ทริปนี้เราจะไปตะลอนๆเที่ยวคิวชูเหนือกัน เริ่มต้นวันแรกด้วยการบินจากเมืองไทยตอนตี1 แล้วไปถึงญี่ปุ่น8โมงเช้า พอถึงสนามบินก้อต้องนั่งรถบัสต่อไปยังสถานี Hakata (260เยน) พอไปถึงสถานี สิ่งแรกทีต้องทำคือ เอา JR Pass ที่ซื้อจากเมืองไทยไปแลกเป็นตั๋ว และจองรถไฟสายสำคัญๆที่จะไป จากนั้นนั่งรถไฟต่อไปยังเมือง Nagasaki ใช้เวลา 2 ชม นั่งยาวๆกันไปเลยครับ
![](/f/33527/5f298aa72b48886a68bcd09f.jpg)
![](/f/33527/5f298aa52b48886a68bcd09c.jpg)
![](https://img.youtube.com/vi/_M_uZmrAfu0/0.jpg)
ถึงแล้ววววว เมือง Nagasaki เมืองนี้เป็นเมืองท่าที่สำคัญของญี่ปุ่น จึงได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมของยุโรป และจีน เข้ามาผสมผสานกับวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเอง แต่พอมาถึงเดินออกจากสถานีรถไฟ Nagasaki รู้สึกได้ถึงความเงียบสงบ ไม่พลุกพล่านเหมือนเมืองใหญ่ๆ ชอบมากๆเลยครับ ลองดูบรรยากาศสิ
![](/f/33527/5f298aa72b48886a68bcd0a1.jpg)
ที่เมือง Nagasaki ยังคงอนุรักษ์อะไรเก่าๆเอาไว้ ที่เมืองนี้ยังมีการใช้รถรางในการเดินทางอยู่เลย ซึ่งการท่องเที่ยวในเมืองนี้ก้อจะใช้รถรางนี่แหละเป็นหลัก เลยไปซื้อ One Day Pass มาราคา 500เยน มีขายที่ Front ของโรงแรมพอดีสบายเลย แต่รถรางเค้าดูไม่เก่าเท่าไหร่นะ สวยดีซะด้วยซ้ำ
![](/f/33527/5f298aa82b48886a68bcd0a3.jpg)
มาถึงเมือง Nagasaki ก้อเกือบเที่ยงล่ะ ท้องร้องจ๊อกๆ เริ่มนั่งรถรางไปยังย่าน China Town ทันที แต่ยังไม่ได้เลี้ยวเข้า China Town เป้าหมายของมื้อนี้คือ เนื้อ Nagasaki อันมีชื่อเสียงนั่นเอง โดยเนื้อNagasakiนั้นมีความพิเศษตรงที่เนื้อมีความสดใหม่ เนื้อสีแดงมีมันแทรก เนื้อหวานอร่อยนุ่มลิ้น กินแล้วแทบละลายในปาก ซึ่งเกิดจากการเลี้ยงแบบปล่อย ถูกเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจากสถานที่แวดล้อมสวยงามเป็นธรรมชาติ มีอากาศอบอุ่นในฤดูร้อน และเย็นสบายในฤดูหนาว เป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดในการขุนวัว ได้รับการเลี้ยงดูให้อ้วนท้วนสมบูรณ์เพื่อให้ได้คุณภาพที่ดีเลิศ ร้านที่เล็งไว้คือร้าน Matsusyo นั่นเอง
![](/f/33527/5f298aa62b48886a68bcd09e.jpg)
ไปถึงก้อสั่งเนื้อมา 4 ชิ้น แต่ละชิ้นหนัก 100g เห็นแว๊บแรก คิดว่าชิ้นด้านขวาจะเป็นชิ้นที่แพงที่สุด เพราะมีลายไขมันแทรกสวยงามเหมือนเนื้อดีๆที่บ้านเรานิยมกินกัน แต่ทายผิดไปเยอะเลย ชิ้นด้านขวาแพงเป็นอันดับที่3 เลย ชิ้นที่แพงที่สุดคือชิ้นที่ดูดำๆคล้ำๆด้านซ้าย ราคา 9,000 เยน ตามมาด้วนชิ้นด้านบน ราคา 6,000 เยน และชิ้นด้านขวา 4,500 เยน ส่วนชิ้นด้านล่างถูกสุด 3,000 เยน ลองคำนวนราคากลับเป็นเงินไทยละกันครับ อะไรจะแพงขนาดนั้น
