มาถึงวันที่ 7 กันแล้ว ของทริปตะลุยคิวชูเหนือ วันนี้เราจะไปเที่ยวเมือง Yanagawa นั่งรถไฟจากสถานี Hakata ไปแค่ ชั่วโมงกว่าๆเอง เมืองนี้คนยังไม่ค่อยรู้จักนะ เรียกได้ว่าเป็นเมืองนอกสายตาเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆใน Fukuoka เดี๋ยวมาดูกันครับ ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง
![](/f/33533/5f298aecb2f21d6a7103516d.jpg)
![](https://img.youtube.com/vi/cTamZ5N82e8/0.jpg)
![](/f/33533/5f298ae7b2f21d6a71035164.jpg)
Yanagawa เป็นเมืองเล็กๆ มีคลองอยู่รอบเมือง ที่นี่เราจะได้สัมผัสกับบรรยากาศชิวๆ Slow Life ไม่เร่งรีบ กิจกรรมที่นิยมกันเลยก้อคือการล่องเรือไปตามคลอง ดูบ้านเรือนของผู้คนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งคลอง
![](/f/33533/5f298aecb2f21d6a7103516c.jpg)
บรรยากาศการล่องเรือในเมือง Yanagawa ในเรือจะมีโต๊ะโคทัตซึ หรือโต๊ะอุ่นขา อยู่ด้วย อากาศเย็นๆซุกโต๊ะอุ่นๆ พร้อมกับเตรียมขนมไปกินด้วย ชมวิวไปด้วย ฟินสุดๆไปเลย
![](/f/33533/5f298aeab2f21d6a71035168.jpg)
การล่องเรือในเมือง Yanagawa คนพายเรือก้อจะเป็นผู้สูงอายุที่เป็นคนในพื้นที่ เป็นการสร้างงานสร้างอาชีพไปในตัว พายๆไปคุณลุงก้อจะร้องเพลงพื้นบ้านให้เราฟังด้วย เสียงดีใช่เล่นเลย เพลินๆดี
![](/f/33533/5f298ae8b2f21d6a71035165.jpg)
นั่งเรือไปตามคลองเพลินๆ มาเจอบริเวณนี้ ใบไม้เปลี่ยนสีร่วงลงมาบนผืนน้ำ เหมือนพรมสีเหลืองๆอยู่ตรงหน้า ระหว่างนั้นลมก้อพัดมาเบาๆ ใบไม้สีเหลืองร่วงลงมาเป็นสายตามแรงลม ทั้งสวยทั้งบรรยากาศดีมากๆ เสียดายไม่สามารถเก็บความสวยงามชั่วขณะนั้นมาได้ทั้งหมด
![](/f/33533/5f298aedb2f21d6a7103516e.jpg)
ล่องเรือตามคลองของเมือง Yanagawa ใช้เวลาราวๆ 40-50 นาที แล้วก้อจะถึงจุดขึ้นเรือ เห็นแล้วโอ้โห ทำไมมันสวยกว่าจุดขึ้นเรือเยอะมากๆ ใบไม้สีแดงๆระบายเป็นฉากหน้า เพิ่มสีสันให้เรือที่จอดอยู่ให้สวยงามขึ้นเยอะเลย
![](/f/33533/5f298af3b2f21d6a71035176.jpg)
จากจุดจอดเรือ เราสามารถเดินชิวๆไปตามสองฝั่งแม่น้ำได้ มีทั้งร้านอาหาร ร้านค้า ค้านขายของที่ระลึกอยู่เต็มไปหมด บรรยากาศก้อจะแบบ Slow Life มากๆ เรื่อยๆ สบายๆ คนไม่เยอะ สองฝั่งแม่น้ำก้อจะปลูกต้นหลิวไว้เต็มไปหมด
![](/f/33533/5f298aeeb2f21d6a71035170.jpg)
