นี่คือรีวิวเที่ยวไต้หวันใน 1 วันแบบละเอียด
พร้อมพิกัดแหล่งกินเด็ดๆ! ที่เที่ยวธรรมชาติสวยๆ! ที่ช็อปเสื้อผ้าราคาถูกและดี!
ทั้งหมดนี้เราเที่ยวครบจบแค่วันเดียว

วันที่เราไปคือวันศุกร์ ที่ 29 พฤศจิกายน 2562 ค่ะ

สถานที่ที่เราจะไป มีดังนี้
  1. ไปทานมื้อเช้า ข้าวต้มหมูกรอบ ร้าน Zhouji Meat Porridge
  2. วัดหลงซาน (Lungshan Temple)
  3. แหลมปี๋โถเจียว หรือ Bitou Cape Geological Park
  4. จุดชมวิวที่ Changren Park
  5. จิ่วเฟิ่น (Jiufen Old Street, 九份)
  6. Shifen old street
  7. Raohe Street night market
  8. Rainbow Bridge
  9. Wufenpu ตลาดเสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดในไทเป

เยอะใช่มั้ยคะ แต่…อย่าเพิ่งตกใจค่ะ เอาเข้าจริงๆมันไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้น เพราะมันสนุกมากกว่า และที่สำคัญ ไม่ใช่การทัวร์แบบชะโงกจ้าไม่ต้องห่วง เราเที่ยวแบบแทบไม่ได้ดูเวลาเลยด้วยซ้ำค่ะ ^^

การเดินทางวันนี้เราใช้วิธีเช่ารถพร้อมคนขับ และจะมีใช้ MRT ด้วยนิดหน่อยค่ะเนื่องจากเรานัดขึ้นรถหลังจากที่เราออกมากินและเที่ยวบ้างแล้ว

+++++ เรามาดูวิธีการเช่ารถกันก่อน +++++


ก่อนเดินทางไปไต้หวัน เราได้ทำการติดต่อเช่ารถพร้อมคนขับ กับที่นี่ค่ะ

“Ar-TeeTeam รถนำเที่ยวไต้หวัน รถรับส่งสนามบิน “
Facebook :
https://www.facebook.com/wemisstaiwan/

โดยได้แอดไลน์ไปคุย แจ้งสถานที่ที่จะไป พร้อมจำนวนคนทั้งหมด แอดมินจะทำการแนะนำรถที่เหมาะสมกับจำนวนคนมาให้เลือกค่ะ ของเรามีทั้งหมด 6 คน แอดมินแนะนำรถวิชมา และคนขับจะทำหน้าที่เป็นทั้งคนขับและไกด์พาเที่ยว เป็นคนไต้หวันนะคะแต่สามารถพูดไทยได้ด้วยค่ะ ดีมากๆ

เมื่อเลือกรถแล้วแอดมินจะแจ้งราคา ของเรารถวิช 4000 NT / 8 ชั่วโมง หากเกิน 8 ชั่วโมงจะมีค่า OT 400 NT / 1 ชั่วโมง และจะยังไม่เก็บเงิน จะต้องไปจ่ายวันไป ซึ่งจ่ายหลังจบทริป

ก่อนวันเที่ยว 1 วัน คนขับจะติดต่อมาหาเราตามช่องทางที่เราติดต่อไว้ค่ะ เพื่อเป็นการยืนยันกันถึงเวลาและสถานที่ขึ้นรถ พี่คนขับแนะนำตัวกับเรา ชื่อพี่ตี๋ค่ะ โดยเราได้นัดขึ้นรถที่วัดหลงซาน เวลา 10 โมง

หากเพื่อนๆจะใช้บริการของเจ้านี้ สามารถลองถามดูได้ค่ะ ว่าอยากได้ไกด์พูดไทยชื่อคุณตี๋

ป.ล. รถที่นี่มีไฟส่องจากประตูลงพื้นด้วยนะคะ เท่มากกก

ถ้าพร้อมแล้ว ไปเที่ยวกัน!