![](/f/33527/5f298aa72b48886a68bcd0a0.jpg)
พอได้เวลา Chef ก้อจัดแจงเอาเนื้อทั้ง 3 ชิ้นลงกะทะ (เนื้อชิ้นที่แพงที่สุด Chef แยกปรุงต่างหาก สมราคาจริงๆ) ซู่ๆๆๆๆๆ เสียงน้ำมันเดือดๆ พร้อมกลิ่นเนื้อหอมๆลอยเข้ามาแตะจมูก ไม่เป็นอันถ่ายรูปเลย 55555 หิว
![](/f/33527/5f298aa62b48886a68bcd09d.jpg)
ทาด้า!!!!!!!!! เสร็จเรียบร้อยแล้ว หน้าตาออกมาเป็นแบบนี้ เสต๊กเนื้อนางาซากิ ข้างนอกสุก ข้างในแดงๆหน่อย อร่อยสุดๆ ว่ากันถึงเนื้อ 9,000 เยน อย่างที่เห็นคือ เนื้อมันแทบไม่มีมัน แต่พอกัดเข้าปาก แทบละลาย เนื้อนุ่มเหมือนเนื้อที่มันเยอะๆเลย แต่ไม่มีมัน หอมอร่อยมากๆ สมราคาจริงๆ แต่กินเยอะกระเป๋าก้อแบนน๊า
![](/f/33527/5f298aa52b48886a68bcd09a.jpg)
หม่ำเนื้อเสร็จตบด้วยของหวาน ไอติมวนิลากับทาร์ตฟักทอง สรุปแล้วมื้อนี้หมดไป 25,500 เยน นี่ขนาดมื้อแรกนะเนี่ย
![](/f/33527/5f298aa52b48886a68bcd09b.jpg)
อิ่มท้องเสร็จก้อได้เวลาเที่ยวล่ะ นั่งรถรางต่อไปที่ Glover Garden กัน ปกติมาญี่ปุ่นได้ขึ้นแต่รถไฟไม่ว่าจะเป็นบนดินหรือใต้ดิน แต่มาที่เมือง Nagasaki ได้นั่งรถราง ได้อารมณ์ retro ไปอีกแบบนะเนี่ย
![](/f/33527/5f298aa82b48886a68bcd0a2.jpg)
ถึงทางเข้า Glover Garden ล่ะ ต้องเสียค่าเข้าด้วย 610 เยน เมือง Nagasaki ถือเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ในสมัยก่อนจึงมีพ่อค้า และชาวต่างชาติมาอาศัยอยู่มากมาย Glover Garden ก้อถูกดัดแปลงมาจากที่อยู่อาศัยของพ่อค้าชาวตะวันออกเก่า โดยเจ้าของเดิมมีชื่อว่า Thomas Glover เป็นชาวอังกฤษ เลยเป็นที่มาของชื่อ Glover Garden นั่นเอง
![](/f/33527/5f298aa92b48886a68bcd0a5.jpg)
ด้านในจะเป็นทางขึ้นเขาไปเรื่อยๆ แต่ไม่ต้องห่วง เดินขึ้นบันไดมาสักพักจะเป็นบันไดเลื่อนแบบในรูปประมาณ 2-3ช่วง ดูจากลักษณะแล้ว น่าจะเป็นบันไดเดินขึ้นเดิม แต่ถูกดัดแปลงมาเป็นบันไดเลื่อน ระหว่างขึ้นสามารถมองออกไปชมวิวเมือง Nagasaki ที่ด้านข้างได้
![](/f/33527/5f298aa92b48886a68bcd0a4.jpg)
Glover Garden ถูกจัดทำเป็นรูปแบบสวนกึ่งพิพิฑภัณฑ์ในแบบพื้นที่เปิดโล่ง โดยจะมีสวนแบบตะวันตก และอาคารที่สร้างมาตั้งแต่ยุค 1900 อยู่ 2-3 หลัง อาคารในรูปชื่อว่า Mitsubishi No.2 Dock House ถูกสร้างในปี 1896 เพื่อเป็นที่พักของเหล่าลูกเรือ เห็นแล้วก้อโอโห้ ที่พักลูกเรือนี่ ต้องสวยขนาดนี้เลยเหรอ ไม่ใช่แค่สวยอย่างเดียว วิวยังดีมากๆอีกด้วย
![](/f/33527/5f298aaa2b48886a68bcd0a6.jpg)
จาก Dock House มองลงไปโอ้โห วิวสวยมากๆเลยครับ เห็นเมืองนางาซากิทั้งเมืองเลย แออัดเหมือนกันนะเนี่ย อากาศเย็นๆ วิวสวยๆ เป็นอะไรที่ฟินมากๆ นี่วิวจากที่พักลูกเรือนะเนี่ย