เดินไปเดินมาก้อชักจะหิวล่ะ ของขึ้นชื่อของเมือง Yanagawa คือปลาไหลนั่นเอง จริงๆตั้งแต่ที่สถานีรถไฟก้อจะเห็นสัญลักษณ์ หรือตัวการ์ตูนรูปปลาไหลอยู่เต็มไปหมด ตอนหาข้อมูลเค้าบอกเลือกร้านไหนก้อได้ อร่อยเหมือนกันหมด แอบส่องๆอยู่หลายร้าน มาลองกันที่ร้านนี้ละกันนะ
![](/f/33533/5f298aeeb2f21d6a7103516f.jpg)
ตอนเดินดูร้านขายของที่ระลึก จะมีพวกของกินขายอยู่ และมีจานให้ชิม ตอนที่ยืนงงๆกับอาหารหน้าตาประหลาดๆ คุณป้าชาวญี่ปุ่นสองคนก้อชี้ให้เราดู พร้อมกับยกนิ้วโป้งแล้วพูดว่า โออิชี๊ โออิชิ๊ เอาก้อเอา ลองกินดู มันกรุบๆกรอบๆเหมือนกินพวกปลาอะไรนะที่เค้าทอดทั้งกระดูก ถามไปถามมาได้ความว่ามันคือกระดูกปลาไหลทอดกรอบ คิดดูว่าอร่อยจนซื้อกลับมาเมืองไทยกินอ่ะ แล้วมากินข้าวก้อยังสั่งมาอีก อิอิ
![](/f/33533/5f298aeab2f21d6a71035169.jpg)
มาแล้วๆ set ข้าวหน้าปลาไหลนึ่ง แบบ Special คือแบบธรรมดามันจะอยู่ที่ 4,000เยน (ประมาณ 1,200บาท) แต่ไหนๆมาล่ะ ขอแบบ Special เลยละกัน ราคา 6,000 เยน (ประมาณ1,800 บาท) ห๊ะ!!!!! ข้าวมือนี้ราคาเกือบ 2,000 กระเป๋าแบนกันไปเลยทีเดียว แต่ปกติปลาไหลในไทยก้อราคาแพงอยู่แล้ว โดยเฉพาะข้าวหน้าปลาไหลแบบดีๆก้อพันกว่าบาท ชุดนี้เสริฟมาในกล่องไม้หรูหราอย่างดีเลย
![](/f/33533/5f298af0b2f21d6a71035171.jpg)
เปิดกล่องออกมาก้อจะเป็นแบบนี้ ข้าวจะถูกนึ่งกับซอส หอมฉุยมาเลย พร้อมด้วยปลาไหลชิ้นใหญ่เนื้อแน่นๆวางแผ่หรามา 1 ชิ้นใหญ่ แต่นี่เป็น set special กินๆไป ข้างในยังมีปลาไหล size ขนาดนี้ซ่อนอยู่อีก 1 ชิ้น กินกันสะใจไปเลย
![](/f/33533/5f298af1b2f21d6a71035174.jpg)
อ้ามมมมมมมม ปลาไหลชิ้นอวบๆ พอเข้าปากนี่ รู้ได้ถึงความสดของปลา ความแน่นของเนื้อปลาไหล ไม่เหมือนของไทยที่นิ่มๆ กลิ่มหอมของซ๊อสที่นึ่งมาอย่างดีจนเข้าเนื้อ บอกได้เลยว่าอร่อยมากกกกกกกกกกกกก
![](/f/33533/5f298af0b2f21d6a71035172.jpg)
ส่วน set นี้ จะเป็น set ปลาไหลย่าง ราคา 4,000 เยนเหมือนกัน เสริฟมากับข้าวญี่ปุ่นขาวๆ รสชาติก้อจะไปอีกแบบ ได้กลิ่นไหม้จางๆ อร่อยไปอีกแบบ จริงๆตอนสั่งนี่เลือกยากมากว่าจะเอาแบบนึ่ง หรือแบบย่าง
![](/f/33533/5f298af6b2f21d6a7103517c.jpg)
มาดูปลาไหลย่างกันชัดๆ กับเนื้อชิ้นใหญ่ๆแน่นๆ ย่างมาได้เกรียมๆเล็กน้อย ไม่มากนัก กับกลิ่นหอมๆ ตอนถ่ายรูปแทบอดใจไม่ไหว โรยหน้ามาด้วยไข่หั่นเป็นเส้นฝอยๆ
![](/f/33533/5f298af9b2f21d6a71035180.jpg)