1. ร้านข้าวต้มหมูกรอบZhouji Meat Porridge (周記肉粥店 / โจวจี้โหย่วโจว)

Open : 06.00 – 16.30
Transportation : รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน Longshan Temple Station (BL10) Exit 1
GPS : https://goo.gl/maps/CDpXCHJsjBdoom948

เมื่อวันเที่ยวมาถึง เราออกจากที่พักประมาณ 8 โมง แล้วมุ่งมายังร้านข้าวต้มหมูกรอบเพื่อทานมื้อเช้า ร้านนี้เป็นร้านข้าวต้มเก่าแก่โบราณอยู่ใกล้วัดหลงซาน ที่เปิดมานานกว่า 60ปี ชาวไทยร่ำลือกันว่า หมูกรอบที่นี่เด็ดมาก

หน้าตาเมนูของทางร้านมีภาษาอังกฤษด้วย

และนี่คือ เมนูที่เราสั่งมา

  • หมูกรอบ หมายเลข 2 : โอ๊ยยย ดีสมคำร่ำลือจริงๆค่ะ กรอบนอกนุ่มใน เนื้อก็ฉ่ำมาก ชอบบบ เห็นทีไรก็อยากกลับไปกินอีก
  • ข้าวต้ม หมายเลข 1 : รสชาติเฉยๆ แต่พอกินกับหมูกรอบแล้วเข้ากันดีมากกก
  • ผักคะน้า หมายเลข 7 : เป็นผักคะน้าที่เหมือนนำไปลวกล้วคลุกๆกับซอส อันนี้ถ้าทานคู่กับหมูกรอบก็ขาดไม่ได้นะคะบอกเลย
  • ไก่ต้ม หมายเลข 3 : อันนี้เราว่าแอบเหนียวไปนิดนึง แต่เรื่องรสชาติก็อร่อยค่ะ คล้ายๆบ้านเรา หรือจริงๆมันจะเหนียวเป็นปกติก็ไม่แน่ใจ ฮ่า

เมื่อทานเสร็จแล้วเราจะไปไหว้พระที่วัดหลงซานที่อยู่ใกล้ๆกันค่ะ



2. วัดหลงซาน (Lungshan Temple, 艋舺龍山寺)

Open : เปิดทุกวัน 06:00-22:00
ค่าเข้าชม: ฟรี
GPS : https://goo.gl/maps/HrPXHGKMxHTcvuYUA

ออกจากร้านข้าวต้มหมูกรอบแล้วเดินมาทางซ้ายอีกประมาณ 200 เมตร ข้ามถนนไปอีกฝั่ง จะเจอกับวัดหลงซาน วัดที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทเป มีอายุเกือบสามร้อยปี สร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่สักการะบูชาสิ่งศักสิทธิ์ตามความเชื่อของชาวจีน วัดนี้มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการขอพรให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และการขอเนื้อคู่ค่ะ ^^

++++++++ ในส่วนของวิธีการไหว้ ++++++++

เราเปิดอ่านจากในเนตหน้าวัด แต่ก็งงมากๆ แต่ละเว็บก็บอกไม่เหมือนกันค่ะ 555+ เอาเป็นว่าเราจะสรุปวิธีการไหว้ที่เราทำคร่าวๆนะคะ (เกิดจากการนำหลายๆเว็บมาเทียบกัน)

  1. เริ่มจากเดินเข้าวัดทางประตูมังกรซึ่งอยู่ทางขวามือ
  2. เข้ามาแล้วรับธูป 1 ดอกจากเจ้าหน้าที่ด้านขวามือ
  3. ทำพิธี ไหว้เจ้าแม่กวนอิม ที่อยู่กลางวัดอธิษฐานขอพร โดยให้บอกชื่อนามสกุล อายุ วันเกิด และที่อยู่ แล้วอธิษฐานรวมๆ
  4. เดินมาทางขวาไหว้เทพองค์อื่นๆ วนไปทางซ้ายจนถึงองค์สุดท้าย คือ เทพเฒ่าจันทราซึ่งตั้งอยู่ทางมุมซ้ายสุด ด้านหลังของวัด ให้บอกวันเกิด, ชื่อ – นามสกุล, ที่อยู่ และเจตนากับท่าน ใครที่อยากขอคู่ขอความรัก ให้เริ่มขั้นตอนการเสี่ยงทายกับเทพเฒ่าจันทรา ตามข้อต่อไป
  5. กล่าวขอด้ายแดงจากท่านเพื่อนำพาให้เจอเนื้อคู่
  6. โยนไม้เสี่ยงทาย โดยต้องออกคว่ำ+หงาย 3 รอบติดกันถึงจะหยิบด้ายแดงจากเทพเฒ่าจันทราได้
  7. จากนั้นให้นำด้ายแดงไปทำพิธี ‘ชุ่นเชียง’ ด้วยการนำด้ายแดงไปวนขวา 3 รอบที่กระถางธูป แล้วไหว้ขอบคุณ
  8. เดินครบแล้วให้ไปที่หน้าศาลเจ้าและบอกวันเกิด, ชื่อ – นามสกุล, ที่อยู่ และเจตนาอีกครั้งเป็นอันจบพิธี
  9. นำด้ายแดงพกติดกระเป๋าไว้จะพบคู่ที่หมายปองและความสุข

