วันที่5 เราจะไปลุยกันต่อที่เมืองแห่งไอน้ำ Beppu โดยเป้าหมายของเราในวันนี้คือ จะไปลุยบ่อนรกทั้ง8 ให้ครบกันครับ


เช้านี้ก่อนที่จะเดินทางไปเมืองต่อไป ก้อมาพบกับ set อาหารเช้าจากเรียวกัง Hasuwa กันก่อน มาแบบเรียบๆง่ายๆเช้านี้ ไม่อลังการเหมือนเมื่อคืน แต่ก้ออร่อยเหมือนเดิม

วันที่ 5 นี้ เราจะไปเที่ยวที่เมือง Beppu กัน ซึ่งห่างจากเมือง Yufuin แค่ 24km เท่านั้น ทั้งเมือง Beppu และเมือง Yufuin นั้นอยู่ในจังหวัด Oita เหมือนกัน แป๊ปเดียวก้อถึงล่ะ

วันนี้ต้องหอบหิ้วกระเป๋ากันอีกแล้ว โดยเราพักกันที่เรียวกัง Bokai ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับ Landmark ของเมือง Beppu นั่นคือ Beppu Tower มี logo Asahi ตัวเบ้อเร่งอยู่ด้านบน แต่ไม่ได้ขึ้นไปนะ แค่เดินผ่าน 555555555

Beppu Tower มีความสูง 55 เมตร บนชั้น 17 จะเป็นจุดชมวิว โดยจะมองได้รอบ 360 องศาเลยทีเดียว ซึ่งจะเห็นวิวทั้งในเมือง อ่าวBeppu และรีสอร์ทออนเซ็นต่างๆ อ้อ เมือง Beppu เป็นเมืองที่ดังมากๆในเรื่องของน้ำพุร้อน ออนเซ็น จึงมีรีสอร์ทเยอะแยะเลยทีเดียว ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ชอบมีกิมมิคเล็กๆน้อยๆให้ยิ้มกันนะ ดูเค้าตกแต่งหอคอยมีรูปตากะปากยิ้มด้วย ดูแล้วก้ออดยิ้มตามไม่ได้

เมื่อจัดการเรื่องที่พักเรียบร้อย ได้เวลาเที่ยวกันล่ะ โดยวันนี้เราจะเที่ยวบ่อนรกทั้ง 8 แห่งเมือง Beppu ซึ่งเป็นน้ำพุร้อน 8 แห่งที่มีชื่อของเมือง Beppu โดยเราจะขึ้นรสบัสสีเขียวหน้าตาน่ารักสาย 26 บ่อนรกทั้ง 8 บ่อห่างออกจากใจกลางเมืองเหมือนกัน นั่งไปเกือบชั่วโมงแหนะ ส่วนด้านหลังจะเห็นปล่องไฟมีควันสีขาวๆพุ่งขึ้นมา เมืองนี้แทบจะเรียกอีกชื่อได้ว่าเป็นเมืองแห่งควัน เนื่องจากด้านใต้มีธารน้ำแร่เยอะ จึงมีควันจากน้ำพุร้อนพวยพุ่งขึ้นมาทั่วเมืองเลยทีเดียว

นั่งรถมาสักพัก เราก้อมาถึงบ่อนรกหมายเลข 7 กัน เป็นบ่อที่มีชื่อว่า Chinoike-Jigoku หรือบ่อนรกสระเลือด มาถึงก้อจะเจอเจ้ายักษ์สีแดงๆเนี่ย รอต้อนรับเราอยู่

เดินเข้ามาข้างใน บ่อ Chinoike-Jigoku หรือบ่อนรกสระเลือด เราจะเห็นบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่ที่น้ำในบ่อเป็นสีแดงสด ซึ่งเป็นที่มาของชื่อบ่อนั่นเอง ดูแล้วก้อน่ากลัวใช่เล่นเลยนะเนี่ย

ลองเข้ามาดูน้ำในบ่อ Chinoike-Jigoku หรือบ่อนรกสระเลือด กันใกล้ๆครับ สีแดงในบ่อก้อเกิดจากแร่ธาตุที่มีอยู่ในดินผสมกับน้ำแร่ น้ำดูนิ่งๆแต่ควันขโมงเลยนะครับ น่าจะร้อนน่าดู