![](/f/33527/5f298aaa2b48886a68bcd0a7.jpg)
เดินไปเรื่อยๆ ก้อมาถึง Glover House หรือบ้านของ Thomas Glover กันสักที บ้านหลังนี้สร้างเสร็จในปี คศ.1863 โดย Thomas Glover นั้นได้นำความรู้ด้านการต่อเรือ การทำเหมือง และการค้าเข้ามาพัฒนาอุตสาหกรรมในญี่ปุ่นในยุคนั้นอีกด้วย
![](/f/33527/5f298aad2b48886a68bcd0ae.jpg)
ข้างในบ้านของ Thomas Glover เค้าก้อจะจัดเป็นเหมือนพิพิฑภัณฑ์ย่อยๆ มันก้อจะดูเก่าๆหน่อย อย่างห้องนี้ก้อเป็นห้องนั่งเล่น ขอบอกว่าน่าอยู่มากๆเลย
![](/f/33527/5f298aaa2b48886a68bcd0a8.jpg)
เห็นรูปปั้นตานี่ยืนมองอะไรอยู่ไม่รู้ สวยดีเลยถ่ายมา แต่จริงๆแล้วนี่คือรูปปั้นของ Puccini หนึ่งในสองตัวละครเอกในนวนิยายอันโด่งดังของ John Luther เรื่อง Madame Butterfly ด้วยความที่รอบๆ Glover House มีรูปปั้นที่เกี่ยวกับ เรื่อง Madame Butterfly อยู่ล้อมรอบ บ้านหลังนี้เลยมีชื่อเล่นว่า Madame Butterfly Hous
![](/f/33527/5f298aab2b48886a68bcd0a9.jpg)
ช่วงที่ไปยังมีใบไม้แดงอยู่บ้างประปราย ก้อเลยอดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปใบไม้แดงอย่างที่เคยฝันไว้นิดๆหน่อย ^ ^
![](/f/33527/5f298aab2b48886a68bcd0ab.jpg)
เดินไปเดินมา เจอนี่เลยครับ รูปปั้นจำลองของ Thomas Glover เจ้าของบ้าน Glover House พร้อมเพลทประวัติอยู่ด้านล่าง คุณ Glover นี่ถือเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งของเมืองนางาซากิเลย เพราะเป็นผู้นำความรู้เข้ามาพัฒนาเมืองในสมัยนั้น
![](/f/33527/5f298aab2b48886a68bcd0aa.jpg)
ได้เวลาบ๊ายบาย Glover Garden ล่ะ ก่อนออกเห็นซุ้มประตูสวยดี พร้อมใบไม้แดงๆเหลือง เลยถ่ายมาสักหน่อย จริงๆจุดหมายต่อไปจะไปขึ้น Rope way ไปดูพระอาทิตย์ตกดินบนยอดเขา Inasa แต่เช็คข้อมูลมาไม่ได้ เค้าปิดซ่อมแซมช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือนธันวาทุกปีเพื่อซ่อมบำรุง เลยอดเลย
![](/f/33527/5f298aab2b48886a68bcd0ac.jpg)
ในประเทศญี่ปุ่นมี China Town อยู่ 3 แห่งด้วยกัน คือที่เมือง Yokohama เมืองโกเบ และเมืองนางาซากินี่เอง ที่ Tokohama จะใหญ่ที่สุด ส่วนโกเบผมเคยไปมาแล้วใหญ่กว่าที่นางาซากินะ
![](/f/33527/5f298aae2b48886a68bcd0b3.jpg)
นางาซากิ (Nagasaki) ถือเป็นเมืองหน้าด่านแห่งแรกๆ ของญี่ปุ่นที่ได้เก็บรับวัฒนธรรมจีนเข้ามาในญี่ปุ่น โดยผ่านทางนักเดินเรือชาวโปรตุเกสที่เดินทางค้าขายสินค้าจากยุโรป ผ่านช่องแคบมะละกา มาเก๊า และแผ่นดินใหญ่ของจีน ก่อนที่จะมาขึ้นฝั่งที่ปลายทางในเมืองนางาซากิ ตั้งแต่เมื่อกว่า 420-450 ปีที่แล้ว