*หากใครอธิษฐานไม่ได้ด้ายแดง ตรงทางออกของวัดหลงซานจะมีจุดขายเครื่องรางต่างๆ สามารถเลือกบูชาเครื่องรางเกี่ยวกับความรักไว้พกติดตัวแทนได้


ใกล้ทางจะออกจากวัด จะมีจุดขายเครื่องราง ซึ่งมีหลากหลายแบบมากๆ ช่วงต่อคิว เราควรจดไว้เลยค่ะว่าจะเอาเครื่องรางหมายเลขอะไรบ้าง จะมีกระดาษลิสมาให้ดูว่าหมายเลขไหนให้พรเรื่องอะไร และสามารถดูแบบของเครื่องรางได้ที่ด้านบนของเคาท์เตอร์ ตรงสีเหลืองๆในรูป

ถ้าต้องการดูไปล่วงหน้า สามารถดูรีวิวจากกระทู้นี้ได้ค่ะ https://pantip.com/topic/38422549 (ต้องขอบคุณเจ้าของกระทู้ไว้ ณ โอกาสนี้) แต่ถ้าหากหมายเลขไหนของหมด จะมีเขียนไว้ที่บอร์ดนะคะบริเวณนั้นเลยค่ะ

ใบรายการที่ทางวัดมีให้ดูค่ะ เราได้ถ่ายรูปมาแล้วนำมาปรับสีแสงเพื่อให้อ่านได้ชัดเจนยิ่งขึ้นค่ะ


และนี่คือแบบของเครื่องรางแต่ละหมายเลข เราถ่ายรูปมาคร่าวๆนะคะเพราะว่าเยอะมากๆ


ไหว้พระเสร็จแล้วเราออกมารอรถที่เช่าไว้ ได้เวลา 10 โมงพอดี รถมาตรงเวลามาก ขึ้นรถแล้วเราได้แพลนไปที่ Bitou Cape เป็นจุดแรกค่ะ

ทางจะเป็นถนนเลียบทะเล ได้ชมวิวเพลินๆ คลื่นซัดหินแรงและสูงมากๆ ดูน่ากลัวไปเลย
ช่วงแถวๆบริเวณนี้จะเป็น ทะเลสองสีนะคะ ( Bay of two colors Yinyang Sea | 新北) หรือมีฉายาว่าทะเลหยินหยาง (Yinyang Sea) เนื่องจากว่าน้ำบริเวณอ่าวแห่งนี้ถูกแบ่งเป็นสองสีอย่างชัดเจน คล้ายกับสัญลักษณ์หยินหยาง ซึ่งสีที่ทำให้อ่าวแห่งนี้มีสีน้ำไม่เหมือนกันเนื่องจากแร่ทองคำในอดีตที่ยังหลงเหลืออยู่ในบริเวณนี้ แต่เราไม่แวะลงถ่ายรูปนะคะ


3. แหลมปี๋โถเจียว หรือ Bitou Cape Geological Park (鼻頭角)

ตั้งอยู่ที่เมืองรุ่ยฟาง (Ruifang) อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไทเปมีจุดชมวิวธรรมชาติที่สวยงาม รถพาเรามาส่งให้เดินจุดที่เริ่มเดินเลยค่ะ การเดินคือให้เราเดินไปเรื่อยๆ จนสุดทาง ไม่ต้องย้อนกลับนะคะ เดี๋ยวมันจะเป็นทางลงเขาไปจนเจอทางออกไปเอง และจะได้วิวตามทางที่แตกต่างกันด้วยค่ะ

GPS : https://goo.gl/maps/Cs9istqwHaesdFLm8

ช่วงที่เดินแรกๆ จะได้วิวทะเลสวยๆแบบนี้ ส่วนหลังๆจะเป็นวิวภูเขาค่ะ ^^

ระยะทางเราวัดจากใน google map ประมาณ 1.6 km. ค่ะ
เราไม่ได้เดินไปถึงประภาคารข้างในนะคะ
ใช้เวลารวมถ่ายรูปก็ราวๆ 1 – 1.30 ชั่วโมง
ระยะทางและเส้นทางเดินใน google map : https://goo.gl/maps/xKz6yCUeCmVzeerE7