ถ่ายรูป บ่อ Chinoike-Jigoku หรือบ่อนรกสระเลือด แล้วอย่าเพิ่งรีบกลับนะ เดินอ้อมบ่อเข้าไปทางด้านขวา มีทางเดินขึ้นไปด้านบนเขา เดินขึ้นไปไม่ไกลมาก จะเป็นจุดชมวิวมุมสูงของบ่อนรกสระเลือด สวยทีเดียวเลยแหละมุมนี้

หลังจากชม บ่อ Chinoike-Jigoku หรือบ่อนรกสระเลือด เสร็จ จะมีมุมให้แช่เท้ากับน้ำแร่ด้วยครับ ฟรีไม่เสียเงิน แต่จะมีผ้าเช็ดเท้าผืนเล็กๆขายอยู่ ด้านนอกมีเก้าอี้ให้นั่งเล่น ทำเป็นรูปยักษ์ น่ารักเชียว

บ่อถัดไปคือบ่อนรกหมายเลข8 Tatsumaki Jigoku หรือบ่อนรกพวยพุ่ง เดินจากบ่อหมายเลข 8 มาได้เลย อยู่ข้างๆกัน บ่อนรกพวยพุ่งเป็นบ่อเล็กๆ เล็กมากจริงๆจนดูเหมือนไม่มีอะไร แต่เดี๋ยวก่อน ชื่อบ่อนรกพวยพุ่งไม่ได้ตั้งไว้เล่นๆนะ ทุกๆ 30 นาที บ่อนี้จะมีน้ำพุร้อนพุ่งขึ้นมาเพราะแรงดันใต้ดินจากธรรมชาติ พุ่งขึ้นมาครั้งหนึ่งจะพุ่งอยู่ประมาณ 5-10 นาที คอยดูเวลาให้ดี อย่าได้พลาดเชียว มันเป็นธรรมชาติที่อัศจรรย์มากๆ

ด้านนอกบ่อ Tatsumaki Jigoku หรือบ่อนรกพวยพุ่ง จะมีไฟบอกด้วยว่าน้ำพุร้อนกำลังพุ่งขึ้นมาอยู่หรือเปล่า แต่แนะนำให้เดินเข้าไปถามเวลาที่แน่นอนก่อน แล้วเดินไปเที่ยวบ่อนีกสระเลือดรอครับ

บ่อหมายเลข 7 กับ 8 จะอยู่แยกออกจากบ่ออื่นๆ ส่วนบ่อหมายเลข 1-6 จะอยู่ใกล้ๆกัน โดยเราสามารถเดินเที่ยวต่อๆกันได้เลย แต่จากบ่อหมายเลข 7 กับ 8 นั่งรถคันเดิมไปได้เลย เดินไปอีกนิดหน่อยก้อจะเจอกับบ่อหมายเลข 6 บ่อ Shiraike-Jigoku หรือ บ่อนรกสีขาว ทางเข้าทำซะสวยเลย

บ่อ Shiraike-Jigoku หรือ บ่อนรกสีขาว น้ำในบ่อจะเป็นสีเขียวๆออกขาวๆหน่อยๆ สวยมากๆ ยิ่งเวลาแดดส่องลงมานะ สวยสุดๆเลย เราสามารถเดินชมได้โดยรอบ มีต้นไม้ปลูกไว้สวยๆ หามุมถ่ายรูปกันได้เลย

ด้านในบ่อ Shiraike-Jigoku หรือ บ่อนรกสีขาว มีเป็นเหมือน aquarium เล็กๆ โดยมีการโชว์พวกปลาในเขตร้อน เช่นปลา arapaimas (ตัวในรูป แบบตัวเป็นๆก้อมี) และปลาพิรันย่าจากลุ่มน้ำอเมซอนด้วย

เดินไปอีกสักพักก้อจะเจอบ่อนรกหมายเลข5 บ่อOniyama Jigoku หรือ บ่อนรกยักษ์ภูเขา

ด้านในบ่อ Oniyama Jigoku หรือ บ่อนรกยักษ์ภูเขา ก้อจะเจอยักษ์ภูเขาตัวแดงๆใหญ่เชียว นั่งเฝ้าบ่ออยู่ เอ๊ะ ทำไมบ่อมันควันคลุ้งขนาดนั้นล่ะ ไม่เหมือนบ่อที่ผ่านๆมาเลย ลองเข้าไปดูใกล้ๆดีกว่า

