สวัสดีครับทุกท่าน ช่วงสิ้นเดือนมีนาคม Mr.Napat ได้มีโอกาสพาครอบครัวไปพักผ่อนที่ ลาเอนาตู เบดแอนด์เบอเกอร์รี่
เป็นรีสอร์ทขนาดเล็กตั้งอยู่บนชายหาดปราณบุรี ซึ่งเป็นชายหาดส่วนตัวที่เงียบ สงบ บรรยากาศธรรมชาติ
มีการใช้ฟางและไม้ไผ่ในการตกแต่งทำให้ดูเป็นธรรมชาติ ห้องพักเป็นเอกลักษณ์ของเรือนไทย 3 ยุค
มีนาข้าวและสนามหญ้าสีเขียวเป็นพื้นที่ส่วนกลาง ทำให้ดูเขียวสดชื่นมากเหมาะแก่การมารีเฟรชชีวิตให้กลับมาดูมีชีวิตชีวาอีกครั้ง


ครอบครัวเราออกเดินทางตั้งแต่ 8 โมงเช้ามาถึงปราณบุรีช่วงเที่ยงๆ ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน เลยขับรถไปทานข้าวที่
ร้านยกซด ซี๊ฟูดตัวร้านเลยที่พักไปประมาณ 10 กม.ครับ

ระหว่างรอกับข้าว ลูกสาวนั่งยิ้มรอ


เมนูอาหารที่สั่งมี หอยนางรมทรงเครื่อง ดูน่ากินมากแต่หอยนางรมตัวเล็กไปนิดทานแล้วรู้สึกเหมือนทานผักคะน้ากับหอมเจียวกับพริกเผา
แทบไม่ได้รสหอยนางรมเลยครับ เมื่อก่อนหอยตัวใหญ่กว่านี้ ปูนึ่ง เนื้อปูสดมากครับ โป๊ะแตก รสชาติยังไม่จัด แซ่บไม่ถึงทรวง
ยำใบชะครามรสชาติออกหวานไปหน่อย มาคราวนี้ไม่ประค่อยประทับใจเลยครับ รสชาติไม่ค่อยถูกปากเหมือนแต่ก่อน

หลังจากอิ่มท้องกันแล้วได้เวลาเข้าที่พักกันแล้ว มาถึงที่จอดรถของรีสอร์ทอยู่ด้านนอกต้องนั่งรถเข้าไปด้านในอีกที
ที่จอดรถมีหลังคาและ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยค่อยดูแลตลอดเวลา


ขนกระเป๋าเข้าที่พักกันดีกว่าครับ รถมาส่งที่ซุ้มไผ่ ด้านล่าง มีพี่พนักงานมาต้อนรับพร้อมกับผ้าเย็น


เชคอินกันที่ห้องพักเลยครับ เวลคัมดริ่งเป็นน้ำสัปปะรดสดครับ ดีไซด์แก้วเก๋มาก


ลืมบอกไปเลยว่าเราพัก บ้านข้าวตอก เป็นบ้านเรือนไทยยกสูง


เข้ามาดูภายในห้องพักกันครับ


กว้างขว้าง เพดานสูง ทำให้รู้สึกโปร่งโล่งสบายเตียงนอนมีมุ้งไว้ให้ด้วย


มาดูห้องน้ำกันบ้างครับ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ ตกแต่งได้เก๋ แต่ผมไม่ค่อยถูกใจกับกรงไม้ไผ่โดนบาดไปหลายที
และฝักบัวถอดออกจากด้ามไม่ได้ เลยทำให้การอาบน้ำไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไร

สำรวจห้องพักกันทั่วแล้ว นอนพักเอาแรงไว้ตอนเย็นดีกว่าครับ เตียงน่านอนมาก


ตื่นมาอีกทีช่วงบ่ายสี่โมง ทนเสียงรบเล้าลุกสาวไม่ไหว นางตื่นทุกคนต้องตื่น อยากจะออกไปข้างนอกเต็มที่
เรามาเริ่มกันที่ด้านหน้ารีสอร์ทกันเลย ปั๊มหลอด เห็นแล้วนึกถึงเมื่อ 20ปี ที่ยังใช้กันอยู่เลย เดียวนี้หายากมาก