วิวสวยจริงๆค่ะ ชอบมากๆ วันนั้นลมแรงแต่อากาศดีมากกก
ด้านบนนี้มีห้องน้ำและร้านกาแฟด้วยนะคะ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้

และนี่คือมุมมหาชนค่ะ 555+ อาจจะต้องรอต่อคิวนิดหน่อยถ้าคนเยอะ

ซึมซับบรรยากาศเต็มอิ่มและได้รูปที่ถูกใจแล้วก็เดินลงเขามาเรื่อยๆ จะมาโผล่ตรงนี้ค่ะ ใกล้ๆจะมีร้านขายของชำ นักกินอย่างเราก็ไม่รอช้า รีบเข้าไปสำรวจทันที ฮ่าๆ

ก็จะมีขนมทั่วๆไปคล้ายๆตาม 7-11 แต่จะมีน้ำสีเหลืองๆ อันแรกเท่านั้นที่แม่ค้าแนะนำค่ะ ฟังเขาพูดไม่ออกแต่เดาจากการชี้ๆ เหมือนจะทำมาจากใยสีเหลืองๆที่เราเห็นบ้านหลายหลังแถวนั้นขายกัน ไม่รู้มันคืออะไรค่ะ ถ้าใครรู้บอกทีนะคะอยากทราบเหมือนกัน ^^” เหมือนเขาเอาวัตถุดิบตัวนี้มาทำเป็นวุ้นๆ แล้วใส่น้ำรสชาติต่างๆ อย่างที่เราซื้อมาอันนี้คือใส่น้ำเสาวรส ขอบอกเลยว่า ไม่อร่อยเลย ฮือ... ถ้าตัวน้ำอร่อย ก็ยังพอได้ แต่นี่น้ำก็ไม่อร่อย วุ้นๆก็จืดๆค่ะ สรุปกินไม่หมดขวด T^T

บริเวณนั้นเป็นท่าเรือ จะมีเรือจอดอยู่มากมายค่ะ อดไม่ได้ที่จะแอบถ่ายรูปซักหน่อยก่อนจะขึ้นรถไปเที่ยวต่อ

ขับรถกลับทางเดิมเพื่อไปเที่ยวต่อที่จิ่วเฟิ่นค่ะ ซึ่งขามาเราจะเห็นซากโบราณสถานตามรูปนี้เลยค่ะ (รูปนี้นำมาจากวีดีโออีกทีจึงไม่ชัดและฟ้าครึ้มมากตอนนั้น) ขามาจะอยู่ขวามือ ขากลับจะอยู่ซ้าย

ไหนๆก็ผ่านแล้วก็เลยแวะดู โดยเราได้ให้พี่ไกด์พาขับขึ้นไปตามทางที่มีให้ขึ้นดูค่ะ ตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่าจะไปโผล่ตรงไหนเหมือนกัน แต่ความคาดหวังก็คือ วิวมุมสูง ที่อาจจะเห็นซากนี้หรือเห็นวิวทะเลสวยๆ พี่ไกด์บอก เอ้า ไปก็ไป 555+

ขับมาเรื่อยๆมาถึงจุดที่เหมือนจะให้เดินเท้าขึ้นบันไดไปมีคนลงมาพอดี พี่ไกด์ก็เลยคุยกับเขาเป็นภาษาจีน สรุปก็คือ เป็นจุดชมวิวค่ะ ก็เลยจอดรถแล้วรีบขึ้นบันไดไปดูกัน



4. จุดชมวิวที่ Changren Park

พอขึ้นมาถึง ถึงกับร้อง ว้าวววววววว!!! Mission complete
มีจุดชมวิวสวยๆตามความคาดหวัง!
หาข้อมูลใน Google ดู เหมือนบริเวณชมวิวนี้อยู่ใน Changren Park ค่ะ
GPS : https://goo.gl/maps/n8pose3Kyh7SRyx88

สีน้ำทะเลก็ส๊วยสวยยยย... ถ่ายรูปวนไปค่ะ

เอาล่ะ มาถึงตรงนี้อย่าเพิ่งเหนื่อยกันนะคะ
เพราะต่อไปเราจะค่อยๆเป็นการเริ่มตระเวนกินกันแล้ววว ***ตาลุกวาวววว***
ที่ต่อไป ไม่มาไม่ได้ นั่นก็คือ.......