สาเหตุที่บ่อ Oniyama Jigoku หรือ บ่อนรกยักษ์ภูเขา มีควันเยอะมากๆก้อเพราะน้ำในบ่อนี้มีอุณหภูมิสูงถึง 99.1 องศาเซลเซียสเลย เรียกได้ว่าตกลงไปนี่ สุกกันพอดี ควันเลยขโมงซะขนาดนี้ ร้อนที่สุดในบรรดาบ่อนรกทั้ง 8 บ่อเลย

ผิวน้ำของบ่อ Oniyama Jigoku หรือ บ่อนรกยักษ์ภูเขา เหมือนเป็นคลื่นๆเลย เพราะอุณหภูมิที่สูงถึง 99.1 องศาเซลเซียสนี่แหละ เห็นกันชัดเลยว่าน้ำกำลังเดือดปุดๆอยู่ ดูแล้วก้อน่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ย

บ่อ Oniyama Jigoku หรือ บ่อนรกยักษ์ภูเขาควันเยอะแยะมากมาย หันไปมองย้อนแสงอาทิตย์เป็นวิวที่แปลกตาดีเหมือนกัน สวยใช่เล่นนะเนี่ย

ด้านหลังของบ่อ Oniyama Jigoku หรือ บ่อนรกยักษ์ภูเขา จะมีบ่อจรเข้อยู่หลายบ่อเหมือนกัน แต่บ้านเราเห็นมาเยอะกับพวกฟาร์มจรเข้ล่ะ เลยเดินดูผ่านๆแล้วก้อไป

บ่อที่นรกบ่อที่4 Kamado Jigoku หรือ บ่อนรกหม้อไฟ บ่อนี้เป็นบ่อใหญ่เลย ท่าทางจะเป็นที่นิยมที่สุดในบรรดาบ่อนรกทั้ง 8 บ่อ เพราะว่ามีทัวร์มาลงด้วย ตอนที่ไปถึงเจอทัวร์เกาหลีมาลง ไม่ต่างจากทัวร์จีนเลย เซ็งมากมาย โชคดีที่ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ มีช่วงที่ทัวร์ไปกันหมดแล้ว

เดินเข้ามาด้านใน บ่อ Kamado Jigoku หรือ บ่อนรกหม้อไฟ จะเจอเจ้ายักษ์สีแดงยืนอยู่บนหม้อไฟยักษ์ ด้านล่างมีควันขโมงพร้อมป้ายเตือนว่า น้ำร้อนถึง 100องศาเซลเซียสเลยนะ ห๊ะ!!!! นี่ร้อนกว่าบ่อนรกยักษ์ภูเขาอีกเหรอ

ตรงหินนี่แหละ ที่เค้าเตือนอุณหภูมิ 100 องศาที่ บ่อ Kamado Jigoku หรือ บ่อนรกหม้อไฟ เป็นเหมือนช่องเปิดออกมาจากหิน โดยมีควันจากสายน้ำแร่ที่ไหลอยู่ข้างใต้ขึ้นมา

บ่อ Kamado Jigoku หรือ บ่อนรกหม้อไฟ จะมีบ่อน้ำแร่ที่มีสีฟ้าสวยงามอยู่สองบ่อ เราจะเจอบ่อเล็กนี่ก่อน ซึ่งมีอุณหภูมิถึง 85 องศาเซลเซียสเลย ปล เห็นทัวร์เกาหลีด้านหลังไหมครับ

ตรงส่วนนี้จะเป็นคล้ายๆบ่อโคลนภายใน บ่อ Kamado Jigoku หรือ บ่อนรกหม้อไฟ จะมีความพิเศษอยู่ตรงที่ ถ้าเราจุดบุหรี่แล้วพ่นควันบุหรี่ไปทางบ่อโคลน ควันบุหรี่และความร้อน จะทำปฎิกิริยากับสารที่ระเหยขึ้นมากับน้ำแร่ ทำให้เกิดเป็นควันโขมงขึ้นมา แปลกๆดี