รถมอไซค์พ่วง เก๋ ๆ ก่อนขึ้นสะพานไม้ไผ่ สองแม่ลูกไม่พลาดกับมุมนี้ครับ


สะพานไม้ไผ่จะยาวไปถึงห้องอาหาร และยังเป็นจุดชมวิวบริเวณ นาข้าว


ถ้ามาช่วงที่นามีต้นข้าวถ่ายรูปจะสวยมาก เสียดายตอนนี้ยังไม่มีการปลูกข้าว


มาถึงส่วนของห้องอาหารที่นี้ให้บริการทั้ง เช้า กลางวัน เย็น รวมถึง afternoon tea ด้วยครับ


แขกที่เข้าพักที่นี้จะได้ Afternoon tea ห้องละ 1 ชุดครับ


เอาพี่ควายฮิสเตอร์มาถ่ายรูปด้วยกันสะหน่อย


หลังจากท่านขนมเสร็จเราขึ้นไปดูสระว่ายน้ำของรีสอร์ทกัน ตัวสระมีขนาดไม่ใหญ่มาก ว่ายได้ไม่เกิน 4คน ถ้ามากกว่านี้คงอึดอัด


แต่ถ้าทะเลสงบคลื่นลมดีๆแขกคงไปเล่นน้ำทะเลแทนครับ


เดินลงมาจากห้องอาหาร ด้านขวามือจะเป็นห้องพักแบบตึก มีห้องที่มีสระว่ายน้ำอยู่ด้านในด้วย


ส่วนด้านซ้ายมือจะเป็นวิลล่าชั้นเดียว เปิดประตูออกมารับวิวทะเลแบบเต็มๆเลยครับ


ห้องพัก แบบบ้านพักตากอากาศหัวหินสมัยก่อน


ห้องพัก อีกแบบที่มีลักษณะดูทันสมัยขึ้น โดยตัวห้องพักจะมีสองชั้น


สนามหญ้าติดกับชายหาดมีเก้าอี้ไว้นั่งดูทะเลและพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก


สนามหญ้าเหมาะสำหรับกิจกกรมครอบครัว พาเด็กมาวิ่งเล่น หรือจะลงไปเล่นทรายก็ได้ครับ


แต่วันที่ผมไปคลื่นลมแรงมากแถมมีฝนตกด้วยตอนเย็นเลย อดเล่นน้ำเลยลูกสาว


กลับเข้าห้องพาลูกสาวเล่นทรายใต้ทุนห้องดีกว่าครับ ด้านล่างมีอ่างอาบน้ำด้วย แต่วาบหวิวมาก


ถึงเวลามื้อค่ำ ไม่อยากออกไปไหน ทานข้างในรีสอร์ทกันดีกว่าอากาศไม่ค่อยเป็นใจ


วันนี้สั่งยำวุ้นเส้นกับ ลาบทะเล น้ำแตงโมปั่น สดชื่นมากได้น้ำได้เนื้อ เข็มข้นดีจริงๆ
รสชาติอาหารไม่ทำตามใจฝรั่งน่ะครับ จัดจานทีเดียว


ทานเสร็จ เดินย่อย ถ่ายรูปตอนกลางคืนบรรยากาศดีทีเดียว


พอหอมปากหอมคอ ขึ้นไปอาบน้ำ พักผ่อนกันดีกว่า วันนี้เหนื่อยกับการเดินทาง ขึ้นมาห้องลูกสาวเจอตุ๊กตพี่ควาย


กระโดดขึ้นเตียงอย่างรวดเร็วจับพี่ความยมากอด มาเล่นอยู่สักพักใหญ่ กว่าจะไปอาบน้ำได้


ระหว่างที่ภรรยากับลูกสาวไปอาบน้ำ ผมขอตัวไปเก็บบรรยากาศตอนกลางคืนมาฝากครับ


บริเวณ lobby ตอนกลางคืนผมว่ามันสวยมาก ดูอบอุ่นไม่ แข็งกระด้างเหมือนตอนกลางวัน


ออกไปชายหาด มองเห็นดาวชัดเจนมาก ไม่ได้เห็นดาวชัดแบบนี้มานาน คืนนี้ลากันด้วยภาพนี้ครับ


มาเที่ยวกับลูกสาวต้องทำใจครับ ไม่เคยได้ตื่นหลัง 8 โมงเลย ลูกสาวเป็นเด็กที่ตื่นเช้ามาก พอตื่นคนอื่นก็ต้องตื่นด้วย ไม่ยอมอยุ่เฉยๆ


