สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องขออภัยเพื่อนๆที่ติดตามด้วยนะคะที่เราหายไปนานเนื่องจากมีความวุ่นวายกับงานหลักนิดหน่อย แต่ที่จริงเราเที่ยวอยู่เรื่อยๆเลยล่ะ มาเริ่มจากทริปตั้งแต่ต้นปีกันก่อนเลย ดองจนถึงวันนี้ก็ 7 เดือนแล้ว ฮ่าๆ ก่อนที่จะทับถมไปมากกว่านี้.ทริปนี้เราไปเที่ยวญี่ปุ่น (อีกแล้ว) รอบนี้ไปภูมิภาคที่เขาร่ำลือกันว่า เป็นดินแดนแห่งน้ำพุร้อน อีกทั้งบ้านเมืองก็น่ารัก เงียบสงบ ผู้คนเป็นมิตร ...ภูมิภาคคิวชู นั่นเองค่ะ ^^ รอบนี้ไปเก็บแถบภาคเหนือของคิวชู สถานที่เที่ยวธรรมชาติเยอะมากๆ นักท่องเที่ยวไม่เยอะด้วย เหมือนเรามาเที่ยวบ้านนอกของญี่ปุ่นเขาล่ะ ถ้าใครชอบเที่ยวแนวธรรมชาติ เรียบง่าย ไม่เน้นแสงสีเสียง ขอบอกเลยว่าต้องประทับใจแน่ๆ .ช่วงที่เราไป คือ 17-27 มกราคม 2563 ทั้งหมด 10 วัน 9 คืน ไม่นับวันเดินทาง (ก่อน COVID จะระบาดในคิวชูพอดิบพอดี) เป็นช่วงฤดูหนาว แต่จะหนาวแบบเที่ยวสนุก มีหิมะอ่อนๆบางพื้นที่ และสำหรับเราไม่ต้องลุ้นว่าจะป่วยเหมือนตอนไปเที่ยวแถบบนๆ
การท่องเที่ยวเราจะเที่ยวด้วยรถไฟ และมีเช่ารถขับเองด้วยค่ะ และด้วยความที่ทุกอย่างในคิวชู ดูน่ารักและผู้คนก็ดูใส่ใจกับทุกๆสิ่งไปซะหมด เราจึงขอตั้งชื่อทริปนี้ว่า North Khyshu (found the love all the way)
มาดูกันว่าทริปนี้เราไปที่ไหนมาบ้าง ^^
DAY 1 – เดินทางจาก กรุงเทพ – สนามบินฟุกุโอกะ
DAY 2 - YUFUIN (By YUFUIN NO MORI TRAIN)
DAY 3 - BEPPU (Beppu Jigoku Meguri ,โรงอาบน้ำ Takegawara,ร้านเทมปุระแสนอร่อย Toyotsune)
DAY 4 - KUMAMOTO (Kumamoto Castle, Josaien shopping arcade, Suizenji Jojuen Garden, Shimotori Shopping Arcade)
DAY 5 - KUROKAWA ONSEN (บ้านพักตากอากาศ Kurosako Onsen Sakura)
DAY 6 - ASO (ขับรถชมวิวภูเขาไฟ Aso ,พาไปกินข้าวหน้าเนื้อร้านเด็ด)
DAY 7 - SAGA : KARATSU (ตามรอยซีรี่ย์ Stay Saga)
DAY 8 - SAGA AND AROUND(Okawachiyama Village, Takeo Shrine, Yutoku Inari Shrine)
DAY 9 - FUKUOKA (พาไปฟาร์มสตอเบอร์รี่บุพเฟ่, Nanzoin temple)
DAY 10 - FUKUOKA (เที่ยวในเมืองฟุกุโอกะ, Ohori Park, Shopping)DAY 11
EP.1 YUFUIN
ที่เที่ยวที่แรกของทริปนี้ เราไปที่เมืองยูฟุอิน(Yufuin) จังหวัดโออิตะ(Oita) หมู่บ้านเล็กในหุบเขา เราจะไปโดยนั่งรถไฟสุดวินเทจซึ่งจะวิ่งผ่านป่า ภูเขา ได้ชมวิวสุดชิลตลอดทาง ที่หมู่บ้านมีถนนคนเดินมีวิวเป็นภูเขารอบด้าน ท้ายหมู่บ้านมีทะเลสาบเล็กๆ เมืองทั้งเมืองโคตรน่ารัก บ่งบอกถึงความเป็นญี่ปุ๊นน...ญี่ปุ่น และจะพาไปดูที่พักพร้อมออนเซนส่วนตัวในราคาที่คุ้มค่าแก่การไปพักมาก ปิดท้ายด้วยเนื้อย่างร้อนๆ กินกับวาซาบิใส่เกลือ แถมด้วยเนื้อม้าซาซิมิ บอกเลยว่างานดีมากกกกค่ะ พร้อมแล้วไปดูกัน!