อิ่มแล้วเราก้อเดินทางกันต่อ ไปที่ Dazaifu Shrine อีกศาลเจ้าหนึ่งที่ดังมากๆใน Fukuoka ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ไม่ไกลมาก
![](/f/33533/5f298af5b2f21d6a7103517b.jpg)
ขบวนรถไฟที่จะไปยังสถานี Dazaifu เป็นขบวนรถไฟที่ตกแต่งเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าจะมีความยาวเพียง 3 สถานีเท่านั้น บ่งบอกได้ถึงความโด่งดังของDazaifu Shrine ได้เลย ขบวนรถสีส้มคาดแดงนี่สวยดีจริงๆนะเนี่ย
![](/f/33533/5f298afab2f21d6a71035182.jpg)
ภายในขบวนรถไฟ Dazaifu สะอาด สวยงาม น่านั่งเป็นที่สุด แต่ดูแล้วไม่ค่อยมีคน นั่งสบายเลย
![](/f/33533/5f298afbb2f21d6a71035183.jpg)
เมื่อลงที่สถานี Dazaifu แล้วเดินต่ออีกนิดเดียวก้อจะถึงถนนทางเข้าศาลเจ้า แต่ขอบอกเลยว่า นี่แหละถนนละลายทรัพย์ มีทั้งร้านขายของที่ระลึกมากมาย ร้านขายของ Totoro ที่เด่นๆเลยจะเป็นขนมโมจิย่างไส้ถั่วแดง ของดังของที่นี่ มีให้เลือกหลายร้านเลย และ Starbuck สาขาที่สวยที่สุดในโลกก้ออยู่บนถนนเส้นนี้ด้วยเช่นกัน เสียดายตอนที่ไปปิดปรับปรุงอยู่
![](/f/33533/5f298afab2f21d6a71035181.jpg)
จุดหมายของเราในช่วงบ่ายนี้คือ Dazaifu Tenmangu Shrine ซึ่งมีชื่อเสียงมากๆในหมู่เด็กนักเรียนที่กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย Dazaifu Tenmagu Shrine นั้นสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติสำหรับท่าน Sugawara Michizane ผู้ที่มีอัจฉริยภาพทางการเรียนรู้และมีความสามารถต่างๆมากมายตั้งแต่วัยเยาว์ เป็นที่เลืองลือโด่งดังมาก รูปปั้นวัวสีทองตัวนี้ก็มีตำนาน ในพิธีศพของท่าน Sugawara Michizane ใช้วัวในการลากเคลื่อนขบวนทันใดนั้นเจ้าวัวก็หยุดอยู่กับที่ ไม่ยอมไปไหน ทุกคนจึงได้ตัดสินใจ หยุดจัดงานพิธีเผาศพกันที่ตรงนี้และต่อมาบริเวณนี้ก็คือที่ตั้งของศาลเจ้า Dazaifu Tenmangu ในปัจจุบันนั่นเอง
![](/f/33533/5f298affb2f21d6a7103518a.jpg)
เดินถัดไปอีกนิดจะเจอสระขนาดใหญ่ชื่อ Taijiike พร้อมสะพานสีแดง ที่มีชื่อเรียกว่า Taikobashi สะพานนี้สร้างขึ้นทั้งหมด3 ส่วน โดยเป็นตัวแทนของ อดีต, ปัจจุบัน และ อนาคต สอดคล้องกับหลักของพระพุทธศาสนาที่ว่าหนึ่งความคิดควรเก็บไว้ในช่วงเวลานั้น คือ ให้ปล่อยวาง นั่นเอง และสระน้ำถ้าดูดีๆก็จะเห็นว่าเป็นรูปทรงหัวใจมองกันดีๆนะครับ
![](/f/33533/5f298b04b2f21d6a71035190.jpg)