บ่อสีฟ้า บ่อหลักของ บ่อ Kamado Jigoku หรือ บ่อนรกหม้อไฟ น้ำสีฟ้าๆกระทบแสงแดดสวยมากๆ แถมกลางบ่อยังมีหินอยู่ก้อนที่ไปอยู่ได้พอเหมาะพอเจาะดีจริงๆ

บ่อสีฟ้า บ่อหลักของ บ่อ Kamado Jigoku หรือ บ่อนรกหม้อไฟ ดูกันชัดๆอีกรูป กับน้ำสีฟ้าๆ

บ่อนรกบ่อที่ 6 Umi Jigoku บ่อนรกทะเล ด้านหน้าดูเรียบๆไม่มีอะไรแบบนี้ แต่ข้างในมีทีเด็ด

ข้างใน Umi Jigoku บ่อนรกทะเล กว้างมากๆ เดินเข้าไปลึกพอสมควร ด้านหน้ามีบ่อโคลนขนาดย่อยๆตั้งอยู่ แต่บ่อหลักยังต่อเดินเข้าไปอีกหน่อย

บ่อหลักของ Umi Jigoku บ่อนรกทะเล น้ำเป็นสีฟ้าๆ แต่ไม่ได้ฟ้าใสเหมือนบ่อหม้อไฟ ด้านซ้ายของบ่อจะมีทางเดินขึ้นไปข้างบนอีกนิด ให้เดินขึ้นไปทางนั้น จะเจอมุมที่สวยที่สุด

เดินขึ้นมาด้านบนเขาแล้วมองกลับไปที่ Umi Jigoku บ่อนรกทะเล หลบมุมต้นไม้ดีๆ จะเห็นบ่อสีฟ้าควันพุ่งๆ พร้อมด้วยโทริอิสีแดงตั้งอยู่ กับฉากหลังเป็นภูเขา มุมนี้แหละครับ สวยสุดๆเลย อยากมาที่นี่ก้อเพราะเห็นภาพนี้แหละ

ที่ Umi Jigoku บ่อนรกทะเล มีโทริอิตั้งไว้ และเราสามารถเดินไปตรงนั้นได้ด้วย ก้อจะเจอสะพานญี่ปุ่นสีแดงๆ ด้านในจะมีศาลเจ้าเล็กๆอยู่ครับ

ศาลเจ้าภายใน Umi Jigoku บ่อนรกทะเล เดินเข้ามาขอพรได้เลย มาช่วงเย็นๆ แดดส่องเข้ามาสวยสุดๆ

ป้ายชื่อบ่อ Umi Jigoku บ่อนรกทะเล รอจังหวะให้แสงแดดช่วงเย็นๆส่องมากระทบไอน้ำที่ระเหยขึ้นจากบ่อ จะทำให้เห็นควันเป็นสีเหลืองๆอ่อนๆ สวยไปอีกแบบ

หน้าบ่อหลักของ Umi Jigoku บ่อนรกทะเล จะมีอาคารขายของที่ระลึกอยู่ ซึ่งสามารถเดินขึ้นบันไดขึ้นไประเบียงที่ชั้นสองได้ ก้อจะได้รูปจากมุมสูงแบบนี้ครับ

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>> มีต่อด้านล่างนะครับ <<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<

บ่อที่ 7 บ่อ Onishi Bozu Jigoku บ่อนรกยักษ์เล็ก บริเวณนี้จะเป็นบ่อหิน แต่ด้านใต้มีสายน้ำแร่อยู่ ทำให้เกิดควันพวยพุ่งขึ้นมาจากกลุ่มก้อนหิน เค้าตั้งชื่อบริเวณนี้ไว้ว่า ที่นอนของเหล่ายักษ์

บ่อ Onishi Bozu บ่อนรกยักษ์เล็ก จะประกอบไปด้วยบ่อโคลน แล้วมีน้ำแร่พุ่งขึ้นมานิดๆ ทำให้เห็นรอยโคลนเป็นวงๆแบบนี้ ทั้งบริเวณจะมีอยู่ประมาณ 3-4 บ่อเล็กๆ โดยบ่อนี้จะเป็นบ่อที่ใหญ่ที่สุด สำหรับบ่อนรกบ่อที่8 เมื่อเดินไปถึงหน้าบ่อ มีป้ายติดไว้ว่า เค้าขอถอนตัวออกจากบ่อนรกทั้ง8 ทั้งให้ One Day Pass ที่ซื้อมาใช้ไม่ได้ แต่เห็นว่าเป็นบ่อเล็กๆ กับสวนสัตว์ ไม่น่าสนใจ เลยไม่ได้เข้าไปชม