การเที่ยวทั้งทริปเราใช้ทั้งรถไฟ และเช่ารถขับเองค่ะ ในส่วนของรถไฟ pass หลักเราใช้ JR North Kyushu Pass 3 วัน โดยจองผ่าน Klook เมื่อได้รับรหัส JR North Kyushu pass มาแล้วจึงค่อยนำรหัสมาสำรองที่นั่งรถไฟ Yufuin No Mori ไว้สำหรับเดินทางไป Yufuin เดี๋ยวครั้งหน้าจะมารีวิวการจองที่นั่งอีกทีนะคะ
เดินทางจากกรุงเทพถึงสนามบินฟุกุโอกะเวลา 7:25 นาที เราจะต้องเดินทางไป Hakata station กันต่อ เพื่อไปขึ้นรถไฟ Yufuin No Mori ที่จองไว้ การไป Hakata station มีหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นทางรถไฟใต้ดิน รถบัส หรือแทกซี่ก็ได้ แต่เราเลือกไปโดยรถบัส City Bus (nishitetsu bus) เนื่องจากประหยัดที่สุด โดยใช้เวลาเพียง 15 นาทีและเสียค่าใช้จ่ายเพียง 260 เยนเท่านั้น เมื่อรับกระเป๋าแล้วเดินออกมาเราจะพบกับตู้ซื้อตั๋วรถบัสตามรูปข้างบนค่ะ
ใกล้ๆกับตู้ซื้อ Bus Ticket จะมีป้ายใหญ่ๆบอกจุดที่ต้องไปรอรถ โดยของเราต้องไป Hakata Station จึงต้องไปรอรถบัสที่ป้ายหมายเลข 2
การซื้อตั๋ว ถ้าไป Hakata Station จะต้องซื้อที่ตู้ B ที่อยู่ฝั่งซ้าย ดูได้จากตารางเวลาข้างบนจะเห็นว่า Hakata station อยู่ในแถบของสีฟ้า (B) ส่วนเวลาที่รถมา เราต้องดูตามประเภทของวันที่ไปนะคะ
สีเขียว คือ Work day
สีส้ม คือ Saturday
สีชมพูคือ Sunday & Holiday
วิธีการดูเวลาคือ แถบสีดำจะบอกชั่วโมง และในช่องตามสีจะบอกนาที
ของเราไปวันเสาร์ จึงต้องดูเวลาที่สีส้ม เวลาที่คันต่อไปจะมาคือ 9.35
การกดซื้อ ให้กดเลือกภาษา English จากนั้นเลือกจำนวนคนที่แถบขวาบน แล้วค่อยเลือกราคา ถ้าไป Hakata station ให้กดที่ 270Y ค่ะ
ได้ตั๋วมาแล้ว ไปรอรถกันที่ป้ายหมายเลข 2 กันเลย
รถบัสมาแล้ว คนจะเยอะหน่อยนะคะ และจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลที่ประตูทางขึ้น
เมื่อถึงสถานี Hakata เราต้องไปแลก JR Pass กันก่อน โดยนำเอกสารการจอง JR Pass ผ่าน Klook (ได้รับเอกสารทางเมลหลังจองสำเร็จ) มายื่นพร้อมกับ Passport ที่ Rail Pass Counter และต้องยื่นเอกสารการจองที่นั่ง Yufuin No mori ไปด้วยนะคะ ก็จะได้ตั๋วหน้าตาแบบนี้มา
นอกจากนี้ หากต้องการจองที่นั่งรถไฟขบวนอื่นๆสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ตอนนี้เลยค่ะ (ส่วน การจองที่นั่ง Yufuin No mori ที่เราจองมาก่อนล่วงหน้าเนื่องจาก หากมาจองที่ Counter มีโอกาสที่นั่งเต็มได้ )