ยอมครับ พาออกไปข้างนอก ไปเดินเล่นริมทะเลกัน ข้อดีของการมากับลูกสาวคือได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นทุกครั้ง


เจอหมาทะเลด้วย น่ารักมาก วิ่งตามตลอด ดูเวลาแล้วไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวไปทานอาหารเช้ากันดีกว่า


เดินผ่านห้องอาหาร เลยได้รูปแม่ไก่กับควายฮิปเตอร์มา


แถมพระอาทิตย์ดวงกลมๆ ตอนนี้ประมาณ 8 โมงแล้วน่ะครับ แดดยังอ่อนๆอยู่เลยลองเป็นกรุงเทพ คงละลายไปกับแสงแดด


อาหารเช้าเป็นแบบตามสั่ง และสลัดบาร์กับผลไม้ให้ โดยเมนูจะคล้ายๆกับโรงแรมทั่วไป


แต่ที่แตกต่างคือ มีข้าวไข่เจียว ข้าวหมูกะเทียม อันนี้ถูกใจใช้เลยเอาไปเลย10 คะแนน
ผมจะชอบที่มีความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์


ทานอาหารเช้าเสร็จ ได้เวลาย้ายสถานที่นอน อีกคืน ลากันด้วยภาพดีครับ ลาเอนาตู


CR ค่าเดินทาง อาหารทุกมื้อ


SR ห้องพัก อาหารเช้าและ Afternoon teaสิ่งที่ถูกใจ ใช่เลย

ความเป็นธรรมชาติและความเป็นส่วนตัว ไม่พลุ่กหล่าน เรียกได้ว่าสงบและส่วนตัวสุดๆ ผมชอบในความเป็นธรรมชาติ มองไปทางใหนก็มีสีเขียว ไม้ไผ่ กองฟาง ห้องพักมีไม่มากเกินไป บริวณของรีสอร์ทไม่เล็กจนเกินไป มีที่ให้ทำกิจกกรรมร่วมกับครอบครัว สังเกตได้แขกส่วนใหญ่จะมาเป็นครอครัว และต้องการหลีกหนีจากความวุ่นว่าย ตัวห้องพักมีขนาดใหญ่ พื้นที่ใช้สอยกว้างและแบ่งเป็นสัดส่วนดีครับ แยกห้องนอนห้องน้ำออกจากกันชัดเจน และสิ่งที่ชอบที่สุดคือเรื่องของอาหาร ที่นี้แขกทุกห้องจะได้ afternoon tea ห้องละ 1 ชุด รสชาติอาหารไม่ทำเอาใจฝรั่ง และอาหารเช้ามีข้าวหมูกระเทียม และข้าวไข่เจียว อาหารง่ายๆ แต่เป็นเอกลักษณ์ ที่ๆอื่นไม่มี ครับ

สิ่งที่ไม่ถูกใจ

ห้องน้ำมีฝักบัวแบบเดียวคือปล่อยน้ำจากด้านบน และชักโครกอยู่ใกล้กับที่อาบน้ำมากเกินไปครับ ที่จอดรถอยู่ไกลกับห้องพัก แต่ก็ไม่ได้ปัญหาสามารถเรียกรถไปส่งได้ตลอด แต่ถึงยังไงมันก็ดูไม่ค่อนสะดวกมากนัก



ลาเอนาตู เป็นรีสอร์ท ที่เหมาะกับครอบครัว หรือ คนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว เงียบ สงบ และต้องการสัมผัสกัยธรรมชาติ ไม่พลุ่กพล่าน วุ่นว่าย ต้องการ การพักผ่อนให้สดชื่น เพราะภายในรีสอร์ทจะมีแต่สีเขียวและความเป็นธรรมชาติของไม้ไผ่ กองฟาง ดูแล้วสดชื่นมีชีวิตชีวา ถ้าต้องการรีเฟรชตัวเองจากความวุ่นว่าย เหนื่อยล้า ลองมาพักที่นี้สักคืนครับ
แล้วจะรู้ว่า มาคืนเดียวไม่เคยพอ


Mr'Napat Ittiyos

 วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 11.30 น.

ความคิดเห็น