5. จิ่วเฟิ่น (Jiufen Old Street, 九份)

เป็นถนนท่องเที่ยวหลักอยู่ที่ย่านเมืองเก่า โดยสองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านค้าท้องถิ่นในบรรยากาศบ้านเรือนและอาคารเก่าๆ เช่น โรงน้ำชาร้านขายของที่ระลึก ร้านขายขนมและอาหารต่างๆ มีการประดับโคมไฟสีแดงอยู่ที่ด้านบนถนนที่เป็นทางลาดชันและขั้นบันได มีโรงน้ำชาที่เป็นอาคารไม้ตั้งเรียงรายกันเป็นลักษณะชั้นๆขั้นบันได ซึ่งโรงน้ำชาเหล่านี้ เป็นแรงบันดาลใจให้กับภาพยนตร์ Animation เรื่องดังจากค่าย Studio Ghibli เรื่อง Spirited Away

ถ้าพูดถึงประวัติความเป็นมาคร่าวๆก็คือ ในอดีตจิ่วเฟิ่นเป็นชุมชนคนทำเหมืองทอง ในช่วงนั้น ที่นี่รุ่งเรืองมาก มีชุมชนใหญ่ มีโรงเรียน ผู้คนมากมายมุ่งมาที่นี่เพื่อทำมาหากิน มีสถาปัตยกรรมสไตล์จีนโบราณที่มีเอกลักษณ์ต่อมาเมื่อไม่มีการทำเหมืองทองแล้ว ผู้คนก็ค่อยๆ ย้ายออกไป ชุนชนแห่งนี้เริ่มถูกทิ้งร้าง จนหลายปีต่อมาทางรัฐบาลก็เข้ามาพัฒนาเมืองนี้ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว จิ่วเฟิ่นจึงได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง กลายเป็นสวรรค์ของนักกินและนักท่องเที่ยวจนมาถึงปัจจุบัน

GPS : https://goo.gl/maps/6td1cDndCj4F3kuB8
Open : เปิดทุกวันเวลาประมาณ 11:00-20:00
เส้นทางการเดินที่ไกด์แนะนำเราตาม gps นี้ค่ะ https://goo.gl/maps/uwCU54BRuvP5uGyZ9

ได้เวลาตะลุยกินกันแล้ว ร้านแรกที่แวะคือร้านนี้ค่ะ

ร้าน 阿婆魚羹

GPS : https://goo.gl/maps/BUHThY8QVxr48Vs77

เป็นคล้ายๆร้านขายก๋วยเตี๋ยว มีเมนูน้ำซุปที่มีลูกชิ้นลูกใหญ่ๆ และมีข้าวหน้าหมูพะโล้ นอกจากเมนูที่เราสั่งมาตามภาพ ก็ยังมีเมนูอื่นๆอีกนะคะ ไม่ได้ถ่ายรูปเมนูมา ร้านนี้รอคิวไม่นานมากประมาณ 5 นาทีก็ได้โต๊ะ

++++++ รสชาติอาหาร ++++++

  • น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวกับลูกชิ้นกลมๆ (น่าจะเป็นลูกชิ้นหมู): น้ำซุปอร่อยดี แต่รู้สึกไม่นัวเหมือนน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวบ้านเรา 555+ลูกชิ้นอร่อยเลยค่ะ เราชอบลูกสีเหลืองๆที่สุด กัดออกมาจะมีน้ำซุปอยู่ในลูกชิ้นด้วย
  • น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวกับลูกปลา : น้ำซุปเหมือนกันต่างแค่ลูกชิ้น ตัวลูกชิ้นปลาก็อร่อยดีค่ะ แต่ก็ไม่ได้ว้าวขนาดนั้น หรือเพราะเคยกินแถวบ้านเรามันอร่อยกว่า > <’’ ถ้าเพื่อนๆไปก็ลองสั่งมาดูค่ะ เคยหาอ่านรีวิวบางคนก็ชอบ
  • ข้าวหน้าหมูพะโล้ : อันนี้ดี เราชอบมาก รสชาติเหมือนหมูพะโล้แต่จะมีผักเข้ามาคลุกด้วย เสียอย่างเดียว ให้น้อยไปนิด 555+