การอ่านตั๋วก็ไม่ยากค่ะ ในตั๋วจะบอกวันที่ไป คือ JAN 18 เวลารถออก 10:24 ถึง Yufuin 12.34 ต้องไปขึ้นโบกี้ที่ 4 ที่นั่ง 7C ส่วนจะรู้ได้ไงว่าต้องไปรอที่ชานชาลาไหน เราต้องดูจากป้ายไฟค่ะ จะมีบอกขบวนและเวลาออก พร้อมกับบอกว่าต้องไปรอที่ชานชาลาอะไร
เมื่อมาถึงชานชาลาแล้ว ระหว่างรอ ไปเห็นรถไฟ Seven star สุดหรู เลยถ่ายรูปเก็บไว้ อยากลองนั่งซักครั้งจังเลย ใครเคยนั่งมาเล่าแชร์ให้ฟังหน่อยนะคะ ^^
ในที่สุด Yufuin No Mori ก็มาแล้ว วินเทจสุดๆไปเลย
จากตั๋วเราต้องขึ้น Car 4 สามารถดูเลขตรงข้างๆ ประตูได้เลยค่ะ
ด้านในจะมีโซนโบกี้ที่นั่งโดยสาร และโบกี้ที่ไว้สำหรับทานอาหาร โดยอาหารซื้อได้บนรถไฟเลยค่ะ
กินข้าวไปพร้อมกับดูวิวสวยๆตรงหน้า ฟินสุดๆไปเลย
และนี่คือท้ายขบวน
กินข้าวอิ่มแล้วกลับมานั่งที่นั่งชมวิวเพลินๆกันต่อ
ที่นั่งจะมีโต๊ะพับอยู่ข้างๆ ต้องเปิดออกมาตามรูปนะคะ มันซ่อนอยู่ ^^
ข้างหลังที่นั่งจะมีเมนูอาหารเสียบอยู่ ไม่แน่ใจมีภาษาอังกฤษมั้ยนะคะ เราเจอแต่ที่เป็น ภาษาญี่ปุ่น
ซักพักจะมีพนักงานเดินมาให้ถือป้ายแล้วถ่ายรูปให้เป็นที่ระลึกค่ะ น่ารักและใส่ใจมากๆเลย
มีชุดสำหรับให้เด็กๆ เปลี่ยนถ่ายรูปกันแบบฟรีๆ ด้วยนะคะ
ชมวิวข้างทางเพลินๆ
ในที่สุดก็ถึงแล้วววว
จาก Hakata มา Yufuin ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง
ทันทีที่ออกมาจากสถานี ก็จะพบกับวิวนี้เลยยย... น่ารัก คิ้วท์ๆ
เราตรงไปที่พักก่อนเลย เพื่อเอาประเป๋าไปฝากไว้ก่อนค่ะ เนื่องจากเวลา Check-in คือ 15.00 น.
ที่พักของเราชื่อว่า Yufuin Lamp no Yado
พิกัด : https://goo.gl/maps/wdTKSCcYVRtFXHERA
ที่นี่เป็นที่พักสไตล์ญี่ปุ่น มีบ่อออนเซ็นให้แช่ฟรี ทั้งแบบ Indoor และ Outdoor มีส่วนกลางให้นั่งเล่น ทานชากาแฟ น้ำดื่มฟรี และยังมีจักรยานให้ขี่เที่ยวในเมืองฟรีอีกด้วย
เราจองผ่าน Traveloka ในราคา 3155 บาท/คืน พักได้ 2 คนค่ะ ราคานี้เราถือว่าคุ้มค่า
และนี่คือหนึ่งในพนักงานต้อนรับของที่พัก มีหลายตัวนะคะ อ้วนๆทั้งนั้น
บริเวณที่พักมีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆหลายมุมเลยค่ะ
ข้างใน Lobby และส่วนกลางให้นั่งเล่น
บ่อออนเซ็นแบบเปิดโล่ง ซึ่งเป็นแบบส่วนตัวด้วยล่ะค่ะ ตอนใช้ให้หมุนป้ายว่ากำลังใช้งานอยู่ ใช้เสร็จก็อย่าลืมกลับป้ายด้วยนะคะ ใครจะใช้ก็ต้องมารอต่อคิว ถ้าแนะนำคือรีบมาก่อนมืดหรือไม่ก็ดึกๆหน่อย
อีกจุดนึงคือออนเซนแบบ Indoor เป็นแบบส่วนตัวเช่นกัน แช่ได้แบบไม่ต้องเขินอายใคร เหมาะกับคนไทยมากๆ
เปิดเข้ามาก็จะมีจุดแต่งตัว
และนี่คือในส่วนของบ่อออนเซน Indoor
เดี๋ยวไปเดินเล่นในเมืองกันก่อนแล้วค่อยกลับมาแช่ออนเซนก่อนนอนค่ะ
