั่งไปหาสถานีใกล้ๆ ท่าเรือแล้วเราค่อยนั่งเรือต่อไปได้ 

เราก็เลยบอก Grab ว่าให้ไปจอดสถานี MRT ข้างหน้าที่ตอนนั้นเราจำชื่อไม่ได้แต่รู้ว่ามันอยู่ข้างหน้าใกล้ๆ นี่แหละ ซึ่งมันก็คือ MRT สามยอดนั่นเอง

แล้วเราก็นั่งจาก MRT สามยอดมาลงที่ MRT สนามไชย ที่ห่างกันแค่หนึ่งสถานี ถ้าโผล่ขึ้นมาก็จะเจอท่าเรือเลย ตอน 17.20 เสียตังไปอีก 16 บาท 555555

แล้วไอ้ท่าเรือที่เราโผล่ขึ้นมาเจอ มันก็ยังปิดซ่อมอยู่ตั้งแต่ตอนที่แล้วที่เรามา แต่ทีนี้เราก็คิดว่าถ้ามันปิดซ่อมนานขนาดนี้คนก็ต้องเดือดร้อนแล้วสิ เราก็เลยคิดว่ามันน่าจะมีท่าเรืออื่นที่อยู่ใกล้ๆ กัน ก็เลยถามทางคนแถวนั้นว่าถ้าจะไปท่าเรือราชวงศ์จะต้องไปขึ้นที่ไหน

เขาก็บอกเราว่าให้เดินไปขึ้นตรงท่าเรือข้ามฝากที่จะไปวัดซางตาครู้สแล้วเดินเข้าไปสุดซอย ที่ขายตั๋วจะอยู่ท้ายสุดเลย ระหว่างเดินข้ามสะพานไปเราก็เจอกันคุณดวงอาทิตย์ที่กำลังจะตกพอดี ถ่ายรูปเก็บไว้สิจ้ะรออะไร วิวนี้ไม่ได้เจอบ่อยๆ แน่นอน แถมยังมองเห็นพระปรางค์วัดอรุณที่อยู่ไกลลิบๆ ด้วย >///<

ทีนี้เราเดินกันไปจนถึงที่ซื้อตั๋วแล้ว คือถ้าไปลงที่ท่าเรือราชวงศ์ซึ่งอยู่ห่างจากเราแค่ท่าเดียว เราก็จะเสียค่าเรือ 60 บาท แต่ถ้าเรานั่งไปลงที่ท่าเรือ Iconsiam เลย ก็เสีย 60 บาทเหมือนกัน เพราะยังไงเราก็จะไป Iconsiam กันอยู่แล้ว 

ก็เลยตัดสินใจว่าไป Iconsiam เลยแล้วกัน เพราะถ้ามัวแต่จะเอาของไปเก็บที่ที่พัก แล้วกว่าจะออกมาอีกไม่ทันแน่นอน คนขายตั๋วก็บอกเราว่าเรือมาตอน 18.00 นะ ให้นั่งรอก่อน เราก็เลยได้มีโอกาสเห็นพระอาทิตย์ตกที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา *0* ถ้าไม่ผิดพลาดนี่เราจะไม่ได้ดูวิวนี้เลยนะ แจ็คพอตสุดๆ 555555 ได้ส่วนลดจาก Grab ก็จริงแต่ก็ต้องมาจ่ายค่า MRT กับค่าเรือแพงกว่าเดิมอีก 555555 แต่ได้วิวนี้มาก็ถือว่าคุ้มแหละเนอะ คิดบวกสุดๆ 

แล้วเราก็ได้อยู่ที่ท่าเรือจนพระอาทิตย์ตกไปจริงๆ ถึงจะได้ขึ้นเรือ 55555 ขอบคุณความลำบากที่ทำให้เราได้รูปเซ็ทนี้มา มันอาจจะผิดแผนไปบ้างแต่ระหว่างทางก็คุ้มค่าจริงๆ >///< ส่วนใครอยากดูพระอาทิตย์ตกที่ทะเลบางแสน นี่เลยจ้ะ -> [ภารกิจวิ่งตามแสงพระอาทิตย์ริมทะเล] และสามารถติดตามการเดินทางอื่นๆ ของเราได้ที่ เพจ "Try to Try ก็แค่ออกไปลอง" แล้วจะรู้ว่าการก้าวออกจาก Comfort zone ของตัวเองมันสนุกแค่ไหน

ขอบคุณที่ติดตามค่าาาา ❤
Try to Try ก็แค่ออกไปลอง

ความคิดเห็น