ใครมาเที่ยวญี่ปุ่นอย่าลืมสังเกตุท่อน้ำตามถนนนะครับ ของญี่ปุ่นเค้าทำท่อน้ำซะสวยเชียว แต่ละที่ก้อจะมีรูปร่างลวดลายแตกต่างกันไป ของ Beppu เป็นแบบในรูปนี่แหละ

ได้เวลากลับไปพักแช่น้ำแร่ที่เรียงกังสุดหรูในคืนนี้แล้ว โดยเราพักกันที่เรียวกังชื่อ Bokai ราคาคนละ 18,000 เยน ก้อตกคนละ 5,400 บาท พักกัน 5 คนได้ห้องใหญ่มาเลย สรุปแล้วคืนนี้เราเสียตังค์ค่าห้องทั้งหมด 27,000 บาทเลยทีเดียว แต่ขอบอกเลยว่าคุ้มค่าสุดๆ และไม่แพงเลย ห้องพักเดินเข้ามาจะมีระเบียงทางเดิน ตรงไปสู่ห้องกว้างๆห้องนี้ โดยใช้เป็นห้องนั่งเล่น ทานข้าว และห้องนอน ผนังด้านนึงเป็นกระจกขนาดใหญ่ทั้งหมด เห็นวิวทะเล บรรยากาศสุดยอดมากๆ

นอกจากห้องใหญ่แล้ว ยังมีห้องนอน 2 เตียงอีกห้อง และห้องน้ำ กับห้องอาบน้ำ มีบ่อน้ำแร่อยู่บนดาดฟ้า ซึ่งเค้าดูดน้ำแร่ขึ้นไปป น้ำแร่ที่นี่เหมือนจะคุณภาพดี เข้มข้นกว่าที่ Yufuin เยอะเลย ลงไปแช่แล้วรู้สึกเลยว่ามีแร่ธาตุในน้ำอยู่อย่างเข้มข้น มันจะลื่นๆยังไงไม่รู้ สบายตัวสุดๆ

วิวที่เห็นจากในห้องใหญ่ คือแบบดีงามสุดๆ เห็นทั้งเมือง ชายหาด และภูเขา

ลองมองวิวจากห้องพักกันเต็มๆ ข้างๆโรงแรมBokai เป็นสวนสาธารณะ ซึ่งติดกับชายหาด ตอนเช้าๆสามารถไปเดินเล่นได้ บรรยากาศดีมากๆเลย ส่วนตึกเหลืองๆทางซ้ายเป็นที่เล่นตู้ปาจิงโกะทั้งตึกเลย

ไฮไลท์ของเรียวกัง Bokai นอกจากห้องพักแล้ว ก้อจะเป็นอาหารนี่แหละ อลังการ อร่อยสุดๆ และปริมาณเยอะมากๆ เยอะแค่ไหนเหรอ ก้อประมาณว่า กินๆไปบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า เคี้ยวจนเมื่อยปากแล้วก้อยังกินไม่หมดเลย อาหารจะมีอะไรบ้าง มาดูกัน

ชุดอาหารเย็นของเรียวกัง Bokai จานนี้จะเป็นอาหารตามฤดูกาล 5 อย่าง จัดใส่จานรูปกลีบซากุระอย่างสวยงาม

ชุดอาหารเย็นของเรียวกัง Bokai จานนี้จะเป็นซุปกุ้งมังกร จะเป็นกุ้งมังกรครึ่งตัว ใส่มาในซุปใสรสชาติเข้มข้น อร่อยสุดๆ

ชุดอาหารเย็นของเรียวกัง Bokai จานนี้จะเป็นซาซิมิปลาอาจิ ปลาขึ้นชื่อในบริเวณนี้ พร้อมด้วยซาซิมิปลากระพงขาว และหนวดปลาหมึก