ในส่วนของห้องพักบอกเลยว่าดีมากกกกก สะอาดน่านอน มีฮีตเตอร์และของใช้ที่จำเป็นครบครัน
ทางที่พักมีเขียนการ์ดต้อนรับวางไว้บนโต๊ะในห้องด้วยนะคะ ใส่ใจแขกดีมากๆ น่ารักมากๆ
เอาล่ะ ไปเดินเล่นในเมืองกัน ที่พักที่นี่จะมีจักรยานให้ยืมฟรีนะคะ แต่เราถนัดเดินมากกว่า เพราะจะได้แวะข้างทางได้สะดวก
ไม่ว่าจะหันไปทางไหน เราก็จะเจอกับแบล็กกราวน์เป็นภูเขาอยู่ทุกมุม น่ารักสุดๆไปเลยยย
จากโซนรอบๆก็ค่อยๆเข้ามาในเมืองที่มีคนพลุกพล่าน แต่ก็ยังเห็นวิวภูเขาอยู่นะคะ
จะมีร้านรวงต่างๆขายของฝากน่ารักๆ เดินเล่นเพลินมาก
มุมถนนตรงนี้สวยดีค่ะ
วิวสวยไปหมด ต้องเป็นวิวที่มีภูเขาอยู่ด้านหลังตลอด <3
มีตู้ขายข้าวสารอัตโนมัติด้วย 555 เพิ่งเคยเห็นล่ะ
ถึงจะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ Super market ของกินเยอะมากนะคะ
และนี่คือร้านเค้กโรลชื่อดังของที่นี่ ร้าน B Speak คิดว่าคนจะเยอะแต่ตอนไปไม่ค่อยมีคนเลยได้มา 1 ชิ้นใหญ่ค่ะ
โรลชิ้นใหญ่ ราคา 1,420 เยน ขนาด 15 cm.
โรลชิ้นเล็ก ราคา 475 เยน ขนาด 1ใน 3 ของชิ้นใหญ่
Website: www.b-speak.net/index.html
เดี๋ยวเรามาชิมกันนนน
เนื้อเค้กเป็นแบบ sponge คือเนื้อจะไม่ใช่แบบแน่นๆ เลยทำให้รู้สึกว่าราคาแพงไปหน่อยค่ะ แต่มีความหอมกลิ่นนม เนย ไข่ และตัวครีมไม่หวานมาก ส่วนตัวเราคิดว่าอร่อย แต่ไม่ได้ว้าวมาก ถ้ามาแล้วลองดูกันนะคะ
เดินเล่นมาเรื่อยๆก็จะเจอกับร้าน Totoro Ghibli House ที่ขายของเกือบทุกอย่างจากอนิเมะของ Ghibli Studio
ข้างในร้าน ของน่ารักเต็มไปหมด ใครเป็นแฟนคลับต้องห้ามพลาดค่ะ
หน้าร้านมีมุมให้ถ่ายรูปน่ารักๆ หลายมุมเลยค่ะ
บรรยากาศถนนคนเดิน ซึ่งจะมีร้านค้าเยอะแยะมากมาย ทั้งของกิน ของฝาก ขนม ไอศรีม ของจุกจิกเต็มไปหมด
สามารถเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับได้นะคะ แต่ถ้าอยากซึมซับบรรกาศให้เต็มที่ก็แนะนำให้ค้าง 1 คืนค่ะ จะได้ไม่ต้องรีบร้อนมาก
ร้านขนมที่ทำจากชาเขียว มีเจ้าสนู๊ปปี้เป็นพรีเซนเตอร์
ร้านของที่ระลึกเกี่ยวกับแมว ทาสแมวเห็นเป็นต้องแวะแน่นอน
เดินมาเรื่อยๆจนมาเจอกับ Yufuin Floral Village เป็นส่วนของร้านค้าที่ตกแต่งสไตล์ยุโรป
เมื่อเข้ามาก็จะพบกับร้านขายของเป็นเหมือนบ้านหลังเล็กๆ เรียงรายกัน น่ารักมากๆ เลยยย
ในโซนนี้จะมีเลี้ยงสัตว์เล็กๆ ไว้ให้นักท่องเที่ยวดูเล่นเพลินๆ
ออกจากโซนหมู่บ้านดอกไม้เรามุ่งตรงไปยังทะเลสาบคินริน ระหว่างทางจะมีร้านปลาหมึกย่างอยู่ร้านนึง เลยลองซื้อกินดู และค้นพบว่า....
