แอบได้ยินชื่อเสียงของร้าน Maria แถวถนนราชพฤกษ์มานานแล้ว ถึงแม้จะใกล้บ้าน ผ่านไปผ่านมาทุกวัน แต่ผมก้อไม่เคยวะเข้าไปลองชิมสักที แต่ทุกครั้งที่ผ่าน มักจะเห็นรถจอดกันเต็มไปหมด และในวันนี้ ก้อได้ลองเข้าไปอุดหนุนสักทีครับ ดูสิว่าจะอร่อยสมกับที่ได้ยินมาไหม

ถนนราชพฤกษ์ เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีร้านอาหารอร่อยๆอยู่มากมาย Maria Pizzeria&Restaurant ก้อเป็นอีกร้านหนึ่งที่โดดเด่นบนถนนราชพฤกษ์ จากวงเวียนราชพฤกษ์ ขับมุ่งหน้ามาทางถนนรัตนาธิเบศว์ จะเห็นป้ายร้าน Maria ได้ชัดเจนทางด้านซ้ายมือ

ถ้าขับเข้ามาแล้วเห็นที่จอดรถหน้าร้านเต็มก้อไม่ต้องเปลี่ยนใจชับหนีไปไหนนะครับ เพราะทางร้านยังมีจัดที่จอดรถไว้ให้เป็นลานกว้างๆด้านหลังอีก จอดได้อีกเยอะเลย พอจอดรถเสร็จก้ออย่ารอช้าเลย ตรงเข้าไปที่ร้านกันดีกว่าครับ

เมื่อเข้ามาในร้านแล้ว รู้สึกว่าข้างในร้านใหญ่กว่าที่คิดไว้ทีแรกมาก กว้างขวางนั่งสบายเลย

พอเข้ามาพนักงานก้อรีบเข้ามาต้อนรับ และพาไปที่โต๊ะทันที พอเปิดเมนูมา ละลานตามากครับ เพราะถึงชื่อร้านจะเหมือนร้านอาหารอิจาเลี่ยน แต่จริงๆแล้วทางร้านมีเมนูหลากหลายมาก ตั้งแต่ อิตาเลี่ยน ไทย จีน เวียดนาม ด้วยเมนูกว่า 350 ชนิด มีให้สั่งกันไม่รู้เบื่อเลยทีเดียว และแล้ว เครื่องดื่มก้อถูกเสริฟ์มาก่อนใครเพื่อนครับ วันนี้สั่งไปแค่ บลูโซดา กับลิ้นจี่ดีไลท์ครับ ราคาอยู่ที่แก้วละ 65 บาทครับ (ราคาอาหารและเครื่องดื่มประมาณเอานะครับ อาจจะจำผิดบ้าง)

หลังจากนั้นไม่นาน อาหารก้อเริ่มทยอยยกเข้ามา อาหารที่สั่งมาวันนี้ ไม่ได้เจาะจงแนวนะครับ สั่งด้วยความหิวล้วนๆ จานแรกที่มาคือ ยำเจ้าสมุทร ราคา 250 บาท จานนี้ประกอบด้วยอาหารทะเลหลากหลาย อาทิเช่น กุ้ง หอยนางรม ปลาหมึก แซลมอนดิบ ราดด้วยน้ำยำสุดจี๊ด ตอนแรกเห็นแล้วคิดว่าจะเผ็ดมาก ที่ไหนได้ รสชาติกำลังพอดีเลยครับ ถ้าใครอยากได้เผ็ดมากกว่านี้ เค้าก้อมีพริกเสริฟมาให้ข้างจานนะครับ ปรุงเพิ่มได้เลย

จานที่สอง ออร์เดิร์ฟเวียดนาม จานนี้ 350 บาท แต่มาคุ้มมาก จานใหญ่สุดๆ เสริฟพร้อมน้ำจิ้ม 3 อย่าง และผัก 1 ถ้วย ในจานประกอบด้วยข้าวเกรียบปากหม้อ ที่แป้งบางใสเห็นไส้หมูสับที่ปรุงรสผัดรวมกับต้นหอม ข้าวเกรียบปากหม้อ ที่แป้งบางใสเห็นไส้หมูสับที่ปรุงรสผัดรวมกับต้นหอม ข้าวเกรียบปากหม้อ ที่แป้งบางใสเห็นไส้หมูสับที่ปรุงรสผัดรวมกับต้นหอม ข้าวเกรียบปากหม้อ ที่แป้งบางใสเห็นไส้หมูสับที่ปรุงรสผัดรวมกับต้นหอม ข้าวเกรียบปากหม้อ ที่แป้งบางใสเห็นไส้หมูสับที่ปรุงรสผัดรวมกับต้นหอม จานเดียวแต่มากันแบบครบๆเลยทีเดียว