ชุดอาหารเย็นของเรียวกัง Bokai จานนี้จะเป็นทีเด็ดเลย ซาซิมิกุ้งมังกร คนละ 1 ตัวเต็มๆ สด อร่อย เนื้อเด้งมากมาย

ชุดอาหารเย็นของเรียวกัง Bokai จานนี้จะเป็นหม้อไฟปลาปักเป้า เพิ่งเคยได้กินนี่แหละ รสชาติอร่อยดี เนื้อจะแน่นๆหน่อย ไม่ค่อยเหมือนเนื้อปลา ความรู้สึกจะคล้ายๆเนื้อไก่อย่างงั้นแหละ

ชุดอาหารเย็นของเรียวกัง Bokai จานนี้จะเป็นไข่ตุ๋น เสริฟมาในถ้วยรูปส้ม กับเหล้าบ๊วย เสริฟมาในถ้วยกระบอกไม้ไผ่ จานกะถ้วยน่ารักซะจนอยากขอเก็บกลับบ้านเลย

ชุดอาหารเย็นของเรียวกัง Bokai จานนี้จะเป็นซุปแบบฝรั่ง ที่คลุมถ้วยอยู่จะเป็นขนมปังอบกรอบๆ ด้านในมีซุปเข้มข้น วิธีกินคือ จิ้มขนมปังให้มันหล่นลงไปในซุปแล้วกิน หอมกลมกล่อมสุดๆ

ชุดอาหารเย็นของเรียวกัง Bokai จานนี้จะเป็น ข้าวอบอะไรสักอย่าง ใส่มาในหม้อญี่ปุ่นแบบ classic ทางพนักงานจะเข้ามาจุดไฟให้ พอไฟดับ ก้อเปิดฝากินได้เลย แบบว่าอร่อย หอมมากๆ อาหารที่นี่เค้าทำจากวัตถุดิบคุณภาพดีมากๆ แถมอร่อยทุกอย่าง เห็นอาหารมื้อนี้แล้วรู้สึกเลยว่าค่าห้องไม่แพงเลยจริงๆ

ชุดอาหารเย็นของเรียวกัง Bokai ตบท้ายด้วยของหวานน่ารักๆถ้วยนี้

ตอนแรกไม่คิดว่าชุดอาหารเย็นของเรียวกัง Bokai จะอลังการขนาดนี้ เลยสั่งซาซิมิปลาปั๊กเป้าจานใหญ่จานนี้มา ราคา 3,000 เยน ก้อ 900 บาท ปลาปั๊กเป้าสดๆจะถูกแล่บางๆมาในจาน พร้อมเครื่องเคียง ให้เอาปลาปั๊กเป้าห่อเครื่องเคียงแล้วกิน ปลาปั๊กเป้าดิบๆก้อยังคงรู้สึกถึงความแน่นของเนื้ออยู่เช่นเคย อร่อยจริงๆ

หลังจากกินอิ่มกันแล้ว พนักงานของโรงแรม Bokai ก้อมาเก็บจานชาม เก็บโต๊ะ แล้วนำฟูกฟูตง หรือฟูกแบบญี่ปุ่นมาปูให้นอน ปูเสร็จพนักงานทั้งสองคนนั่งคุกเข่ากับพื้น แล้วคำนับเราอย่างงาม หน้าผากแทบจะจรดพื้นเลยทีเดียว พอมาดูที่หมอน เอ๊ะ มีกระดาษอะไรวางอยู่ เค้าเขียนไว้ประมาณว่า “วันนี้ไปเที่ยวเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ขอเชิญพักผ่อนในห้องพักของเราให้สบายนะ” อื้อหือ การบริการนี่ให้ไปเลย 5 ดาวเต็มๆ ทั้งบริการดี ทั้งใส่ใจในรายละเอียด ประทับใจมากๆ

วันนี้เดินเหนื่อยมาทั้งวันล่ะ หลังจากขึ้นไปแช่ออนเซ็นแบบ outdoor บนชั้นดาดฟ้าแล้ว ก้อขอตัวไปนอนก่อนครับ ก่อนจะลุยกันต่อในวันที่6


ติดตามกันต่อได้ที่

https://www.facebook.com/TravelofSalaryMan/

https://www.facebook.com/voravuds

Voravud Santiraveewan

 วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 09.36 น.

ความคิดเห็น