มันอร่อยมากเลยค่ะ เนื้อปลาหมึกสด หวาน น้ำซอสที่ทาก็คือเข้ากันมาก ใครไปอยากให้ไปลองชิมกันดูนะคะ ของดีเลยล่ะ ราคาเราจำไม่ได้นะคะ แต่ไม่ได้แพงมาก
กินเสร็จแล้วก็เดินต่อไปยังทะเลสาบคินริน (Kinrin Lake) กันเลย
ถึงแล้วค่ะ Kinrin Lake เดินเพลินๆมาไม่ไกลมาก ตั้งอยู่สุดทางของการเดินมาจากในเมือง ที่นี่วิวสวยมากก ทะเลสาบผืนกว้าง กับภูเขาน้อยใหญ่สลับเรียงราย นั่งเล่นชมวิวชิลๆเรื่อยๆได้เลย
ที่นี่มีห่านและปลาคาร์ฟว่ายน้ำเล่นกันแบบสบายใจสุดๆ ไม่กลัวนักท่องเที่ยวกันเลย น่ารักมากๆ
Portrait กันหน่อยยย
ใครมากับแฟนก็จะโรแมนติกประมาณนี้ อิอิ
เดินเล่นจนเหนื่อยก็ได้เวลาดินเนอร์กันแล้ววว (จากรูปคือดูมืดแล้ว ที่ญี่ปุ่นจะมืดไวค่ะ ) ร้านที่เรามากินชื่อร้านว่า “WASAKU” เป็นร้านเนื้อย่างคุณภาพดีเลิศ ขอบอกว่า อร่อยฟินมากกก
และนี่คือเมนู Beef set ที่เราสั่งค่ะ มีเนื้อวากิว 3 ชนิด พร้อมกับผักและเครื่องเคียงต่างๆ กำหนดให้สั่ง 1 คน ต่อ 1 set เราสั่งมาทั้ง BOSS Special I และ BOSS Special II
และนี่คือหน้าตาเซ็ทที่สั่ง เนื้อย่างทานกับเกลือและวาซาบิ ปกติอยู่ไทยไม่ค่อยทานเนื้อ แต่นี่คือฟินมากกกก ตั้งแต่กินเนื้อมาคืออันนี้อร่อยสุดสำหรับเราเลยยยย นึกแล้วก็อยากกลับไปกินอีกค่ะ
และก่อนมาเราได้อ่านรีวิวเกี่ยวกับเนื้อม้าซาซิมิ เห็นว่าที่นี่มีเมนูนี้เลยลองสั่งมาทานดู (รูปขวาบน) หน้าตาดูไม่น่าทานเท่าไร เหมือนเนื้อดิบๆ ไม่ค่อยกล้ากิน แต่ไหนๆก็สั่งมาแล้วเลยลองดู ...พอได้ลองเท่านั้นแหละ ติดตรึงใจเลย มันหวานอร่อยมากค่ะ ไม่คาวเลยซักนิด คล้ายๆกับแซลม่อนซาซิมิแต่หวานกว่า ฟินสิบกระโหลกกกกก ใครมาเที่ยวแถบๆนี้อย่าลืมลองสั่งทานกันนะคะ ต้องลองค่ะแล้วจะรู้ว่าลืมไม่ลงจริงๆ
หมดเกลี้ยงไม่เหลือออออ เงินในกระเป๋าก็เช่นกัน 555+
เมื่ออิ่มแล้วก็เดินกลับที่พักไปแช่ออนเซนต่อ ยังคงมีเจ้าเหมียวมาคอยต้อนรับอยู่เช่นเคย 555 วันนี้ประทับใจที่นี่มากๆค่ะ เมืองเล็กในหุบเขาที่น่ารัก ผู้คนเป็นมิตร เนื้ออร่อย ที่พักดี ออนเซนก็ฟินสุดๆ ใครมาเที่ยวคิวชูต้องมาที่ Yufuin กันนะคะ ความธรรมดาที่ไม่ธรรมดาเลยยยย
EP ต่อไป จาก Yufuin เราจะไปกันที่ Beppu เมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น เมืองหลวงออนเซ็นของญี่ปุ่น โด่งดังในเรื่องบ่อน้ำพุร้อนจากธรรมชาติ ฝากติดตามกันด้วยนะคะ <3
ติดตามเราในช่องทางเพิ่มเติมได้ที่เพจด้านล่างนี้นะคะ
https://www.facebook.com/Gohol...
GoHolic : ชีวิตติดเที่ยว
วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2563 เวลา 12.14 น.