แล้วเราก้อมาถึงประตูหน้าศาลเจ้า Dazaifu Tenmagu Shrine มาฟังประวัติของท่าน Sugawara Michizane กันครับ ท่านมิชิซะเนะเกิดที่กรุงเกียวโตเป็นนักวิชาการและนักการเมืองในยุคเฮอัน หลังจากที่ท่านได้เสียชีวิตลง ชาวบ้านก็ยกย่องท่านในฐานะเทพเจ้าแห่งการเรียนรู้หรือ Tenjin นั่นเอง
![](/f/33533/5f298b00b2f21d6a7103518c.jpg)
ชีวิตของท่านมิชิซะเนะไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด อัจฉริยภาพของท่านฉายแววมาตั้งแต่อายุได้เพียง 11 ปี ท่านสามารถแต่งกลอนได้เอง และความสามารถอันโดดเด่นของท่านเริ่มแพร่หลายไปอย่างกว้างขวาง เมื่อท่านโตเป็นหนุ่มยังแสดงความสามารถในการยิงธนูอีกด้วย ท่านได้เป็นคนโปรดของจักรพรรดิ และได้รับมอบตำแหน่งสำคัญๆมากมาย ทั้งทางการทูตกับจีนและยังเป็นผู้ปกครองเมืองซะนุกิ เหล่าขุนนางในสมัยก่อนจึงพาลกันอิจฉาไม่ชอบหน้าเลยได้ให้ร้ายท่าน สมคบคิดกับตระกุลฟูจิวะระ ที่กุมอำนาจอยู่ในยุคนั้น และขับไล่ให้ออกจากกรุงเกียวโตไปยังดินแดนไกลโพ้นซึ่งก็คือที่ดาไซฟุแห่งนี้ การเดินทางระหว่างจาก เกียวโต มายัง ดาไซฟุ นั้นไกลแสนไกลหลังจากท่านเดินทางมาถึงด้วยความยากลำบากท่านต้องใช้ชีวิตบั้นปลายอันโดดเดี่ยวที่ๆแห่งนี้และสิ้นลงด้วยวัยเพียง 59 ปี เมื่อปี 903
![](/f/33533/5f298afdb2f21d6a71035186.jpg)
เหล่าชาวบ้านที่รักใคร่เเละเคารพท่านต่างก็เสียใจและหลังจากที่ท่านสิ้นก็เกิดภัยพิบัติต่างๆมากมายที่กรุงเกียวโตตระกูลฟุจิวะระที่คิดร้ายต่อท่าน ก็เริ่มล้มหายตายจากไปทีละคน เหล่าขุนนางในวังต่างกลัวเกรงและคิดว่านี่เป็นความอาฆาตแค้นของดวงวิญญาณท่านมิชิซะเนะจึงได้ทำการสร้างศาลเจ้า เพื่อเป็นการไถ่โทษและยกย่องท่านมิชิซะเนะในฐานะ Tenjin ขึ้นที่กรุงเกียวโตและ เมืองดาไซฟุ แห่งนี้ ดังนั้นที่เกียวโตจึงมีศาลเจ้าอีกแห่งที่อุทิศให้ท่านมิชิซะเนะชื่อว่าศาลเจ้า Kitano Tenmangu ตัวอาคารหลักของศาลเจ้า Dazaifu Tenmagu Shrine ที่เห็นนั้นเป็นงานที่สร้างขึ้นเมื่อปี1591 ส่วนของดั้งเดิมที่สร้างขึ้นเมื่อปี 919 ได้ถูกเผาทำลายไปในช่วงสงคราม
![](/f/33533/5f298b00b2f21d6a7103518b.jpg)
ด้านในของ Dazaifu Tenmagu Shrine ที่ญี่ปุ่น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาลเจ้าโดยทั่วไปจะนับถือ หินหรือไม้ใหญ่ตามธรรมชาติ, กระจก, ดาบ เป็นต้น ซึ่งแตกต่างกันไปตามแต่ละศาลเจ้า นอกจากนี้ สิ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถูกสักการะไว้อย่างเงียบสงบในส่วนลึกที่สุดของศาลเจ้า บุคคลทั่วไปที่มาสักการะจึงไม่สามารถเข้าชมได้