จานต่อมายังคงเป็นอาหารเวียดนาม หมูพันใบชะพลู หมูหมักเครื่องรสชาติอร่อย เคี้ยวแล้วเหนียวหนึบๆกำลังดี ถูกพันมาด้วยใบชะพลู กัดเข้าไปทีก้อได้กลิ่นหอมอร่อย โรยด้วยกระเทียวทอดกรอบ จัดวางลงบนเส้นหมี่เวียดนาม ทานคู่กับซอสแล้วอร่อยละมุนลิ้นจริงๆ ราคาอยู่ที่ราวๆ 180 – 220 ครับ

จานถัดมาเป็นพิซซ่า ซึ่งที่ร้านทำพิซซ่าด้วยเตาถ่านครับ จานนี้เป็น Signature Dish ของร้านเลย ราคา 490 บาท จัดมาแบบให้คนที่อยากกินทุกอย่าง เพราะโปะหน้ามาด้วยเครื่องเยอะมาก แบ่งเป็น 4 zone คือ หน้าเป็ปเปอร์โรนี่ หน้าแฮมสด หน้าแซลมอน และหน้าชีสโรยมะเขือเทศ ขอบอกว่าหอมชีสมาก พอตักเข้าปาก กัดลงไปเท่านั้นแหละ กลิ่นชีสทะลักล้นเต็มปากเลยครับ แต่ละหน้ารสชาติอร่อยไม่แพ้กันเลย สำหรับแป้งพิซซ่าโฮมเมดนั้น ก้อบางกรอบกำลังดี แนะนำให้ทานทั้งอย่างนี้เลย ไม่ต้องราดซาดมะเขือเทศ จะได้กลิ่นและรสชาติเต็มๆมากกว่า ไม่งั้นซอสมะเขือเทศจะไปกลบกลิ่นและรถชาติได้

จานถัดมาเป็นอาหารเวียดนามอีกแล้ว ในชื่อ พันหอม จะเป็นกุ้ง วางไว้บนไข่ และผักสลัด และเอาต้นหอมพันไว้ เวลากัดลงไปจะรู้สึกได้ถึงความกรุบกรอบของผัก พร้อมด้วยกลิ่นของไข่และกุ้งกระจายเต็มปาดเลยครับ ราคาอยู่ที่ประมาณ 180 บาท

ถัดมาเป็นลาซานย่าแซลมอนครับ หน้าตาสวยงามมาก ตกแต่งด้วยเลมอนฝานบางๆ พอเอาช้อนตักลงไปเท่านั้นแหละ ถึงกับตะลึงครับ ด้านในของชีสที่อยู้ด้านบน เต็มไปด้วยเนื้อปลาแซลมอนหั่นเป็นชิ้นเล็กๆอัดแน่นกันอยู่ภายใน ไม่เคยเจอที่ไหนอัดแซลมอนมาเยอะขนาดนี้ พอเข้าปากเท่านั้นแหละ กลิ่นชีส และแซลมอน ผสมผสานคลุกเคล้ากันอย่างดี เพลิดเพลินมากๆเลย ราคาประมาณ 250-300 บาท

จานถัดมาเป็น ซี่โครงหมูบาบีคิว เสริฟกับเฟรนซ์ฟราย จานนี้สั่งมาเพราะเห็นโฆษณาอยู่หน้าร้านว่าเป็นอาหารเด่นเดือนนี้ ผมมัวแต่ถ่ายรูปอยู่ เลยยังไม่ทันได้สนใจ ก้อได้ยินเสียงฮือฮาจากคนอื่นๆ พอหันไปดูอีกที เย้ยยยย เกือบหมดแล้ว เลยรีบตักมากิน พอเอาช้อนแตะลงไปที่เนื้อ ถึงกับอึ้ง เนื้อหมูนุ่มมว๊ากกกกกกครับ ปกติไม่ค่อยชอบทานซี่โครง เพราะขี้เกียจแกะ แต่ซี่โครงจานนี้ เอาช้อนแตะเบาๆเนื้อก้อหลุดออกจากกระดูกแล้ว พอเอาเข้าปากเท่านั้นแหละ กลิ่มหอมหวานของน่ำผึ้งนำมาก่อนเลยครับ หวานละมุนละไมมากๆ และเข้าเนื้อแบบสุดๆ เติมซอสบาบีคิวอีกนิด อร่อยสุดๆ ด้วยความที่เป็นอาหารแนะนำประจำเดือน ตอนนี้ลดเหลือแค่จานละ 259 บาทเท่านั้น ถูกสุดๆ แน่นอนครับ จานเดียวคงไม่พอ เมนูนี้เป็นอาหารจานเดียวที่ผมสั่งเบิ้ลมาอีกที่