  • จากนั้นก็เดินตระเวนกินตามทางเรื่อยๆ อย่างในรูปแรกจะเป็น ไส้กรอกไต้หวันย่าง เป็นไส้กรอกสูตรพิเศษที่รสชาติไม่เหมือนไส้กรอกบ้านเรา มีลักษณะคล้ายกุนเชียงเพราะเป็นชิ้นยาวๆ ผิวมันๆ แต่จริงๆ แล้วเป็นไส้กรอกเนื้อหมูที่นำไปย่าง
  • ต่อมาเป็นสตรอเบอร์รี่เคลือบน้ำตาลค่ะ จะกรอบๆน้ำตาลด้านนอก พอกัดถึงเนื้อสตอเบอร์รี่ก็หวานฉ่ำ อร่อยดี เข้ากันมากๆ อันนี้มีขายอยู่ทั่วไปนะคะ เห็นใน Ximending ก็มีค่ะ
  • และอีกอันเป็นร้านของทะเลทอดพร้อมทาน จะมีปลาหมึกปู หอยเซล นำมาชุปเกร็ดขนมปังทอด และจะมีผงปรุงรสให้โรยเองตามชอบ ที่แวะเพราะเจอคนที่คอยเรียกให้ลูกค้าชิมชักชวนค่ะ เขาพูดไทยว่า “อร่อยมากๆ” 555+อันนี้ก็กินเพลินๆนะคะ แต่ราคาแอบแรงไปนิด ส่วนผงๆโรยหน้าคล้ายๆเครื่องเทศที่มีกลิ่นเหมือน Cinnamon ซึ่งเราไม่ค่อยชอบเท่าไร

  • อีกอันที่ฮิตมากก็คือ ไอติมถั่วม้วน เป็นเมนูชื่อดังของจิ่วเฟิ่นที่ใครๆ ก็ต้องมาลอง ตัวแป้งด้านนอกเป็นแป้งคล้ายโรตีสายไหม ใส่ถั่วตัดที่ขูดออกมาใหม่ๆ ตักไอติมใส่ และโรยด้วยผักชี จากนั้นจะม้วนเป็นก้อนกลมๆแล้วตัดแบ่งเป็น 2 ชิ้น กินแล้วอร่อยเข้ากันมากๆ แป้งนุ่มรสชาติไม่หวานมาก กำลังดี ใครไปต้องลองนะคะ

เมื่อเดินมาถึงตรงนี้จะเป็นบันไดเดินลง พร้อมกับประดับโคมแดงไปตามทาง ระหว่างทางลง โรงน้ำชาร้านดัง “A MEI TEA HOUSE" จะอยู่ขวามือค่ะ

GPS ร้านน้ำชา A MEI TEA HOUSE : https://goo.gl/maps/xTWZjXsY2F7yasnX6




ร้านนี้เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้กับหนังเรื่อง Spirited Away

แต่เราไม่ได้แวะเข้าไปนะคะ เราจะพาไปถ่ายรูปมุมที่ถ่ายเข้ามาเห็นร้านนี้แทนค่ะ


โรงน้ำชาอยู่ทางขวา ส่วนจุดถ่ายรูปนี้จะอยู่ฝั่งซ้ายค่ะ หลังจากที่เดินลงมาเรื่อยๆจะเจอทางแยกไปทางซ้าย และจะมีบันไดขึ้นไปร้านอีกร้านนึง

ลองดู Street view ทางแยกซ้ายใน google ตามนี้นะคะ https://www.google.com/maps/@25.1084993,121.8436156,3a,75y,277.8h,83.15t/am=t/data=!3m6!1e1!3m4!1s-BR4LW0PPOdUbhwfcPRm3Q!2e0!7i13312!8i6656

หากด้านบนคนเยอะจะถ่ายรูปอยู่ด้านล่างก็สวยไม่แพ้กันค่ะ
จากนั้นก็เดินกลับไปที่จุดจอดรถ ต่อไปเราจะไปเที่ยวต่อที่ Shifen Old Street



6. Shifen Old Street 十分老街 (อ่านว่า ฉือเฟิ่น)

หมู่บ้านฉือเฟิ่นเป็นหมู่บ้านเล็กๆ เป็นหมู่บ้านโบราณที่มีทางรถไฟผ่านกลางหมู่บ้าน เนื่องจากในอดีตเคยเป็นปลายทางของรถไฟที่ใช้ขนถ่านหิน เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปทางการไต้หวันก็ได้เข้ามาพัฒนาหมู่บ้านให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว

กิจกรรมเด่นๆของที่นี่คือการปล่อยโคมลอย เดินชิมของอร่อยๆและยังมีร้านขายของฝากตลอดสองข้างทาง การปล่อยโคมลอยนั้น เราสามารถแจ้งกับที่ร้านข้างทางรถไฟได้เลยค่ะ มีบริการปล่อยโคมแทบทุกร้าน

เราถามกับพี่ไกด์ที่พาไปว่า การปล่อยโคมจะเกิดขยะให้กับชุมชนหรือเปล่า ไกด์บอกว่า เขาจะมีการจ้างคนให้คอยเก็บค่ะ เป็นอาชีพเลย เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวล เราก็เลยคิดซะว่ามาเที่ยว ก็ทำตามวัฒนธรรมในพื้นที่ไป ไม่อยากคิดมาก ^^”

GPS : https://goo.gl/maps/Q6qH8CMqqqWTLLTz9

ในร้านที่ขายโคมก็จะมีขายของที่ระลึกหลากหลายแบบด้วยค่ะ


เมื่อเราแจ้งกับคนขายแล้ว เขาจะเอาป้ายรายการมาให้เลือกว่าเราต้องการโคมสีอะไรมีทั้งแบบ 1 สี ราคา 150 NT และแบบ 4 สี (ด้านละสี) ราคา 200 NT

เลือกโคมได้แล้ว ก็ลงมือเขียนขอพรกันได้เลยค่ะ จะมีเจ้าหน้าที่คอยจัดการขึงให้ เราแค่รอเขียนแต่ละด้านเท่านั้น เขียนเสร็จครบสี่ด้าน เจ้าหน้าที่จะถ่ายรูปให้เรา เขาจะพูดภาษาไทยกับเราให้เราทำท่าแบบไหนเวลาถ่ายรูป 555+ มีหลากหลายท่ามาก ถ่ายรูปไปก็ขำไปค่ะ แต่รูปที่ได้สวยมากค่ะ คงเพราะทำเป็นอาชีพก็เลยรู้มุม

ถ่ายรูปเสร็จแล้ว ปล่อยโคมกันเลย

บางครั้งถ้ารถไฟมา จะต้องรีบหลบให้ไวเลยนะคะ
อารมณ์เหมือนตลาดร่มหุบ หรือ ตลาดแม่กลองบ้านเรา 555+

ปล่อยโคมแล้วไปเลือกหาของที่ระลึกกันค่ะ หากไปเองเราคงเลือกไม่ถูกเนื่องจากอ่านภาษาจีนไม่ออก ใช้ google แปลก็ค่อนข้างลำบาก แต่ครั้งนี้เรามีพี่ไกด์คอยช่วยเลือกให้ค่ะ อยากได้คำอวยพรด้านไหน พี่เขาก็อธิบายให้เราเลือก สบายเลยค่ะ

จากนั้นเราเดินเลียบทางรถไฟมาเรื่อยๆจะเจอกับร้านขายปีกไก่ยัดไส้ข้าว ร้านอยู่ใกล้กับตรงสถานีรถไฟค่ะ กิน 1 ปีก อิ่มและอร่อยดีค่ะ จากนั้นก็ได้เวลากลับไทเปกันค่ะ

เราให้พี่ไกด์มาส่งที่ Raohe Night Market ซึ่งเป็นเวลา 6 โมง เย็นพอดี ครบ 8 ชั่วโมง ตามที่คุยกันไว้ ก็ทำการร่ำราและขอบคุณ เราชอบนะคะประทับใจบริการ พี่ตี๋คอยอธิบายสถานที่ต่างๆ ให้ฟังตลอดทาง



7. Raohe Night Market (饒河街觀光夜市)



GPS : https://goo.gl/maps/5pxud7HChM22dCQq8
Open : 16:00-00:00

ตลาดกลางคืนชื่อดังของไต้หวัน เป็นแหล่งรวมของกินอร่อยๆ และร้านค้ามากมาย ระยะทางตลาดประมาณ 600 เมตร