![](/f/33533/5f298b04b2f21d6a71035191.jpg)
ด้านหน้าของ Dazaifu Tenmagu Shrine ตอนที่ไปเห็นนักบวชยืนขอรับบริจาคอยู่ นักบวชที่เห็นในรูปเป็นนักบวชในลัทธิชินโต ซึ่งเป็นลัทธิความเชื่อพื้นเมืองประจำประเทศญี่ปุ่น
![](/f/33533/5f298b03b2f21d6a7103518f.jpg)
เที่ยวศาลเจ้ากันเสร็จแล้วช่วงเย็นก้อกลับมาเดินช๊อปปิ้งกันที่ Canal City ห้างดังของเมือง Fukuoka กันต่อ ห้างนี้ใหญ่โตมากๆ เดินยังไงก้อไม่ทั่ว ช่วงเย็นที่ลานน้ำพุของห้างมีการแสดงกันอยู่ด้วย
![](/f/33533/5f298b08b2f21d6a71035197.jpg)
หลังจากจบการแสดงที่ห้าง Canal City ช่วง 18:00 ได้มีการแสดงน้ำพุแสงสีเสียงของ Onepiece ด้วย ตามตารางที่เห็นก่อนไปเวลาจะไม่ตรงกับตอนที่ไป แต่นี่เค้าเปลี่ยนเวลาบังเอิญอยู่ตรงนั้นพอดี เลยได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ โชคดีมากๆ อลังการสุดๆ
![](/f/33533/5f298b05b2f21d6a71035193.jpg)
มีต่อด้านล่างนะครับ
ติดตามกันต่อได้ที่
https://www.facebook.com/TravelofSalaryMan/
https://www.facebook.com/voravuds
มื้อเย็นเราไปทานข้าวกันที่ Yatai(屋台) หรือแผงขายอาหารกลางคืน (Food stalls) ตั้งเรียงรายอยู่ริมแม่น้ำ แต่ละแผงจะจัดที่นั่งให้ลูกค้าล้อมรอบแผง เป็นบรรยากาศการทานอาหารอีกแนวของญี่ปุ่น จริงๆแล้ว Yatai มีอยู่หลายแห่งในฮากาตะ แต่ที่คนนิยมมาคือที่ริมแม่น้ำย่านNakasuครับ สำหรับอาหารที่ขายมีทั้งราเมง เมนูปิ้งย่าง บาร์บีคิว อาหารทะเล ซูชิ นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้บริการสำหรับลูกค้าที่มาทานมื้อค่ำหรือมาสังสรรค์กับเพื่อนฝูง
![](/f/33533/5f298b0bb2f21d6a7103519c.jpg)
เย็นวันนี้จองที่พักที่ Hakata ไม่ได้เลย เต็มหมด เลยต้องไปนอนเมืองอื่นแทน เลยเลือกไปนอนที่ คิตะคิวชู หรือ เมือง Kokura นั่นเอง ซึ่งเป็นเป้าหมายในการเที่ยวต่อในวันรุ่งขึ้นด้วย ไกลอยู่เหมือนกัน ตั้ง 73km ใช้เวลาเดินทาง 1ชมนิดๆ
![](/f/33533/5f298b06b2f21d6a71035196.jpg)
ติดตามกันต่อได้ที่
https://www.facebook.com/TravelofSalaryMan/
https://www.facebook.com/voravuds
Voravud Santiraveewan
วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 09.02 น.