จานสุดท้ายจบที่ สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า เส้นดำ จานนี้ราคา 180 บาท ซอสคาโบนาร่ากลิ่นหอมแบบพอดีๆ ไม่รุนแรงมาก พอเคี้ยวพร้อมกับเบค่อนเค็มๆที่โรยหน้ามา ขอบอกว่าหยุดไม่อยู่ครับ สำหรับเบคอนและเห็ดที่โรยหน้ามานั้น ให้มาเยอะแบบไม่หวงเลยทีเดียว

พออิ่มหนำกันดีแล้ว ก้อต้องสั่งของหวานมาล้างปากกันหน่อย เดินไปดูเค้ก น่าทานหลายอย่างเลยครับ แต่อย่างที่เห็น สั่งกันมาแบบเต็มพิกัด เลยเลือกทานเป็น ไอศครีมเค้ก แบบเบาๆดีกว่า ทางร้านขายแบบเป็นปอนด์ หรือสั่งเป็นชิ้นได้ ชิ้นละ 90 บาทครับ นั่งรออยู่สักพัก สงสัยเหมือนกันว่าทำไมช้าจัง แค่ตัดใส่จานมา พอพนักงานมาเสริฟ์ก้ออดประหลาดใจไม่ได้ ตอนแรกคิดว่าคงหั่นเป็นชิ้นๆและวางมาบนจาน ปรากฎว่า ทางร้านราดซอสตกแต่งและใส่วิปครีมประดับมาด้วย ดูดีขึ้นสุดๆเลย

จานแรกจำชื่อไม่ได้ครับ แต่พอกัดเข้าไปกลิ่นกล้วยหอมคลุ้งขึ้นมาเลย ตามมาด้วยรสหวานของไอศครีม และรสหวานๆเปรี้ยวๆของสตรอเบอร์รี่ ผสมกับเนื้อนุ่มๆละมุนๆของเค้ก และความกรุบกรอบของแอลมอนด์ด้านนอก

ชิ้นที่สองเป็นคุ๊กกี้แอนด์ครีม อร่อยละมุนลิ้นเช่นกัน

ชิ้นสุดท้ายเป็นราสเบอร์รี่ครับ เปรี้ยวจี๊ดดดดดดดดดดด มาเลยทีเดียว แก้เลี่ยนอาหารที่ผ่านๆมาได้อย่างดี แต่ความเปรี้ยวนั้นมากับความอร่อยสุดๆเลย

อิ่มแล้วเรามาดูครัวกันบ้าง อย่างที่บอกไปตอนแรก ที่นี้มีเตาถ่านไว้ทำพิซซ่า แถมครัวเป็นครัวแบบเปิดให้เราเห็นชัดๆครับ

พิซซ่าที่ถูกเตรียมไว้

พ่อครัวกำลังจัดเตรียมพิซซ่า

เตาถ่านขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง นอกจากจะช่วยให้พิซซ่าหอมอร่อยแล้ว ยังดูน่าตื่นตาตื่นใจด้วยครับ

สรุปแล้ว Maria กลายเป็นร้านโปรดของครอบครัวผมไปซะแล้ว ตอนจ่ายเงิน ได้สมัครสมาชิกร้านไปอย่างไม่ลังเล เพราะคงต้องมาซ้ำอีกหลายๆทีแน่ๆครับ ยังมีอีกหลายเมนูที่น่าสั่ง ค่าสมัครสมาชิก 200 บาทต่อปีครับ ลดราคา 10% เมื่อจ่ายเงินสด และ 5% เมื่อรูดบัตร แต่อาหารที่มีโปรโมชั้นอยู่แล้วอย่างซี่โครงหมูไม่ลดแล้วนะครับ ทั้งหมดที่สั่งนี่ จ่ายไป 3,000 ได้ทอนมา 40 บาท จัดว่าราคาอาหารไม่แพงจนเกินไป เมื่อเทียบกับคุณภาพอาหารแล้ว บอกเลยครับว่าคุ้ม

ถ้าใครผ่านไปแถวถนนราชพฤกษ์ ลองแวะเข้าไปดูครับ เชื่อผม อร่อยทุกเมนูจริงๆ


-----------------------------------------------------------------------
ติดตามกันต่อได้ที่
https://www.facebook.com/TravelofSalaryMan/
https://www.facebook.com/voravuds

Voravud Santiraveewan

 วันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 09.23 น.

ความคิดเห็น