หลักฐานการตั้งถิ่นฐานของชาวจีนในเมือง นางาซากิ เริ่มหนาแน่นจริงจังก็เมื่อ 150-200 ปีที่ผ่านมานี้เอง โดยประมาณกันว่าในช่วงปี 1800-1850 ประชากรในเมืองนางาซากิ กว่า 1 ใน 3 เป็นชาวจีนที่อพยพเข้ามาประกอบกิจการค้าขาย และรับจ้างแรงงานอยู่ในเมืองท่าแห่งนี้
![](/f/33527/5f298aac2b48886a68bcd0ad.jpg)
หน้า China Town จะมีคลองขนาดใหญ่ไหลผ่าน น้ำใสนิ่งมากๆ นิ่งจนเหมือนกระจกสะท้อนท้องฟ้าเลยทีเดียว
![](/f/33527/5f298aae2b48886a68bcd0b2.jpg)
มาถึง China Town ที่เมืองนางาซากิแล้ว ต้องไม่พลาดที่จะชิมขาหมูหมั่นโถวอันเลื่องชื่อ ขาหมูจะติดมันเยอะหน่อย แต่ไม่เลี่ยนเลย กัดเข้าไปปุ๊บ กลิ่นหอมของซีอิ้วกระจายไปทั่วปาก พร้อมกับสัมผัสนุ่มๆของขาหมูที่นุ่มเอามากๆ พร้อมด้วยหมั่นโถว อร่อยสมชื่อจริงๆครับ มีขายกันอยู่หลายร้านเลย ราคาไม่เท่ากัน ผมได้ลองไปสองร้าน ร้านแพงกว่าจะอร่อยกว่านะ
![](/f/33527/5f298aad2b48886a68bcd0b0.jpg)
อาหารขึ้นชื่ออีกอย่างของนางาซากิคือ จัมปง นั่นเอง จัมปงดูเผินๆอาจจะเหมือนราเม็ง แต่ว่าเส้นจัมปงให้รสสัมผัสที่แตกต่างจาก ราเม็ง และ อุด้ง Champon หรือ จัมปง เป็นบะหมี่น้ำชนิดหนึ่งของญี่ปุ่น ประดิษฐ์จากคนจีนอยู่ในนางาซากิ จัมปงจะใส่ผักเยอะมากๆ และเครื่องจะมีหลายอย่างมากๆคือ เนื้อหมู กุ้ง ปลาหมึก คะมะโบะโกะ หอย ผัก และบางครั้งจะมีข้าวโพด น้ำซุปก้อจะเป็นน้ำซุปกระดูกหมู แต่ไม่มันมาก รสชาติอร่อยเลยทีเดียว แถมมาจานใหญ่มากๆ จุกกันไปเลย
![](/f/33527/5f298aad2b48886a68bcd0af.jpg)
![](/f/33527/5f298ab02b48886a68bcd0b7.jpg)
![](/f/33527/5f298ab22b48886a68bcd0bd.jpg)
ที่สถานีรถไฟนางาซากิได้มีการจัด Christmas Market และมีการจัดตกแต่งประดับไฟไว้อย่างสวยงาม ที่สำคัญคือมีห้างให้เดินด้วย หลังจากเที่ยวกันมาทั้งวันก้อปิดท้ายด้วยการเดินห้างช๊อปปิ้งกันให้เพลิน
![](/f/33527/5f298ab32b48886a68bcd0bf.jpg)
เที่ยวช่วงปลายปีก้อมีข้อดีตรงที่ได้ชมการประดับไฟปีใหม่ตามแหล่งสำคัญๆด้วย คุ้มจริงๆครับ ดูต้นคริสมาสต์ต้นใหญ่ที่หน้าสถานีนางาซากิกันอีกที
![](/f/33527/5f298ab02b48886a68bcd0b5.jpg)
ทริปนี้ เที่ยวนางาซากิแค่ 1 วัน และพักอยู่ 1 คืนเท่านั้น จริงๆยังมีที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายที่เหมือนกัน แต่โปรแกรมคราวนี้ขอแค่นี้ก่อน Bye bye นางาซากิ ไว้มีโอกาสจะกลับมาอีกนะ
ติดตามกันต่อได้ที่
https://www.facebook.com/TravelofSalaryMan/
https://www.facebook.com/voravuds
Voravud Santiraveewan
วันพฤหัสที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 09.43 น.