เริ่มตั้งแต่เข้าตลาดมา ก็จะเจอซาลาเปาอบโอ่งที่ได้รางวัล Bib Gourmand (บิบ กูร์มองด์) จาก Michelin ดักอยู่ปากทางเลยค่ะ สังเกตง่ายๆจะมีคนต่อคิวยาววววว..เหยียด เราไปลองต่อคิวซื้อมา 1 อัน รสชาติไส้หมูข้างในอร่อยเลยค่ะ ตัวแป้งซาลาเปาจะคล้ายๆขนมปังแต่ไม่ได้นุ่มๆ นะคะ

มีร้านมากมายเลือกกินแทบไม่ถูก อยากลองกินไปหมดเลยล่ะค่ะ

และนี่คือรูปส่วนหนึ่งที่เราซื้อมาลอง

  • ที่นี่มีชานมไข่มุกยี่ห้อ XING FU TANG ด้วยนะคะ ยี่ห้อดังที่คิวต่อแถวที่ Ximending ยาวเหยียดดด
  • รูปถัดมาข้างล่างเป็นวุ้นผลไม้เย็นๆวุ้นมีรสชาติหวานกำลังดี ผลไม้สดหวานอร่อย กินแล้วสดชื่นดีค่ะ
  • และยังมีขนมโมจิไส้งาคลุกถั่ว , ซี่โครงหมูทอดปรุงรส , เสี่ยวหลงเปาแบบทอด


8. Rainbow Bridge

GPS : https://goo.gl/maps/EzFDT3eZe8QWiLo69

นอกจากนี้ แถวตลาดยังมีสะพานสายรุ้ง (Rainbow Bridge) ที่อยู่ริมแม่น้ำ เดินเลี้ยวออกมานิดเดียวก็เจอค่ะ สามารถซื้อของกินจากตลาดมานั่งกินพร้อมกับรับลมชมวิว ฟังเพลงจากกลุ่มนักดนตรีเปิดหมวก บรรยากาศดีมากๆเลยค่ะ

อิ่มหนำสำราญแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 3 ทุ่ม เรายังไม่กลับกันค่ะ เพราะเราจะไปแหล่งช็อปเสื้อผ้าแหล่งใหญ่กันต่อ แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วววว



9. Wufenpu (อู่เฟินผู่ / 五分埔) หรือประตูน้ำไทเป

อู่เฟินผู่เป็นแหล่งขายเสื้อผ้าราคาปลีกและส่งขนาดใหญ่ คล้ายๆประตูน้ำบ้านเรา ราคาถูกถ้าเทียบกับคุณภาพที่ได้ หรือคุณภาพเหมาะสมกับราคา เราตื่นเต้นกับที่นี่มากๆ เพราะบางร้านขาย 100-200 นี่คือเนื้อผ้าดีมากกก ถ้าบ้านเราคงจะ 4-500

GPS : https://goo.gl/maps/Z9mUqcBYgRCBBpTQA

เกือบจะทุกร้านที่จะมีราวเล็กๆ แล้วเขียนว่า SALE, 100 ,200 ตั้งอยู่หน้าร้าน ซึ่งตรงนี้แหละที่เราฟิน แวะทุกร้านจ้า คิดว่าน่าจะเป็นเสื้อผ้าที่ขายออกยาก หรืออาจจะมีตำหนินิดหน่อย แต่คุณภาพเทียบกับราคาคือเราโอเคมาก ตัวที่ได้มาคือเสื้อกันหนาวบุขนด้านในนุ่มๆเลย ตัวละ 100 เท่านั้น!

สาวๆอย่าลืมแวะมากันนะคะ รับรองถูกใจแน่นอน

อ้อ! มีร้านเสื้อผ้าของผู้ชายด้วยนะคะเยอะไม่แพ้กัน

ใช้เวลาที่นี่ประมาณ 2 ชั่วโมงก็กลับที่พัก เหนื่อยแต่สนุกมากๆ
วันนี้เที่ยวแบบจัดเต็มมากค่ะตั้งแต่เช้า ทั้งไหว้พระ ขอพร ปีนเขา ปล่อยโคม กินแหลก ช็อปปิ้งคือครบมากกกก และสนุกมากกกกกก

หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นแนวทางให้เพื่อนๆ วางแพลนไปเที่ยวไต้หวันใน 1 วันได้อย่างสนุกสนานครบรสนะคะ ^^

ขอบคุณที่ติดตามจ้า :)


ติดตามเราในช่องทางเพิ่มเติมได้ที่เพจ

https://www.facebook.com/Goholic.TravelAddict

ความคิดเห็น